Skip to content

King of Gods 641

King Of Gods

บทที่ 641 ยึดครองทะเลสาบจื่อเยี่ยน (2)

“ศิษย์พี่จิว ท่านเป็นศิษย์สำนักศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันเดียวดาย และยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาภูติผีวิญญาณ มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะออกหน้าจัดการกับเจ้าเด็กนั่นได้” อัจฉริยะผู้หนึ่งจากสำนักสองดาวเอ่ยเสนอขึ้น

เมื่อเอ่ยจบ อัจฉริยะคนอื่นๆ อีกหลายคนก็เคล้อยตามกัน

บุรุษหนุ่มนักกระบี่ผู้อยู่ในขั้นยอดผู้สูงศักดิ์ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

จ้าวเฟิงมาจากสำนักสามดาวอย่าง ‘สำนักศักดิ์สิทธิเสวียนเจิน’ โดยปกติแล้วอัจฉริยะจากสำนักสองดาวไม่กล้ามีปัญหากับเขา

สายตาของผู้คนมากมายจับจ้องไปอยู่ที่ชายผู้มีใบหน้าผอมแห้งซีดเซียวหรือ ‘ศิษย์พี่จิว’

“ได้!”

ศิษย์พี่จิวหน้าซีดนัยน์ตาดำเป็นประกาย

ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ พลังและประสบการณ์ของเขาลึกล้ำที่สุด

ทะเลสาบจื่อเยียน

จ้าวเฟิงนั่งอยู่บนร่างกายของจระเข้ยักษ์โบราณ สัตว์อสูรมัจฉาที่เป็นบริวารมากมายแหวกว่ายไปมาในบริเวณน่านน้ำหลายลี้ใกล้ๆ

ในตอนนี้

เขาก็ยังคงไม่กล้าเข้าไปส่วนลึกของทะเลสาบจื่อเยียน เพียงแต่เสาะหาทรัพยากรอยู่บริเวณรอบนอกของทะเลสาบเท่านั้น

 

 

“ตามข้อมูล จุดลึกของทะเลสาบจื่อเยียนจะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง รวมไปถึง ‘เผ่าพันธุ์เงือก’ ในตำนานกับตำหนักลี้ลับใต้ทะเลสาบด้วย” ดวงตาของจ้าวเฟิงทอประกายวาววับ

ในขั้นแรก เขาจะรอบนอกทะเลสาบจื่อเยียน

ฟุ่บ ฟุ่บ! ผลัวะ ผลัวะ!!

สัตว์อสูรมัจฉาจำนวนมากค้นหาสมบัติล้ำค่าประเภทต่างๆ ในเขตลำน้ำใกล้ๆ แต่ว่าเป้าหมายหลักก็ยังคงเป็นหญ้าเกล็ดม่วง

สมบัติล้ำค่าอย่างอื่นแม้ว่าส่วนมากมูลค่าจะสูงส่งยิ่งนัก แต่ก็ไม่อาจเพิ่มพลังของจ้าวเฟิงได้ในเวลาอันสั้น

“ห้าสิบแปดต้น… หกสิบต้น… หกสิบสามต้น…”

จ้าวเฟิงนับหญ้าเกล็ดม่วงที่ได้มาอย่างรอบคอบ

ตอนนี้

เขากินหญ้าเกล็ดม่วงไปแล้วสามสิบกว่าต้น เมื่อบวกกับกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล จึงเกิดเป็นสายเลือดการป้องกันที่น่ากลัวอย่างยิ่ง

ทันทีที่เปลี่ยนห้วงความคิด

รอยน้ำสีม่วงเข้มที่มีลักษณะเป็นเกล็ดบนผิวของจ้าวเฟิง จะเป็นเหมือนกับ ‘อาภรณ์เกล็ดปลา’ ที่แนบเนื้อตัวหนึ่ง

“สายเลือดป้องกันประเภทนี้ นอกจากจะเพิ่มกำลังการป้องกันและพลังกายแล้ว ก็ไม่ส่งผลต่อการโจมตีใดๆ แต่ทำให้ข้ากลมกลืนเข้ากับ ‘ทะเลจื่อเยียน’ ได้ง่ายดายขึ้น”

จ้าวเฟิงค้นพบผลประโยชน์ไม่คาดคิดอย่างหนึ่ง แล้วยังเป็นผลดีซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ที่ต้องใช้อีกด้วย

ในเมื่อหญ้าเกล็ดม่วงนี้เป็นผลผลิตที่กำเนิดจากทะเลสาบจื่อเยียน

จ้าวเฟิงกินหญ้าเกล็ดม่วงไปเป็นจำนวนมาก ได้ผลพลอยได้เป็นสายเลือดป้องกันและความสามารถในการปรับตัวในน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทะเลสาบจื่อเยียน

ในตอนนี้

ถึงแม้จ้าวเฟิงไปอยู่ในทะเลสาบจื่อเยียนก็จะไม่ถูกเหล่าสิ่งมีชีวิตในนั้นมองว่าเป็นคนนอกและสิ่งแปลกปลอม

แรงกดดันจากการถูกมองว่าเป็นศัตรูจะลดลงไปมากกว่าครึ่งอย่างไร้ร่องรอย

“เก็บเกี่ยว ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ให้ได้ทั้งหมดร้อยต้น แล้วข้าจะเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลสาบจื่อเยียน” จ้าวเฟิงคิดวางแผนอยู่ในใจ

แล้วในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั่นเอง

ผลัวะ !

อีกฟากของริมทะเลสาบ บนผิวน้ำปรากฏโครงกระดูกมังกรใหญ่ยักษ์ซึ่งมีไอเพลิงพวยพุ่ง นำคนจำนวนห้าหกคนบินเข้ามาใกล้

“หืม เคล็ดวิชาหุ่นเชิดศพงั้นรึ?” จ้าวเฟิงเหลือบมอง

บนโครงกระดูกรูปร่างคล้ายมังกรนั้นมีอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ประมาณห้าหกคน

ยอดผู้สูงศักดิ์สองคนที่เป็นผู้นำคือศิษย์พี่จิวผู้มีใบหน้าซีดเซียว อีกคนคือบุรุษหนุ่มนักกระบี่

ส่วนอีกสี่คนฝึกตนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงปลายและช่วงสุดยอด

กลุ่มคนเหล่านี้มุ่งตรงมาอย่างวางท่า ภายในแววตาเปล่งประกายความโลภ

 

“เหอะเหอะ ผู้เยาว์แซ่จ้าว เจ้าเพียงคนเดียวครอบครองหญ้าเกล็ดม่วงไว้จำนวนมาก แล้วยังผูกขาดทรัพย์สมบัติล้ำค่า ทำให้พวกเรานึกอิจฉายิ่ง” ศิษย์พี่จิวเอ่ยเสียงเรียบ

“พวกเจ้าต้องการอะไร?” สายตาที่เฉียบแหลมของจ้าวเฟิงเป็นเสมือนใบมีดคมกริบเย็นเยือก

กลุ่มคนบนโครงกระดูกรูปร่างมังกรล้วนแต่รับรู้ได้ถึงพลังเหมันต์ที่ไร้รูปร่าง

ด้วยพื้นฐานสายเลือดของจ้าวเฟิงในตอนนี้ เพียงกวาดมองไปเรื่อยเปื่อยก็สร้างความกดดันอย่างรุนแรงให้แก่ผู้สูงศักดิ์ธรรมดาได้แล้ว

“เจ้าว่าอย่างไร? พวกเราอยากจะมาขอซื้อหญ้าเกล็ดม่วงส่วนหนึ่ง” ศิษย์พี่จิวไม่ได้หวาดกลัวอะไรมากนัก

เขาฝึกตนจนอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงกลาง เชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาศาสตร์วิญญาณ จึงไม่เกรงกลัวขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำที่มีพรสวรรค์ด้านวิญญาณผู้หนึ่ง

ขอซื้อ ?

จ้าวเฟิงหรี่ตาแล้วกวาดตามองคนเหล่านี้ปราดเหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาใช้ ‘การรับซื้อ’ เป็นเรื่องบังหน้าเพื่อเข้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย

มูลค่าของหญ้าเกล็ดม่วง หากเป็นที่โลกภายนอกจะไม่อาจประมาณค่าได้เลย

หญ้าเกล็ดม่วงหนึ่งต้นมูลค่าเกือบจะเท่ากับอาวุธชั้นพิภพระดับกลางชิ้นหนึ่ง แล้วหากต้องการสร้างสายเลือดป้องกัน ปกติแล้วต้องใช้สิบกว่าต้นไปจนถึงยี่สิบต้นจึงจะปลอดภัย

“เช่นนี้แล้วกัน พวกข้าจะให้ราคาเป็นผลึกเริ่มต้นระดับสูงหมื่นชิ้นเพื่อขอซื้อหญ้าเกล็ดม่วงต้นหนึ่งของเจ้า” ศิษย์พี่จิวเอ่ยพลางเหลือบมอง

“ผลึกเริ่มต้นระดับสูงหมื่นชิ้น?”

ในละแวกริมทะเลสาบ อัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิส่วนหนึ่งที่เฝ้ามองสังเกตการณ์อยู่แทบจะสำลัก

ผลึกเริ่มต้นระดับสูงหมื่นชิ้น เกรงว่าเพียงรากของ ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ก็ไม่น่าจะซื้อได้

นี่คือการกรรโชกทรัพย์ที่เปล่าประโยชน์

“ไสหัวไป” จ้าวเฟิงคร้านจะใส่ใจ

แต่ศิษย์พี่จิวและคนอื่นมีการเตรียมพร้อมอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาไม่ได้จากไปแต่ว่าก่อเรื่องอยู่ใกล้ๆ

ตัวอย่างเช่น พวกเขาก่อกวนการเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์อสูรมัจฉา

ทำให้จ้าวเฟิงไม่อาจขุดหาของย์ล้ำค่าได้ตามปกติ

สัตว์อสูรมัจฉาหลายตัวถูกสองสามคนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมทารุณด้วย

“เหอะ!” สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึมลง ไม่มีทีท่าโกรธเกี้ยวแต่กลับหัวเราอะออกมา

เป้าหมายของเขาเดิมทีก็คือยึดครองทะเลสาบจื่อเยียนแห่งนี้อยู่พอดี เช่นนั้นก็ใช้คนพวกนี้แสดงฝีมือหน่อยแล้วกัน

“ไป!” ห้วงความคิดเดียวของจ้าวเฟิงควบคุมจระเข้ยักษ์โบราณยี่สิบตัวพุ่งเข้าโจมตีศิษย์พี่จิวและพวก

จระเข้ยักษ์ทั้งหมดที่มีพลังรบเทียบเท่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำช่วงสุดยอดโจมตีอย่างต่อเนื่องภายในทะเลสาบ ความได้เปรียบในพื้นที่ทำให้พลังที่ปลดปล่อยออกไปรุนแรงอย่างยิ่ง

ศิษย์พี่จิวและพวกหน้าเปลี่ยนสี

อัจฉริยะสี่คนฝึกตนอยู่ต่ำกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสับสนวุ่นวายในทันใด

จระเข้ยักษ์โบราณที่อยู่ภายในทะเลสาบ เดิมทีก็ได้เปรียบทางพื้นที่อยู่แล้ว เมื่อพวกมันยี่สิบตัวเข้าโจมตีพร้อมกัน จึงทำให้กลุ่มคนแตกกระสานซ่านเซ็นในทันที

“จัดการสังหาร!”

ศิษย์พี่จิวตะโกนสุดเสียง ร่วมมือกับบุรุษหนุ่มนักกระบี่และยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดสองคน พุ่งผ่านจระเข้ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง

ถ้าหากฝืนสู้กับจระเข้ยักษ์ยี่สิบตัวและสัตว์อสูรมัจฉาจำนวนหลายร้อย ถึงแม้จะเป็นยอดผู้สูงศักดิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองก็ยังลำบากนัก

แต่ทว่าพวกเขาเข้าใจในหลักการ ‘จับโจรให้จับหัวโจก’ ดี

จ้าวเฟิงเป็นหัวหน้าของกองทัพเผ่าพันธุ์วารี ขอเพียงแค่สังหารเขาให้ได้ เหตุการณ์ทั้งหมดก็จะคลี่คลายลง แล้วพวกเขาก็จะได้ผลประโยชน์ทั้งหมดมา

ไม่มีกลยุทธ์ใดจะง่ายดายเช่นนี้แล้ว

ทันใดนั้น ยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสองคนมุ่งเข้ากำจัดจ้าวเฟิงทั้งด้านหน้าด้านหลัง

บุรุษหนุ่มนักกระบี่ที่อยู่ด้านหน้า การโจมตีแข็งแกร่ง มีหน้าที่พุ่งจู่โจม

ศิษย์พี่จิวควบคุมโครงกระดูกทองระดับยอดผู้สูงศักดิ์ ในขณะเดียวกันเขายังปลดปล่อยวิชาศาสตร์วิญญาณเข้าแทรกแซงการควบคุมกองทัพวารีของจ้าวเฟิง

“แย่ล่ะ…” ริมฝั่งทะเลสาบ ในแววตาสตรีนักฝึกสัตว์นางนั้นเกิดความอดรนทนไม่ไหว

ในฐานะที่เป็นนักฝึกสัตว์ นางเข้าใจอย่างยิ่ง ผู้มีวิชา ‘ศาสตร์ควบคุม’ เหมือนอย่างนางกังวลที่สุดก็คือกลยุทธ์ ‘เด็ดหัว’ ของฝ่ายศัตรู

ภายใต้การโจมตีของอัจฉริยะขั้นยอดผู้สูงศักดิ์สองคนนั้น จ้าวเฟิงจะล่าถอยออกมาอย่างปลอดภัยได้อย่างไร?

“ปรากฏ!”

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ ธงสีดำปรากฏขึ้นในมือ

พรึ่บ!

เมื่อโบกสะบัดก็ปรากฏหุ่นเชิดศพต้องสาป เพลิงควันสีเทาเข้มที่มาพร้อมกับพลังคำสาปอาฆาตลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณหลายสิบจั้ง

“อึก!

บุรุษนักกระบี่ผู้นั้นที่เพิ่งจะเข้ามาประชิดตัวถูกแรงกดดันของเพลิงหมอกควันปีศาจล้อมรอบร่างกายไว้

ภายในกลุ่มเพลิงหมอกควัน มือซีดขาวโชกเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนยื่นเข้ามาภายในร่างของบุรุษหนุ่มนักกระบี่

ในวันนี้

หุ่นเชิดศพต้องสาปของจ้าวเฟิงในแต่ละร่างสูงส่งไปถึงครึ่งก้าวสู่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด อีกทั้งเมื่อหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล พลังจึงยิ่งสูงล้ำกว่าในคราแรกถึงเท่าสองเท่า

บุรุษหนุ่มนักกระบี่ผู้นั้นเพิ่งโผล่เข้ามา ร่างกายก็เย็นเฉียบ จิตวิญญาณสูญสลายไปไม่หยุด

พลังรบทั้งหมดของเขาอ่อนแอลงสามสี่ส่วนในทันที

อีกทั้งเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อยผันผ่าน พลังรบของเขาจะลดลงไปเรื่อยๆ ทันทีที่เกินสิบช่วงลมหายใจ เขาอาจกลายเป็นเพียงกองเถ้ากระดูกก็เป็นได้

“ร้อยศพต้องสาปงั้นรึ? คอยดูข้าเสียเถอะ…”

ศิษย์พี่จิวผู้นั้นเปล่งเสียงหัวเราะเย็นชา ควบคุมโครงกระดูกสีทองตรงเข้าไปในร้อยศพต้องสาป

โครงกระดูกสีทองตรงดิ่งด้วยจิตสังหารเข้ามาภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพ แต่แทบไม่ได้รับผลกระทบอะไร

ที่แท้จริงแล้ว ร้อยศพต้องสาปจะไม่มีผลอะไรมากนักต่อสรรพสิ่งที่เป็นศาสตร์แห่งศพเหมือนกัน

และยิ่งไปกว่านั้นคือโครงกระดูกทองตนนี้อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงอีกด้วย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้

จ้าวเฟิงก็ยังคงต้องเผชิญหน้ากับยอดผู้สูงศักดิ์ที่แข็งแรงสมบูรณ์คนหนึ่ง กับยอดผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในสภาวะอ่อนแอผู้หนึ่ง

“เพียงแค่ปลิดชีพได้สำเร็จ ทั้งหมดก็จะทำลายได้” ศิษย์พี่จิวกระจ่างแจ้งในทุกอย่าง

แต่ในวินาทีต่อมา ในค่ายกลร้อยศพต้องสาปก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

“อ๊าก!”

บุรุษนักกระบี่ผู้นั้นต้องคมมีดสีม่วงเบาบางคล้ายปีกจักจั่นท่ามกลางเพลิงหมอกควันปีศาจสีเทา

“คมมีดพิฆาต!”

แสงใบมีดสีม่วงเข้มในมือจ้าวเฟิงส่งเสียงอัสนีบาตดังเลือนลั่น กลิ่นอายทำลายล้างทะลักออกมา แทงเข้าไปกลางร่างบุรุษหนุ่มนักกระบี่

 

 

นักกระบี่ผู้นั้นถึงแม้จะมีพลังฝึกตนในขอบเขตแก่นก่อนกำเนิดระดับสูงช่วงต้น พลังรบอยู่เหนือกว่ายอดผู้สูงศักดิ์ธรรมดา แต่เมื่ออยู่ภายในค่ายกลต้องสาป พลังประสาทสัมผัสจะโดนจำกัดควบคุมอย่างยิ่ง

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”

ดวงตาทั้งสองข้างของบุรุษนักกระบี่เบิกกว้าง เขาไม่เข้าใจ จ้าวเฟิงที่ควบคุมค่ายกลอยู่ ไฉนจึงมีพลังหลงเหลือมาสังหารเขาได้ อีกทั้งการโจมตียังรุนแรงเพียงนี้

เขาย่อมไม่วันรู้เลยว่าจ้าวเฟิงฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ จึงควบคุมค่ายกลร้อยศพพลางโจมตีไปด้วย การทำอะไรสองอย่างพร้อมกันด้วยจิตเดียวไม่นับว่ายากอะไร

แซ่ด สวบ!

จ้าวเฟิงเพียงตบมือหนึ่งครั้ง ร่างเงาก็หายวับไป

แต่บุรุษนักกระบี่ร่างกายสั่นสะท้านน้อยๆ อยากจะหนีออกไป แต่กลับถูกหมอกควันปีศาจล้อมรอบร่างกายไว้จนสิ้น

บุรุษผู้นั้นร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถทะลวงผ่านออกไปได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ความเป็นความตายได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

จิตและวิญญาณในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงของเขาไหลทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นอาหารอันโอชะของค่ายกลต้องสาป

ภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพ

จ้าวเฟิงแค่ต้องเผชิญหน้ากับโครงกระดูกสีทองขั้นยอดผู้สูงศักดิ์

“แส้วายุอัสนีพิฆาต!”

แส้สีม่วงเข้มที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างในมือจ้าวเฟิงแข็งแกร่งกว่าที่เคยผ่านมา มันส่งเสียงดัง ‘แซ่ด แซ่ด’ แล้วมัดร่างของโครงกระดูกสีทองเอาไว้

พลังสายอัสนีเดิมทีก็ส่งผลควบคุมต่อร่างหุ่นเชิดศพ

ยิ่งไปกว่านั้น วายุอัสนีพิฆาตสีม่วงของจ้าวเฟิงมีกลิ่นอายทำลายล้างแฝงอยู่ไม่น้อย

ใจกลางแก่นก่อกำเนิดภายในร่างของเขาเปลี่ยนเป็นผลึกอย่างสมบูรณ์ เทียบเท่ากับยอดผู้สูงศักดิ์

ภายใต้การกระตุ้นของกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ปราณที่แท้จริงพิฆาตสีม่วงเข้าใกล้แหล่งกำเนิดพลังมากขึ้น อานุภาพเกินกว่าขีดจำกัดของร่างกายไปแล้ว

ฟู่ ฟู่~

โครงกระดูกสีทองนั้นสร้างควันดำขึ้นมา ต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“คุกเข่าลง!”

จ้าวเฟิงร้องตะโกนเสียงดัง สะบัดฝ่ามือลงไปบนร่างโครงกระดูกทอง พลังกายของเขาเป็นเสมือนอสูรขนาดใหญ่

ในตอนนี้

สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ขั้นราชัน แต่ด้วยการเพิ่มความแข็งแกร่งจากกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล เลือดหัวใจวาฬ และหญ้าเกล็ดม่วง  พละกำลังของร่างกายจึงเกินจากหลักเหตุผลใดๆ

ฝ่ามือของเขาสาดซัดกลิ่นอายสายเลือดบรรพกาลที่ทรงพลัง

โครม !

โครงกระดูกสีทองถูกกดข่มจนไม่อาจจะขยับตัวได้ แรงบีบคั้นนั้นลามจากร่างกายไปจนถึงสตินึกคิด

“ตราจักรพรรดิเหมันต์!”

 

ตราประทับเหมันต์เสมือนผลึกแก้วปรากฏขึ้นในมืออีกข้างหนึ่งของจ้าวเฟิง น้ำแข็งสีฟ้าขยายออก พลังหนาวเหน็บของจักรพรรดิเหมันต์โบราณปกคลุมทั่วร่างของโครงกระดูกสีทอง

แซ่ด แซ่ด~

ภายใต้แรงกดดันของพลังเหมันต์ที่น่าสะพรึงกลัว โครงกระดูกทองมีเกล็ดน้ำแข็งผุดขึ้นบนร่าง

ตุ้บ!

โครงกระดูกสีทองถูกจ้าวเฟิงจัดแจงกดจนล้มลงบนร่างกายของจระเข้ยักษ์โบราณ

“เจ้าหนุ่ม ฝันไปเถอะ,,,”

ศิษย์พี่จิวที่อยู่ด้านนอกตกตะลึงจนหน้าซีดเซียว ร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห

ยามนี้

เขาไม่สนใจการคุกคามใดๆ พุ่งเข้าไปในค่ายกลร้อยศพต้องสาปด้วยอยากจะช่วยโครงกระดูกทองของตนเอง

นั่นเป็นถึงโครงกระดูกสีทองในระดับยอดผู้สูงศักดิ์เชียวนะ!

“เหอะ!”

จ้าวเฟิงไม่สนใจ หลอมรวมกับหอกจักรพรรดิเหมันต์ กระตุ้นพลังเย็นยะเยือกของสายเลือดวารีเหมันต์ไปจนถึงขั้นสุดยอด

แกรก แกรก~

ทั่วร่างของโครงกระดูกสีทองเปลี่ยนเป็นผลึกน้ำแข็ง ถูกจองจำไว้ในภายในผลึกรูปหกเหลี่ยมในทันใด

“ยั้งมือก่อน!”

ศิษย์พี่จิวโบยบินตรงดิ่งมา แล้วฟาดฝ่ามือลงบนร่างของจ้าวเฟิง

จ้าวเฟิงกลับยังนิ่งไม่ไหวติง

วิ้ง!

ผิวกายของเขาปรากฏลายน้ำสีม่วงเข้มในลักษณะของเกล็ดปลา ราวกับเป็นนักรบเกล็ดมังกร

“โครม!”

ฝ่ามือของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงส่งเสียงดังสนั่นประหนึ่งกระทบลงบนผืนหนัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version