บทที่ 589 แหล่งกำเนิดเดียวกัน
“รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ!”
ทันทีที่มีเสียงเล็ดลอดออกมา ภายในลานประลองแห่งทะเลความว่างเปล่าก็ส่งเสียงเอ็ดตะโร
สายเลือดในตำนานของสมัยบรรพกาลปรากฏขึ้นอีกครั้งในตอนนี้ แล้วนี่การโจมตีจะรุนแรงขนาดไหน?
‘ชายหนุ่มผอมสูง’ ที่มาจากดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับไม่ขัดขวางการปลดผนึกสายเลือดของคนหนุ่มผมสั้น
โครม! โครม!
ภายในสนามประลอง เหล่ายอดฝีมือต่างแดนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจากส่วนลึกของวิญญาณ
ยอดฝีมือบางส่วนที่ฝึกตนต่ำกว่าครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด งอเข่าลงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
หรือแม้กระทั่งผู้สูงศักดิ์บางส่วนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด แรงกดดันทะลักออกมาจากภายในกระแสเลือดและวิญญาณ เหมือนว่าจะศิโรราบต่อ ‘ชายหนุ่มผมสั้น’ จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์
บนเวทีประลอง
หลังจากสายเลือดของชายผมสั้นถูกปลดผนึก ผิวหนังทั่วร่างกายกลายเป็นเกล็ดและเปลือก แข็งกระด้างหนาเตอะ ประหนึ่งเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ที่แข็งแกร่ง กลิ่นอายที่น่ากลัวพวกนั้นลอยปกคลุมเหนือ ‘คู่หูจื่อจุน’
“ที่แท้ก็เป็นสายเลือดบรรพกาลในตำนาน…” คู่หูจื่อจุนสีหน้าทุกข์ทรมาน หัวเข่าโค้งงอไปกว่าครึ่งแล้ว
ภายใต้กลิ่นอายสายเลือดที่แข็งแกร่งของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ พวกเขาเป็นราวกับมดปลวกเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนั้น ยังไม่ทันได้ประลองฝีมือกัน กายและใจก็พ่ายแพ้จนหมดรูปแล้ว
ที่คนทั้งสองร่วมมือกันโจมตีเมื่อครู่ เหลือเพียงแค่รอยเลือดเล็กๆ บนร่างกายภายนอกของชายหนุ่มผมสั้นเท่านั้น อีกทั้งรอยแผลถูกรักษาอย่างรวดเร็วโดยสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
“เป็นพลังฟื้นฟูและป้องกันที่แข็งแกร่งเหลือเกิน นี่คือพลังของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณงั้นหรือ?” ดวงวิญญาณและร่างกายของจ้าวเฟิงรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
นอกจากการปิดผนึกดวงตาเทพเจ้า ขนาดพลังสายเลือดของเขายังโดนกดไว้หมดสิ้นจนสั่นสะท้านน้อยๆ
พลังสายเลือดโดนกดทับเอาไว้ เหตุการณ์ประเภทนี้จ้าวเฟิงเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก
ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!
สายเลือดที่โดนกดทับ กลิ่นอายซึ่งเกิดขึ้นยามสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ลอยเข้าสู่ดวงตาเทพเจ้าที่ถูกปิดผนึกไว้ เสียงเต้นตุบๆ ที่ออกมาจากดวงตาเทพเจ้าค่อยๆ เต้นกระตุกขึ้นมา
เนื่องจากพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงเป็นสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะดวงตาเทพเจ้า
“ไสหัวไป!” พลังสายเลือดบนเรือนร่างของชายหนุ่มผมสั้นเพิ่มขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด ลวดลายแสงสีดำโบราณเป็นดั่งพายุหมุนสีดำที่ไร้ซึ่งความหวั่นเกรงใดๆ มันระเบิดออกแล้วพุ่งโจมตีในรัศมีร้อยสองร้อยจั้ง
โครม! โครม!
คู่หูจื่อจุนร้องโหยหวนเสียงดังพร้อมกัน ร่างกายลอยกระเด็นไปด้านหลัง เลือดเนื้อและร่างกายทั่วร่างประหนึ่งโดนสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์โจมตี
“อ๊าก อ๊าก…”
ร่างของคนทั้งสองที่มีเลือดไหลโทรมไปทั่วกลิ้งลงมาจากเวทีประลอง กรรมการในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดหลายคนหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ทั่วทั้งหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
“เจียงฟาน ชนะสามสิบเอ็ดครั้งรวด ไม่สิ! สามสิบสองครั้ง…” หนึ่งในกรรมการตัดสินเอ่ยเสียงตะกุกตะกักอย่างเห็นได้ชัด
สถานการณ์ในตอนนี้ สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณของชายหนุ่มผมสั้นนาม ‘เจียงฟาน’ ได้ระเบิดพลังที่น่ากลัวออก แล้วพุ่งโจมตีคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายและขั้นสุดยอด
แคว่ก!
เหล่าคนในสนามประลองสูดหายใจลึกด้วยความตื่นตระหนก ใจเต้นระรัวด้วยแรงกดจากกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่บริสุทธิ์
ลูกเรือที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิงไม่มีใครที่สามารถยืนอยู่ได้เลย เรือนร่างแบบบางของโหลวหลานจื๋อสุ่ยพิงบนร่างของจ้าวเฟิง จึงพอจะทนทานไปได้
แต่ว่าบรรดาคนที่พอจะทนได้นั้น สายเลือดภายในร่างกายล้วนแต่โดนกระตุ้นทั้งสิ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า…ยังมีใครอยากจะประลองอีก!” เจียงฟานหัวเราะร่วน กลิ่นอายสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแผ่อำนาจไปทั่วทิศทาง ทำให้คนในบริเวณรอบๆ หายใจไม่ทั่วท้อง
ทุกที่ที่สายตาของคนหนุ่มผมสั้น ‘เจียงฟาน’ กวาดผ่าน แรงกดทับของสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณราวกับจู่โจมมาที่ร่าง คนจำนวนมากประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาดลงที่ร่างกายและจิตใจ
คนที่ต้องการจะประลองด้วยบางส่วนในพื้นที่ใกล้ๆ ล้วนแต่ก้มหน้าลง
“กลิ่นอายสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณนี้เหมือนมีที่มาคล้ายคลึงกับ ‘กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล’ ที่ข้าดูดซึม”
สายเลือดของจ้าวเฟิงโดนกดทับไว้อย่างรุนแรง แต่ว่าก็โดนผลกระทบด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสายเลือดของเขาและดวงตาเทพเจ้ามีความเกี่ยวโยงกัน
“หืม?” สายตาของชายหนุ่มผมสั้นกวาดผ่านทั่วบริเวณแล้วนิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง
“กลิ่นอายบรรพกาลที่เบาบางในที่แห่งนี้ หรือว่าจะมีสายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอื่นอีก…”
สายเลือดของชายหนุ่มผมสั้นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่าง
ขวับ!
สายตาที่ว่องไวปราดเปรียวของเขาจับจ้องอยู่บนร่างของจ้าวเฟิง
ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเต้นกระตุกอีกครั้ง ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างประหลาดนี้มีที่มาจากกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลที่ร่างกายดูดซึมเข้าไป แล้วยังไม่ทันได้ไหลวนเข้าไปในเส้นเลือด
โครม!
ยามเมื่อชายผมสั้นหันมาสบตา ใจของจ้าวเฟิงกระตุก ราวกับว่าโดนโจมตีอย่างซึ่งหน้าโดยสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง แรงกดดันที่เกิดขึ้นในวินาทีนั้นแข็งกล้ากว่าคนอื่นอยู่บางส่วน
“ไม่เสียทีที่เป็นสายเลือดในตำนานชั้นยอดที่สุดในใต้หล้า…”
เลือดทั่วร่างของจ้าวเฟิงหยุดปั่นป่วนแล้ว
โชคดีที่สภาวะวิญญาณของเขาได้แรงกระตุ้นจาก ‘เลือดหัวใจวาฬ’ และ ‘กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล’ จึงอยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง มิฉะนั้นแล้วล่ะก็ หากเป็นคนในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หรือกระทั่งขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ คงไม่แคล้วกระอักเลือดออกมา
“น่าสนใจ พลังสายเลือดของเจ้าเหมือนมีต้นกำเนิดเดียวกันกับสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…” ดวงตาของชายหนุ่มผมสั้นสว่างวาบ
กลิ่นอายจากเรือนร่างของจ้าวเฟิงซึ่งเหมือนมีที่มาเดียวกัน ปลุกกระตุ้นจิตต่อสู้และประสาทสัมผัสของเขา ถึงขนาดที่ว่า ในชั่วขณะหนึ่งสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณภายในร่างของเขารู้สึกคล้ายกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง
คำพูดของชายหนุ่มผมสั้นทำให้ฝูงชนถึงกับตื่นตกใจ
บรรดาผู้ชมต่างมองมาที่จ้าวเฟิงเป็นจุดเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีสายเลือดที่คล้ายคลึงกับสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณอีกคนหนึ่งดำรงอยู่ในสถานที่เดียวกัน
“เสียดายที่ยังฝึกตนไม่ถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิด” ชายหนุ่มผมสั้นคนนั้นส่ายศีรษะน้อยๆ อย่างรู้สึกเสียดาย แล้วจึงเก็บจิตต่อสู้ของตนกลับไป
ฟู่!
จ้าวเฟิงถอนหายใจโล่งอก แรงกดทับสายเลือดที่มาจากอีกฝ่ายแข็งกล้ามากเกินไป เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ายังด้อยกว่าสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณมากหลายขุม
‘คู่หูจื่อจุน’ พวกนั้น คนหนึ่งอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย อีกคนคือขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำขั้นสุดยอด ทั้งสองล้วนแต่โดนเล่นงานจนแตกกระเจิง
หากเป็นเขากับเจ้าหอโครงกระดูกก็คงมีจุดจบที่เหมือนกัน
“หากไม่ใช้พลังสายเลือดดวงตา มีความเป็นไปได้สูงว่าข้าจะโดนเขาโจมตีจนพ่ายเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น อีกอย่างสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณแข็งแกร่งประหนึ่งสามารถขัดลิขิตฟ้า ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’ ก็อาจจะสังหารเขาไม่ได้”
จ้าวเฟิงคิดวิเคราะห์อย่างใจเย็น
หลังจากวิเคราะห์เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาจึงแจ่มแจ้งในความน่ากลัวของอัจฉริยะจากดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั่น จึงไม่แปลกใจที่ ‘เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง’ เลือก ‘จ้าวหยูเฟย’ เป็นผู้สืบทอด
ต้องรู้ไว้ว่า เซียนจื่อเย่ก็มีสายเลือดเบาบางของหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ยามรุ่งโรจน์อยู่ใน ‘ขอบเขตเทวาเร้นลับ’ ที่ทรงอานุภาพยิ่งกว่าขอบเขตราชันปราณเทวะ อยู่ห่างจากขอบเขตเซียนสวรรค์เพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
“หลานชาย! ที่แท้เจ้าอยู่ที่นี่ ฮ่าฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะเย็นๆ อย่างเคืองแค้นดังมาจากสนามประลองอีกฝั่ง เจ้าของเสียงนั้นคือผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำ!
“เป็นเขา…” พวกของหญิงวงหน้าละมุนเห็นจ้าวฟิงในฝูงชนยังอดตกใจไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…หลานชาย! ในที่สุดข้าก็หาเจ้าเจอแล้ว” ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำหัวเราะอย่างยินดี
ทันใดนั้นเอง! พลังมหาศาลของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงก็ครอบคลุมทั่วร่างของจ้าวเฟิง
“ตาแก่หนังเหนียว!” ใบหน้าของจ้าวเฟิงแข็งทื่อ คิดไม่ถึงว่าจะเจอผู้อาวุโสสามเชียนอวิ๋นที่นี่
ในวันนั้น
จ้าวเฟิงควักเอาหัวใจวาฬแห่งทะเลความว่างเปล่าตัดหน้าไปก่อน ในขณะที่ยอดผู้สูงศักดิ์สองคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงกำลังสู้รบตบมือกัน แล้วสุดท้ายก็หลอกชายชราชุดคลุมดำอีกครั้ง
“เป็นผู้อาวุโสสามแห่งหอเชียนอวิ๋น” เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นจากฝูงชน มีคนจำนวนไม่น้อยรู้จักตัวตนของผู้เฒ่าในชุดดำ
ก็ในเมื่อหอเชียนอวิ๋นเป็นสำนักหนึ่งดาวแข็งแกร่งรุ่งโรจน์ที่ใกล้จะเป็นสำนักสองดาว อำนาจอย่างน้อยๆ เทียบเท่าได้กับ ‘ลัทธิมารจันทราชาด’ ในยามรุ่งโรจน์เลยทีเดียว
พรึ่บ สวบ! ร่างของผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำขยับไหวน้อยๆ แล้วบินตรงมายังเบื้องหน้าของจ้าวเฟิง สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
“หลานชาย เอาเลือดหัวใจวาฬออกมา! แล้วข้าจะไม่ติดใจเอาความ”
เขาส่งเสียงมาในประสาทสัมผัสจิตวิญญาณ ไม่ได้ตะโกนโหวกเหวกแต่อย่างใด
อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับเลือดศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าในตำนานอย่างเลือดหัวใจวาฬ ผู้เฒ่าชุดคลุมดำผู้นี้จึงไม่อยากให้เอิกเกริกใหญ่โต แล้วทำให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ สนใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“เหอะเหอะ เลือดหัวใจถูกพวกข้าแล่เอาออกมาจากร่างตั้งแต่ยามที่พวกข้าอยู่ในท้องมันแล้ว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลยแม้แต่น้อย แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือข้าใช้เลือดนั่นจนหมดแล้ว”
จ้าวเฟิงส่งเสียงกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
เมื่ออยู่ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า เขาจึงไม่ได้กังวลว่าผู้เฒ่าคนดังกล่าวจะลงมือ
จากที่ ‘เสี่ยวหม่า’ เด็กนำทางคนนั้นเอ่ย ไม่ว่าภายนอกจะวุ่นวายมากขนาดไหน แต่ ‘ตำหนักวิญญาณ’ มักจะเป็นที่ที่สงบที่สุดบนทะเลความว่างเปล่าเสมอ
เพราะว่าเบื้องหลังของ ‘ตำหนักวิญญาณ’ คือดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!
ต่อให้เป็นสำนักสามดาวหรือราชันปราณเทวะยังไม่กล้าก่อเรื่องในสถานที่แห่งนี้
คนที่เคยก่อเรื่องในอดีตมีไม่กี่คนที่สามารถออกจาก ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ไปได้แบบมีลมหายใจอยู่
“หลานชาย! อย่าหวังจะหลอกข้า! ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของวาฬนั่น เลือดหัวใจจะต้องมีปริมาณมาก เจ้ามอบส่วนที่เหลือมา แล้วข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า”
ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำหัวเราะเสียงเย็น
เขาเองก็ไม่ใช่คนโง่ แน่ใจว่าจ้าวเฟิงต้องยังมีเลือดหัวใจวาฬจำนวนมากอยู่แน่
“ข้าไม่ให้!” จ้าวเฟิงกลอกตา การได้มาซึ่งเลือดหัวใจวาฬไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้เฒ่าคนนี้แต่อย่างใด
“เหอะ! ข้าไม่กล้าจัดการเจ้าใน ‘ตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า’ แต่ว่า ‘หอเชียนอวิ๋น’ ของข้าติดหนึ่งในสามอันดับต้นๆ ของดินแดนเกาะในละแวกนี้ อย่าโผล่ออกไปนอกตำหนักวิญญาณก็แล้วกัน” ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำหัวเราะแล้วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่า เขาย่อมไม่กล้าลงมือแน่ แต่เขาไม่เชื่อว่าจ้าวเฟิงจะเอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองไม่ออกไปจาก ‘ตำหนักวิญญาณ’ แห่งนี้
ขวับ!
ทันทีที่ผู้เฒ่าในชุดคลุมสีดำเดินจากไป ชายหนุ่มผมสั้นคนหนึ่งก็ร่อนกายลงเบื้องหน้าจ้าวเฟิง
“เจียงฟาน!” จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ กลุ่มคนรอบกายใจเต้นถี่ระรัว
“ข้าน้อยนามว่าเจียงฟาน มาจาก ‘ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู’ ขอบังอาจถามถึงชื่อเสียงเรียงนามของพี่ชายท่านนี้” เจียงฟานหัวเราะน้อยๆ
ในสนามประลอง เหล่าผู้ชมล้วนแต่แปลกใจ เพราะอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เย่อหยิ่งอย่างมากผู้นี้ กลับเป็นผู้ผูกมิตรกับจ้าวเฟิงก่อน
สายตาของเจียงฟานประเมินจ้าวเฟิงด้วยความสนใจใคร่รู้
ภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้นในครรลองสายตาของยอดผู้สูงศักดิ์ชุดคลุมสีดำที่เพิ่งสะบัดแขนเสื้อจากไปเมื่อครู่ ใบหน้าที่ยิ้มเย็นแข็งค้างอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงผูกสัมพันธ์กับอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ล่ะก็ ต่อให้เป็นหอเชียนอวิ๋นของเขาก็ไม่กล้าแตะต้องจ้าวฟิง
“ผู้น้อยมีนามกว่าจ้าวเฟิง” จ้าวเฟิงเอ่ยทักทายกับอัจฉริยะทั้งสองของดินแดศักดิ์สิทธิ์
ชายหนุ่มผมสั้นที่มีสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มีนามว่าเจียงฟาน
ผู้เยาว์รูปร่างผอมสูงที่ฝึกตนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง นามว่าเฉินอี้หลิน
ในขณะที่อัจฉริยะทั้งสองจากดินแดนศักดิ์ประเมินจ้าวเฟิงอยู่นั้น จ้าวเฟิงก็ประเมินพวกเขาด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เจียงฟาน’ ที่มีสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
“กลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลสามารถชะล้างและเพิ่มพลังให้กับสภาวะวิญญาณของข้า ช่วยให้สายเลือดย้อนคืนมาบริสุทธิ์ดังเดิม แต่ว่าสายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณนี่มีกลิ่นอายจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน ทั้งสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร” จ้าวเฟิงครุ่นคิดในใจ
จ้าวเฟิงสงสัยในกลิ่นอายของห้วงฝันบรรพกาลยิ่งขึ้น จนคาดเดาไปต่างๆ นานาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“เด็กหนุ่มคนนี้ ในพลังสายเลือดมีกลิ่นอายบรรพกาลเจืออยู่บางๆ ต่อให้ไม่ใช่สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ก็ต้องเป็นสายเลือดแข็งกล้าที่สืบทอดมาจากยุคสมัยนั้น ย่อมเหนือกว่าสายเลือดของยุคนี้”
อัจฉริยะสองคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ประมาทในตัวจ้าวเฟิง
ถึงแม้ในดินแดนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณถือได้ว่าเป็นพรสวรรค์สายเลือดชั้นยอดที่สุดซึ่งดำรงอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่นอกดินแดนศักสิทธิ์กลับพบพรสวรรค์สายเลือดที่ใกล้เคียงกับ ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’ ด้วยเช่นกัน อัจฉริยะทั้งสองจึงประหลาดใจมากทีเดียว