Skip to content

King of Gods 599

King Of Gods

บทที่ 599 กำลังเสริมของข้า

แผ่นดินภายในทวีป

สวบ แซ่ด!

ความเร็วทั้งหมดของเรือหลานเหลยถูกนำออกมาใช้เพื่อข้ามผ่านอาณาเขตวุ่นวายทั้งหลาย

ด้านหลังยังมีผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำไล่ตามโจมตีอย่างรุนแรงมาติดๆ

บนเรือแห่งทะเลความว่างเปล่า

เหลือเพียงแค่จ้าวเฟิงและหลี่อวิ๋นหยาสองคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับเมื่อโดนไล่ล่า

“เหตุใดเจ้าจึงไม่หนีไป?” จ้าวเฟิงสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้มีทีท่าหวาดกลัวลนลานเพราะโดนไล่ล่าสังหารจากขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง

“หนี?ข้าไม่อาจหนีได้ และก็ไม่อยากจะหนีด้วย” หลี่อวิ๋นหยาสั่นศีรษะ

อ้อ? จ้าวเฟิงอดประหลาดใจไม่ได้

ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งว่าหลี่อวิ๋นหยามากมายนัก จึงสัมผัสได้ถึงการตายของผู้สูงศักดิ์อีกสองคน

“ถ้าหากไม่มีหัวหน้าเรือจ้าว ข้าก็กลายเป็นทหารสังเวยชีพในสนามรบไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมี ‘ทหารตรวจตรามรณะ’ แห่งวังลิ่วหวนผู้นั้นอยู่ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีเชลยศึกผู้ใดหนีไปต่อหน้าต่อตาเขาได้ ” หลี่อวิ๋นหยาเอ่ยอย่างขมขื่นใจ

ทหารตรวจตรามรณะ?

ในหัวของจ้าวเฟิงอดที่จะนึกถึงใบหน้าของ ‘ผู้เฒ่าหน้าดำ’ ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ไม่ได้

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

จ้าวเฟิงฉับพลันเข้าใจแจ่มแจ้ง ‘ทหารตรวจตรามรณะ’ นั่นก็คือผู้เฒ่าหน้าดำที่ไม่เคยปล่อยเชลยศึกและทหารหนีทัพคนใดหนีรอดไป

“เจ้าหนุ่ม! โดนข้าไล่ล่าแล้วยังกล้าใจลอยอีกงั้นรึ” ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะสีดำโมโห โบกอาวุธเรียกเงาง้าวที่เย็นเยียบมืดมิด พลังของมันมืดฟ้ามัวดิน ท้องฟ้าและสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปประหนึ่งโดนครอบคลุมด้วยไอสังหารมหาศาล

โครม สวบ ตูม! ตึง แคร่ก….

หมอกควันสีเทาเข้มของค่ายกลหุ่นเชิดศพโดนตัดเป็นริ้ว เท่าที่มองเห็นคือใกล้จะสูญสลายเต็มที ยิ่งไปกว่านั้นที่ตัวเรือหลายเหลยมีร่องรอยทิ้งไว้

อึก!

หลี่อวิ๋นหยาร่างกายโซเซ กระอักเลือดออกมาทั้งใบหน้าซีดขาว

เลือดลมในกายของจ้าวเฟิงพลันปั่นป่วน ภายนอกร่างกายปรากฏระลอกน้ำสีฟ้าเข้มพริ้วไหวอยู่ครู่หนึ่งก็ปลอดภัยไร้รอยขีดข่วนใด

“ต่อให้ ‘ทหารตรวจตรามรณะ’ ไม่ปรากฏตัว พวกเราก็ยากจะรอดจากด่านนี้ไปได้” หลี่อวิ๋นหยากลัดกลุ้ม ลึกๆ ในดวงตามีแววของความหมดอาลัยตายอยาก

คิดถึงตนเองในยามก่อน เขาเป็นอัจฉริยะที่พันปีมีครั้งหนึ่งของ ‘วังลิ่วหวน’ ล่วงเข้าสามสิบปีก็ทะลวงผ่านขั้นผู้สูงศักดิ์ วันนี้อายุยังไม่ถึงห้าสิบปีก็ทะลวงผ่านถึงขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลาย

“ภยันอันตรายจากความตาย…” จ้าวเฟิงยืนอยู่บนเรือ ฉับพลันใจของเขาก็สั่นระรัวเมื่อทอดสายตามองไปยังทิศทาง ‘นอกดินแดน’

ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!

ภยันอันตรายที่มืดมิดพลันแข็งแกร่งกว่าเดิมสิบเท่า คืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ไม่หยุด

คำสั่งล่าสังหาร

ในที่สุดก็มาถึงจนได้

จ้าวเฟิงลอบถอนหายใจยาวๆ ความสนใจส่วนมากไปอยู่ที่นอกดินแดนหมดแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าหนุ่ม เจ้าจะตายอยู่แล้ว ยังมากวนให้ข้าไม่สบายใจอีกรึ” ชายในชุดเกราะสีดำหัวเราะดังกึกก้อง

พลังที่ยิ่งใหญ่ของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงครอบคลุมไปทั่วบริเวณเรือหลานเหลย

ใบหน้าของหลี่อวิ๋นหยาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง

แต่เขาค้นพบว่าชายหนุ่มด้านข้างมีสีหน้าท่าทีผิดปกติ ดูสงบนิ่งกว่าตนมากนัก ขนาดบรรดาลูกเรือหลานเหลยทั้งหลายยังไม่มีทีท่าลนลานเกินไปแต่อย่างใด

“ผมและดวงตาของเจ้า…” หลี่อวิ๋นหยาจ้องตาค้างเขม็งเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงบนร่างของจ้าวเฟิง

ฟิ้ว~

ลมพัดเบาๆ หอบเส้นผมสีน้ำเงินเข้มดุจห้วงมหาสมุทรของจ้าวเฟิงสะบัดพลิ้วไหว ดวงตาซ้ายลึกล้ำประหนึ่งทะเลสาบลึกไร้ก้นบึ้ง

ในเวลาและวินาทีนี้เอง

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงสอดส่องมองยังทิศทางภายนอกดินแดน เงามรณะขนาดใหญ่กำลังรุดมายังดินแดนในทวีปอย่างรีบเร่ง

อย่างมากสุดไม่เกินสามสิบช่วงลมหายใจ เงามรณะนั่นก็จะมาถึง

คำล่าสังหาร!

พลังของ ​‘เนตรมรณะ’ ที่อยู่ภายในดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงเต้นระเร่า

“สายเลือดดวงตางั้นรึ?พยายามดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์…ตายซะ!” ยอดผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำยิ้มเยาะ แล้วหมุนควงง้าวโจมตีมายังเรือหลานเหลย ในเวลาเดียวก็ปกคลุมอยู่เหนือจ้าวเฟิงและหลี่อวิ๋นหยา

วางค่ายกล!

ข้างกายของจ้าวเฟิงฉับพลันปรากฏโครงกระดูกสีมืดมิดราวหมึก มีเส้นสีทองเงินเกี่ยวกระหวัดกันไปมา กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกแผ่กระจาย

“ยังมีอีกคนงั้นรึ?” หลี่อวิ๋นหยาตัวสั่นน้อยๆ อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายเหมือนกัน แต่กลิ่นอายของเจ้าหอโครงกระดูกกลับน่ากลัวถึงเพียงนี้

ในวินาทีเดียวกันนั้น

สวบ! สวบ! สวบ!

จำนวนของหุ่นเชิดศพต้องสาปพลันเพิ่มจำนวนขึ้นจนครบร้อยร่าง!

วูบ วิ้ง!

ภายใต้การชี้นำของเจ้าแมวขโมยตัวน้อย หมอกควันปีศาจกว้างใหญ่สาดซัดพลังอาฆาตหุ่นเชิดศพ ก่อนเปลี่ยนสภาพเป็นกรงเล็บพลังอาฆาตขนาดกว่าร้อยจั้งตรงดิ่งไปที่ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำ พร้อมกับมือซีดขาวโทรมเลือดจำนวนนับไม่ถ้วน

“จักรพรรดิเหมันต์!”

พลังสายเลือดภายในร่างกายของจ้าวเฟิงถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด หอกจักรพรรดิเหมันต์ปรากฏเป็นเงาราวแก้วใสกระจ่าง กลิ่นอายพิฆาตสีม่วงแผ่กระจายออกมา

ที่คาดคิดไม่ถึงกว่านั้นคือ เหนือศีรษะของจ้าวเฟิงมีเงาสูงใหญ่ของจักรพรรดิเหมันต์โบราณปรากฏขึ้นรางๆ ด้วย

“ฮึฮึฮึ…รับฝ่ามือข้าไป!”

ทันใดนั้นเอง เจ้าหอโครงกระดูกกลายร่างเป็น ‘โครงกระดูกเพลิง’ ร่างกายยืดสูงขึ้นสี่ห้าจั้ง เมื่อกางแขนออก พลังกระดูกและวิญญาณมหาศาลก็สาดลูกเพลิงมรณะตรงดิ่งไปหายอดผู้สูงศักดิ์

หุ่นเชิดศพต้องสาป!

จักรพรรดิเหมันต์!

โครงกระดูกเพลิง!

โครม ตูม~~

พลังสามสิ่งที่น่ากลัวโจมตีไปที่ร่างของยอดผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำอย่างรุนแรงพร้อมกัน

ในระยะเวลาเพียงชั่วครู่

คลื่นกลิ่นอายต้องห้ามสาดซัดหมุนวนเป็นพายุรัศมีกว่าสิบลี้ พัดพาทุกอย่างจนในอาณาเขตนั้นราบเป็นหน้ากลอง

หลายร้อยปีหลังจากนั้น บริเวณรอบๆ นี้ไร้ซึ่งสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่มีแม้แต่หญ้าสักต้น กลายเป็นดินแดนต้องสาปไป

ผัวะ โครม!

ยอดผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำส่งเสียงฮึ ร่างกายโบยบินออกไป ถ่มเลือดในลำคอออกมา

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…” ยอดผู้สูงศักดิ์ใบหน้าซีดเผือด เสียงหายไปในลำคอ แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลหุ่นเชิดศพต้องสาป หรือว่าเจ้าหอโครงกระดูกที่จู่ๆ ก็โผล่มา ล้วนแต่มีพลังน่าสะพรึงกลัวที่คุกคามคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้

ขนาดหอกจักรพรรดิเหมันต์ของจ้าวเฟิง เมื่อครู่ยังเผยกลุ่มพลังของจักรพรรดิเหมันต์โบราณออกมา

การโต้กลับอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ ทำให้ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำที่ไม่ทันได้ป้องกันบาดเจ็บไปไม่น้อย

“ช่างแข็งแกร่งนัก! หัวหน้าเรือหนุ่มผู้นี้กับคนบนเรือพวกนี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”

หลี่อวิ๋นหยาตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

ขณะที่ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะสีดำตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นเอง

“ใกล้เข้ามาแล้ว…” ดวงตาซ้ายสีฟ้านิ่งลึกของจ้าวเฟิงมองไปยังทิศทางนอกดินแดนอีกครั้ง พลางเอ่ยพึมพำกับตัวเองเหมือนว่ามีความว้าวุ่นใจอยู่

“นายท่าน เหมือนจะมีผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงอีกคนมาทางนี้” เจ้าหอโครงกระดูกสัมผัสถึงบางอย่างได้

คนที่เขาพูดถึงก็คือผู้เฒ่าหน้าดำหรือทหารตรวจตรามรณะซึ่งกำลังใกล้เข้ามา

“จะต้องสังหารให้ได้ก่อนสักคน มิเช่นนั้นคงวุ่นวายเป็นแน่” เจ้าหอโครงกระดูกมีสีหน้าแข็งกระด้าง

“อืม” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ ดวงตาซ้ายของเขาเล็งเป้าหมายไปที่ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำที่เลือดลมยังคงปั่นป่วน

สายเลือดดวงตา?กลิ่นอายพลังดวงตาน่ากลัวยิ่ง

หลี่อวิ๋นหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงแรงกดดันแปลกประหลาดจนว้าวุ่นใจ

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”

วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็แหวกอากาศไปทันที

พรึ่บ สวบ!

เลือดสาดกระจาย ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำฝั่งตรงข้ามร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ ใบหน้าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด

“เจ้า…” ผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำเอ่ยกระท่อนกระแท่น มองลงไปด้านล่างตามสัญชาตญาณ

เห็นเพียงแค่ใบมีดสามชุ่นที่ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายพิฆาตสีม่วงแทงทะลุผ่านหัวใจของตน

เฮือก!

หลี่อวิ๋นหยาขนพองสยองเกล้า อดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ ใจของเขาเต้นสนั่นราวเสียงกลอง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสะพรึงกลัวมองไปที่หัวหน้าเรือผู้เยาว์ที่อยู่ข้างกาย

ในวินาทีนี้

ภายนอกของลำเรือเวิ้งว้างสงัดเงียบ

“ ‘เนตรพิฆาต’ ของจ้าวเฟิง พลังแข็งแกร่งกว่าในยามที่อยู่ภายในซากปรักหักพังสือเฉิงหลายส่วนนัก” สีหน้าเจ้าหอโครงกระดูกเคร่งขรึมลง

โครม!

ศพของผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำร่วงลงจากกลางอากาศ

หลี่อวิ๋นหยาจึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ว่าในใจยังยากที่จะสงบลงได้

 

ในครรลองสายตาของเขา เพียงสายตาปราดเดียวของเจ้าหนุ่มนั่นก็สามารถสังหารผู้สูงศักดิ์ในขบอเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้

พรึ่บ!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยส่งยิ้มกว้าง แล้วโบกธงค่ายกลนำหมอกควันปีศาจเป็นกลุ่มก้อนเข้ากลืนกินศพของผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำ

จ้าวเฟิงโบกมือน้อยๆ เก็บเอาอาวุธของผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงผู้นี้ไป

สวบ!

เสียงแหวกอากาศดังขึ้นจากที่ไกลๆ ผู้เฒ่าหน้าดำเร่งมาถึงยังที่เกิดเรื่อง

“หืม!”

สายตาของผู้เฒ่าหน้าดำกวาดผ่านไม่พบยอดผู้สูงศักดิ์ ก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

ในระหว่างที่กำลังไล่ตามมา เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของยอดผู้สูงศักดิ์ชุดเกราะดำขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ไยตอนนี้จึงไม่อยู่แล้ว

“พวกเจ้าสังหารเขาแล้วรึ?” ผู้เฒ่าหน้าดำใช้ประสาทสัมผัสกวาดผ่านปราดหนึ่ง แล้วค้นพบว่าศพที่กำลังเน่าฟอนเฟะของผู้สูงศักดิ์คนนั้นกลายเป็นเพียงกองเลือดอย่างรวดเร็ว ช่วยเพิ่มพลังให้กับค่ายกลร้อยศพไปแล้ว

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เขาตกใจไม่น้อย ระแวดระวังเตรียมตัวในทันที

“ฮ่าฮ่าฮ่า…ตาแก่ ต่อไปก็ตาเจ้าแล้ว” เจ้าหอโครงกระดูกหัวเราะขบขัน ควบคุมเพลิงมรณะที่ทะลวงทั่วฟ้าพุ่งตรงไปเหนือหัวของผู้เฒ่าหน้าดำภายใต้พลังของศาสตร์แห่งศพและวิญญาณ

“จักรพรรดิเหมันต์!”

เหนือศีรษะของจ้าวเฟิงปรากฏเงาเลือนรางที่สูงใหญ่ของจักรพรรดิเหมันต์โบราณ หอกจักรพรรดิเหมันต์สาดเงาแสงใสสกาวประหนึ่งแก้วสีน้ำเงินเข้ม กลิ่นอายรัศมีม่วงพิฆาตที่ทะลักออกมากระตุ้นให้เกิดพายุเหมันต์อัสนีทำลายล้าง

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกสะบัดธงค่ายกลหุ่นเชิดศพ พลังคำสาปอาฆาตที่น่ากลัวของค่ายกลร้อยศพดิ่งไปโจมตีผู้เฒ่าหน้าดำจากสองทิศทาง การโจมตีของเจ้าหอโครงกระดูกกับของจ้าวเฟิงร่วมมือสอดประสาน

ในครั้งนี้ พลังที่เกิดขึ้นจากคนทั้งสามเหนือกว่าคราแรกมาก

“หัตถ์เมฆาชาด!”

สีหน้าของผู้เฒ่าหน้าดำแข็งกระด้าง ฟ้าดินรอบทิศทางโดนแสงเมฆสีชาดกลืนกินจนไอสวรรค์ในฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ลำแสงฝ่ามือขนาดมหึมาปรากฏ สีชาดสว่างเจิดจ้าย้อมผืนฟ้าจนแดงฉาน

โครม ตูม…

ลำแสงฝ่ามือเมฆาหอบเอาไอสวรรค์เพลิงจากธรรมชาติมาปิดผนึกในรัศมีครึ่งลี้ไว้ ทั่วทุกทิศทางก็กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยเมฆเพลิงร้อนแรงแผดเผา

พลังของทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอยู่กลางอากาศราวสองช่วงลมหายใจ ขยับเปลี่ยนไปมาอย่างชัดเจน

โครม ผัวะ!

เรือหลานเหลยถอยกระเด็นไปด้านหลังหลายร้อยจั้งแล้วพุ่งชนเข้ากับภูเขา หมอกควันปีศาจที่ปกคลุมเรือหลานเหลยอยู่สูญสลายไปเกินครึ่งในระยะเวลาสั้นๆ

แคร่ก!

กระดูกของเจ้าหอโครงกระดูกหักเป็นสองท่อน

อึก!

จ้าวเฟิงถ่มเลือดออกมา กำแพงน้ำหมุนวนรอบร่างกายช่วยสมานบาดแผลให้เขาอย่างรวดเร็ว

“เป็นวิชาปราณอัคคีที่ลึกล้ำยิ่ง” จ้าวเฟิงและเจ้าหอโครงกระดูกมีสีหน้าตื่นตะลึง

ผู้เฒ่าหน้าดำผู้นั้นไม่เพียงแต่อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย สายเลือดอัคคีในร่างกับระดับมรดกก็สูงส่ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวเฟิงแม้แต่น้อย

“ทหารตรวจตรามรณะผู้นี้ พลังถือเป็นหนึ่งให้ห้าอันดับแรกของผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดแห่ง ‘วังลิ่วหวน’ แล้วยังเคยได้รับมรดกแขนงอัคคีที่ยิ่งใหญ่” หลี่อวิ๋นหยาส่งเสียงมาเตือนผ่านประสาทสัมผัส

วูบ พรึ่บ!

ผู้เฒ่าหน้าดำร่างกายสั่นสะท้าน ถอยหลังไปหลายร้อยจั้งขณะขมวดคิ้วหน้านิ่ว

การโจมตีเมื่อครู่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับบบาดเจ็บ แต่ว่าร่างกายก็รู้สึกไม่สบายตัว เหมือนว่าแปดเปื้อนสิ่งที่น่าขยะแขยงบางอย่าง

“พวกคนรุ่นหลังมากฝีมืองั้นรึ ทั้งสองคน คนหนึ่งอยู่ในครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ส่วนอีกคนอยู่ในขั้นผู้สูงศักดิ์ แต่กลับผนึกกำลังโจมตีข้าด้วยพลังที่เทียบเท่าพลังเจ็ดส่วนของข้าได้”ผู้เฒ่าหน้าดำเอ่ยพลางทอดถอนใจ

พลังเจ็ดส่วน?

จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาด เหตุใดจึงรู้สึกว่าผู้เฒ่าคนนี้ดูคุยโวโอ้อวดจนเกินไป

แต่ว่าในขณะนี้ จ้าวเฟิงไม่มีเวลาคิดพิจารณาเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว

ภยันอันตรายแห่งความตายที่รุนแรงกำลังล่องลอยเข้ามาใกล้ จนมีปฏิกิริยาตอบสนองกับกลิ่นอายพลังดวงตาของ‘เนตรมรณะ’ ภายในดวงวิญญาณ

และแล้วในเวลานี้เอง

พรึ่บ…

ลำแสงสีเข้มประหนึ่งเงามืดพุ่งตรงมาจากโลกนอกดินแดนไกลโพ้น ทะยานผ่านพื้นที่สีฟ้าสด เป็นดาวตกสีตระการตราซึ่งกำลังเข้ามาใกล้ที่แห่งนี้เรื่อยๆ

“ตัวแทนของพลังมรณะ…ข้ามาแล้ว”

น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นภายในหัวของจ้าวเฟิง

หืม?ผู้ใดกัน?

ผู้เฒ่าหน้าดำและคนอื่นก็สัมผัสได้ หลี่อวิ๋นหยาและเหล่าลูกเรือคนอื่นรู้สึกถึงกลิ่นอายมรณะที่ชวนให้หายใจไม่ออก หัวใจสั่นระรัว

“ต้องขออภัยด้วย ‘กองหนุน’ ของข้ามาแล้ว ยอดฝีมือของวังลิ่วหวน…ความตายมาเยือนเจ้าแล้ว” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยใบหน้าเสียดาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version