บทที่ 547 ชัยชนะ
“เตรียมถอย!”
การต้องเผชิญหน้ากับปักษาอัสนีสีทองจำนวนมืดฟ้ามัวดินกับสายอัสนีบาตที่โจมตีลงมานับไม่ถ้วน ทำให้ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นจนปัญญาจะสงบนิ่งอีก
‘เขตนทีมรกต’ ที่คุ้มกันกองกำลังของสำนักทั้งสามตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต และอาจจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นจะมีพลังที่แข็งแกร่ง แล้วยังมีอาวุธชั้นพิภพที่ไม่สมบูรณ์ ทว่าการต้องเผชิญหน้ากับกลยุทธ์ ‘เน้นกำลังพล’ โดยอาศัยพลังของปักษาอัสนีเป็นพันตัวที่นำโดยสัตว์อสูรในขั้นผู้สูงศักดิ์ กำลังของนางคนเดียวก็นับว่ามีขีดจำกัด
ยิ่งไปกว่านั้นยังมี ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ ของจ้าวหอโครงกระดูกซึ่งค่อยๆ ทะลวงลงไปยัง ‘เขตนทีมรกต’ พลังคำสาปแทรกซึมเข้าไปภายในร่างของยอดฝีมือจากสามสำนักแล้ว
“เหอะเหอะ คิดหนีงั้นรึ? ไหนเลยจะง่ายแบบนั้น?” เนตรสวรรค์ที่อยู่เหนือเมฆกวาดสายตามองเบื้องล่างด้วยแววตาเยือกเย็น
จ้าวเฟิงควบคุม ‘ราชา’ ของสัตว์อสูรขนาดใหญ่ทั้งหลายเพี่อให้ส่งผลกับฝูงสัตว์ทั้งฝูง แต่จุดหลักของเขาแน่นอนว่าต้องเป็นฝูงของปักษาอัสนี
พั่บ พั่บ พั่บ…
ปักษาอัสนีจำนวนนับพันนั้นบินวนอยู่บนฟ้าในรัศมีกว่าห้าหกลี้ แล้วจึงกระตุ้นพลังอัสนีโจมตีไปยัง ‘เขตนทีมรกต’ จากระยะไกลๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
สายอัสนีบาตของราชาปักษาอัสนีปีกทองมีพลังโจมตีอันแสนรุนแรง ทุกครั้งที่มันโจมตีจะทำให้เขตนทีมรกตสั่นสะเทือนทุกครั้งไป
นี่เป็นเพราะผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นยังมีพลังแข็งแกร่งและมีเศษเสี้ยวอาวุธชั้นพิภพอย่าง ‘หยดนทีมรกต’ มิฉะนั้นคงไม่อาจทนมาได้ยาวนานขนาดนี้
“เหยียนหยู! เจ้าจงนำกำลังคนฝ่าวงล้อมออกไป ข้าจะคุ้มกันเจ้าเอง!” มือขาวสะอาดของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นกวาดออกก็ปรากฏกำแพงน้ำสีฟ้าคราม
วิ้ง!
‘หยดนทีมรกต’ เบื้องหน้านางระเบิดสายน้ำทะลักออกมาเป็นชั้นๆ แล้วจึงกวาดล้างทำลายในรัศมีหลายลี้
วินาทีนั้น ภายในรัศมีที่โดนม่านน้ำสีฟ้านั้นปกคลุมประหนึ่งเป็นมหาสมุทรลึกล้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจภายใต้แรงดันมหาศาล
ตูม~
‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป’ โดนทะลวงโจมตีก่อน หมอกควันสีเทาทะมึนกระจายหายไปกว่าครึ่ง เปลวไฟเริ่มจางลง พลังก็ยังคงลดลงเรื่อยๆ
ผลัวะ ผลัวะ! ตูม…
ฝูงปักษาอัสนีในอากาศและสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งเลือดทั้งเนื้อกระจาย แหลกละเอียดกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเต็มไปหมด
พลังมหาศาลที่กวาดล้างทุกอย่างจนราบคาบทำให้รอยโหว่ในบริเวณใกล้เคียงสั่นไหวไม่มั่นคง “เมื่อเศษเสี้ยวอาวุธขั้นพิภพอยู่ในมือของผู้สูงศักดิ์ กลับระเบิดพลังออกมาได้น่ากลัวเช่นนี้เชียว”
เนตรสวรรค์ที่อยู่บนอากาศคล้ายจะหวั่นเกรงน้อยๆ
การโจมตีของสุ่ยอวิ้นเมื่อครู่มากพอจะทำลายทั้งสำนักจันทร์สลาย ยากนักที่จะเหลือผู้รอดชีวิต
เพียงกระบวนท่าเดียวทำลายทั้งสำนักได้ พลังในระดับนี้ใช่ความสามารถของมนุษย์หรือ?
หอคอยพฤกษาปีศาจที่อยู่ไม่ไกลร้องโหยหวนอย่างทรมานเมื่อถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง
ส่วนปักษาอัสนีกลางเวหา เกรงว่าต่อให้จ้าวเฟิงจงใจให้พวกมันรักษาระยะห่าง ก็ยังเกิดการสูญเสียนับหมื่นนับพันอยู่ดี
ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นกระตุ้นพลังการโจมตีเมื่อครู่ สีหน้านางซีดเผือด แล้วจึงขึ้นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง
ทว่าเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้นางไม่อาจหยุดพักได้
“ตายซะ!”
กำแพงน้ำสีฟ้าที่ล้อมรอบตัวผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นปลดปล่อยพลังสังหารสัตว์อสูรในรัศมีครึ่งลี้ แล้วยังพุ่งไปสังหาร ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ ที่อยู่กลางอากาศด้วย!
เป้าหมายอยู่ที่ราชาสัตว์อสูร!
“อยากสู้ก็เอาสิ!” จ้าวเฟิงใช้พลังทั้งหมดควบคุม ‘ราชาปักษาอัสนี’ ให้ปล่อยพลังสายฟ้าและสู้พัวพันอยู่กับผู้อาวโสสุ่ยอวิ้นบนท้องฟ้า
“สังหาร!” ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักนำโดยเย่เหยียนหยูฝืนฝ่าวงล้อมออกไป
ดีที่ในวินาทีนี้พลังจิตวิญญาณส่วนมากของจ้าวเฟิงใช้ไปกับการควบคุม ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ เพื่อสู้รบตบมือกับผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น
กลางอากาศ
ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นและราชาปักษาปีกทองสู้รบกันจนพื้นดินสะเทือนเลือนลั่น คลื่นพลังรุนแรงที่เกิดจากการปะทะกันกระจายไปไกลกว่าสิบลี้
เนื่องจากรอยโหว่ของมิติอ่อนแอ จ้าวเฟิงจึงย้ายสนามรบออกจากบริเวณหุบเขาลี้ลับเพื่อหลีกเลี่ยงการขยายใหญ่ของรอยร้าว
ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นก็ได้แต่เพียงโดนจูงจมูกไปเท่านั้น
ถ้าหากว่านางไม่หยุด ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ กับฝูงวิหคอัสนีทั้งฝูงไว้ กองกำลังคนอื่นก็ยากที่จะฝ่าออกไปได้
“สตรีนางนี้พลังประหลาดจริงๆ”
เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำไหวๆ ให้ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปดูดซึมเลือดเนื้อของเหล่าสัตว์อสูรจำนวนมาก เมื่อเกิดเป็นหมอกควันที่หนาแน่นขึ้น จึงโจมตีผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นจากเบื้องล่าง
พูดง่ายๆ เลยคือ ภายในระยะเวลาอันสั้น ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นต้องรับมือกับสิ่งมีชีวิตที่มีพลังรบเทียบเท่าผู้สูงศักดิ์สองคนกับฝูงสัตว์อสูรอีกนับพันสองพันตัว
ยอดเขาเทียมฟ้า
ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักในโลกภายนอกแต่ละคนแทบหยุดหายใจ
การรบตรงหน้าช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ขนาดผู้แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นยังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
“เจ้าหอโครงกระดูก เจ้าไปตามฆ่าคนอื่นที่เหลือ” เสียงของจ้าวเฟิงดังขึ้น
“ได้” เจ้าหอโครงกระดูกเก็บค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป กลายร่างเป็นหมอกควันที่เลือนราง แล้วพุ่งตรงไปยังสังหารเย่เหยียนหยูและยอดฝีมือของทั้งสามสำนัก
จ้าวเฟิงแบ่งพลังส่วนหนึ่งของเขาไปควบคุมเหล่าสัตว์อสูรเพื่อให้ขัดขวางการหลบหนีเย่เหยียนหยูและคนอื่นๆ
“เจ้าเด็กหน้าไม่อาย!” ใบหน้าของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นยามเหลือบมองไปยังเนตรสวรรค์ที่อยู่บนท้องฟ้า
เพื่อคุ้มกันเส้นทางการหลบหนีของกำลังพล นางกระตุ้นพลังเศษเสี้ยวอาวุธชั้นพิภพและใช้วิชาในบริเวณกว้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงทำให้พลังสูญสลายไปมาก
ในตอนนั้น ทุกเวลาทุกวินาทีที่ตกอยู่ในวงล้อมของสัตว์อสูร ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นใช้ไอสวรรค์ไปเป็นจำนวนมาก ด้วยจ้าวเฟิงควบคุมให้ ‘ราชาปักษา’ คอยโจมตีนางอย่างไม่กลัวตาย แล้วยังสั่งให้เจ้าหอโครงกระดูกไล่ล่าปลิดชีพกองกำลังคนอื่นด้วย
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนจากไกลๆ ดังขึ้น
ในกองกำลังกลุ่มเล็กนั้นในที่สุดก็มีผู้ล้มตายเป็นคนแรก ซ้ำยังเป็นคนในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดเสียด้วย
ถึงแม้ว่ายอดฝีมือที่ถูกกำจัดไปจะเป็นถึงนายเหนือแท้ พลังรบแข็งแกร่งกว่าชายผมแดงเถี่ยหมัวเสียอีก แต่กลับต้องมาตายอย่างอนาถเช่นนี้
“พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ…”
เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงสีดำ สะบัดแส้กระดูกสีทองเงินเพื่อลงมือสังหารคนของทั้งสามสำนัก
พลังคำสาปของค่ายกลหุ่นเชิดศพก่อนหน้านี้เข้าไปกัดกร่อนคนเหล่านี้แล้ว ส่งผลให้วิญญาณกับเลือดลมพวกเขาถดถอย ภายในร่างจึงมีบาดแผลหลงเหลืออยู่
ในวินาทีนี้ เมื่อเจ้าหอโครงกระดูกและฝูงวิหคอัสนีบนท้องฟ้าร่วมมือกันไล่ล่าสังหารจึงได้เปรียบเป็นอย่างมาก
“จิตวิญญาณเทพวารี!” ใบหน้าซีดขาวของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นปรากฏแววเย็นชา
วิ้ง วิ้ง~
ทั่วร่างของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นปรากฏกำแพงคลื่นน้ำสีน้ำเงินทับซ้อนกันไปมา
สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ร่างของนางประหนึ่งว่าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกำแพงน้ำสีฟ้า นางหมือนของเหลวไหวกระเพื่อมเป็นระลอกม่านน้ำอยู่กลางอากาศ
เพียะ เพียะ แซ่ด!
แสงอัสนีบาตสีทองเต็มฟ้านั้นฟาดลงบนร่างของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น แต่ไม่ส่งผลอะไรเลยราวกับฟาดลงบน ‘สายน้ำไร้รูปร่าง’ เท่านั้น
“นี่มันวิชาอะไรกัน!”
จ้าวเฟิงราวถูกโจมตีที่กลางใจอย่างแรง ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นในตอนนี้ราวกับหลอมละลายเป็นของเหลวแล้วรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกำแพงม่านน้ำ โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เลยว่านางใช้เคล็ดวิชาใด
แซ่ด วิ้ง!
ไม่เพียงเท่านั้น กำแพงน้ำทั่วร่างของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นพลันระเบิดออกกว้างหนึ่งหรือสองจั้ง ทุกๆ กระบวนท่าของนางสามารถพลิกดินพลิกฟ้าได้ดุจเป็นเทพเซียนแห่งจิตวิญญาณวารี
ในสภาวะเช่นนี้ พลังป้องกันของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า แล้วพลังรบก็เพิ่มขึ้นเท่าหนึ่งด้วย
โครม ตูม เปรี้ยง!
ม่านวารีสีฟ้าราวสายน้ำหลากหมุนวนสาดซัดเป็นระยะทางกว่าสิบกว่าลี้ โดยมีผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเป็นจุดศูนย์กลาง
ไม่นานจากนั้น ฝูงปักษาอัสนีที่อยู่ในระยะใกล้ๆ ก็ร่วงหล่นตายไปเป็นร้อยแทบทุกวินาที
ราชาปักษาอัสนีปีกทองที่โดนโจมตีร้องโหยหวน นี่เป็นเพราะจ้าวเฟิงใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของพวกมันบุกเข้าโจมตี
“พวกสัตว์เดรัจฉาน ยังไม่ยอมตายอีก!” ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นประหนึ่งเทพเซียนแห่งสายวารี นางปลดปล่อยคลื่นน้ำจำนวนมหาศาล เกิดเป็นพลังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
แล้วไม่กี่ลมหายใจจากนั้น เสียงร้องโหยหวนของ ‘ราชาปักษาอัสนีปีกทอง’ จึงดังขึ้นเมื่อโดนสังหารโดยผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น
ในเวลาดังกล่าว ฝูงปักษาอัสนีที่อยู่บริเวณรอบๆ บาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง หลังจากที่ ‘ราชันอสูร’ ตายไป ฝูงสัตว์ที่ขาดผู้นำจึงหนีกระจายไปคนละทิศคนละทาง
ฟู่~
ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นถอนหายใจโล่งอก ร่างกายแบบบางดุจวารีค่อยๆ กลับมามีรูปร่างทีละน้อย
เมื่อร่างกายกลับสู่สภาวะปกติแล้ว สีหน้าของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นซีดเผือดราวกระดาษ จิตวิญญาณก็อ่อนแรงลงด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าการใช้วิชา ‘จิตวิญญาณเทพวารี’ ถึงแม้จะได้พลังป้องกันที่ไร้เทียมทาน แต่ทว่าค่าตอบแทนที่ต้องจ่ายมากมายเอาการอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้พลังของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นก็สูญสลายไปไม่น้อยแล้ว
“เพลิงอัสนีวายุเทพเจ้า!” เนตรสวรรค์ที่อยู่กลางอากาศปล่อยลำแสงสีม่วงจางออกมา
บึ้ม ตูม!
เปลวเพลิงวายุอัสนีสีม่วงคล้ายมังกรกึ่งโปร่งแสงปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้างวิญญาณ แล้วพุ่งตรงไปที่ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นที่มีสีหน้าอิดโรยและเพิ่งกลับสู่สภาวะเดิม
“แย่แล้ว!”
ณ โลกภายนอก ยอดฝีมือของทั้งสามสำนักร้องอุทานอื้ออึง
ในภาพเงา เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้ากลืนกินผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นไปในพริบตา
สวบ!
ร่างกายของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นร่วงจากบนฟ้าลงสู่ภูเขา เสียงสายฟ้าร้องดังกระหึ่ม เพลิงวายุอัสนีสีม่วงหมุนวนอยู่บนพื้นดินกลายเป็นหลุมดำขนาดกว่าร้อยจั้ง
เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้าในครั้งนี้เป็นที่สุดในประวัติศาสตร์ของจ้าวเฟิง!
“เนตรเทพเจ้านี้เกรงว่าจะเป็นพลังที่สังหารผู้สูงศักดิ์ธรรมดาได้” เจ้าหอโครงกระดูกที่มองอยู่ไกลๆ ใจพลันกระตุกอย่างแรง
ในวินาทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นพวกของเย่เหยียนหยูที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดหรือบรรดาผู้ชมที่เป็นยอดฝีมือของทั้งสามสำนัก ก็ล้วนแต่ตกอยู่ในสภาวะเงียบงัน
“ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้น…” เย่เหยียนหยูและคนอื่นใจสั่นระรัวยามมองไปยังบริเวณหลุมดำขนาดใหญ่นั้น
ผลัวะ~
ภายในหลุมดำมีระลอกน้ำสีฟ้ามรกตปรากฏขึ้น ทันใดนั้น เงาอ้อนแอ้นที่มีรอยไหม้ทั่วร่าง ในมือมีหยดนทีสีฟ้า ก็ทะยานออกมาจากภายในหลุมดำ
“ผู้นั้น…” คนของทั้งสองฝั่งล้วนแต่ตื่นตระหนก
เรือนร่างที่ปกคลุมไปด้วยควันสีดำ เสื้อผ้าขาดวิ่นเห็นผิวเนื้อไหม้ดำนั่น เป็นผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นผู้สง่างามงั้นหรือ?
“ถอน…ถอนกำลัง!”
ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นเอ่ยคำนี้อย่างตะกุกตะกัก ทั่วร่างของนางปรากฏระลอกน้ำสีเขียวมรกต บาดแผลไฟไหม้ทั่วร่างเริ่มฟื้นฟูขึ้นจนมองเห็นรอยเลือดและบาดแผลบางส่วน
เวลาผ่านไปสักครู่ ผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นซึ่งมีสีหน้าอิดโรยเร่งรุดตามพวกเย่เหยียนหยูไป พลังของนางค่อยๆ ฟื้นฟูเกินกว่าครึ่งแล้ว แต่ว่าสีหน้ายังดูไม่สู้ดีนัก
“หาที่ปลอดภัยหลบภายในมิติก่อน”
ร่างกายของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นปวกเปียกอ่อนแรง แต่กลับพยายามรวบรวมพลังขึ้นอีกรอบ จากนั้นจึงวาดมือเรียกคลื่นน้ำเรืองรองสีฟ้าออกมารักษาบาดแผลให้กับคนอื่นในกองทัพ
ขณะนี้กองทัพที่นำโดยผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นล้มหายตายจากไปเกือบครึ่ง
จ้าวเฟิงใช้เนตรสวรรค์ควบคุมเหล่าสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้เคียงให้ร่วมมือกับเจ้าหอโครงกระดูกตามไล่สังหารคนเหล่านั้น
“หึหึ…สตรีน่ารังเกียจ รอข้าจับเจ้าให้ได้ก่อนเถอะ จะต้องให้พวกเจ้าได้ลิ้มรสความอับอายแน่” เจ้าหอโครงกระดูกได้ใจจึงยิ่งรุกคืบเข้าไปอีก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ กองกำลังนี้ของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นอาจจะพินาศย่อยยับไปเช่นนี้ก็เป็นได้
เนื่องจากไอสวรรค์ของผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นสูญสลาย ร่ายกายและจิตวิญญาณบาดเจ็บอย่างรุนแรง พลังรบจึงลดลงจนถึงจุดตกต่ำ
แล้วในเวลานี้เอง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในชั้นของวิญญาณ “เจ้าหอโครงกระดูก พอแค่นี้เถอะ”
พรึ่บ!
‘เนตรสวรรค์’ ที่ลอยอยู่บนอากาศหายไปในพริบตา
“จ้าวเฟิง! ชัยชนะอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ข้ารอจะสังหารสตรีพวกนั้นอยู่เชียว…”
เจ้าหอโครงกระดูกโอดครวญ เขาโดนผู้อาวุโสสุ่ยอวิ้นจัดการอย่างหมดรูปครั้งก่อน แล้วในตอนนี้ที่กำลังจะได้ล้างแค้นกลับต้องมาหยุดกลางคัน แน่นอนว่าเขาต้องไม่พอใจอย่างยิ่ง แต่ว่า ต่อให้เจ้าหอโครงกระดูกโอดครวญสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งจ้าวเฟิงได้
เขาเข้าใจดีว่าจ้าวเฟิงใช้ดวงตาข้ามระยะทางมองดูพื้นที่ทั้งหมดจากมุมสูง เขาไม่อาจเทียบเคียงความสามารถในการอ่านสถานการณ์ของจ้าวเฟิงได้เลย