Skip to content

King of Gods 640

King Of Gods

บทที่ 640 ยึดครองทะเลสาบจื่อเยียน (1)

ข้ารับใช้จระเข้ยักษ์โบราณนับสิบตัว เพียงแค่จ้าวเฟิงใช้พลังของพวกมันก็มากพอจะอาละวาดไปทั่วริมทะเลสาบจื่อเยียน

ในเวลานี้

อัจฉริยะแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในละแวกริมทะเลสาบ รวมไปถึงอัจฉริยะขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงสองคน พากันหวาดกลัวจ้าวเฟิงอยู่ไม่น้อย

การเคลื่อนไหวทุกครั้งของเขาล้วนแต่ถูกจับตามอง

หยุดพักไปชั่วขณะหนึ่ง

จ้าวเฟิงควบคุมจระเข้ยักษ์โบราณสิบตัวมุ่งไปยังใจกลางของทะเลสาบจื่อเยียน เมื่อเดินทางไปจนถึงระยะหนึ่ง เขาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ลึกจนเกินไป

ภายในทะเลสาบจื่อเยียนมีสัตว์อสูรเผ่าน้ำนานาชนิด มีความสามารถแปลกประหลาดมากมาย อสูรมัจฉาบางส่วนมีเผ่าพันธุ์นับพันนับหมื่น เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของพวกมันแล้ว ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่ราชันก็ยังต้องหลบลี้หนีหาย

พละกำลังของจระเข้ยักษ์โบราณถือได้ว่าเป็นเพียงนักล่าชั้นยอดในบริเวณรอบนอกทะเลสาบจื่อเยียนก็เท่านั้น

ยามนั้น

ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!

ในน่านน้ำด้านหน้า ฝูงอสูรมัจฉาที่แหวกว่ายเข้ามามีจำนวนนับร้อย พลังรบต่ำที่สุดอยู่ในขั้นนายเหนือแท้ แล้วยังมีเกือบสิบตัวที่เข้าใกล้ขอบเขตแก่นก่อกำเนิด

ฝูงอสูรมัจฉาเหล่านี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของจระเข้ยักษ์โบราณ จึงไม่กล้าเข้ามาใกล้

“เดินหน้าต่อไป!”

จ้าวเฟิงนั่งบนร่างของจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง แล้วควบคุมกลุ่มจระเข้ให้เข้าใกล้ฝูงสัตว์อสูรมัจฉาเหล่านั้น

ผลัวะ ผลัวะ! ฟุ่บ ฟุ่บ!

ทันใดนั้น ฝูงอสูรมัจฉาก็กระจัดกระจายสับสนอลหม่าน

อสูรมัจฉาที่มีจำนวนไม่ถึงร้อยตัวยากจะคุกคามเหล่าจระเข้ยักษ์สิบตัวได้

“วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน หนึ่งห้วงความคิดแยกเป็นสิบ!”

ห้วงความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงเกิดแบ่งออกเป็นสิบยี่สิบกลุ่มในทันใด จากนั้นเรียกตราผนึกดวงใจทมิฬเล็งเป้าหมายไปยังฝูงอสูรมัจฉา

เหล่าอสูรมัจฉาตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกหวาดกลัว จึงถูก ‘ตราดวงใจทมิฬ’ ผนึกอย่างง่ายดาย

เพียงอึดใจเดียว

‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ ของจ้าวเฟิงครอบงำสัตว์อสูรมัจฉาได้ถึงสิบแปดตัว

ระดับของอสูรมัจฉาโดยทั่วไปจะเป็นขั้นนายเหนือแท้ เมื่อมี ‘ตราดวงใจทมิฬ’ ที่ใช้วิชาหมื่นห้วงความคิดเซียนเรียกออกมากับดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิง จึงทำสำเร็จอย่างราบรื่น

ผลัวะ ผลัวะ! โครม โครม!

อสูรมัจฉาที่ถูกครอบงำแล้วว่ายไปมารอบๆ จระเข้ยักษ์โบราณอย่างจำนนและหวาดกลัว

“ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาได้มากมายเพียงนี้ในเวลาสั้นๆ เท่านั้น?”

ริมทะเลสาบ สตรีนักฝึกสัตว์คนนั้นยากจะเชื่อสายตาตนเอง

 

นดวงตาของนางฉายแววหวาดกลัวอยู่ลึกๆ ถึงขั้นมีร่องรอยของความชื่นชมด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดเป็นศาสตร์การควบคุมทางจิตวิญญาณ ระดับวิชาของอีกฝ่ายลึกซึ้งปรุโปร่งนัก

ประสาทสัมผัสทางจิตวิญญาณกระจายออกเป็นสิบยี่สิบส่วนในชั่วพริบตา แล้วยังสำแดงวิชาดวงวิญญาณที่ลึกล้ำสูงส่ง

สำหรับนางแล้วย่อมต้องเป็นระดับของปรมาจารย์อย่างแน่นอน

แต่ทว่า

ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาสิบแปดตัวเป็นเพียง ‘ระลอกคลื่นแรก’ ของจ้าวเฟิงเท่านั้น

ระลอกคลื่นที่สอง

ห้วงความคิดจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงแบ่งออกอีกครั้ง ควบคุมสัตว์อสูรมัจฉาอีกสิบยี่สิบตัว

ระลอกที่สาม…ระลอกที่สี่…ระลอกที่ห้า

ห้าหกระลอกผ่านไป

สัตว์อสูรมัจฉาที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจ้าวเฟิงมีจำนวนร่วมร้อย ในนั้นยังมีหัวหน้าอสูรมัจฉาในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดนับสิบตัว

บริเวณริมทะเลสาบ สตรีฝึกสัตว์นางนั้นสีหน้าตะลึงค้าง

“แท้จริงแล้วพลังวิญญาณของเขาลึกล้ำแค่ไหนกันแน่? ต่อให้เป็นสายเลือดดวงตาในแขนงวิญญาณ ยามกระตุ้นใช้วิชาศาสตร์วิญญาณ มีประสิทธิภาพสูง สิ้นเปลืองพลังน้อยก็จริง แต่ไม่มีทางที่จะใช้ไปจนไม่มีที่สิ้นสุดเช่นนี้…” สตรีนักฝึกสัตว์ยากจะเชื่อได้

 

นางวิเคราะห์ว่า องค์ประกอบดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงอย่างน้อยๆ จะต้องอยู่เหนือกว่าขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง นี่เป็นข้อได้เปรียบสำคัญของสายเลือดดวงตาแขนงวิญญาณ จะทำให้ผลลัพธ์เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว และสิ้นเปลืองลดลงไปหนึ่งในสาม

ภายในทะเลสาบจื่อเยียน

ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงมีจระเข้ยักษ์โบราณสิบตัวขึ้นไป อสูรมัจฉากว่าร้อยตัว ประกอบกันเป็นกองทัพขนาดย่อม

“อืม ขั้นแรกเกือบจะสำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ

กองกำลังขนาดเล็กนี้ก็มากพอจะทำให้เขายึดครองบริเวณรอบนอกทะเลสาบ

จื่อเยียนในขั้นต้นได้แล้ว

พักไปครึ่งชั่วยาม

พลังของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับมาแล้ว จึงออกคำสั่งกับกองกำลังที่อยู่ภายใต้เงื้อมมือของตน

ฟุ่บ! ตูม ตูม!

สัตว์อสูรมัจฉากระจายไปทั่วทิศทาง กระโดดโลดเต้นอยู่บริเวณรอบนอกของทะเลสาบจื่อเยียน

ภายใต้การชี้นำของจ้าวเฟิง อสูรมัจฉาเหล่านี้เกาะกลุ่มกันไปหาสมบัติล้ำค่าแถวรอบนอกทะเลสาบอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

“ทรัพย์สมบัติทรงคุณค่าในทะเลสาบจื่อเยียนมีเป็นจำนวนมาก อาศัยพลังของคนเพียงคนเดียวประสิทธิภาพจะต่ำเกินไป อีกทั้งภายในนั้นยังมีอันตรายมากมาย”

ตัวจ้าวเฟิงไม่ลงมือเอง ทว่าให้กองทัพที่ตนควบคุมจัดการทุกอย่าง

จระเข้ยักษ์และอสูรมัจฉาเหล่านี้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมมากกว่า ระดับสติปัญญาของพวกมันทรงภูมิอย่างยิ่ง

อสูรมัจฉากว่าร้อยตัวนั้นเป็นแรงงานหลักในการค้นหาขุมทรัพย์

จระเข้ยักษ์โบราณมีหน้าที่คุ้มกันระแวดระวังภัย

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงทำหน้าที่สอดส่องเสาะหาทรัพยากรและสมบัติในทะเลสาบ

“หญ้าเกล็ดม่วง!”

จ้างเฟิงเบิกตากว้าง เขาหาร่องรอยของหญ้าเกล็ดม่วงเจออย่างรวดเร็ว

หญ้าเกล็ดม่วงเป็นหญ้าล้ำค่าชนิดหนึ่งที่เกิดในทะเลสาบจื่อเยียน มีพลังแปลกประหลาดน่าเหลือเชื่อ

อัจฉริยะจากดินแดนศักดิ์สิทธิที่มายังทะเลสาบจื่อเยียนอาจมาเพื่อหญ้าชนิดนี้ถึงครึ่งหนึ่ง

ผลัวะ ผลัวะ! โครม!

เวลาผ่านไปไม่นาน สัตว์อสูรมัจฉาหลายตัวเก็บสะสมหญ้าเกล็ดม่วงแล้วนำไปส่งให้จ้าวเฟิง

“ดีมาก” จ้าวเฟิงกำหญ้าเกล็ดม่วงหลายต้นไว้ ยืนยันให้แน่ว่าเป็นของจริง

ภายในกำมือของเขามีกองทัพเผ่าพันธุ์วารีกลุ่มเล็กเช่นนี้ เชื่อได้เลยว่าจะสามารถเก็บหญ้าเกล็ดม่วงได้มากขึ้นอีก

เพื่อทดลองประสิทธิภาพของ ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ จ้าวเฟิงจึงกินเข้าไปหนึ่งต้น

ในพริบตาเดียว

กลิ่นอายเย็นยะเยือกทะลวงผ่านเข้ามาในเลือดเนื้อของจ้าวเฟิง แล้วพลันเกิดความรู้สึกเหมือนโดนเผาไหม้อย่างรุนแรงภายในเลือดและเนื้อ

เห็นเพียงชั้นเปลวเพลิงสีม่วงผุดอยู่บริเวณผิวหนังของจ้าวเฟิง

ใบหน้าเขาแสดงอาการเจ็บปวดทุรนทุรายเล็กน้อย

หากเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป บริโภคหญ้าเกล็ดม่วงต้นหนึ่งอย่างน้อยๆ ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน แต่สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงไม่ธรรมดา เพราะดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาลอันยิ่งใหญ่เข้าไป เขาเป็นประหนึ่งสัตว์อสูรขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะแรงย่อยสลายหรือแรงดูดซึมล้วนแต่ไม่สามารถวัดด้วยตรรกะทั่วไป

“หญ้าเกล็ดม่วงนี้ย่อมส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะวิญญาณ เพียงแต่ออกฤทธิ์กับข้าไม่มากนัก” จ้าวเฟิงสัมผัสได้ ด้วยเพราะสภาวะวิญญาณของเขามาถึงขีดจำกัดของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ถึงขั้นเข้าใกล้ราชัน

ต่อให้เป็นครึ่งก้าวสู่ราชัน สภาวะวิญญาณก็ยังไม่เทียบเท่าจ้าวเฟิง

แน่นอนว่าหญ้าเกล็ดม่วงที่จ้าวเฟิงให้ความสำคัญมีผลมหัศจรรย์ในการเพิ่มสายเลือดป้องกัน สามารถทำให้สิ่งมีชีวิตมีพลังทางสายเลือดได้ สิ่งแปลกประหลาดประเภทนี้ทั่วทั้งผืนพิภพล้วนหาได้ยากยิ่ง

และนี่คือผลลัพธ์ที่มีคุณค่าที่สุดของหญ้าเกล็ดม่วง

เวลาผ่านพ้นไป กองกำลังเล็กๆ ที่จ้าวเฟิงควบคุมสะสมของล้ำค่าจำนวนมากในทะเลสาบจื่อเยียน โดยมี ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ เป็นจุดสำคัญในนั้น

ในระหว่างการค้นหา

กองกำลังเผ่าพันธุ์วารีของจ้าวเฟิงยากจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสูญเสียได้ เขาเองก็ค่อยๆ เพิ่มสิ่งแอบแฝงลงในกองทัพนั้น

ครึ่งวันผ่านไป

สัตว์อสูรมัจฉาที่อยู่ในเงื้อมมือของจ้าวเฟิงไม่ลดน้อยลง แต่กลับเพิ่มมากขึ้นจนถึงสองร้อยกว่าตัว

ขอเพียงแค่ถูกควบคุมจาก ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ จิตวิญญาณและความคิดทั้งหมดก็จะจำนนจนหมดสิ้น

การควบคุมหลังจากนั้นจะสิ้นเปลืองพลังดวงตาและพลังจิตวิญญาณน้อยลงไปด้วย

“หญ้าเกล็ดม่วง…หญ้าแมลงวารีทมิฬ… พลอยวารี… เปลือกหอยโบราณ…”

ของล้ำค่าประเภทต่างๆ ถูกส่งมาเบื้องหน้าของจ้าวเฟิงอย่างไม่ขาดสาย

มิหนำซ้ำ

วิสัยทัศน์ของจ้าวเฟิงยังกว้างไกลนัก จะขุดหาเฉพาะขุมทรัพย์ล้ำค่าที่เย้ายวนคนในขอบเขตแก่นก่อกำเนิด หรือไม่ก็ของหายากที่โลกภายนอก

หนึ่งในนี้ สิ่งที่จ้าวเฟิงให้ความสำคัญมากก็ยังคงเป็นหญ้าเกล็ดม่วง

ของล้ำค่าอย่างอื่นส่วนมากใช้เป็นพลังภายนอก ไม่ก็นำไปใช้ในการทำโอสถ  สร้างอาวุธ และถอนพิษ เป็นต้น

แต่หญ้าเกล็ดม่วงสามารถนำมาใช้เพิ่มพลังให้ตนเองได้โดยตรง

จ้าวเฟิงจึงให้ความสำคัญกับสมบัติล้ำค่าประเภทนี้เป็นที่สุด

การหาแบบหว่านแหของสัตว์อสูรมัจฉาสองร้อยตัวได้ผลอย่างมาก

ครู่เดียว จำนวนของหญ้าเกล็ดม่วงในมือของจ้าวเฟิงก็เพิ่มขึ้นไม่มีหยุด

“สิบแปดต้น สิบเก้าต้น ยี่สิบต้น…” จ้าวเฟิงเก็บของได้เรื่อยๆ

คนอื่นใช้เวลาครึ่งวันจึงจะขุดหาได้สักหนึ่งสองต้น แถมยังต้องคอยหลบหลีกการจู่โจมไล่ล่าของเหล่าสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์วารีต่างๆ

แต่เขาเป็นเสมือนเจ้านายผู้หนึ่ง กำกับทหารภายใต้การควบคุมให้ทำงานแทนตนเอง

ทุกๆ ครึ่งช่วงยาม จ้าวเฟิงจะกิน ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ต้นหนึ่ง

 

หลังจากกินสะสมเข้าไป ร่างกายของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังในการป้องกัน

ขณะที่กินเข้าไปถึงต้นที่สิบ จ้าวเฟิงก็รู้สึกได้ว่าพื้นฐานสายเลือดของตนมีการเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดเกิดขึ้น

ในเลือดเนื้อของเขามีกลิ่นอายวารีสีม่วงเข้มเป็นเส้นสาย

หืม?

จ้าวเฟิงควบคุมกลิ่นอายนั้นผ่านร่างของเขา

วิ้ง ผลัวะ!

ผิวกายของจ้าวเฟิงปรากฏลายวารีสีม่วงเข้มเป็นโครงเส้นเกล็ดปลา

“สำเร็จแล้ว” จ้าวเฟิงปลาบปลื้มยินดี

ในร่างกายมีพลังสายเลือดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ฟังดูแล้วช่างไม่น่าเชื่อ

จ้าวเฟิงรับรู้ได้ว่าวงน้ำสีม่วงเข้มที่ปรากฏในลักษณะเกล็ดปลามีพลังป้องกันไม่ด้อยเลยแม้แต่น้อย

พลังสายเลือดป้องกันประเภทนี้คล้ายคลึงกับเกล็ดของจระเข้ยักษ์โบราณ

จระเข้ยักษ์โบราณอยู่ในระดับขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ แต่พลังป้องกันกลับต้านทานการโจมตีของขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงได้ และโดยปกติพลังสายเลือดจะก่อร่างสร้างตัวอยู่ในส่วนพลังฝึกตนของร่างกาย

สภาวะวิญญาณของจ้าวเฟิงเข้าใกล้ขั้นราชัน ดูดซึมกลิ่นอายห้วงฝันบรรพกาล ผลลัพธ์ของพลังสายเลือดป้องกันที่เพิ่มขึ้นมาของเขาจึงน่าตกใจอย่างยิ่ง

“สายเลือดป้องกันนี้เพิ่มพลังการป้องกันให้ข้าถึงสามสิบส่วน”

จิตใจของจ้าวเฟิงฮึกเหิม

อีกทั้งผลลัพธ์นี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

เขายังคงกิน ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ไม่หยุดเพื่อเพิ่มความเข้มข้นของสายเลือด

ในเวลาเดียวกัน

จ้าวเฟิงยังเข้าสู่ห้วงฝันบรรพกาลชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อดูดซึมกลิ่นอายในนั้น ทำให้พลังสายเลือดย้อนคืนกลับไปบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

“ยี่สิบแปดต้น…สามสิบต้น…สามสิบห้าต้น…”

กองกำลังเผ่าพันธุ์วารีที่จ้างเฟิงควบคุมอยู่ขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ ประสิทธิภาพการทำงานก็ยิ่งสูงขึ้นอีก

สิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์วารีเหล่านั้นเดิมทีก็มีสติปัญญาของมันเอง จ้าวเฟิงจึงส่งรูปลักษณ์ของ ‘หญ้าเกล็ดม่วง’ ไปให้แกนนำของอสูรมัจฉาส่วนหนึ่ง เพื่อให้พวกมันนำการค้นหา หลักๆ คือเพื่อเก็บสะสมของล้ำค่าประเภทนี้

ในวันที่สอง

หญ้าเกล็ดม่วงในมือของจ้าวเฟิงมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงสามสิบสี่สิบต้น

ความเร็วในการค้นหาหญ้าเกล็ดม่วงถึงกระทั่งเร็วเกินกว่าเวลาที่เขาต้องกินเสียด้วยซ้ำ

ในเวลาดังกล่าว

พลังสายเลือดชนิดใหม่ของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น

เพียงหนึ่งห้วงความคิดก็ปรากฏลวดลายวารีสีม่วงในลักษณะเกล็ดปลาบนร่าง

ลายวารีเกล็ดปลานั้นยิ่งแน่นขนัดมากขึ้น

“พลังในการป้องกันแข็งแกร่งขึ้นไปเป็นสองเท่าแล้ว อีกทั้งสายเลือดป้องกันประเภทนี้หลอมรวมเข้าไปภายในร่างกายโดยตรง แต่ไม่ส่งผลกระทบใดกับการป้องกันของพลังสายเลือดวารีของข้า”

จ้าวเฟิงรู้สึกว่าร่างกายของตนเองแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังการป้องกัน

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงทะเลสาบจื่อเยียน

อุทยานครึ่งเซียนเปิดมาแล้วหนึ่งวันครึ่ง

ในตอนนี้ เหล่าอัจฉริยะดินแดนศักดิ์สิทธิยี่สิบสามสิบคนมารวมตัวกันบริเวณทะเลสาบ

ผลเก็บเกี่ยวของจ้าวเฟิงทำให้อัจฉริยะมากมายรู้สึกอิจฉาริษยา

แต่กองกำลังวารีที่จ้าวเฟิงควบคุมอยู่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมากพอจะทำให้อัจฉริยะส่วนมากต้องมองด้วยความหวั่นเกรง

“จระเข้ยักษ์โบราณยี่สิบตัว อสูรมัจฉาสามสี่ร้อยตัว…” สตรีนักฝึกสัตว์นางนั้นมองจ้าวเฟิงเหมือนกับว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์

อีกมุมหนึ่งของริมทะเลสาบ

“เป็นแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำคนหนึ่ง แต่กลับยึดครองหญ้าเกล็ดม่วงคนเดียวไปกว่าเก้าสิบส่วนแล้ว”

“กองทัพเผ่าพันธุ์วารีของเขาค้นเจอสมบัติล้ำค่าจำนวนมากและหญ้าเกล็ดม่วงกว่าครึ่ง ส่วนพวกเรายังไม่ทันได้สัมผัสอะไรทั้งสิ้น”

อัจฉริยะห้าหกคนรวมตัวอยู่ด้วยกัน คนเหล่านี้โกรธแค้นเป็นอย่างยิ่ง จ้องมองไปยังกองกำลังวารีที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรบนทะเลสาบ

คนสองคนในนั้นพลังฝึกตนอยู่ในขั้นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง ผู้หนึ่งเป็นชายหนุ่มใบหน้าซีดเผือด ส่วนอีกคนเป็นบุรุษหนุ่มนักกระบี่

 

ชายหน้าซีดเซียวผู้นั้นเชี่ยวชาญศาสตร์หุ่นเชิดศพ ในมือควบคุมกองทัพโครงกระดูกนับร้อย แปดร่างในนั้นอยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับกลาง มีโครงกระดูกสีทองร่างหนึ่งเป็นถึงยอดผู้สูงศักดิ์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version