Skip to content

King of Gods 569

King Of Gods

บทที่ 569 สังหารผู้สูงศักดิ์

“ได้! ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นรองหัวหน้าเรือก่อนชั่วคราว”

จ้าวเฟิงตกปากรับคำ สิ่งที่โหลวหลานจื๋อสุ่ยเผชิญเขาก็เห็นใจอยู่เช่นกัน

หากว่าไม่ใช่เพราะจะช่วยจ้าวเฟิงออกจากเขาปาฮวงเพื่อตอบแทนบุญคุณ นางก็คงไม่มีสภาพแบบนี้

สำหรับสตรีผู้นี้ จ้าวเฟิงมีความรู้สึกดีด้วยอยู่หลายส่วน และเชื่อในนิสัยใจคอของอีกฝ่าย

หากให้นางเป็นรองหัวหน้าคอยจัดการเรื่องสัพเพเหระบนเรือ เขาเองก็วางใจได้

นับจากนั้น

ลูกเรือทั้งแปดคน รองหัวหน้าเรืออีกหนึ่งคน สมาชิกในเรือทะเลความว่างเปล่าครบถ้วนแล้ว

ในเวลานี้เอง

สวบ สวบ สวบ!

กลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองสามคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวง พุ่งตรงดิ่งมาที่จ้าวเฟิงจากหลายทิศทาง

ผู้ที่เข้าร่วมการไล่ล่าในครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ยังมีนายเหนือแท้ระดับสูงสุดหลายคน กับยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของเขาปาฮวงในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

“เร็ว! อย่าปล่อยให้อีกสองตระกูลสมหวังได้”

แววตาผู้อาวุโสสูงสุดกับผู้นำตระกูลมีความประหวั่นพรั่นพรึง บินตรงดิ่งมายังเรือโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายที่คุกคามของผู้สูงศักดิ์ จ้าวเฟิงกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ค่อยๆ หยิบธงสีดำออกมาอย่างใจเย็น

“เจ้าเข้าไปก่อน ควบคุมเรือ แล้วล่องไปทิศทางของ ‘ดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว’ ” จ้าวเฟิงให้โหลวหลานจื๋อสุ่ยเข้าไปภายในตัวเรือ

พรึ่บ!

เมื่อเขาสะบัดธงสีดำในมือ ควันสีเทาโขมงขึ้น เกาะกลุ่มกันกลายมาเป็นค่ายกลหุ่นเชิดศพ ปราณมรณะและพลังความอาฆาตสะเทือนเลื่อนลั่น

มองจากไกลๆ หมอกควันสีเทาทะมึนขนาดใหญ่ปกคลุมหนาแน่นทั่วเรือ ลอยอยู่เต็มฟ้าจนแทบจะมองไม่เห็นบรรยากาศภายใน

โครม โครม ตูม!

คนตระกูลโหลวหลานโจมตีเข้าไปในค่ายกลหุ่นเชิดศพ พลังจึงลดลงไปเป็นจำนวนมาก

จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ในใจกลางของค่ายกลกลับแคล้วคลาดปลอดภัย

ขนาดผู้แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานสาดพลังโจมตีในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ก็ยังทำได้แค่เฉียดเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าและจ้าวเฟิงเท่านั้น ไม่อาจทำร้ายได้อย่างจริงๆ จังๆ

“หึหึ…ตอนนี้ค่ายกลหุ่นเชิดศพมีหุ่นเชิดศพต้องสาปในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดอยู่หกสิบร่าง ยามอยู่ในซากปรักหักพัง มันดูดซึมวิญญาณเลือดเนื้อของสัตว์อสูรและสัตว์บรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วน พลังอาฆาตแค้นในค่ายกลร้อยศพสูงเกินไปกว่าที่คาดการณ์ไว้แล้ว”

เงาของเจ้าหอโครงกระดูกก็ปรากฏบนหอสังเกตการณ์เช่นกัน

 

ในวันนี้ พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปชัดเจนมากยิ่งขั้น ทั้งยังเกินไปกว่าที่คาดคิดไว้ในตอนต้นเสียอีก

เหตุผลหลักมีอยู่สองข้อ

ข้อแรก ระดับของพลังหุ่นเชิดศพต้องสาปพัฒนาขึ้น ทุกร่างล้วนแต่มีพลังพื้นฐานของนายเหนือแท้ระดับสุดยอด

ในค่ายกลลึกลับนั้น ปราณศพและพลังคำสาปอาฆาตแค้นของหุ่นเชิดศพทั้งหลายส่งเสริมกันและกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว แต่ไม่ได้ง่ายดายเหมือนเช่นหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง

ข้อสอง การฝึกฝนในซากปรักหักพังสือเฉิง มันดูดซึมเลือดเนื้อและวิญญาณของสัตว์อสูรจำนวนมาก พลังคำสาปมากเกินกว่าแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพไปแล้ว!

เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ในคราวก่อนสัตว์อสูรในขั้นจิตวิญญาณที่แท้จริงต้องมาตายภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพนับไม่ถ้วนทีเดียว

“เป็นค่ายกลหุ่นเชิดศพที่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้”

พวกของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานกับผู้สูงศักดิ์แซ่หวงพูดอะไรไม่ออก

ฝั่งตระกูลโหลวหลาน ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ ส่วนผู้สูงศักดิ์แซ่หวงก็ได้รับบาดเจ็บ ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปได้

พรึ่บ พรึ่บ!

ค่ายกลหุ่นเชิดศพที่จ้าวเฟิงเรียกใช้ พลังคำสาปเป็นหมอกควันอึมครึมไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาในรัศมีลี้สองลี้ รูปลักษณ์เป็นมังกรวารีสีดำทมิฬดูโหดเหี้ยม

“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”

 

ยอดฝีมือบางส่วนในขั้นนายเหนือแท้กับขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดของตระกูลโหลวหลาน โดนหมอกควันของพลังคำสาปกัดกร่อนเพียงนิด ร่างกายก็เน่าเปื่อยกลายเป็นเลือดอย่างรวดเร็ว

เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด

ผู้ที่ฝึกตนในขั้นต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจะต้องตายอย่างแน่นอน

อ๊าก~

ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปสังหารยอดฝีมือจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ดูดกลืนแรงอาฆาตแค้นจากเศษเสี้ยววิญญาณเข้าไป พลังคำสาปจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก

“หึ! อย่าโทษว่าข้าสังหารหมู่แล้วกัน” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น โบกสะบัดธงสีดำ ควบคุมค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปทั้งโจมตีและป้องกัน

“แย่แล้ว!” ผู้สูงศักดิ์แซ่หวงที่บาดเจ็บโดนไอพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพกัดกร่อน บาดแผลยิ่งเจ็บหนักขึ้นจนใบหน้าซีดเผือด

ในวันนี้ พลังอาฆาตแค้นของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปรุนแรงยิ่งกว่า ‘แดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ’ ขนาดคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังได้รับผลกระทบ แล้วนับประสาอะไรกับผู้สูงศักดิ์ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่

ผัวะ!

ผู้สูงศักดิ์แซ่หวงใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนร่วงลงจากอากาศ

“ผู้เฒ่าหวง!”

ผู้นำตระกูลโหลวหลานได้พลังของอาวุธชั้นพิภพมาคุ้มกันร่างกายไว้ จึงพอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขารับร่างของผู้สูงศักดิ์แซ่หวงที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายไว้

สวรรค์!

เขาแหงนหน้ามองฟ้า อดรู้สึกเสียใจทีหลังไม่ได้

ในเวลาดังกล่าว กลางอากาศเหลือเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานที่กำลังชุลมุนกับพลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพ ส่วนคนที่เหลือล้วนแต่ตายกันไปจนสิ้น

ผู้อาวุโสสูงสุดมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

ฮู ฮู~

กลุ่มควันพลังอาฆาตที่ปรากฏเป็นมังกรวารีร้องคำรามสะเทือนอากาศ แล้วจัดการโจมตีผู้อาวุโสสูงสุดจนพ่ายแพ้ย่อยยับ

“กระดูกเก้าทมิฬ!”

ในค่ายกลหุ่นเชิดศพปรากฏกระดูกสีเงินยาวสิบจั้ง เงากระดูกมรณะเป็นสายปล่อยเพลิงเผาผลาญลอยคละคลุ้งขึ้นไปกลางอากาศ

โครม ตูม…

เมื่อพลังของกระดูกเก้าทมิฬและค่ายกลหุ่นเชิดศพสอดประสานร่วมกัน จึงเป็นประดุจโครงกระดูกมังกรมรณะที่มีเพลิงโหมกระหน่ำ พลังแตะไปยังระดับใหม่อีกขั้น

อ๊าก!

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลโหลวหลานกระเด็นไปเบื้องหลัง กระอักเลือดออกมา

บนทรวงอกของเขาปรากฏรูเล็กที่มีรอยเลือดสีดำคล้ำสาดกระจาย สีหน้าม่วงคล้ำ ร่างกายโซซัดโซเซ

ต่อให้ไม่มีค่ายกลหุ่นเชิดศพ กระดูกนพเก้าที่สำแดงเดชของเจ้าหอโครงกระดูกก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต่อสู้ได้

“สามตระกูลใหญ่ของเขาปาฮวงก็ไม่ค่อยเท่าไหร่…” จ้าวเฟิงยิ้มเยาะ

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะ ‘โหลวหลานจื๋อสุ่ย’ ที่อยู่ในเรืออ้อนวอนขอร้องล่ะก็ เมื่อครู่นี้เขาอาจสังหารผู้สูงศักดิ์ทั้งสองไปแล้วก็ได้

สวบ เปรี๊ยะ…

ในเวลานี้ เรือหลานเหลยทะลวงผ่านกำแพงชั้นนอกสุดของเขาปาฮวงได้พอดี เกิดเป็นสะเก็ดไฟดวงเล็กดวงน้อยสีสันตระการตา

พวกเขากำลังจะเข้าสู่ดินแดนภายนอก!

ในครรลองสายตา เขาปาฮวงค่อยๆ เล็กลง แผ่นดินที่เคยกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา กลายเป็นทิวเขายาวพันลี้ที่เป็นประหนึ่งหยกชิ้นหนึ่งเท่านั้น

วิ้ง ผลุบ!

วินาทีที่เข้าสู่ทะเลความว่างเปล่าที่ภายนอก ความเร็วของเรือหลานเหลยเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า

เพราะในทะเลความว่างเปล่ามีแรงต้านอากาศน้อยมาก สิ่งของจึงเป็นเสมือนขนนกเบาๆ เท่านั้น

“เจ้าหนุ่ม! อย่าคิดจะหนีรอดเลย…”

มีผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดโผล่ออกมาจากเขตภายในของเขาปาฮวงสามคน  พวกเขามาจากตระกูลอื่นทั้งสิ้น ผู้สูงศักดิ์สามคนนี้แบ่งเป็นขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงต้น ช่วงกลาง และช่วงปลาย

คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงปลาย พลังอย่างน้อยอยู่ในขั้นเดียวกันกับจอมโจรสลัดหลานเหลย

“เร่งความเร็ว!”

จ้าวเฟิงไม่กลัวที่จะต้องสู้ แต่ว่าการหลีกหนีก็ยังเป็นเป้าหมายหลัก

ภายในเรือหลานเหลย

โหลวหลานจื๋อสุ่ยและคนอื่นทุ่มเทพลังกายทั้งหมดในการบังคับเรือให้ความเร็วเพิ่มขึ้น

ความเร็วสูงสุดของเรือหลานเหลยสามารถเพิ่มสูงไปถึงขั้นของผู้สูงศักดิ์ธรรมดา แต่ว่าสิ้นเปลืองผลึกเริ่มต้นเป็นจำนวนมาก ต้องเพิ่มไปหลายเท่าหรืออาจจะถึงสิบเท่า

โครม บึ้ม! ตุบ ตุบ!

ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามคนไล่ล่าตามมาอย่างไม่ลดละ เกาะติดกับเรือหลานเหลยแล้วโจมตีอีกระลอกหนึ่ง

“นายท่าน จะไม่จัดการเหล่าแมลงวันสามตัวนี้ก่อนหรือ?”

เจ้าหอโครงกระดูกออกจะอดรนทนไม่ไหว

“ไม่เหมาะจะรบกันยืดเยื้อ หนีไปไกลระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

เขตภายในของเขาปาฮวงไม่ใช่เล็กๆ เลย ในคราวก่อนคนที่เขาได้ประมือด้วยเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวงเท่านั้น

ถ้าหากต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานอยู่แถวๆ เขาปาฮวง เกรงแต่ว่าจะดึงดูดให้เหล่ายอดฝีมือยิ่งตามมาเรื่อยๆ

คนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองสามคน พวกจ้าวเฟิงสองคนยังพอรับมือได้ แต่ถ้าหากมามากกว่านั้นก็จะลำบากขึ้นมาก

อีกทั้งขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแบ่งเป็นระดับต่ำและระดับสูง

หากคนที่ตามไล่ล่าเขามีคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เช่นนั้นสถานการณ์ก็อันตรายแล้ว

ตามที่จ้าวเฟิงรู้มา พลังรบของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแข็งแกร่งกว่าระดับต่ำหลายเท่าตัวนัก!

ความแตกต่างของสองระดับนี้พอๆ กับความต่างของพลังระหว่างคนในขั้นผู้สูงศักดิ์ืและขั้นนายเหนือแท้

สวบ ฟิ้ว…

เรือหลานเหลยยิ่งล่องลอยไปยิ่งไวขึ้น

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เรือหลานเหลยก็ลอยออกไปหลายหมื่นลี้

“จะหนีไปไหน…”

ผู้สูงศักดิ์สามคนร่วมมือกันในฉับพลัน ปรากฏโซ่มังกรสีทองสว่างเจิดจ้าแหวกอากาศไปรั้ง ‘เรือหลานเหลย’ ไว้

โซ่มังกรทองเส้นนั้นที่จริงแล้วเป็นอาวุธชั้นพิภพที่ทนทานเป็นอย่างมาก

คนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามคนร่วมมือกันใช้อาวุธชั้นพิภพนี้รั้งเรือเอาไว้ จึงดึงค่ายกลหุ่นเชิดศพเอาไว้ด้วย

เมื่อมองดู จะเห็นภายในทะเลหมอกมีกลุ่มควันสีเทาโดนโซ่เหล็กสีทองเจิดจ้ารัดเอาไว้

“แย่ล่ะ!”

ลูกเรือภายในเรือหลานเหลยตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว ต่อให้เรือสามารถล่องลอยออกไปได้ แต่ว่าก็จะ ‘ลากเอา’ ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดด้านหลังติดไปด้วย

“ลงมือ!” จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย บุกโจมตีกลับอย่างสุดกำลัง

ฟิ้ว!

ภายในค่ายหุ่นเชิดศพต้องสาป ทะลักหมอกควันสีเทาซึ่งเป็นพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพออกมา มันแปรสภาพเป็นมังกรวารีสีดำท่าทางโหดเหี้ยม ตรงดิ่งไปยังผู้สูงศักดิ์ทั้งสาม

“กระดูกเก้าทมิฬ!”

กระดูกสีเงินยาวสิบจั้งลากเอาเงามรณะที่เป็นเพลิงร้อนลอยขโมงขึ้นไปบนฟ้า

อาวุธชั้นพิภพของเจ้าหอโครงกระดูกเแทบจะโจมตีออกไปในเวลาพร้อมๆ กันกับค่ายกลหุ่นเชิดศพ

การโจมตีของทั้งสองสิ่งสอดประสาน เพิ่มความแข็งแกร่งให้กันและกัน แล้วพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน

ตูม!

ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามโดนโจมตีเข้าอย่างจัง พวกเขาเพิ่งร่วมมือกันยื้อเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าไว้ ยังไม่ทันได้ยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงและพวกจะโต้กลับมารวดเร็วเช่นนี้

ในเวลาอันสั้น

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งสามก็โดนพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพพันธนาการไว้ ไอเพลิงน่าสะพรึงและเงามรณะจากกระดูกเก้าทมิฬพุ่งตรงไปปะทะคนทั้งสามเข้าอย่างจัง

อ๊าก!

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำหนึ่งในนั้นบาดเจ็บจนกระอักเลือด พลังคำสาปมรณะแทรกซึมเข้าไปจนเลือดเนื้อบางส่วนเน่าเปื่อย จิตวิญญาณโดนไอพลังนั้นกัดกร่อนจนสูญสลายไปทีละน้อย

แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยที่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร!

“อาวุธชั้นพิภพ หอกจักรพรรดิเหมันต์!”

เงาของหอกเหมันต์สีฟ้าในมือของจ้าวเฟิง ค่อยๆ รวมตัวเป็นหอกจักรพรรดิเหมันต์ใสสกาวราวแก้วที่มีด้ามจับสีฟ้า

เปรี๊ยะ…

หอกจักรพรรดิเหมันต์เริ่มตรงดิ่งแหวกอากาศไปโจมตี มันปล่อยเงาหอกน้ำแข็งสุกสกาวออกมา ทุกๆ ที่ที่เงาหอกน้ำแข็งผ่านไป ล้วนแต่โดนแช่แข็งโดยพลังเหมันต์เก่าแก่

แซ่ด แซ่ด~

ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามคนร่างกายแข็งทื่อ แล้วกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว

ตูม!

หอกจักรพรรดิเหมันต์สาดพลังเหมันต์เก่าแก่ออกมาทะลุร่างของผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่บาดเจ็บผู้นั้น

“อ๊าก…”

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคนดังกล่าว ร่างกายแข็งเป็นน้ำแข็ง แตกหักเปราะบาง เกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ แล้วแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไป

เขาเป็นคนแรกที่โดนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหอกจักรพรรดิเหมันต์แทงทะลุร่างโดยตรง  จะยังรอดชีวิตอยู่ได้อย่างไร

ฟากผู้สูงศักดิ์อีกสองคนหน้าถอดสี

ในพริบตาเดียว หลังการโจมตีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ก็พรากชีวิตของผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งไปแล้ว

อีกทั้งผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคนที่เหลือก็ได้รับผลกระทบด้วยไม่น้อย โดนพลังอาฆาตแค้นรัดรอบร่างกาย ยังไม่สามารถจัดการได้

“กระดูกมารมรณะ!”

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หอกจักรพรรดิเหมันต์พุ่งผ่านร่างของผู้สูงศักดิ์คนนั้น อาวุธช้ันพิภพชิ้นที่สองก็แหวกอากาศตรงมา

ไอเหมันต์บนเรือนร่างของผู้สูงศักดิ์ยังไม่ได้สลายหายไปในเวลานั้น

ตูม…โครม!

กระดูกเก้าทมิฬอาศัยพลังค่ายกลหุ่นเชิดศพวิ่งตัดผ่านอากาศ ลำแสงกระดูกสีเงินทะลวงผ่านร่างของผู้สูงศักดิ์ไปอีกคนหนึ่ง ความรู้สึกดังกล่าวประหนึ่งว่าได้ทำลายพันธนาการกลางอากาศไปแล้ว

“อ๊าก!” ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตายคาที่อย่างน่าอนาถ ร่างกายแหลกเละ เลือดค่อยๆ ไหลเจิ่งนอง

ผู้สูงศักดิ์คนที่สองตายเสียแล้ว!

“ไป!”

จ้าวเฟิงอาศัยโอกาสนี้สะบัดธงสีดำ กระตุ้นพลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพให้กลืนกินเศษซากจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง เพื่อเพิ่มกำลังให้กับพลังคำสาปอาฆาตของค่ายกล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version