บทที่ 569 สังหารผู้สูงศักดิ์
“ได้! ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นรองหัวหน้าเรือก่อนชั่วคราว”
จ้าวเฟิงตกปากรับคำ สิ่งที่โหลวหลานจื๋อสุ่ยเผชิญเขาก็เห็นใจอยู่เช่นกัน
หากว่าไม่ใช่เพราะจะช่วยจ้าวเฟิงออกจากเขาปาฮวงเพื่อตอบแทนบุญคุณ นางก็คงไม่มีสภาพแบบนี้
สำหรับสตรีผู้นี้ จ้าวเฟิงมีความรู้สึกดีด้วยอยู่หลายส่วน และเชื่อในนิสัยใจคอของอีกฝ่าย
หากให้นางเป็นรองหัวหน้าคอยจัดการเรื่องสัพเพเหระบนเรือ เขาเองก็วางใจได้
นับจากนั้น
ลูกเรือทั้งแปดคน รองหัวหน้าเรืออีกหนึ่งคน สมาชิกในเรือทะเลความว่างเปล่าครบถ้วนแล้ว
ในเวลานี้เอง
สวบ สวบ สวบ!
กลิ่นอายผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองสามคนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวง พุ่งตรงดิ่งมาที่จ้าวเฟิงจากหลายทิศทาง
ผู้ที่เข้าร่วมการไล่ล่าในครั้งนี้ไม่เพียงแต่มีขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ยังมีนายเหนือแท้ระดับสูงสุดหลายคน กับยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของเขาปาฮวงในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด
“เร็ว! อย่าปล่อยให้อีกสองตระกูลสมหวังได้”
แววตาผู้อาวุโสสูงสุดกับผู้นำตระกูลมีความประหวั่นพรั่นพรึง บินตรงดิ่งมายังเรือโจรสลัดแห่งทะเลความว่างเปล่า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกลิ่นอายที่คุกคามของผู้สูงศักดิ์ จ้าวเฟิงกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ค่อยๆ หยิบธงสีดำออกมาอย่างใจเย็น
“เจ้าเข้าไปก่อน ควบคุมเรือ แล้วล่องไปทิศทางของ ‘ดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว’ ” จ้าวเฟิงให้โหลวหลานจื๋อสุ่ยเข้าไปภายในตัวเรือ
พรึ่บ!
เมื่อเขาสะบัดธงสีดำในมือ ควันสีเทาโขมงขึ้น เกาะกลุ่มกันกลายมาเป็นค่ายกลหุ่นเชิดศพ ปราณมรณะและพลังความอาฆาตสะเทือนเลื่อนลั่น
มองจากไกลๆ หมอกควันสีเทาทะมึนขนาดใหญ่ปกคลุมหนาแน่นทั่วเรือ ลอยอยู่เต็มฟ้าจนแทบจะมองไม่เห็นบรรยากาศภายใน
โครม โครม ตูม!
คนตระกูลโหลวหลานโจมตีเข้าไปในค่ายกลหุ่นเชิดศพ พลังจึงลดลงไปเป็นจำนวนมาก
จ้าวเฟิงที่ยืนอยู่ในใจกลางของค่ายกลกลับแคล้วคลาดปลอดภัย
ขนาดผู้แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานสาดพลังโจมตีในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ก็ยังทำได้แค่เฉียดเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าและจ้าวเฟิงเท่านั้น ไม่อาจทำร้ายได้อย่างจริงๆ จังๆ
“หึหึ…ตอนนี้ค่ายกลหุ่นเชิดศพมีหุ่นเชิดศพต้องสาปในขั้นนายเหนือแท้ระดับสุดยอดอยู่หกสิบร่าง ยามอยู่ในซากปรักหักพัง มันดูดซึมวิญญาณเลือดเนื้อของสัตว์อสูรและสัตว์บรรพกาลจำนวนนับไม่ถ้วน พลังอาฆาตแค้นในค่ายกลร้อยศพสูงเกินไปกว่าที่คาดการณ์ไว้แล้ว”
เงาของเจ้าหอโครงกระดูกก็ปรากฏบนหอสังเกตการณ์เช่นกัน
ในวันนี้ พลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปชัดเจนมากยิ่งขั้น ทั้งยังเกินไปกว่าที่คาดคิดไว้ในตอนต้นเสียอีก
เหตุผลหลักมีอยู่สองข้อ
ข้อแรก ระดับของพลังหุ่นเชิดศพต้องสาปพัฒนาขึ้น ทุกร่างล้วนแต่มีพลังพื้นฐานของนายเหนือแท้ระดับสุดยอด
ในค่ายกลลึกลับนั้น ปราณศพและพลังคำสาปอาฆาตแค้นของหุ่นเชิดศพทั้งหลายส่งเสริมกันและกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียว แต่ไม่ได้ง่ายดายเหมือนเช่นหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง
ข้อสอง การฝึกฝนในซากปรักหักพังสือเฉิง มันดูดซึมเลือดเนื้อและวิญญาณของสัตว์อสูรจำนวนมาก พลังคำสาปมากเกินกว่าแดนต้องห้ามร้อยหลุมศพไปแล้ว!
เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ในคราวก่อนสัตว์อสูรในขั้นจิตวิญญาณที่แท้จริงต้องมาตายภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพนับไม่ถ้วนทีเดียว
“เป็นค่ายกลหุ่นเชิดศพที่น่าสะพรึงอะไรเช่นนี้”
พวกของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานกับผู้สูงศักดิ์แซ่หวงพูดอะไรไม่ออก
ฝั่งตระกูลโหลวหลาน ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ ส่วนผู้สูงศักดิ์แซ่หวงก็ได้รับบาดเจ็บ ผู้สูงศักดิ์ทั้งสองร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปได้
พรึ่บ พรึ่บ!
ค่ายกลหุ่นเชิดศพที่จ้าวเฟิงเรียกใช้ พลังคำสาปเป็นหมอกควันอึมครึมไร้ขอบเขตพวยพุ่งออกมาในรัศมีลี้สองลี้ รูปลักษณ์เป็นมังกรวารีสีดำทมิฬดูโหดเหี้ยม
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…”
ยอดฝีมือบางส่วนในขั้นนายเหนือแท้กับขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดของตระกูลโหลวหลาน โดนหมอกควันของพลังคำสาปกัดกร่อนเพียงนิด ร่างกายก็เน่าเปื่อยกลายเป็นเลือดอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดดังขึ้นไม่หยุด
ผู้ที่ฝึกตนในขั้นต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดจะต้องตายอย่างแน่นอน
อ๊าก~
ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปสังหารยอดฝีมือจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ดูดกลืนแรงอาฆาตแค้นจากเศษเสี้ยววิญญาณเข้าไป พลังคำสาปจึงยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก
“หึ! อย่าโทษว่าข้าสังหารหมู่แล้วกัน” จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น โบกสะบัดธงสีดำ ควบคุมค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปทั้งโจมตีและป้องกัน
“แย่แล้ว!” ผู้สูงศักดิ์แซ่หวงที่บาดเจ็บโดนไอพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพกัดกร่อน บาดแผลยิ่งเจ็บหนักขึ้นจนใบหน้าซีดเผือด
ในวันนี้ พลังอาฆาตแค้นของค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาปรุนแรงยิ่งกว่า ‘แดนต้องห้ามร้อยหลุมศพ’ ขนาดคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดยังได้รับผลกระทบ แล้วนับประสาอะไรกับผู้สูงศักดิ์ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่
ผัวะ!
ผู้สูงศักดิ์แซ่หวงใบหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนร่วงลงจากอากาศ
“ผู้เฒ่าหวง!”
ผู้นำตระกูลโหลวหลานได้พลังของอาวุธชั้นพิภพมาคุ้มกันร่างกายไว้ จึงพอจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ เขารับร่างของผู้สูงศักดิ์แซ่หวงที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายไว้
สวรรค์!
เขาแหงนหน้ามองฟ้า อดรู้สึกเสียใจทีหลังไม่ได้
ในเวลาดังกล่าว กลางอากาศเหลือเพียงแค่ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลโหลวหลานที่กำลังชุลมุนกับพลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพ ส่วนคนที่เหลือล้วนแต่ตายกันไปจนสิ้น
ผู้อาวุโสสูงสุดมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ฮู ฮู~
กลุ่มควันพลังอาฆาตที่ปรากฏเป็นมังกรวารีร้องคำรามสะเทือนอากาศ แล้วจัดการโจมตีผู้อาวุโสสูงสุดจนพ่ายแพ้ย่อยยับ
“กระดูกเก้าทมิฬ!”
ในค่ายกลหุ่นเชิดศพปรากฏกระดูกสีเงินยาวสิบจั้ง เงากระดูกมรณะเป็นสายปล่อยเพลิงเผาผลาญลอยคละคลุ้งขึ้นไปกลางอากาศ
โครม ตูม…
เมื่อพลังของกระดูกเก้าทมิฬและค่ายกลหุ่นเชิดศพสอดประสานร่วมกัน จึงเป็นประดุจโครงกระดูกมังกรมรณะที่มีเพลิงโหมกระหน่ำ พลังแตะไปยังระดับใหม่อีกขั้น
อ๊าก!
ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลโหลวหลานกระเด็นไปเบื้องหลัง กระอักเลือดออกมา
บนทรวงอกของเขาปรากฏรูเล็กที่มีรอยเลือดสีดำคล้ำสาดกระจาย สีหน้าม่วงคล้ำ ร่างกายโซซัดโซเซ
ต่อให้ไม่มีค่ายกลหุ่นเชิดศพ กระดูกนพเก้าที่สำแดงเดชของเจ้าหอโครงกระดูกก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถต่อสู้ได้
“สามตระกูลใหญ่ของเขาปาฮวงก็ไม่ค่อยเท่าไหร่…” จ้าวเฟิงยิ้มเยาะ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะ ‘โหลวหลานจื๋อสุ่ย’ ที่อยู่ในเรืออ้อนวอนขอร้องล่ะก็ เมื่อครู่นี้เขาอาจสังหารผู้สูงศักดิ์ทั้งสองไปแล้วก็ได้
สวบ เปรี๊ยะ…
ในเวลานี้ เรือหลานเหลยทะลวงผ่านกำแพงชั้นนอกสุดของเขาปาฮวงได้พอดี เกิดเป็นสะเก็ดไฟดวงเล็กดวงน้อยสีสันตระการตา
พวกเขากำลังจะเข้าสู่ดินแดนภายนอก!
ในครรลองสายตา เขาปาฮวงค่อยๆ เล็กลง แผ่นดินที่เคยกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา กลายเป็นทิวเขายาวพันลี้ที่เป็นประหนึ่งหยกชิ้นหนึ่งเท่านั้น
วิ้ง ผลุบ!
วินาทีที่เข้าสู่ทะเลความว่างเปล่าที่ภายนอก ความเร็วของเรือหลานเหลยเพิ่มขึ้นมากกว่าสิบเท่า
เพราะในทะเลความว่างเปล่ามีแรงต้านอากาศน้อยมาก สิ่งของจึงเป็นเสมือนขนนกเบาๆ เท่านั้น
“เจ้าหนุ่ม! อย่าคิดจะหนีรอดเลย…”
มีผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดโผล่ออกมาจากเขตภายในของเขาปาฮวงสามคน พวกเขามาจากตระกูลอื่นทั้งสิ้น ผู้สูงศักดิ์สามคนนี้แบ่งเป็นขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงต้น ช่วงกลาง และช่วงปลาย
คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดช่วงปลาย พลังอย่างน้อยอยู่ในขั้นเดียวกันกับจอมโจรสลัดหลานเหลย
“เร่งความเร็ว!”
จ้าวเฟิงไม่กลัวที่จะต้องสู้ แต่ว่าการหลีกหนีก็ยังเป็นเป้าหมายหลัก
ภายในเรือหลานเหลย
โหลวหลานจื๋อสุ่ยและคนอื่นทุ่มเทพลังกายทั้งหมดในการบังคับเรือให้ความเร็วเพิ่มขึ้น
ความเร็วสูงสุดของเรือหลานเหลยสามารถเพิ่มสูงไปถึงขั้นของผู้สูงศักดิ์ธรรมดา แต่ว่าสิ้นเปลืองผลึกเริ่มต้นเป็นจำนวนมาก ต้องเพิ่มไปหลายเท่าหรืออาจจะถึงสิบเท่า
โครม บึ้ม! ตุบ ตุบ!
ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามคนไล่ล่าตามมาอย่างไม่ลดละ เกาะติดกับเรือหลานเหลยแล้วโจมตีอีกระลอกหนึ่ง
“นายท่าน จะไม่จัดการเหล่าแมลงวันสามตัวนี้ก่อนหรือ?”
เจ้าหอโครงกระดูกออกจะอดรนทนไม่ไหว
“ไม่เหมาะจะรบกันยืดเยื้อ หนีไปไกลระยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยว่ากัน” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
เขตภายในของเขาปาฮวงไม่ใช่เล็กๆ เลย ในคราวก่อนคนที่เขาได้ประมือด้วยเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ปาฮวงเท่านั้น
ถ้าหากต่อสู้ยืดเยื้อยาวนานอยู่แถวๆ เขาปาฮวง เกรงแต่ว่าจะดึงดูดให้เหล่ายอดฝีมือยิ่งตามมาเรื่อยๆ
คนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองสามคน พวกจ้าวเฟิงสองคนยังพอรับมือได้ แต่ถ้าหากมามากกว่านั้นก็จะลำบากขึ้นมาก
อีกทั้งขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแบ่งเป็นระดับต่ำและระดับสูง
หากคนที่ตามไล่ล่าเขามีคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เช่นนั้นสถานการณ์ก็อันตรายแล้ว
ตามที่จ้าวเฟิงรู้มา พลังรบของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแข็งแกร่งกว่าระดับต่ำหลายเท่าตัวนัก!
ความแตกต่างของสองระดับนี้พอๆ กับความต่างของพลังระหว่างคนในขั้นผู้สูงศักดิ์ืและขั้นนายเหนือแท้
สวบ ฟิ้ว…
เรือหลานเหลยยิ่งล่องลอยไปยิ่งไวขึ้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เรือหลานเหลยก็ลอยออกไปหลายหมื่นลี้
“จะหนีไปไหน…”
ผู้สูงศักดิ์สามคนร่วมมือกันในฉับพลัน ปรากฏโซ่มังกรสีทองสว่างเจิดจ้าแหวกอากาศไปรั้ง ‘เรือหลานเหลย’ ไว้
โซ่มังกรทองเส้นนั้นที่จริงแล้วเป็นอาวุธชั้นพิภพที่ทนทานเป็นอย่างมาก
คนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามคนร่วมมือกันใช้อาวุธชั้นพิภพนี้รั้งเรือเอาไว้ จึงดึงค่ายกลหุ่นเชิดศพเอาไว้ด้วย
เมื่อมองดู จะเห็นภายในทะเลหมอกมีกลุ่มควันสีเทาโดนโซ่เหล็กสีทองเจิดจ้ารัดเอาไว้
“แย่ล่ะ!”
ลูกเรือภายในเรือหลานเหลยตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว ต่อให้เรือสามารถล่องลอยออกไปได้ แต่ว่าก็จะ ‘ลากเอา’ ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดด้านหลังติดไปด้วย
“ลงมือ!” จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย บุกโจมตีกลับอย่างสุดกำลัง
ฟิ้ว!
ภายในค่ายหุ่นเชิดศพต้องสาป ทะลักหมอกควันสีเทาซึ่งเป็นพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพออกมา มันแปรสภาพเป็นมังกรวารีสีดำท่าทางโหดเหี้ยม ตรงดิ่งไปยังผู้สูงศักดิ์ทั้งสาม
“กระดูกเก้าทมิฬ!”
กระดูกสีเงินยาวสิบจั้งลากเอาเงามรณะที่เป็นเพลิงร้อนลอยขโมงขึ้นไปบนฟ้า
อาวุธชั้นพิภพของเจ้าหอโครงกระดูกเแทบจะโจมตีออกไปในเวลาพร้อมๆ กันกับค่ายกลหุ่นเชิดศพ
การโจมตีของทั้งสองสิ่งสอดประสาน เพิ่มความแข็งแกร่งให้กันและกัน แล้วพุ่งออกไปในเวลาเดียวกัน
ตูม!
ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามโดนโจมตีเข้าอย่างจัง พวกเขาเพิ่งร่วมมือกันยื้อเรือแห่งทะเลความว่างเปล่าไว้ ยังไม่ทันได้ยินดี คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงและพวกจะโต้กลับมารวดเร็วเช่นนี้
ในเวลาอันสั้น
ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งสามก็โดนพลังอาฆาตของหุ่นเชิดศพพันธนาการไว้ ไอเพลิงน่าสะพรึงและเงามรณะจากกระดูกเก้าทมิฬพุ่งตรงไปปะทะคนทั้งสามเข้าอย่างจัง
อ๊าก!
ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำหนึ่งในนั้นบาดเจ็บจนกระอักเลือด พลังคำสาปมรณะแทรกซึมเข้าไปจนเลือดเนื้อบางส่วนเน่าเปื่อย จิตวิญญาณโดนไอพลังนั้นกัดกร่อนจนสูญสลายไปทีละน้อย
แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยที่ผู้สูงศักดิ์ทั้งสามยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไร!
“อาวุธชั้นพิภพ หอกจักรพรรดิเหมันต์!”
เงาของหอกเหมันต์สีฟ้าในมือของจ้าวเฟิง ค่อยๆ รวมตัวเป็นหอกจักรพรรดิเหมันต์ใสสกาวราวแก้วที่มีด้ามจับสีฟ้า
เปรี๊ยะ…
หอกจักรพรรดิเหมันต์เริ่มตรงดิ่งแหวกอากาศไปโจมตี มันปล่อยเงาหอกน้ำแข็งสุกสกาวออกมา ทุกๆ ที่ที่เงาหอกน้ำแข็งผ่านไป ล้วนแต่โดนแช่แข็งโดยพลังเหมันต์เก่าแก่
แซ่ด แซ่ด~
ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสามคนร่างกายแข็งทื่อ แล้วกลายเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว
ตูม!
หอกจักรพรรดิเหมันต์สาดพลังเหมันต์เก่าแก่ออกมาทะลุร่างของผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่บาดเจ็บผู้นั้น
“อ๊าก…”
ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดคนดังกล่าว ร่างกายแข็งเป็นน้ำแข็ง แตกหักเปราะบาง เกิดเสียงดัง ‘เปรี๊ยะ’ แล้วแตกละเอียดเป็นชิ้นๆ ไป
เขาเป็นคนแรกที่โดนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของหอกจักรพรรดิเหมันต์แทงทะลุร่างโดยตรง จะยังรอดชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ฟากผู้สูงศักดิ์อีกสองคนหน้าถอดสี
ในพริบตาเดียว หลังการโจมตีเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ก็พรากชีวิตของผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งไปแล้ว
อีกทั้งผู้สูงศักดิ์ทั้งสองคนที่เหลือก็ได้รับผลกระทบด้วยไม่น้อย โดนพลังอาฆาตแค้นรัดรอบร่างกาย ยังไม่สามารถจัดการได้
“กระดูกมารมรณะ!”
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หอกจักรพรรดิเหมันต์พุ่งผ่านร่างของผู้สูงศักดิ์คนนั้น อาวุธช้ันพิภพชิ้นที่สองก็แหวกอากาศตรงมา
ไอเหมันต์บนเรือนร่างของผู้สูงศักดิ์ยังไม่ได้สลายหายไปในเวลานั้น
ตูม…โครม!
กระดูกเก้าทมิฬอาศัยพลังค่ายกลหุ่นเชิดศพวิ่งตัดผ่านอากาศ ลำแสงกระดูกสีเงินทะลวงผ่านร่างของผู้สูงศักดิ์ไปอีกคนหนึ่ง ความรู้สึกดังกล่าวประหนึ่งว่าได้ทำลายพันธนาการกลางอากาศไปแล้ว
“อ๊าก!” ผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตายคาที่อย่างน่าอนาถ ร่างกายแหลกเละ เลือดค่อยๆ ไหลเจิ่งนอง
ผู้สูงศักดิ์คนที่สองตายเสียแล้ว!
“ไป!”
จ้าวเฟิงอาศัยโอกาสนี้สะบัดธงสีดำ กระตุ้นพลังของค่ายกลหุ่นเชิดศพให้กลืนกินเศษซากจิตวิญญาณที่หลงเหลืออยู่ของผู้สูงศักดิ์ทั้งสอง เพื่อเพิ่มกำลังให้กับพลังคำสาปอาฆาตของค่ายกล