บทที่ 588 สายเลือดหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ
ลานประลองแห่งทะเลความว่างเปล่าเป็นสถานที่ปิด สร้างจากทรัพยากรผลึกหินที่มีความพิเศษแข็งทนทาน อีกทั้งทั่วทั้งสนามประลองก็อยู่ภายใต้การปกปักของค่ายกลขนาดใหญ่ ต่อให้เป็นยอดผู้สูงศักดิ์ขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ก็ยากที่จะทำลายสนามประลองแห่งนี้ลงได้
ที่ทางเข้า มีทหารยามของตำหนักวิญญาณความว่างเปล่าเฝ้าอยู่บางส่วน
“ค่าเข้าชมหนึ่งคนจะหักผลึกเริ่มต้นห้าสิบชิ้น” ค่าเข้าชมภายในลานประลองก็มากพอให้ผู้ฝึกตนของสำนักภายในทวีปหมดตัวได้
จ้าวเฟิงและคนอื่นถือตราคำสั่งทะเลความว่างเปล่า มีผลึกเริ่มต้นอยู่ภายในนั้นจำนวนมากจึงสามารถหักได้
เสี่ยวหม่าผู้นำทางรู้สึกเข้าเนื้อเล็กน้อย แต่ก็หักผลึกเริ่มต้นไปเป็นค่าใช้จ่าย
“เด็กนั่นชนะติดกันยี่สิบเก้าครั้งแล้ว เอาให้สุดไปเลย สังหารเขาซะ!”
“ความน่าจะแพ้มีถึงหนึ่งต่อยี่สิบห้าส่วนเลยทีเดียว”
“เฮ้อ ผลึกเริ่มต้นระดับสูงห้าร้อยชิ้นของข้า”
คนในสนามประลองตะโกนเสียงดังอื้ออึง แล้วตามด้วยเสียงร้องโอดครวญอย่าผิดหวัง
ลานประลองขนาดใหญ่เช่นนี้มีเวทีประลองทั้งหมดแปดแห่ง
คนจำนวนมากล้วนแต่ไปแออัดกันอยู่ที่เวทีประลองฟากตะวันออก ที่นั่งผู้ชมในละแวกใกล้เคียงคนแน่นขนัดเบียดเสียดนานแล้ว
“เขาก็คืออัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอูงั้นรึ?”
“อายุยังน้อย เพิ่งจะยี่สิบก็ฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเสียแล้ว”
แววตาของคนทั้งหลายจับจ้องไปที่ชายหนุ่มผมสั้นที่ยืนอยู่บนเวทีประลองฟากตะวันออก
ผู้เยาว์ผมสั้นผู้นี้อยู่ในชุดคลุมยาวสีดำ รูปร่างหน้าตาจัดว่าธรรมดา เป็นประเภทที่ว่าหากอยู่รวมกับมวลชนก็ไม่โดดเด่นสะดุดตาอะไร
แต่ว่า เขายืนอยู่บนเวทีที่เบื้องล่างแน่นขนัดไปด้วยยอดฝีมือต่างทวีป ทุกอริยาบถทุกการกระทำของเขาล้วนแต่โดนจับจ้อง ชวนให้สตรีบางส่วนหลงใหลเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้นี้คืออัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอูรึ?” โหลวหลานจื๋อสุ่ยกวาดมองครั้งแรก ภายในใจเกิดความรู้สึกผิดหวัง
ในสายตานาง อัจฉริยะที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอูน่าจะมีท่าทีสูงส่งองอาจ เย็นชาไม่ธรรมดา หรือไม่ก็ดูห้าวหาญ แต่ว่าคนหนุ่มผมสั้นตรงหน้าร่างกายก็ไม่สูง หรือเรียกได้ว่าเตี้ยแคระแกร็น
“ศิษย์พี่เฉิน คู่ต่อสู้นอกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ช่างไม่มีความสามารถในการรบเอาเสียเลย…” คนหนุ่มผมสั้นมีทีท่าไม่ยินยอม จ้องมองไปยังชายหนุ่มรูปร่างผมสูงคนหนึ่งที่บนเวทีประลองทางด้านใต้
“กระบวนท่าเมื่อครู่เจ้าไม่ได้ใช้ในยามสำคัญ ไม่เช่นนั้นคงจัดการได้รวดเร็วมากขึ้น” ชายหนุ่มผอมสูงส่ายศีรษะน้อยๆ
ชายหนุ่มผมสั้นและชายหนุ่มผอมสูงคืออัจฉริยะที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอูนั่นเอง
คนสูงผอมฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง แทบจะไม่มีใครขอท้าประลองเขา สำหรับชายหนุ่มผมสั้นที่ฝึกตนต่ำลงมากกว่าหน่อยก็ยังคงอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ
“รอบที่สามสิบ” กรรมการเอ่ยปาก
บนลานประลองในฝั่งตะวันออก มีกรรมการเป็นยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสี่คน
จากจุดนี้จะเห็นได้เลยว่าตำหนักวิญญาณให้ความสำคัญกับสนามประลองทางทิศตะวันออกมากแค่ไหน
“ฮ่าฮ่า! เจ้าเด็กน้อย! ให้ข้าหม่าอวิ๋นเฟยได้ชมวิชาประจำสำนักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเป็นบุญตาหน่อย” ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์ในชุดขาดวิ่น ในมือถือแท่งไม้ไผ่ กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง
“หม่าอวิ๋นเฟย! ที่แท้เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรสลัดที่อาละวาดไปทั่วเมื่อยามก่อนนี่เอง!”
“หม่าอวิ๋นเฟยผู้นี้ยามรุ่งโรจน์อยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย แต่ว่าในยามที่สำรวจเขตทะเลลึกหวงห้ามอยู่ก็พบเหตุไม่คาดคิด ทำให้ขอบเขตฝึกตนลดลงเหลือเพียงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง” เหล่าผู้ชมทั้งหลายในลานประลองต่างรู้ฐานะของหม่าอวิ๋นเฟย
ถึงแม้ว่าหม่าอวิ๋นเฟยในวันนี้จะอยู่เพียงในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลางเท่านั้น แต่ว่าระดับขอบเขตและความชำนาญที่เหี้ยมโหดของเขาในยามที่เป็นหัวหน้ากองโจรสลัด แน่นอนว่าไม่มีคนในระดับเดียวกันสามารถเทียบเคียงได้
“ไผ่ไร้เงา!” หม่าอวิ๋นเฟยยื่นมือออกมาแล้วจึงเรียกอาวุธชั้นพิภพมาไว้ในมือ
แท่งไม้ไผ่ที่ดูหน้าตาธรรมดา กลายมาเป็นเงาต้นไผ่แน่นขนัดเป็นทิวแถวติดกัน ดูเหี้ยมโหดประหนึ่งว่ากลืนกินทุกอย่างไปจนหมดสิ้น
“อาวุธชั้นพิภพ…กลยุทธ์ชั้นพิภพ…” ใจของจ้าวเฟิงกระตุกวูบหนึ่ง
เขาแน่ใจว่า พลังของหม่าอวิ๋นเฟยผู้นี้ด้อยกว่าหัวหน้าโจรสลัดในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำนิดระดับต่ำช่วงปลายที่เขาเคยพบในครั้งก่อน กระทั่งค่อนไปทางเหลี่ยมจัดมากกว่า
ถ้าหากต่อสู้กันตัวต่อตัว เจ้าหอโครงกระดูกอาจจะเอาชนะเขาได้ แต่เกรงว่าจะต้องรอหลังจากหนึ่งร้อยกระบวนท่าขึ้นไปจึงสามารถชี้ผลแพ้ชนะ
“ตาแก่ เคล็ดวิชานี้ของเจ้าหากเป็นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ดูไม่ได้เลยทีเดียว” ชายหนุ่มผมสั้นบึนปาก
“หมัดดาวเหนือพิฆาตดารา!”
คนหนุ่มผมสั้นไม่ถอยหนีแต่อย่างใด ครั้นผลักกำปั้นออกไปก็เกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นทั่วฟ้า กลายเป็นพายุลำแสงหมัดทะลวงอากาศอย่างรุนแรง มีกลิ่นอายน่ากลัวสยดสยองทะลักออกมา
โครม โครม ตูม!
เงากระแสไม้ไผ่ที่หม่าอวิ๋นเฟยเรียกออกมาปริออกทีละชั้นจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย คล้ายกับโดนโจมตีจากฝนห่าดาวตกเป็นหมื่นล้านดวง
“เจ้าเด็กบ้านี่…”
หม่าอวิ๋นเฟยถอยร่นอย่างรุนแรง เขาพบว่าประสบการณ์ในการรบกว่าร้อยปีของตน เมื่อเผชิญหน้ากับพลังหมัดแข็งแกร่งที่กลับคืนสู่สภาวะดั้งเดิมของอีกฝ่าย ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย
ทุกหมัดที่ชายหนุ่มผมสั้นปล่อยออกมาประหนึ่งมีแรงกดดันที่ไร้ขอบเขตพุ่งผ่านมาด้วยพร้อมกลิ่นอายทรงพลัง แล้วยิ่งไปกว่านั้นคือทุกๆ หมัดพุ่งทะลวงผ่านร่างกายและดวงวิญญาณของเขา
ผลัวะ โครม!
ทันใดนั้น ร่างของหม่าอวิ๋นเฟยโดนกระแทกด้วยลำแสงหมัดอัดจนกระเด็นไปไกลเป็นร้อยจั้ง
อั๊ก!
ยามที่ร่วงกระแทกพื้น หม่าอวิ๋นเฟยกระอักเลือดออกมา กระดูกในร่างหักไปหลายจุด
“นี่มันอีท่าไหนกัน! ยังทนได้ไม่เกินสิบกระบวนท่าเลย”
“หัวหน้ากองโจรสลัดที่เคยลือลั่นมาวันนี้กลับพ่ายแพ้รวดเร็วอะไรเช่นนี้”
ผู้คนต่างเอ่ยอย่างตื่นตกใจ
คนด้านล่างเวทีมองด้วยตาเปล่าต่างรู้สึกว่าพลังของชายหนุ่มผมสั้นก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่เป็นเพราะว่าคู่ต่อสู้เผลอเรอจนพ่ายแพ้ไปต่างหาก
“ร้ายกาจนัก! ขนาดเป็นคนในขอบเขตก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าของหนุ่มผู้นี้ยังทนได้ไม่ถึงสิบยี่สิบกระบวนท่า”
ถึงแม้จ้าวเฟิงไม่ได้ใช้ดวงตาเทพเจ้า แต่ว่าด้วยสภาวะวิญญาณของเขาอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ความว่องไวของประสาทสัมผัสจึงแข็งกล้า
ความเป็นจริงแล้ว
ในลานประลอง มีเพียงแค่ยอดผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ที่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังและเสวียนอ้าวที่แท้จริงจากเคล็ดวิชาสายเลือดของคนหนุ่มผู้นั้น
“ชนะมาสามสิบรอบรวดแล้ว!” ผู้ชมทั้งหลายที่สนามรอผู้ท้าประลองคนใหม่
ในเวลานี้เอง อัตราส่วนแพ้ชนะของชายหนุ่มผมสั้นยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ มาจนถึงหนึ่งต่อยี่สิบเก้า หรือเรียกอีกอย่างว่า ถ้าหากพนันด้วยหนึ่งชิ้นผลึกเริ่มต้นว่าคู่ต่อสู้จะชนะเขา ก็จะได้ผลึกเริ่มต้นยี่สิบเก้าชิ้น
อีกทั้ง สัดส่วนนี้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่หยุดไปตามการชนะของคนหนุ่มผมสั้นผู้นี้
สวบ สวบ!
ในเวลานี้เอง กลิ่นอายแข็งแกร่งสองเส้นสายจากภายในสนามก็ดิ่งอากาศมาที่ลานประลองทิศตะวันออก
“เจ้าเด็กนี่! ยกให้เป็นหน้าที่ข้า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้าพนันผลึกเริ่มต้นระดับสูงแสนชิ้น ถ้าหากว่าข้าชนะก็จะได้ผลึกเริ่มต้นระดับสูงหลายล้านชิ้น” กลิ่นอายสองเส้นสายนั้นล้วนแต่ถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต้นช่วงปลาย
ผู้มาเยือนสองคน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มในชุดเกราะสีม่วงและชายหนุ่มวัยกลางคนใบหน้าอวบอ้วนหูยาว
“ลำดับที่สามสิบเอ็ด ลำดับที่สามสิบสอง ประลองได้!”
“อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายทั้งนั้น หนึ่งในนั้นเหมือนว่าจะอยู่ในขั้นสุดยอดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย” ความครึกครื้นในบริเวณลานประลองเกิดขึ้นอีกครั้ง
ด้วยคู่ต่อสู้ทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งกว่าคนก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายวัยกลางคนหน้าอวบอ้วนหูยาวที่ฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำขั้นสุดยอด เพียงอีกแค่ขั้นเดียวก็จะเป็นยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแล้ว
“น่าเบื่อจริง” ชายหนุ่มผมสั้นทำปากยื่นน้อยๆ อีกครั้ง
“เอาแบบนี้ เจ้าคนเดียวสู้กับพวกเขาสองคน ความน่าจะเป็นคงยังเหมือนเดิม” อัจฉริยะ ‘หนุ่มผอมสูง’ อีกคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เอ่ยย้ำด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“หืม? สองรุมหนึ่งงั้นรึ?” กรรมการหลายคนมีสีหน้าประหลาดใจ
ด้วยเพราะทางการของตำหนักวิญญาณเป็นผู้จัดงาน ถ้าหากว่าเกิดแพ้ขึ้นมา ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่เล็กๆ เลย
สายตาของคนทั้งหลายมองขึ้นไปที่สนามประลอง จับจ้องยังตัวของชายชราหน้าดำ เห็นได้ชัดว่าชายคนดังกล่าวคือผู้รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้ กลิ่นอายของเขาเข้าใกล้ขั้นขอบเขตราชันปราณเทวะ
“ได้” ชายชราหน้าดำมองที่หนุ่มน้อยรูปร่างผอมสูงผู้นั้นด้วยแววตาล้ำลึก
“ฮ่าฮ่า นี่พอจะท้าทายอยู่บ้าง พวกเจ้าสองคนขึ้นมาพร้อมกันเถอะ” ชายหนุ่มผมสั้นยิ้มแย้มน้อยๆ
อะไรกัน! สองรุมหนึ่งงั้นรึ?
คนทั้งหมดล้วนแต่ตกใจไปครู่หนึ่ง แล้วจากนั้นทั้งสนามก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
“เร็ว!”
“รีบวางเงินพนันกัน!”
ในเวลานี้อัตราส่วนแพ้ชนะของชายหนุ่มผมสั้นอยู่ที่หนึ่งต่อสามสิบแล้ว
บ้าเกินไปแล้ว!
คนที่เข้าร่วมพนันมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะอย่างไรคนที่ท้าประลองเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายถึงสองคน หนึ่งในนั้นยังมีขั้นสุดยอดด้วย
“หมัดดาวเหนือพิฆาตดารา!” บนเวทีประลอง ชายหนุ่มผมสั้นสาดซัดจิตต่อสู้ออกมาอย่างหนาแน่น ลำแสงพายุหมัดสลาตันที่เป็นรูปร่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทะลักกลิ่นอายสายเลือดโบราณออกมา
กระบี่พลิกนภา!
หมัดสิบอัตลักษณ์!
ชายหนุ่มชุดเกราะสีม่วงและชายวัยกลางคนหน้าอ้วนหูยาวลงมืออย่างเยือกเย็น ในแววตามีความเยาะเย้ยเล็ดลอดออกมาด้วย
ทันทีที่สองคนนี้ปล่อยพลังออกมา ถือได้ว่าเป็นการร่วมมือกันโจมตี กระบวนท่าสอดประสานแนบแน่น เติมเต็มช่วยกันจนเป็นกระบวนท่าสังหารที่ไร้ช่องว่าง
“ข้าคิดออกแล้ว คนทั้งสองนี้คือ ‘คู่หูจื่อและจุน’ พวกเขาถนัดร่วมมือกันโจมตี เคยร่วมมือกันประมือกับยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง”
“คู่หูจื่อจุน?ที่แท้แล้วเป็นคนสองคนหรอกเหรอนี่!”
เหล่าผู้ชมที่คอยดูอยู่ยิ่งลุ้นกันกันมากขึ้น
คู่หูจื่อจุน!
ที่แท้ชายหนุ่มชุดเกราะสีม่วงและชายวัยกลางคนหน้าอ้วนหูยาวผู้นี้ มักจะประสานพลังร่วมกันเสมอแต่ไหนแต่ไรมา
“ ‘คู่หูจื่อและจุน’ สองคนนี้เมื่อร่วมมือกันแล้วพลังรบใกล้เคียงกับคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงมากยิ่งนัก” จ้าวเฟิงตระหนกจนพูดไม่ออก
หากไม่ใช้ดวงตาเทพเจ้าและหุ่นเชิดศพต้องสาป กว่าครึ่งคือเขาแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสองคนในยามร่วมมือกัน แม้บวกเจ้าหอโครงกระดูกด้วยแล้ว โอกาสแพ้ชนะก็ยังแค่ห้าสิบห้าสิบเท่านั้น
ในเมื่อเคล็ดวิชาพลังของ ‘คู่หูจื่อจุน’ นี้เป็นการเสริมพลังซึ่งกันและกัน และต่างก็มีอาวุธชั้นพิภพคนละชิ้นอีกด้วย
โครม พรึ่บ ตูม ตูม…
การรบบนเวทีประลองพัวพันกันจนยากจะแยกออก
คนหนุ่มผมสั้นถึงแม้ว่าเคล็ดวิชามรดกจะเลอค่าสูงส่งจนยากจะเปรียบ แต่การฝึกตนยังห่างชั้นจากคนทั้งสองมากนัก
ระหว่างคนในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงต้นกับช่วงปลายสุดยอด ตามธรรมดาแล้วจำนวนปราณที่แท้จริงภายในร่างกายสามารถต่างกันได้ถึงสองสามเท่า ระดับความแข็งแกร่งก็ต่างกันด้วย
“เจ้าเด็กนี่ใช้ได้เหมือนกัน! สู้กับพวกเราสองคนด้วยตัวคนเดียวแล้วยังดุเดือดได้ขนาดนี้”
“เสียดายที่เขาฝึกตนไม่พอ ถ้าหากว่าเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงกลาง คนที่แพ้ก็อาจจะเป็นพวกเรา” บนในหน้าของ ‘คู่หูจื่อจุน’ มีแววปีติยินดีเกิดขึ้น ไม่รีบร้อนจะเอาชนะแต่อย่างใด แต่ค่อยๆ ลดทอนปราณที่แท้จริงของชายหนุ่มผมสั้นไปเรื่อยๆ
เหอะ!
ชายหนุ่มผมสั้นมีสีหน้าเคร่งขรึมลงเมื่อรู้สึกว่าใกล้จะทนรับมือกับสองคนนี้ไม่ไหวแล้ว
“เปิด!” ชายหนุ่มสั้นกางแขนออก แล้วกลิ่นอายสายเลือดที่เก่าแก่รุนแรงก็ทะลักปั่นป่วนภายในร่าง ทันใดนั้นเอง ทั่วร่างก็เกิดลายเส้นโบราณสีดำราวกับเป็นผิวหนังของสัตว์ป่า ทั้งหนาและแข็งกระด้าง จะว่าเป็นผิวหนังก็ไม่ใช่ เป็นเกล็ดก็ไม่เชิง ค่อนข้างคล้ายกับกระดองมากกว่า
“ศิษย์น้องเจียง อย่า!” ชายหนุ่มสูงเก้งก้างที่อยู่อีกฝั่งหน้าเปลี่ยนสี
“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มก้อนนั้น…” ‘คู่หูจื่อจุน’ เกิดความรู้สึกคล้ายกับว่าจะหายใจไม่ออก ซึ่งมาจากความรู้สึกหวาดกลัวของดวงวิญญาณตนเอง
โครม ตูม ตาม!
พลังการโจมตีของคนทั้งสองยังคงครอบคลุมกลืนกินชายหนุ่มผมสั้น
ชายหนุ่มผมสั้นกำลังทุ่มเทแรงทั้งหมดกระตุ้นพลังสายเลือดภายในส่วนลึกของร่าง ไม่ได้หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย และก็ไม่ได้ป้องกันเช่นกัน
“อ๊ะ!” เหล่าคนในสนามร้องเสียงดังด้วยทนมองไม่ได้
ตูม โครม โครม!
ชายหนุ่มผมสั้นยืนนิ่งสนิทไม่ไหวติง เขายืนที่ตรงนั้นประหนึ่งสัตว์อสูรขนาดใหญ่ สาดซัดกลิ่นอายดุดันที่สั่นสะเทือนดวงวิญญาณ
โครม!
ทั่วร่างของเขาทิ้งรอยเลือดเป็นริ้วเล็กๆ แล้วสมานตัวกลับอย่างรวดเร็วเป็นลายเส้นโบราณสีดำที่ทั้งหยาบกระด้างและแข็งแกร่ง
“นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร!”
‘คู่หูจื่อจุน’ เสียงหายด้วยความหวาดกลัว การโจมตีที่เกิดจากร่วมมือกันของพวกเขา คนที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแต่ไหนแต่ไรมาไม่อาจต่อกรได้ และไม่มีใครสามารถหนีรอดไปได้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน…” เลือดเนื้อร่างกายของคนทั้งสอง แม้กระทั่งสติดวงวิญญาณ ล้วนสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว
ขณะที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว หัวเข่าสองข้างของ ‘คู่หูจื่อจุน’ บิดเบี้ยวไปถึงครึ่ง ขาทรุดลงคุกเข่า ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ในวินาทีเดียวกันนั้นเอง เหล่ายอดฝีมือที่คอยชมอยู่ ถึงแม้ว่าจะอยู่วงนอก ดวงวิญญาณเลือดเนื้อก็ยังคงสั่นสะท้านอย่างประหลาดไปด้วย
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร…” จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าสายเลือดของตนเองสั่นระริกน้อยๆ แมวขโมยตัวน้อยบนไหล่ของจ้าวเฟิงมีสีหน้าเคร่งเครียดที่ยากจะเห็น
โครม! โครม!
ยอดฝีมือที่ฝึกตนต่ำกว่านายเหนือแท้ระดับสุดยอดบางส่วนคุกเข่าลงบนพื้นในทันที
รวมไปถึงเหล่าลูกเรือหลายคนที่อยู่ข้างกายจ้าวเฟิง สีหน้าของโหลวหลานจื๋อสุ่ยแดงขึ้นเรื่อยๆ เรือนร่างแบบบางสั่นสะท้านน้อยๆ ยืนโงนเงนไปมา
“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มก้อนนั้น หรือว่าจะเป็น ‘รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ’…”
ยอดผู้สูงศักดิ์ชุดคลุมสีดำในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงกลืนเสียงเข้าไปในลำคอ ด้วยลำดับขั้นชีวิตของเขา ร่างกายและวิญญาณ สั่นสะท้านไปหมด