บทที่ 568 พาข้าไปด้วย
ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น
บ้านตระกูลโหลวหลาน มีหญิงชายหลายสิบคนแต่งตัวหลากหลายยืนกันอยู่บนสนามหญ้ากว้างใหญ่
คนเหล่านี้พลังฝึกตนไม่ได้ต่ำนัก เพราะทะลวงถึงขั้นนายเหนือแท้ คนบางส่วนในนั้นมีท่าทีองอาจ สีหน้าดูดุร้าย เห็นได้ชัดว่าอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย
“สหายจ้าว จากความต้องการของเจ้า คนเหล่านี้ยินดีจะเป็นลูกเรือของ ‘เรือแห่งทะเลความว่างเปล่า’ พื้นฐานพลังพวกเขาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือของเขาปาฮวง” ผู้นำตระกูลโหลวหลานเอ่ยยิ้มๆ
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ ไม่เสียทีที่ตระกูลโหลวหลานเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเขาปาฮวง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถหาลูกเรือที่มีคุณสมบัติครบมาให้ได้มากมายเช่นนี้
เงื่อนไขด้านพลังของลูกเรือ จ้าวเฟิงต้องการอย่างต่ำที่สุดคือขั้นนายเหนือแท้ระดับต่ำ อายุของลูกเรือไม่ควรมากเกินไป สูงสุดไม่ควรเกินร้อยปี ซึ่งยังพอมีเวลาให้พัฒนาเติบโต
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่ง
จ้าวเฟิงต้องการยืนยันให้แน่ชัดในนิสัยใจคอของลูกเรือทุกคน
นิสัยของลูกเรือที่จ้าวเฟิงต้องแน่ใจก่อนคือ สามารถติดตามเขาด้วยความซื่อสัตย์ ยิ่งชาติกำเนิดธรรมดาเท่าไหร่ ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
ระยะเวลากำหนดไว้ที่ยี่สิบปี!
แน่นอนว่าค่าตอบแทนของจ้าวเฟิงมากมายนัก เขาจะให้ทรัพยากรผลึกเริ่มต้นในทุกปี ซึ่งเป็นหลายเท่าหรือเป็นสิบเท่าของลูกเรือในทะเลความว่างเปล่า
ไม่เพียงเท่านั้น
จ้าวเฟิงยังสัญญาไว้ว่า ขอเพียงแค่ผ่าน ‘ระยะทดลอง’ เป็นเวลาหนึ่งปี กะลาสีเรือทุกคนจะได้รับชิ้นส่วนอาวุธชั้นพิภพ
ค่าตอบแทนที่มากมายขนาดนี้ แม้แต่ผู้นำตระกูลหลานโหลวยังอึ้งจนเอ่ยอันใดไม่ออก
สำหรับตระกูลหลานโหลวแล้ว ชิ้นส่วนอาวุธชั้นพิภพชิ้นหนึ่งล้วนแต่หายากและล้ำค่ามากเหลือเกิน แต่ลูกเรือของจ้าวเฟิง ทันทีที่ถึงเกณฑ์มาตรฐานก็จะได้รับชิ้นส่วนอาวุธชั้นพิภพทุกคน
“นี่เป็นเพียงแค่ค่าตอบแทนในขั้นต้น ยังไม่รวมรางวัลที่จะมอบให้อีก…”
จ้าวเฟิงเอ่ยยิ้มๆ
ทันทีที่เขาเอ่ยประโยคนี้จบ คนที่เข้ามาคัดเลือกรู้สึกลิงโลด แต่ก็มีคนบางส่วนที่ยังคลางแคลงใจ
“ผลตอบแทนเย้ายวนเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าให้พวกเราไปเป็นโจรสลัดในทะเลความว่างเปล่าหรอกนะ?” คนบางส่วนเอ่ยซุบซิบกัน
“เหอะเหอะ ผลตอบแทนมากมายขนาดนี้ ต่อให้ไปเป็น ‘โจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า’ ก็ถือว่าไม่ขาดทุน”
คนจำนวนมากกว่าเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“ข้าเพียงต้องการลูกเรือแปดคน ทั้งหมดเป็นคนดูแลในแนวหลัง สำหรับหน่วยรบ พวกเจ้ายังห่างชั้นอยู่มากนัก”
จ้าวเฟิงเอ่ยถึงตรงๆ อย่างไร้เยื่อใย
เขาเพียงแค่ต้องการคนจำนวนหนึ่งที่จะช่วยเขาควบคุมเรือ เพื่อเดินทางผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกลและทรมานนี้
การเดินทางนี้จะไกลมากเท่าไหร่ จะนานเพียงไร จ้าวเฟิงไม่สามารถคาดเดาได้เลย แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่แน่ใจได้คือ ในการเดินทางที่ยาวนานนี้ จ้าวเฟิงสามารถใช้เวลาส่วนมากฝึกตนและเข้าฌานอยู่บนเรือได้
จากนั้น จ้าวเฟิงจึงเริ่มต้นเลือกลูกเรือแปดคนอย่างเข้มงวด
ผู้นำตระกูลหลานโหลวและหลานโหลวจื๋อสุ่ยมองอย่างสนอกสนใจ
ลูกเรือทั้งแปดของจ้าวเฟิงล้วนแต่สามารถคัดเลือกมาได้อย่างรวดเร็ว
ลูกเรือที่ถูกเลือกดีใจกันยกใหญ่
“ผู้นำตระกูล!” เงาที่อยู่ไกลๆ เร่งรีบโบยบินลงมาอยู่ข้างกายผู้นำตระกูลโหลวหลาน ก่อนนั่งลงคุกเข่าข้างหนึ่ง
“หืม? สมาพันธ์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวง…”
ผู้นำตระกูลโหลวหลานรับเอาป้ายคำสั่งพิเศษมา แล้วจึงได้รับข่าวคราวบางส่วน
เมื่อเห็นข่าวแล้ว ผู้นำตระกูลโหลวหลานเปลี่ยนสีหน้า มองแผ่นหลังของจ้าวเฟิงโดยไม่รู้ตัว
“จื๋อสุ่ย!” ผู้นำตระกูลมองบุตรสาวตาเขียว แล้วลากนางไปที่เงียบๆ
“จ้าวเฟิง? คือคนที่ทั้งสามสำนักพร้อมใจกันประกาศจับ?”
ใบหน้าบอบบางราวกระเบื้องเคลือบของโหลวหลานจื๋อสุ่ยเต็มไปด้วยความตระหนก เรียวคิ้วงามกระตุกน้อยๆ
“ไม่ผิดแน่” ผู้นำตระกูลโหลวหลานถือภาพใบหนึ่งมาด้วย
ชายหนุ่มเรือนผมสีน้ำเงิน โครงกระดูก กับแมวขโมยปรากฏอยู่บนนั้น สีหน้าท่าทางชัดเจนจนไม่ต้องเปรียบเทียบอะไรอีกแล้ว
“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร? เขาจะเกี่ยวข้องกับสามสำนักใหญ่ได้อย่างไร?”
หลานโหลวจื๋อสุ่ยยากจะเชื่อได้ โครงกระดูกและชายหนุ่มผมสีน้ำเงินในภาพกับจ้าวเฟิงที่เพิ่งมาถึงตระกูลโหลวหลานคล้ายคลึงกันมาก
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ เส้นผมและดวงตาของผู้เยาว์เบื้องหน้าล้วนแต่เป็นสีปกติธรรมดา
“จื๋อสุ่ย! ประกาศจับจากสามสำนักใหญ่ ในพันปียากจะเห็นสักครั้ง แล้วรางวัลนำจับที่ประกาศมีมูลค่ามากพอให้ตระกูลโหลวหลานเจริญรุ่งเรือง…”
เสียงของผู้นำตระกูลโหลวหลานยากที่จะควบคุมความตื่นเต้นนั้นได้
สามสำนักใหญ่ที่ดินแดนหมู่เกาะเทียนหลูเป็นขั้วอำนาจสูงส่งเทียมฟ้า อิทธิพลส่งผลครอบคลุมสิบดินแดนหมู่เกาะ ดินแดนเล็กน้อยต่างๆ รวมไปถึงทะเลความว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ไพศาล
เพียงแค่สามารถสังหารจ้าวเฟิง ก็จะเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลโหลวหลานได้!
“จื๋อสุ่ย พ่อจะไปแจ้งผู้อาวุโสสูงสุดและผู้เฒ่าหวงเดี๋ยวนี้ เจ้าคิดหาวิธีรั้งเจ้าหนุ่มนั่นไว้ก่อน!” ผู้นำตระกูลโหลวหลานเอ่ยสำทับ
ก่อนจะจากไป เขามอบหมายงานสำคัญนี้ให้แก่ลูกสาว ก่อนจะสูดหายใจลึก “ชะตากรรมของตระกูลโหลวหลาน บางทีอาจอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าแล้ว”
“แต่ว่า…จ้าวฝานคือผู้มีพระคุณของข้า”
โหลวหลานจื๋อสุ่ยรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ตัดใจทำไม่ลง ใบหน้าดูเจ็บปวดทรมาน
ด้านหนึ่งคือชะตาตระกูลโหลวหลาน อีกด้านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตน
ภายในจิตใจของโหลวหลานจื๋อสุ่ยสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก นางค่อยๆ กลับไปที่ข้างกายของจ้าวเฟิง
“แม่นางโหลวหลาน ข้าได้คัดเลือกลูกเรือทั้งแปดแล้ว เพียงแค่หารองหัวหน้าเรือผู้คอยดูแลก็เรียบร้อย” จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างพึงพอใจ
มีลูกเรือจำนวนแปดคนก็มากพอจะควบคุม ‘เรือหลานเหลย’ ได้โดยไม่ต้องให้จ้าวเฟิงเป็นกังวล
สำหรับการเพิ่มตำแหน่งรองหัวหน้าเรือที่จัดการธุระต่างๆ บนเรือเป็นความคิดของเจ้าหอโครงกระดูก
เจ้าหอโครงกระดูกมีหน้าที่สร้างหุ่นเชิดศพ แล้วตัวเองยังต้องฝึกตน จึงไม่อยากรับตำแหน่งพ่อบ้านช่วยจ้าวเฟิงจัดการเรื่องเล็กเรื่องน้อยอีก
จ้าวเฟิงเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้
ในเวลาดังกล่าว เหล่าลูกเรือเข้าไปภายในเรือหลานเหลยแล้วควบคุมเรือในตำนานนี้เรียบร้อยแล้ว
โหวหลานจื๋อสุ่ยที่อยู่อีกฟากหนึ่งกลับมีท่าทีกระวนกระวายใจ
“แม่นางโหลวหลาน” มือหนักๆ ตบลงบนไหล่บาง เรือนร่างแบบบางสั่นสะท้านเบาๆ เมื่อสบตากับดวงตานิ่งสงบกระจ่างใสคู่นั้นก็รู้สึกว้าวุ่นใจ
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นจ้าวฝานหรือว่าจ้าวเฟิงก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของจื๋อสุ่ย เจ้ารีบออกจาก ‘เขาปาฮวง’ นี่เสียเถิด” โหลวหลานจื๋อสุ่ยกัดฟันแล้วยิ้มขมขื่น
หืม?
สีหน้าจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปมาก หัวใจเต้นระรัว
โหลวหลานจื๋อสุ่ยเอ่ยนามของตนเองถูก เหตุผลต้องมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“ดูแล้วข้าคงจะดูแคลนวิธีการของสามสำนักไปหน่อย” จ้าวเฟิงถอนหายใจยาว
เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงส่งจ้าวเฟิงมายังเขตชายแดนของดินแดนหมู่เกาะเทียนหลู เดิมคิดว่าหากอยู่ไม่นานคงไม่น่าจะโดนจับได้ แต่เห็นได้ชัดเลยว่าสามสำนักยังมีอุบายอื่นที่จะแพร่กระจายข่าวคราวของจ้าวเฟิงไปทั่วละแวกเขาปาฮวง
“หากเจ้ายังไม่ไปจะไม่ทันแล้วนะ”
น้ำเสียงของโหลวหลานจื๋อสุ่ยวิตกและร้อนรน นางยื่นมือมาผลักแขนจ้าวเฟิง
“ได้” จ้าวเฟิงมองโหลวหลานจื๋อสุ่ยด้วยแววตาขอบคุณ
เตรียมตัวออกเดินทาง!
จ้าวเฟิงรีบเร่งสั่งลูกเรือทั้งแปดคนให้ควบคุมเรือในทันที
วูบ ฟู่~
เรือเหล็กสีเทาล่องลอยท่ามกลางหมอกควันแล้วตรงดิ่งแหวกอากาศไป
แต่ในเวลานี้เอง มีเสียงหนึ่งแว่วมาจากที่ไกลๆ
“หลานชาย! เจ้าจะหนีไปไหน…”
เสียงชายชราใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ไอสวรรค์ในฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังน่ายำเกรงของผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดพุ่งทะลวงมาจากชั้นเมฆ
“แย่แล้ว! ผู้อาวุโสสูงสุดตามมาแล้ว” โหลวหลานจื๋อสุ่ยหน้าเปลี่ยนสี
ในวินาทีเดียวกัน อีกหนึ่งกลิ่นอายของขั้นขอบเขตแก่นก่อเนิดที่คุ้นเคยก็ล่องลอยออกมาจากบ้านตระกูลโหลวหลาน
จ้าวเฟิงจำแนกได้เลยว่า กลิ่นอายกลุ่มก้อนนั้นเป็นกลิ่นอายของผู้เฒ่าหวงที่บาดเจ็บก่อนหน้านี้
พรึ่บ!
ร่างของโหลวหลานจื๋อสุ่ยกระโดดลงบนหอสังเกตการณ์ของเรือทะเลความว่างเปล่า มือหนึ่งคว้าแขนจ้าวเฟิงไว้
“แม่นางโหลวหลาน…นี่เจ้า?” กลิ่นกายหอมสดชื่นของสตรีพัดผ่านปลายจมูก
จ้าวเฟิงตื่นตกใจ แขนข้างหนึ่งของเขากำลัง ‘โอบรอบ’ ลำคอขาวยาวระหงของโหลวหลานจื๋อสุ่ย ประคองนางไว้ในอ้อมกอดในทันใด
แต่ทั้งหมดนี้ จ้าวเฟิงล้วนเป็นฝ่าย ‘ถูกกระทำ’ ทั้งสิ้น
“ยังไม่รีบ ‘จับ’ ข้าแล้วหนีออกจากตระกูลโหลวหลานอีก” โหลวหลานจื๋อสุ่ยเอ่ยอย่างกระดากอาย
ในที่สุดจ้าวเฟิงก็เข้าใจ สีหน้าเขาตกตะลึง แทบไม่เชื่อในความกล้าและการตัดสินใจของโหลวหลานจื๋อสุ่ย
“ความจริงเจ้าไม่จำเป็นต้อง…” จ้าวเฟิงส่ายศีรษะน้อยๆ
แต่สำหรับความหวังดีของโหลวหลานจื๋อสุ่ย จ้าวเฟิงก็ยากจะปฏิเสธ
ถ้าหาก ‘การเป็นตัวประกัน’ ของโหลวหลานจื๋อสุ่ย ทำให้ผู้สูงศักดิ์ของตระกูลโหลวหลานทั้งสองไม่กล้าลงมือแล้วล่ะก็ การหลบหนีออกจากที่นี่ของจ้าวเฟิงก็จะราบรื่นขึ้นมากทีเดียว
ถึงอย่างไรการต้องสู้รบตบมือกับผู้สูงศักดิ์สองคนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อีกแล้ว
สวบ สวบ…
แล้วในเวลานี้เอง ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานและผู้สูงศักดิ์แซ่หวงล้วนรุดมาถึงที่เกิดเหตุ
“ปล่อยจื๋อสุ่ยเสีย!” หน้าของผู้สูงศักดิ์แซ่หวงเปลี่ยนสีขณะเอ่ยเสียงต่ำ
“เหอะ! ใครกล้าเข้ามาใกล้ข้าจะสังหารนาง” จ้าวเฟิงโอบรอบลำคอของโหลวหลานจื๋อสุ่ย ฝ่ายหลังใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้เป็นเพราะว่าหายใจไม่สะดวกหรือเพราะสภาพร่างกาย
“ยั้งมือก่อน!” ผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆ ร้องเสียงหลง
จ้าวเฟิงหัวเราะ ประคองหญิงงามอัจฉริยะแห่งตระกูลโหลวหลานยืนอยู่บนเรือทะเลความว่างเปล่า แล้วลอยออกไปยังเขตภายนอก
แต่ทว่า จ้าวเฟิงเพิ่งจะบินสูงขึ้นไป ยังไม่ทันได้ออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวง ฝั่งที่ไกลออกไปก็มีกลิ่นอายของผู้สูงศักดิ์สองคนขยับใกล้เข้ามา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ต่อให้พวกเราไม่ลงมือ ขั้วอำนาจอื่นของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวงก็จะลงมืออย่างโหดเหี้ยมอยู่ดี”
ผู้นำตระกูลโหลวหลานมีสีหน้ามืดคล้ำลง
“ความหมายของเจ้าคือ… ” ผู้อาวุโสสูงสุดมองอย่างตกตะลึง
“หากต้องอ่อนข้อให้กับผู้อื่น ไม่สู้พวกเราสังหารนางเอง เพื่อชะตาชีวิตของคนในตระกูลโหลวหลานทั้งหมด ยอมเสียหญิงคนนี้เสียก็นับว่าคุ้มค่า”
ผู้นำตระกูลโหลวหลานใบหน้าบิดเบี้ยว นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่ง
เมื่อนึกถึง ‘รางวัลนำจับ’ ของสามสำนักที่ยิ่งใหญ่ ไฟแห่งความโลภก็ลุกโชนในแววตาของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูล แล้วค่อยๆ เข้ามาแทนที่ความรู้สึกผิดนั้น
“ได้!” ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องมองไปที่ผู้นำตระกูลโหลวหลานพลันสะบัดมือออกคำสั่ง
ในเมื่อผู้นำตระกูลโหลวหลานผู้เป็นบิดายังทอดทิ้งลูกสาวได้ เขายังจะพูดอะไรได้อีก?
“คนทั้งหมดจงฟังคำสั่ง สังหารจ้าวเฟิงเสีย!”
ผู้อาวุโสสูงสุดและผู้นำตระกูลออกคำสั่งพร้อมกัน จากนั้นนำเหล่ายอดฝีมือทั้งหมดตรงดิ่งตามจ้าวเฟิงไป
สวบ…
ในเวลาดังกล่าว เรือหลานเหลยบินสูงขึ้นทีละน้อยไปทางทะเลความว่างเปล่าที่เขตภายนอก
“แม่นางโหลวหลาน…คนในตระกูลของเจ้าเหมือนจะไม่ใส่ใจความเป็นความตายของเจ้าเลยนะ”
จ้าวเฟิงแปลกใจเล็กน้อย คลายมือจากโหลวหลานจื๋อสุ่ยที่อยู่เบื้องหน้า
ในเมื่อตระกูลโหลวหลานไม่ใยดีกับความเป็นความตายของนาง เขาจึงคิดที่จะปล่อยนางไป
“ท่าน…ท่านพ่อ…” โหลวหลานจื๋อสุ่ยหน้าซีดเผือด รู้สึกผิดหวังอย่างสุดซึ้ง นางเดียวดายไร้ที่พึ่งพิงเสียแล้ว
ร่างกายของนางสั่นสะท้านอยู่บนหอสังเกตการณ์
ในเวลานั้น บิดาบังเกิดเกล้าของนางและคนในตระกูลมากมายไม่สนใจความเป็นตายของนางแต่อย่างใด ยังกรูกันเข้ามาด้วยจิตสังหารที่เต็มเปี่ยม
“เจ้ายังไม่ไปอีก?” จ้าวเฟิงดูประหลาดใจ ผลักโหลวหลานจื๋อสุ่ยเบาๆ
“ข้าไม่กลับไปแล้ว!” โหลวหลานจื๋อสุ่ยกัดริมฝีปากจนห้อเลือด ใบหน้าเด็ดเดี่ยว
“บนเรือทะเลความว่างเปล่าของเจ้าขาดรองหัวหน้าเรือไม่ใช่หรือ? จื๋อสุ่ยคนนี้ขอลองสักหน่อย! ต่อให้ต้องเป็นหญิงคนรับใช้ของเจ้า…ข้าก็ไม่ต้องการค่าตอบแทนใด! ขอเพียงแค่เจ้าพาข้าไปด้วยก็พอ”