Skip to content

King of Gods 632

King Of Gods

บทที่ 632 สิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์

บนเวทีประลองของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

ลูกศิษย์จำนวนมากกับยอดฝีมือของสำนักต่างๆ มีสีหน้าตื่นตระหนก

“เดิมพันไว้ที่สิบกระบวนท่า? จ้าวเฟิงผู้นี้ช่างกล้าเสียจริง?”

“เจ้าเด็กคนนี้เพิ่งจะกลายเป็นศิษย์ผู้สืบทอดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งพลังฝึกตนของจั่วหงยังสูงกว่าเขาขั้นหนึ่งด้วย” คนที่ชมการประลองจำนวนมากไม่มีใครเข้าข้างจ้าวเฟิง

ในเมื่อจั่วหงเป็นลูกศิษย์สืบทอดรุ่นอาวุโส ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็อยู่เหนือจ้าวเฟิงทั้งสิ้น

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเด็กนั่นยังหยิ่งทระนง กล้าวางเดิมพันในสิบกระบวนท่า

“ทำไม ท่านไม่กล้ารึ?” จ้าวเฟิงเผยยิ้มที่เหมือนไม่ใช่ยิ้ม

เขาวางเดิมพันไว้ที่สิบกระบวนท่าเพราะอยากพิสูจน์ว่าตนเองมีความสามารถมากพอจะแทนที่ลำดับรายชื่อที่ถูกกำหนดจากภายใน

ต่อไปจะได้ไม่มีใครกล้าเอาไปนินทากันสนุกปาก และจะได้ไม่ไม่กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงของ ‘ตวนมู่ชิง’ ด้วย

“ทำไมจะไม่กล้า! ถ้าหากข้าแพ้จะขอโทษเจ้าต่อหน้า หลังจากนี้หากพบเจ้าก็จะหลีกหนีไปให้ไกล”

จั่วหงหัวเราะเสียงดังเสมือนเป็นผู้กุมชัยชนะไว้

เขาดีอกดีใจแทบบ้า มองจ้าวเฟิงคล้ายว่าอีกฝ่ายเป็นคนโง่งม

“หงเอ๋อร์…จงอย่าดูแคลนศัตรู! จิตและกลิ่นอายสายเลือดบนร่างของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา เขาเชื่อมั่นในตนเองถึงเพียงนี้ กว่าครึ่งย่อมต้องมีหลักประกันอะไรอยู่แน่”

เสียงห้วงคิดเซียนของราชันผู้หนึ่งดังขึ้นในหัวของจั่วหง เจ้าของน้ำเสียงนั้นคือท่านอาจารย์ของเขา

“ศิษย์เข้าใจ!”

จั่วหงใจเย็นเฉียบ เก็บเอาความประมาทพวกนั้นไว้

อย่างไรเสียอาจารย์ก็เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ ระดับขั้นสูงส่งยิ่งนัก จึงสามารถคาดการณ์พลังได้แม่นยำ

“เริ่มได้!”

บนเวทีประลองดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้ครึ่งก้าวสู่ราชันผู้หนึ่งมาเป็นผู้ตัดสิน

“ต่อให้พลังของจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งสักเพียงไหน ข้าก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ในสิบกระบวนท่าแน่นอน”

ร่างกายของจั่วหงสั่นสะท้าน แล้วสำแดงเคล็ดวิชามรดกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ออกมา

หงส์ทะลวงเมฆา!

วินาทีต่อมา นัยน์ตามองเห็นเพียงลำแสงที่เกี่ยวกระหวัดกัน รวมตัวอยู่บนอากาศเหนือศีรษะประหนึ่งเงาปักษาขนาดมโหฬาร

ฟุ่บ ฟุ่บ วูบ!

ร่างกายของจั่วหงหลอมรวมเข้าไปภายในเงาปักษาสีเขียวเงินซึ่งถักทอเข้าด้วยกัน ปีกแหลมคมยาวเกือบร้อยจั้งกดดันจ้าวเฟิงด้วยแรงมหาศาลอย่างมืดฟ้ามัวดิน

“ช่างเป็นเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดนัก!”

จ้าวเฟิงที่อยู่ภายใต้เงามืดขนาดใหญ่ใจเย็นชืด ร่างกายเจ็บแปลบขึ้นน้อยๆ

 

ในสถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้พลังสายเลือดดวงตา การที่เขาจะสัมผัสหาร่างจริงของจั่วหงเจอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“วงแหวนวายุอัสนี!”

จ้าวเฟิงเอ่ยเบาๆ เรียกวายุอัสนีพิฆาตออกมาภายใต้เงาปีกคมกริบกว้างใหญ่ที่ปกคลุมเขาเอาไว้

แซ่ด~ผัวะ ผัวะ!

จ้าวเฟิงถูกล้อมรอบด้วยวงแหวนวายุอัสนีสีม่วงเจิดจ้า ลำแสงวงแหวนพิฆาตสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างออกมา พุ่งทะลวงขึ้นบนฟ้าไปทีละระลอก

เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงวงแหวนวายุอัสนีสีม่วงเป็นเส้นสายขยายใหญ่ขึ้น ก่อนตรงดิ่งไปหาเงาปีกที่เกิดจากการถักทอของเส้นใยสีขียวเงินกลางอากาศ

พรึ่บ! ตูม!

พลังรุนแรงสะเทือนฟ้าทั้งสองกลุ่มปะทะเข้าหากัน กลิ่นอายทำลายล้างปะทุออกมา

โครม !

เงาปีกสีเขียวเงินบนฟ้าปรากฏรอยปริร้าวอย่างรวดเร็วจากระลอกพลังการโจมตี

ทันทีที่เริ่มลงมือก็เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน

“วายอัสนีพิฆาต? ที่แท้ก็เป็นมรดกของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’…”

กลางอากาศ ห้วงคิดเซียนของราชันส่วนหนึ่งที่คอยวนเวียนอยู่ตกใจเล็กน้อย

ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายล้วนมีความรู้กว้างขวาง ไม่นานนักจึงมองวิชามรดกของจ้าวเฟิงออก

“จักรพรรดิวายุอัสนี? ผู้ซึ่งมีความเร็วอยู่เหนือคนทั้งหลายในอดีต คนที่เป็นตำนานในบรรดาจักรพรรดิปราณเทวะ”

“ภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยามนี้ ‘สำนักหมื่นอัสนี’ เองก็มีมรดกของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ แต่ว่าก็มิใช่มรดกที่บริสุทธิ์ที่สุด…” ห้วงคิดเซียนของราชันหลายคนเริ่มถกกัน

“จักรพรรดิวายุอัสนี?”

ห้วงคิดเซียนของจักรพรรดิผู้หนึ่งโฉบไปมา น้ำเสียงติดถอนหายใจน้อยๆ

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ในวันนี้ เหล่าจักรพรรดิเก่าแก่ส่วนหนึ่งอาจจะเคยรู้จักกับจักรพรรดิวายุอัสนีเสียด้วยซ้ำไป

ในตอนนั้น

จักรพรรดิวายุอัสนีเคยฝึกวิชาใน ‘สำนักหมื่นอัสนี’ มาก่อน

เคล็ดวิชาวายุอัสนีพิฆาตสีม่วงของเขา เมื่อปะทะกันแล้วจะข่มเคล็ดวิชาเก่าแก่มรดกของดินแดนศักสิทธิ์อีกวิชาหนึ่ง

“เด็กคนหนึ่งจากโลกภายนอก กลับมีมรดกของจักรพรรดิในตำนานผู้หนึ่งได้” จั่วหงขบฟันแน่นกลางอากาศ

เงาวิหคเลือนราง!

จั่วหงกระตุ้นพลังสายเลือด เค้าโครงของเงาปีกขนาดใหญ่กลางฟ้าพลันชัดเจนขึ้นอีกขั้น มาพร้อมกันกับเสียงเปรี้ยงปร้างของสายฟ้าและพายุเมฆดำ

พรึ่บ!

วินาทีต่อมา เงาปีกกวาดผ่านทั่วท้องฟ้า ตาเปล่าคล้ายกับมองเห็นวิหคเซียนในตำนานที่สาดพลังกดดันเก่าแก่ บินแหวกอากาศมาท่ามกลางเสียงสะเทือนเลือนลั่นของท้องฟ้า

หืม?

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันไม่น้อย เลือดลมในร่างกายหยุดชะงัก

เขาคาดคิดไม่ถึงเลยว่าวิชาสายเลือดของจั่วหงจะสูงส่งเช่นนี้ พลังรบที่รุนแรงที่สุดแทบไม่ต่างอะไรกับยอดผู้สูงศักดิ์ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงเลยทีเดียว

“วายุอัสนีร้อยเงา!” จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง ร่างกายปลดปล่อยกลุ่มวายุอัสนีสีม่วงที่สว่างไสวออกมา

แซ่ด! พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ…

วินาทีนั้น กลุ่มวายุสายฟ้าสีม่วงแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง กลายเป็นเงาวายุอัสนีสองร่าง

เงาวายุอัสนีทั้งสองยังแบ่งร่างไม่หยุดอย่างรวดเร็ว

สองร่าง…สี่ร่าง…แปดร่าง…สิบหกร่าง

ในระยะเวลาอันสั้น เงาวายุอัสนีสีม่วงหลายสิบร่างกระจายตัวออกไปในรัศมีหนึ่งลี้ท่ามกลางแสงสว่างแปลบปลาบ

โครม วูบ วูบ…

การโจมตีที่สง่างามของเงาวิหคนั้นแบ่งฟ้าแยกดิน โจมตีไปที่ร่างแยกของวายุอัสนีจนย่อยยับ

แต่ร่างจริงของจ้าวเฟิงไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้ว

เงาวายุอัสนีพวกนั้นก็ยากจะแยกแยะจริงหรือปลอม เศษเสี้ยวเงาร่างแบ่งทั้งหมดตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตีในระยะเวลาอันสั้น

แซ่ด สวบ สวบ สวบ!

ร่างแยกของเงาวายุอัสนีพวกนั้นผลัดกันโจมตี ‘เงาวิหคเลือนราง’ ที่จั่วหงสร้างขึ้น

จั่วหงทั้งโกรธทั้งอับอาย บนร่างของเขาโดนพายุอัสนีบาตระเบิดใส่ไม่หยุด

เหล่าอัจฉริยะที่อยู่บริเวณด้านนอกของเวทีประลองต่างตื่นตระหนกกันจนสิ้น

“คมมีดพิฆาต!”

ทันใดนั้นเอง

มือของร่างเงาวายุอัสนีหนึ่งในนั้นผุดลำแสงมีดสีม่วงเข้มที่บางราวกับปีกจักจั่น พื้นผิวด้านนอกปรากฏเส้นสายวายุอัสนีเก่าแก่ กลิ่นอายทำลายล้างผลุบเข้าผลุบออก ลูกไฟสายฟ้ากระจายไปทั่วบริเวณทั้งหมด

โครม!

คมมีดพิฆาตสาดแสงสว่างเจิดจ้าเป็นที่สุด แล้วระเบิดออกหลายสิบจั้ง วายุอัสนีเสียงดังเปรี้ยงปร้าง กลิ่นอายทำลายล้างทะลักออกมาสะบั้น ‘เงาวิหคเลือนราง’ ขาดออกเป็นสองท่อน

“อ๊าก!”

จั่วหงผู้ซึ่งหลอมรวมเข้าไปภายในของ ‘เงาวิหคเลือนราง’ ร้องโหยหวน

ตุ้บ!

บนร่างของเขาปรากฏคราบเลือดเป็นทาง พลังทำลายล้างของวายุอัสนีทะลักเข้าไปภายในร่าง

ด้วยสายเลือดที่แข็งแกร่งของเขา บาดแผลและอาการบาดเจ็บภายในไม่มีทางฟื้นฟูได้ในเวลาสั้นๆ

นี่เป็นคุณสมบัติพิเศษของเสวียนอ้าวทำลายล้าง มันจะขัดขวางการรักษาฟื้นฟูใดๆ ได้เป็นอย่างดี

“ท่าไม่ดีแล้ว ทั้งความเร็ว การโจมตี และเสวียนอ้าวมรดกของจ้าวเฟิงเหนือกว่าหงเอ๋อร์ทั้งสิ้น…”

ห้วงคิดเซียนของราชันพูดอะไรไม่ออก

กระบวนท่า ‘คมมีดพิฆาต’ ของจ้าวเฟิงทำลายวิชาสายเลือดของจั่วหง ส่งผลให้ฝ่ายหลังบาดเจ็บไม่น้อย

แต่ทว่าการโจมตีของจ้าวเฟิงยังไม่สิ้นสุดลง

“ปีกวายุอัสนี!”

หลังของจ้าวเฟิงงอกปีกวายุอัสนีพิฆาตยาวหลายสิบจั้ง พลังวายุอัสนีบนร่างทำให้เขาเป็นประหนึ่งอสูรโบราณที่ล้อมรอบด้วยสายฟ้าและพายุ

โครม ตูม!

วายุอัสนีพิฆาตที่น่ากลัวจนแทบหยุดหายใจกระเทือนไปทั่วเวทีประลอง วายุอัสนีทั่วฟ้าหมุนวนรวมกันราวพายุ แล้วจึงสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างที่มีต้นกำเนิดจากโบราณ

“ทำลาย!”

จ้าวเฟิงยื่นมือออกมา ความเร็ว การโจมตี และขอบเขตพลังวายุอัสนีของเขาเพิ่มขึ้นไปถึงขั้นใหม่

ทันทีที่เขาสะบัดฝ่ามือ คล้ายกับเห็นเงามังกรวายุอัสนีพิฆาตที่มีพลานุภาพรุนแรงร้องคำรามเสียงดังอยู่ภายในลมพายุรุนแรงนั้น

“แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

เหล่าผู้ชมการประลองด้านนอกจ้องมองเรือนร่างผมสีน้ำเงินที่เหมือนอสูรวายุอัสนีขนาดยักษ์ จิตใจกับสายเลือดสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

“ไม่…”

จั่วหงทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มี กระตุ้นพลังสายเลือดไปจนถึงขีดสุด เงาปีกรอบร่างแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายถูกมังกรวายุอัสนีที่เกินจะต้านทานโจมตีจนกระเด็นออกจากเวทีประลอง

ตุ้บ!

ในขณะที่จั่วหงร่วงหล่นลงบนพื้น ร่างกายไหม้ดำทั้งร่าง น่าอนาถเป็นที่สุด

เขาอยากจะขยับร่างกาย ทั่วร่างก็รวดร้าวไปหมด อวัยวะภายในถูกทำลายจนขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

“ศิษย์พี่จั่ว!” ศิษย์ผู้สืบทอดหลายคนรีบรุดเข้าไปพยุงจั่วหงขึ้น

“ล่วงเกินแล้ว”

จ้าวเฟิงเดินออกจากเวทีประลองท่ามกลางสายตาหวาดกลัวยำเกรงของมวลชน

“เอาชนะได้ภายในสิบกระบวนท่าอย่างแท้จริง…”

กรรมการผู้ที่อยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวราชัน สายตาที่มองไปยังจ้าวเฟิงแตกต่างออกไป

ในวินาทีสุดท้าย

จ้าวเฟิงได้ปีกวายุอัสนีมาเสริม พลังรบจึงทะลวงผ่านเส้นแบ่งระหว่างขั้นพลังไป จนสามารถคุกคามยอดผู้สูงศักดิ์ที่สูงกว่าขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงกลางได้

พลังรบเช่นนี้ทำให้เหล่าอัจฉริยะจำนวนมากของดินแดนศักดิ์สิทธิ์หน้าถอดสี

“พลังเช่นนี้นับว่าพอได้” ‘ศิษย์พี่หนาน’ ที่อยู่ในฝูงชนเอ่ยปาก

สำหรับ ‘สิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ อย่างเขาแล้ว มีพลังในระดับนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ต้องรู้ก่อนว่า

สิบอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนไม่น้อยที่ท้าประลองกับครึ่งก้าวสู่ราชันธรรมดาได้

 

กลับเป็นเฉินอี้หลินที่ตกใจจนหน้าซีดเผือด เขาเองก็เป็นหนึ่งในสิบอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

แต่เฉินอี้หลินพบจ้าวเฟิงเมื่อหนึ่งปีก่อน จ้าวเฟิงในตอนนั้นฝึกตนอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเท่านั้น อาจจะต้านรับพลังของเจียงฟานไม่ได้สักกระบวนท่าด้วยซ้ำไป

“ดีที่เจียงฟานไม่ได้อยู่ด้วย พลังที่จ้าวเฟิงสำแดงออกมาเมื่อครู่เทียบเท่ากับศิษย์น้องเจียงแล้ว” เฉินอี้หลินเอ่ยพึมพำ

เจียงฟานตามอาจารย์หรือ ‘จักรพรรดิกู่หลัว’ ไปฝึกตนตั้งแต่วันที่ตวนมู่ชิงจัดพิธีรับศิษย์

ในเวลานี้เอง

“จ้าวเฟิง ทำได้ไม่เลวเลย เจ้ามาพบอาจารย์หน่อย” เสียงตวนมู่ชิงแว่วมา

ชัดเจนว่าตวนมู่ชิงเองก็สนใจการประลองในครั้งนี้ด้วย

เหล่าราชันคนอื่นๆ อดตกใจไม่ได้ ศิษย์คนใหม่ของตวนมู่ชิงเพิ่งจะเข้ามาภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็มีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้แล้ว

ถัดจากนั้นไม่นาน

“ท่านอาจารย์ มีอะไรจะชี้แนะหรือ?” จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นเมื่อมาถึงจวนของตวนมู่ชิง

“จ้าวเฟิง พลังความสามารถของเจ้าเมื่อเปรียบกับศิษย์ในสำนักเสวียนเจินแล้วจัดว่าอยู่ในห้าหกอันดับต้นๆ แต่เมื่อเทียบกับ ‘สิบอัจฉริยะของดินแดนศักดิ์สิทธิ์’ ยังห่างไกลอยู่เหมือนกัน หากต้องการจะได้อะไรจาก ‘อุทยานครึ่งเซียน’ ล่ะก็ นี่ถือว่ายังไม่พอ…”

ตวนมู่ชิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

 

จ้าวเฟิงได้ฟังแล้วก็ไม่ได้คัดค้าน การต่อสู้เมื่อครู่ วายุอัสนีพิฆาตสีม่วงของเขาในช่วงสูงสุดสามารถใช้ได้ราวหกเจ็ดส่วน

ศิษย์ผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำก็มีขีดความสามารถเช่นนี้ เหล่าอัจฉริยะในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงกับสิบอัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พลังย่อมยากเกินจะคาดเดากว่านี้

“ก่อนจะจากไป มีของสามสิ่งอยากมอบให้เจ้า บางทีอาจช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง” ตวนมู่ชิงยื่นกล่องไม้ในมือมาให้

จ้าวเฟิงรับกล่องไม้มาแล้วเปิดดู พบว่าภายในนั้นมีตำราโบราณสองเล่ม รวมไปถึงขวดหยกขวดหนึ่งด้วย

ในขวดหยกนั้นมี ‘ผลึกโอสถ’ ขนาดใหญ่ราวหัวแม่โป้ง ลักษณะกลม โปร่งแสงราวผลึกแก้ว แผ่กลิ่นอายบริสุทธิ์มหาศาลออกมา ถึงขนาดนำแรงกดดันมาให้จ้าวเฟิงอยู่เล็กน้อย

“นี่คือ ‘โอสถผลึกสวรรค์’ ช่วยให้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอดทะลวงผ่านไปยังขั้นยอดผู้สูงศักดิ์ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง พลังฝึกตนเดิมของเจ้าไม่สูงส่งพอที่จะใช้โอสถนี้ แต่อาจารย์พบว่าใจกลางแก่นก่อกำเนิดในร่างของเจ้าอยู่ในลักษณะผลึกแล้ว การให้เจ้าใช้ยาเม็ดนี้ก่อน บางทีอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เลวก็เป็นได้” ตวนมู่ชิงเอ่ยปนยิ้ม

“โอสถผลึกสวรรค์?”

จ้าวเฟิงอดตื่นเต้นไม่ได้ มูลค่าของยาเม็ดนี้เขาเองก็เคยได้ยินมาบ้าง ในตำหนักวิญญาณทะเลความว่างเปล่ายังมีความอุปสงค์มากกว่าอุปทานเสียด้วยซ้ำไป

ถัดจากนั้น แววตาของเขาจับจ้องไปตำราโบราณสองเล่ม

หนึ่งในตำราโบราณเขียนตัวอักษรไว้สี่ตัว ‘ตำราหมิงถง’

“เอ๊ะ!” จ้าวเฟิงตกใจ บันทึกเล่มนี้เกี่ยวข้องอะไรกับ ‘ชิ้นส่วนบันทึกหมิงถง’ ที่เขาได้มาในยามก่อนหรือไม่กัน?

“เหอะเหอะ ‘ตำราหมิงถง’ เล่มนี้ข้าแลกเปลี่ยนมาจาก ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ในคราก่อน น่าจะเอ่ยถึงใจความสำคัญเกี่ยวกับเคล็ดวิชาต้องห้ามหมิงถงของเขาด้วย…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version