Skip to content

King of Gods 572

King Of Gods

บทที่ 572 สะพานเชื่อมต่อความตาย

บนทะเลความว่างเปล่า

จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกตกอยู่ในสถานการณ์ความเป็นความตาย

‘ราชาหูสั่ว’ ผู้อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงโจมตีด้วยตนเอง พลังที่แข็งแกร่งพลิกฟ้าพลิกดิน ให้ความรู้สึกราวหมุนเปลี่ยนสุริยันจันทราและดินฟ้า

“ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหอโครงกระดูกที่ถูก ‘ราชาหูสั่ว’ โจมตีอย่างจัง โครงกระดูกสีทองเงินทึมทึบใกล้จะแตกสลายไปแล้ว

ในช่วงความเป็นความตายนั้น เขากรีดร้องโหยหวน สายตาเหลือบมองไปที่จ้าวเฟิง

ความหวังสุดท้ายฝากไว้กับผู้เป็นนาย

“ใครจะช่วยเจ้าได้? เจ้าหนุ่มนั่นยังแทบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด”

ราชาหูสั่วเอ่ยเป็นนัย ใบหน้าระบายยิ้ม แล้วผนึกเจ้าหอโครงกระดูกไว้กลางทะเลความว่างเปล่า จนฝ่ายหลังยากจะขยับเขยื้อนร่างกายได้

เป็นจริงดังว่า สถานการณ์ของจ้าวเฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเสียเท่าไหร่

ถ้าหากไม่ได้อยากจับเป็นจ้าวเฟิง คนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดอีกสองคนคงไม่โจมตีระมัดระวังเช่นนี้

“อ๊ะ! ดวงตาของเด็กนั่น ไหนจะผมอีก…” สีหน้าของชายฉกรรจ์สวมเกราะสีดำเปลี่ยนไป

ชายหนุ่มที่ตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ผมเและดวงตาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินราวกับมหาสมุทรลึกล้ำ

“เหอะเหอะ สายเลือดดวงตางั้นสิ?”

รอยยิ้มของจอมโจรสลัดหลานเหลยมีแววสำราญ แทบไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด

จ้าวเฟิงในตอนนี้แทบจะสูญเสียเกราะป้องกันอย่าง ‘ค่ายกลหุ่นเชิดศพ’ เมื่ออยู่เบื้องหน้าผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำและสูงทั้งสองคน มันไม่อาจสร้างภัยอันตรายใดได้

“อย่างแรก ฆ่าเจ้าก่อน”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักคลื่นพลังดวงตาไร้ขอบเขต แสงแหลมคมที่มีกลิ่นอายสีเขียวม่วงสว่างวาบ ก่อนพุ่งออกมาจากภายในดวงตาของเขา

ดวงตาซ้ายของเขาเล็งเป้าหมายไปที่จอมโจรสลัดหลานเหลย

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”

ระลอกคลื่นพลังดวงตาที่ยิ่งใหญ่ไปปรากฏที่ตำแหน่งของจอมโจรสลัดหลานเหลย ใจกลางคลื่นพลังดวงตาเกิดเป็นน้ำวนหมุนวนไปมา

ผัวะ สวบ!

คมมีดยาวสามชุ่นพุ่งทะลุบริเวณหัวใจของ ‘จอมโจรสลัดหลายเหลย’ ในทันที

เลือดพลันสาดกระเซ็น!

คมมีดสามชุ่นถูกปล่อยออกไปพร้อมกับกลิ่นอายรัศมีม่วงพิฆาตที่เข้าทำลายร่างกายภายในของจอมโจรสลัด

“อ๊าก…”

ร่างของบัณฑิตหลานเหลยแข็งทื่อ ความหวาดกลัวถึงขีดสุดเด่นชัดในดวงตา

โครม!

ร่างเปื้อนเลือดของโจรสลัดหลานเหลยร่วงจากฟ้าลงสู่มหาสมุทรความว่างเปล่า

วินาทีที่สิ้นลมหายใจ ใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มค้างแข็งกับความประหลาดใจอยู่รางๆ

“เจ้าเจ็ด!”

ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะดำร้องตะโกนเสียงหลงด้วยตกตะลึงเป็นอย่างมาก

แต่ในเวลาเดียวกัน

แววตาที่เขามองจ้าวเฟิง นอกจากจะเต็มไปด้วยความโมโหโกรธาแล้ว ยังมีแววหวาดกลัวซ่อนอยู่ด้วย

จอมโจรสลัดตายได้อย่างไร? เขามองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย!

ชายผู้นี้เห็นเพียงแค่ว่าดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเบิกกว้างเท่านั้น จอมโจรสลัดหลานเหลยที่ฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย กลับโดนคมมีดพิฆาตไร้ที่มาปลิดชีพไปเสียแล้ว

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

อีกฟากหนึ่ง ‘ราชาหูสั่ว’ ที่บีบเจ้าหอโครงกระดูกจนถึงจุดวิกฤตตกใจเล็กน้อย

เมื่อเห็นจอมโจรสลัดตายไปในฉับพลัน ภายในใจของเขาสั่นระรัว

“เจ้าหนุ่ม! เจ้าใช้วิชามารอะไรถึงสังหารเจ้าเจ็ดได้?”

ความหวั่นเกรงในใจของชายฉกรรจ์เกราะดำโดนความอำมหิตบ้าคลั่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกเข้ามาแทนที่ เขาสะบัดขวานสีดำทมิฬตรงดิ่งไปที่จ้าวเฟิง

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!” จ้าวเฟิงสีหน้าเย็นชา

โครม ผลุบ!

คมมีดสามชุ่นทะลวงออกจากร่างของชายชุดเกราะดำ เลือดสีแดงสดซ่านกระเซ็นไปทั่ว!

“เจ้า…เจ้า…”

 

ร่างของชายฉกรรจ์แข็งทื่อ นอกจากความเกรงกลัวในดวงตา ยังมีความฉงนสงสัยอยู่เสียมากกว่า

“ข้าป้องกันร่างกายก่อนแล้วนี่! เกราะบนร่างข้าหลอมมาจากเศษเสี้ยวอาวุธชั้นพิภพ สามารถต้านทานการโจมตีของผู้สูงศักดิ์ธรรมดาได้โดยตรง…”

ก่อนจะตาย ในหัวของชายฉกรรจ์คิดสับสนวุ่นวายไปหมด

ทว่าเขาไม่รู้เลย

‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ซึ่งแข็งแกร่งของจ้าวเฟิง ใช้วิชา ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ ที่ลึกล้ำ คมมีดที่โจมตีตรงไปปรากฏในร่างกายแล้วจึงก่อให้เกิดความเสียหาย

สามารถพูดได้ว่า ต่อให้การป้องกันภายนอกแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่าหรือร้อยเท่า ก็แทบไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด เพราะภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตล้วนแต่เปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดสำคัญตรงหัวใจที่ไม่อาจทนกลิ่นอายพิฆาตสีม่วงซึ่งหลอมรวมอยู่ได้

“พลั่ก!”

ดวงวิญญาณในร่างของชายฉกรรจ์เกราะดำสูญสลาย ศพร่วงหล่นยังเบื้องล่างตามจอมโจรสลัดหลานเหลยไป

เพียงพริบตาเดียว

ผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั้งสองคนโดนจ้าวเฟิงสังหารจนหมดสิ้น

แซ่ด!

ราชาหูสั่วตื่นตระหนกระคนสงสัย พ่นลมหายใจออกมาน้อยๆ

ลงมือสังหารผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายสองคน ต่อให้เป็นคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อเนิดระดับสูงอย่างเขายังไม่มีความสามารถขั้นนี้

ในเวลาดังกล่าว ‘ราชาหูสั่ว’ เต็มไปด้วยความหวาดระแวง จึงทำให้พลังที่ผนึกเจ้าหอโครงกระดูกคลายลง

ภายในเรือแห่งทะเลความว่างเปล่า

โหลวหลานจื๋อสุ่ยและลูกเรือคนอื่นอ้าปากตาค้าง คาดคิดไม่ถึงเลยว่าสถานการณ์พลิกผันแบบนี้จะเกิดขึ้น

เพียงแค่พริบตาเดียวจ้าวเฟิงก็สังหารผู้สูงศักดิ์สองคนติดๆ กัน

“นี่มันสายเลือดดวงตาอะไรกัน…”

อาการสั่นไหวภายในใจของโหลวหลานจื๋อสุ่ยไม่สามารถใช้คำพูดใดบรรยายออกมาได้ บนใบหน้านางฉายแววตกตะลึง

ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่า เหตุใดผู้สูงศักดิ์ที่แข็งแกร่งดังเช่นเจ้าหอโครงกระดูกจึงเต็มอกเต็มใจเป็นข้ารับใช้ของหนุ่มผู้นี้

“เป็นเป้าหมายประกาศจับของสามสำนักระดับสูงทั้งที จะเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาได้อย่างไร…”

สีหน้าของราชาหูสั่วเคร่งขรึมลง พลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ความรู้สึกอันตรายก็จู่โจมเข้ามา

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!” วิชาดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุดของจ้าวเฟิงพุ่งทะยานออกไปเป็นครั้งที่สาม

แย่แล้ว!

ประสาทสัมผัสแข็งแกร่งของราชาหูสั่วสัมผัสได้ถึงระลอกพลังมิติที่ลึกลับ

วิชา ‘เคลื่อนย้ายมิติ’ ของจ้าวเฟิงไม่ได้ใช้พลังดวงตามิติ แต่เป็นความสามารถในการเคลื่อนย้ายอย่างหนึ่งที่มากับมิติดวงตาเทพเจ้า

ด้วยเหตุนี้ คลื่นมิติประเภทนี้จึงซับซ้อนอยู่เหนือหลักการใด

“รีบถอย!”

ราชาหูสั่วเป็นถึงยอดฝีมือในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง เกิดเสียงดัง ‘พรึ่บ’ ครั้งหนึ่ง บนจุดเดิมก็เหลือแค่เพียงเสี้ยวเงาเท่านั้น

ฉับ!

ยามที่เศษเสี้ยวเงาสลายไปมีเลือดสาดกระเซ็นออกมา

ราชาหูสั่วหลบ ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ไม่พ้นทั้งหมด เขาไม่เหมือนกับปรมาจารย์อิ๋นคงที่เคลื่อนกายด้วยพรสวรรค์ด้านมิติ

“อ๊าก…”

ราชาหูสั่วร้องเสียงหลงเมื่อปรากฏร่างยังที่ไกลออกไปหลายสิบจั้ง บนอกมีรอยเลือดดวงเล็ก

“เจ้าหนุ่ม นี่เจ้า…”

ใบหน้าของราชาหูสั่วซีดขาว จุดสำคัญภายในร่างกายโดน ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ทะลวงผ่าน กลิ่นอายรัศมีม่วงพิฆาตซึ่งปะทุออกมารุนแรงมากพอจะทำให้ถึงแก่ชีวิต

โชคยังดีที่เขาที่ปฏิกิริยาโต้ตอบเร็ว จึงใช้ไอสวรรค์ที่แท้จริงบางส่วนปกป้องส่วนสำคัญได้ทัน

แต่ว่า ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ เป็นการโจมตีประเภทมิติ พุ่งทะลวงจากส่วนของหัวใจโดยตรง

ด้วยเหตุนี้การป้องกันของราชาหูสั่วจึงทำได้แค่ลดอาการบาดเจ็บเท่านั้น แต่ไม่ได้ลบล้างการโจมตีทั้งหมด

“ยังเหลือกระบวนท่าสุดท้าย” จ้าวเฟิงกัดฟัน ฝืนใช้พลังสายเลือดดวงตาที่เหลืออยู่ สีหน้ามีความบ้าคลั่งสุดขีด

“เจ้าหนุ่ม ยั้งมือก่อน!”

ราชาหูสั่วตกใจ ฝืนยับยั้งบาดแผลที่เกือบถึงชีวิตนั้น แล้วกระตุ้นแหล่งกำเนิดพลังทั้งหมดโดยไม่คิดถึงสิ่งใด ก่อนร่างกายจะทะลวงไปในทะเลหมอกความว่างเปล่า

ฟุ่บ!

ด้านบนของทะเลหมอกทิ้งไว้เพียงร่องรอยของลำแสงสีเลือดที่ผ่านไปแวบหนึ่งเท่านั้น

ในทะเลความว่างเปล่า แรงดึงดูดและแรงต้านอากาศน้อยนิด ความเร็วในการบินจึงไปถึงขั้นที่น่าตกใจ

“หนีไปแล้ว!?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ราชาหูสั่วก็มีวันที่ต้องวิ่งหนีไม่เป็นท่ากับเขาด้วย” คนทั้งหมดภายในเรือวิจารณ์กันอื้ออึง

โหลวหลานจื๋อสุ่ยน้ำตาเอ่อคลอด้วยความปีติ ไม่อาจใช้คำพูดใดบรรยายความรู้สึกยินดีในวินาทีนี้ได้

“นายท่านหัวหน้าเรือ หากท่านปล่อยไปอีกกระบวนท่าหนึ่งก็จะสังหารราชาหูสั่วได้ ชื่อเสียงคงกระฉ่อนไปทั่วทะเลความว่างเปล่าแล้ว”

“ฮ่า! หัวหน้าทำร้ายราชาหูสั่วจนบาดเจ็บ ก็มากพอทำให้ชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วเขาปาฮวงแล้ว”

คนทั้งหลายซึ่งยังอกสั่นขวัญแขวนเอ่ยชมกันอย่างตื่นตะลึง

เหนือมหาสมุทร

ฮู่!

จ้าวเฟิงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา

ในความเป็นจริง เขาอยากจะปลดปล่อย ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ครั้งที่สี่ ทว่าจะสิ้นเปลืองแรงเป็นอย่างมาก ต่อให้ทำสำเร็จเขาก็จะขาดแคลนพลังดวงตา จนอาจถึงขั้นตกอยู่อันตรายได้

ด้วยเหตุนี้ อาการบ้าคลั่งจนไม่สนสิ่งใดของจ้าวเฟิงในตอนสุดท้าย จึงเป็นเพียงแค่การข่มขู่ไปอย่างนั้น

เขาคาดเดาไว้ว่าบาดแผลฉกรรจ์ของราชาหูสั่ว หากรักษาไม่ทันอาจจะถึงแก่ชีวิต ฝ่ายนั้นคงไม่กล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้

จ้าวเฟิงทายถูกแล้ว

ราชาหูสั่วไม่กล้าเอาชีวิตของตัวเองมาล้อเล่น เขาต้องรีบรักษาบาดแผลให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะรักษาชีวิตไว้

“เจ้าหอโครงกระดูก”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ โบกธงสีดำเก็บค่ายกลหุ่นเชิดศพ แล้วจึงเก็บเจ้าหอโครงกระดูกที่ชิ้นส่วนร่างกายกระจัดกระจายไว้ในประคำหมื่นวิญญาณ

ภายในประคำหมื่นวิญญาณ

ร่างกระดูกของเจ้าหอโครงกระดูกมีรอยแตกร้าวอยู่ทั่ว แถมยังมีบางส่วนที่หักไปแล้ว

ยังดีที่เขาฝึกฝนศาสตร์แห่งศพ ไม่ว่าจะฝึกตนหรือฟื้นฟูพลังภายในประคำหมื่นวิญญาณ ความเร็วล้วนมากเกินกว่าโลกภายนอกทั้งสิ้น

“ออกเดินทาง!” จ้าวเฟิงดำดิ่งลงภายในมหาสมุทรความว่างเปล่า แล้วเข้าไปภายในเรือหลานเหลย

ปุด ปุด~

เรือหลานเหลยดำดิ่งไปที่ส่วนลึกของมหาสมุทรอีกครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังทิศทางของ ‘ดินแดนหมู่เกาะเชียนหลิว’ ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

ภายในห้องของหัวหน้าเรือ

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิเร่งฟื้นฟูพลัง ในเวลาเดียวกัน เขาตรวจสอบหุ่นเชิดศพต้องสาปทั้งหกสิบร่าง หุ่นเชิดศพทั้งหลายได้รับบาดเจ็บไม่น้อย จึงต้องซ่อมแซมและฟื้นฟู

ยังดีที่คุณสมบัติพิเศษภายในประคำหมื่นวิญญาณทำให้หุ่นเชิดศพต้องสาปฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น

ต่อให้ไม่ตั้งใจทำให้เพิ่มขึ้น แต่สิ่งของประเภทมรณะต่างๆ ภายในประคำหมื่นวิญญาณจะพัฒนาขึ้นเองทีละน้อย

“ค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป ทำให้หุ่นเชิดศพเหล่านี้เชื่อมโยงประดุจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การโจมตีที่โลกภายนอกก็มีผลลัพธ์ที่ต้องแบกรับแบบเดียวกัน”

จ้าวเฟิงตรวจสอบเล็กน้อย จึงพบว่าหุ่นเชิดศพต้องสาปเหล่านี้ไม่ได้เสียหายอะไร

ที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุดในนั้นคือแขนขาขาด แต่เพราะมีทรัพยากรและอุปกรณ์ด้านศาสตร์ซากศพภายในประคำหมื่นวิญญาณ การจะฟื้นฟูให้ดีขึ้นจึงไม่ได้ยากนัก

มหาสมุทรความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต

ความเร็วของเรือหลานเหลยได้พัฒนาขีดจำกัดไปถึงอีกขั้นหนึ่ง ระยะทางไปที่ ‘เขาปาฮวง’ ก็สั้นลงเรื่อยๆ

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกลับไปเป็นสีดำตามปกติ

“ถือว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแค่…”

จ้าวเฟิงคาดการณ์ไว้ว่าการคุกคามจากสามสำนักจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ

แต่ในเวลาเดียวกันก็ยังมีความว้าวุ่นใจจากส่วนลึกของดวงวิญญาณ

กลิ่นอายของพลังมรณะทำให้เขาต้องเสี่ยงชีวิตไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวินาทีก่อนที่จะเรียกใช้ ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ปฏิกิริยาของพลังมรณะแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นพันเท่า

“จ้าวเฟิง! ทางที่ดีเจ้าอย่าใช้พลังสายเลือดดวงตา ทุกครั้งที่เจ้ากระตุ้นพลังสายเลือดดวงตา จะยิ่งกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองของเจ้ากับจักรพรรดิแห่งความตาย”

คำเตือนก่อนที่จะจากลากันของเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงดังขึ้นในหัวของเขา

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จ้าวเฟิงทอดถอนใจ หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์หมดทางเลือกจริงๆ เขาจะไม่ใช้ดวงตาเทพเจ้าอย่างง่ายดายอีกแล้ว…

ทะเลความว่างเปล่า อีกฝั่งที่ไกลออกไป

“เนตรเทพเจ้าดวงที่เก้า…ในที่สุดเจ้าก็แสดงตัวออกมาแล้ว?”

เงาสีดำมืดมิดอยู่ภายในหุบเหวลึกไร้ก้นบึ้ง เสียงลึกลับเต็มเปี่ยมด้วยพลังมรณะดังขึ้นภายในชั้นของวิญญาณ

ทันใดนั้น

“สะพาน…เชื่อม…ต่อ…ความ…ตาย!”

พลังมรณะที่แข็งแกร่งดุจ ‘แสงอาทิตย์ทมิฬ’ ระเบิดปะทุกลางอากาศ แรงกระเพื่อมของพลังมรณะที่รุนแรงจนถึงขีดสุดทะลวงไปบนฟ้า แล้วแผ่ออกในวงกว้าง กระจายไปทั่วทะเลความว่างเปล่าแสนเวิ้งว้าง

ยามนั้น ในรัศมีหนึ่งร้อยลี้เงียบสงัดลง ดวงอาทิตย์เหมือนตกลงสู่ความมืดมิด

ในวินาทีเดียวกัน สิ่งมีชีวิตเพียงส่วนน้อยในชางไห่จะสัมผัสได้ถึงร่องรอยเลือนรางบางอย่าง

ในหุบเหวมืดมิด

เบื้องหน้าตำหนักเก่าแก่ มีกลิ่นอายมรณะสาดกระจายออกมาหลอมรวมเป็นเงาคล้ายนกสีดำทะมึน มันส่งเสียงร้องแหลมขึ้น

“จักรพรรดิแห่งความตายมีคำสั่ง เรียกหาสี่ราชาจิตวิญญาณมรณะ และสามสิบหกองครักษ์แห่งความตาย”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version