บทที่ 710 ใช้เถาวัลย์มาร
ในระหว่างนั้น จ้าวเฟิงกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญในการแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัด
การเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งของเขามากพอที่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้
ถึงขนาดที่ว่าเขาและเด็กน้อยครึ่งเซียนร่วมมือกันแล้วพลังมากพอจะกดดันยอดโจรสลัดคนใดก็ได้
“ต้องขอโทษด้วย ก่อนที่จะออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด ข้ายังคงเป็นหนึ่งในสมาชิกของ ‘ราชาเหมันต์จันทรา’ ”
จ้าวเฟิงไม่ลุกลี้ลุกลน ดวงตาสายเลือดด้านซ้ายกลับเล็งเป้าหมายไปที่ราชาฉลามยักษ์
ด้วยเพราะมิติดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตัดขาดกับโลกภายนอก เขาจึงไม่ได้คิดจะผนึกสายเลือดดวงตาเอาไว้
“นั่นคือ…” ราชาฉลามยักษ์รู้สึกถึงแต่เจตจำนงดวงตาที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังทะลุทะลวงผ่านมา ทำให้ดวงวิญญาณของตนเองโดนกดดันจนไม่สงบ
ในชั้นดวงวิญญาณเกิดเสียงสั่นสะเทือนดังแว่วขึ้นมา มีกลิ่นอายวินาศทำลายล้าง
“สายเลือดดวงตา…นี่ต่างหากถึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริงของเขา!” สีหน้าของราชาฉลามยักษ์ตะลึงลาน
สิ่งที่แฝงอยู่ในดวงวิญญาณและเจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงเผยออกมาหมดไม่มีเหลือ น่าสะพรึงขวัญเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากที่ดวงตาเทพเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปแล้ว จ้าวเฟิงก็เอาแต่ฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ โดยเฉพาะอย่ายิ่งการขัดเกลาอัสนีเทวะที่ทำให้พลังดวงตาและดวงวิญญาณแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกขั้น
ในวันนี้ ไม่ว่าจะพื้นฐานสายเลือดหรือชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงล้วนแต่ไม่ด้อยไปกว่าราชันระดับสุดยอด
ดวงวิญญาณของเขาแกร่งกล้าถึงขนาดอยู่เหนือว่าราชันในระดับสุดยอดด้วยซ้ำไป
จ้าวเฟิงทอดถอนใจอยู่ส่วนหนึ่ง ที่แท้แล้วการหนีตายในช่วงเวลานี้ทำให้ตนเองเติบโตไวเช่นนี้เลยทีเดียว
“จ้าวเฟิง ขอบใจ”
ราชาเหมันต์จันทรามีสีหน้าซาบซึ้งใจ
ด้วยความสามารถของจ้าวเฟิงบวกกับเด็กน้อยครึ่งเซียน ส่งผลให้มีความหวังในการช่วงชิงบัลลังก์จักรพรรดิโจรสลัด
แต่ว่าอีกฝ่ายยังวางตนอยู่ในฐานะบริวารของนาง
“นายท่าน!” เด็กน้อยครึ่งเซียนทะยานผ่านอากาศมา พลังครึ่งเซียนและสำนึกรู้ที่ทะลักออกจากร่างทำให้กายใจของราชาฉลามยักษ์ต้องหนักอึ้ง
ใบหน้าของราชาฉลามยักษ์เผยอาการเจ็บปวด
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนเป็นคนสำคัญที่ทำให้เอาชนะจักรพรรดิมู่อวิ๋นเมื่อครั้งก่อนได้ คนทั้งสองนี้ร่วมมือกันย่อมเอาชนะคนต่ำกว่าระดับจักรพรรดิลงไปแน่
“ราชาเหมันต์จันทรา ดวงของเจ้าดีเสียเหลือเกิน การช่วงชิงตำแหน่งจักรพรรดิโจรสลัดนี่ข้าขอถอนตัว”
ราชาฉลามยักษ์หัวเราะอย่างขมขื่น เอ่ยปากยอมแพ้ด้วยตนเอง
เขาอดเสียใจภายหลังอยู่บ้างไม่ได้ ที่ในตอนนั้นตนเองไม่ได้ลากจ้าวเฟิงมาเป็นพวก
แต่ว่าเมื่อคิดในอีกแง่ จ้าวเฟิงช่วยเหลือราชาเหมันต์จันทรา เป็นไปได้อย่างมากว่าเป็นเพราะเสน่ห์ของโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนาง
ก่อนจะจากไป แววตาของราชาฉลามยักษ์ปราดมองจ้าวเฟิงและราชาเหมันต์จันทราอย่างมีนัยลึกซึ้ง
ในดวงตานั้นฉายแววฉงนสงสัยและคลุมเครืออยู่ในที
จ้าวเฟิงมองส่งอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
วงหน้างามของราชาเหมันต์จันทรายังเย็นชาจนมองความคิดในใจนางไม่ออก แต่หัวใจของนางเต้นถี่ระรัวขึ้นในตอนนั้น
ในใจนางพลันรู้สึกไม่สงบเล็กน้อย จ้าวเฟิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพราะหลงรักตนเองหรือไม่
เขาจะยื่นข้อเสนออะไรที่เกินเลยไปหรือเปล่า?
“ราชาเหมันต์จันทรา หลังจากที่การแย่งชิงมรดกจักรพรรดิโจรสลัดนี่จบลง ข้าก็จะไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี่”
แววตาของจ้าวเฟิงวกกลับมา แล้วเอ่ยปากชี้แจงเสียก่อน
ราชาเหมันต์จันทราโล่งใจ แต่ว่าสีหน้าสงบเย็นชาไร้คลื่นอารมณ์ของจ้าวเฟิงกลับทำให้นางรู้สึกผิดหวังอยู่รางๆ
นางไม่ได้ชื่นชอบจ้าวเฟิง ในฐานะที่เป็นหัวเรือใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดมานานนับร้อยปี ราชาเหมันต์จันทราผ่านการรบราฆ่าฟันมามากมาย จิตใจหนักแน่นดั่งขุนเขา ไม่หวั่นไหวง่ายๆ
แต่ไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่านางรู้สึกดีและซาบซึ้งใจต่อชายหนุ่มผู้นี้
นางชื่นชมความเยือกเย็นและซื่อตรงของจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง ความช่วยเหลือในยามคับขันของอีกฝ่ายเอาชนะใจนาง
แต่ทว่าเมื่อมองดูสถานการณ์แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาจ้าวเฟิงก็ไม่ได้สนใจดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัด แทบอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วกว่านี้อีกหน่อย และไร้ความสนใจใดๆ กับมรดกของจักพรรดิโจรสลัด
“คุนอวิ๋นน้อย พวกเราลองไปดูที่อื่น”
จ้าวเฟิงเอ่ยกับเด็กน้อยครึ่งเซียนที่อยู่ข้างกาย
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงมองทะลุผ่านอาณาเขตเกาะใจกลาง ไม่มีสถานที่พิเศษอะไรชวนให้คนสนใจ
คุนอวิ๋นน้อย?
ราชาเหมันต์จันทรารู้สึกว่านามนี้คุ้นหูไม่น้อย เหมือนว่าจะเคยได้ยินมาจากในบันทึกโบราณเล่มใดมาก่อน แต่แน่นอนว่า นางไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“จ้าวเฟิง ข้าราชาเหมันต์จันทราติดหนี้บุญคุณเจ้า บุญคุณในวันนี้ วันหน้าจะตอบแทนให้เป็นสิบเท่า” ราชาเหมันต์จันทราจ้องมองแผ่นหลังของจ้าวเฟิงพลางเอ่ยเสียงเคร่งขรึม
จ้าวเฟิงเองไม่ได้ใส่ใจ นำเด็กน้อยครึ่งเซียนจากไป
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏกายขึ้นบนบ่าของจ้าวเฟิง อุ้งมือโยนเหรียญทองแดงโบราณไปสองสามเหรียญ
“นายท่าน ข้ารู้สึกเหมือนกันกับท่าน มิติลี้ลับแห่งนี้จะต้องไม่ใช่แค่มรดกจักรพรรดิโจรสลัดธรรมดาเท่านั้นแน่ จักรพรรดิคนหนึ่งต่อให้เป็นปรมาจารย์กลไกและปรมาจารย์ค่ายกล ก็ไม่น่าจะวางแผนผังสถานที่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้ได้” เด็กน้อยครึ่งเซียนผงกศีรษะ
ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มแปลกประหลาดอันประกอบไปด้วยมนุษย์ผู้หนึ่ง เด็กน้อยคนหนึ่ง และแมวตัวหนึ่ง ก็ลัดเลาะรอบๆ เขตเกาะใจกลางอย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี”
“อาณาเขตเกาะแห่งนี้น่าจะถูกจัดแจงโดยจักรพรรดิโจรสลัด” จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนสำรวจไปพลาง ถกกันไปพลาง
หนึ่งวันจากนั้น จ้าวเฟิงถอดใจจากการสำรวจบนเกาะแห่งนี้
แต่ทว่า ภายนอกเกาะมีพลังที่มองไม่เห็นซ่อนตัวอยู่ในกระแสคลื่นยักษ์ กวาดสรรพชีวิตบนฟ้าและในน้ำละแวกนั้นลงไปยังตัวเกาะตรงใจกลาง
ในขณะที่จ้าวเฟิงบินตรงไปข้างนอกก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านที่รุนแรงอย่างยิ่ง
เมื่อเขาเรียกปีกวายุอัสนีออกมา จึงพอจะฝืนต้านและมั่นคงขึ้นมาได้
เพียงครู่เดียวจ้าวเฟิงก็บินไปเป็นระยะทางหลายพันลี้ แรงต้านทานรุนแรงนัก
ดีที่ทรัพยากรในครอบครองเขาอุดมสมบูรณ์ การจะเพิ่มเติมปราณที่แท้จริงจึงไม่ใช่ปัญหาใด
หลายพันลี้จากนั้น จ้าวเฟิงรู้สึกในฉับพลันว่าเกลียวคลื่นบนทะเลค่อยๆ สงบลง แรงต่อต้านที่ไร้รูปร่างในอากาศก็อ่อนแรงลงไป
“ไปสำรวจตรวจตรายังที่ที่ไกลกว่านี้สักหน่อย” จ้าวเฟิงบินต่อไปเรื่อยๆ
ในครั้งนี้เขาบินไปเป็นระยะทางหลายหมื่นลี้ แต่กลับไม่เจอเกาะแห่งที่สอง
ในเวลานี้ เขามาจนถึงสุดทางมิติลึกลับ
ด้านหน้าจึงปรากฏแสงสุกสว่างสีเขียวหม่นเหมือนเป็นปราการกั้น
“มิติลี้ลับแห่งนี้ ทั้งลักษณะและระดับขั้นนับว่าสูงส่ง”
คิ้วของเด็กน้อยครึ่งเซียนขมวดมุ่น
จ้าวเฟิงไม่ยอมแพ้ เปลี่ยนทิศทางกลับไปยังดินแดนเกาะตรงกลาง แล้วจึงบินไปยังสุดทางอีกฝั่ง แต่ว่าก็ยังหาอะไรไม่เจอ
กลับพบสภาพแวดล้อมมหันตภัยภายในมิติลี้ลับระหว่างทาง
ยังดีที่มีดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกับความเร็วของปีกวายุอัสนี จึงจัดการผ่านพวกมันไปได้
“ในบริเวณละแวกทะเลไม่เจอเลย” ความคิดของจ้าวเฟิงหมุนวนไปมา
ดินแดนเกาะใจกลาง กลางอากาศเหนือผิวน้ำทะเล ล้วนแต่โดนเขาตัดทิ้งออกไปแล้ว
“เช่นนั้นไม่สู้ไปงมที่ก้นทะเลดู” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ยแนะ
จ้าวเฟิงผงกศีรษะ เขาเองก็มีความคิดนี้อยู่พอดี
ตูม!
ทันทีที่ศีรษะของจ้าวเฟิงลงน้ำไป ทั่วร่างของเขาก็ปรากฏลวดลายสีม่วงคล้ายกับเกล็ดซึ่งเป็นสายเลือดป้องกันที่เพิ่มมาของจ้าวเฟิง มีความกลมกลืนกับสายน้ำอย่างยิ่ง
อีกทั้งเขาเองก็มีสายเลือดวารี ถึงแม้ว่าแรงต่อต้านจะรุนแรง แต่ว่าก็ยังคงดำดิ่งลงไปในก้นบึ้งมหาสมุทรได้
ก้นบึ้งมหาสมุทรมีกระแสคลื่นน่ากลัว ราชันธรรมดายากที่จะต้านทานได้เป็นเวลานาน
อีกทั้งในมหาสมุทรลึก สีของน้ำผุดชั้นแสงสีเขียวหม่น แล้วยังปิดกั้นประสาทสัมผัสเป็นที่สุด
จ้าวเฟิงถึงกับต้องเปิดเนตรเทพเจ้าเพื่อมองในรัศมีหนึ่งลี้ให้ปรุโปร่ง
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโยนเหรียญทองแดงโบราณ เสียง ‘กรุ๊ง กริ๊ง’ ดังขึ้นเพื่อบอกทิศทาง
จ้าวเฟิงเรียกระลอกปราการวารีขึ้นมา แล้วจึงใช้มันปกป้องร่างกายเอาไว้
ส่วนเด็กน้อยครึ่งเซียนใช้วิชาเซียนปัดป้องวารีที่ตนฝึกฝนมาอย่าง ‘กายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง’ ตามมาด้านหลังติดๆ
“เจ้าแมวตัวนั้นยังเข้าใจเรื่องการทำนายด้วย?” เด็กน้อยครึ่งเซียนสีหน้าเรียบเฉย ตามจ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยตัวน้อยไป
ไม่รู้ว่าเป็นระยะเวลายาวนานเท่าไหร่
ในส่วนลึกของมหาสมุทร แสงสีเขียวหม่นด้านหน้าสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนมีที่แห่งหนึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของแสง
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโยนเหรียญทองแดงโบราณอีกครั้งด้วยท่าทีออกจะตื่นเต้น
สีหน้าเด็กน้อยครึ่งเซียนฉายแววฉงน จ้าวเฟิงเหมือนจะเชื่อมั่นในเจ้าแมวขโมยตัวน้อยอย่างยิ่ง เดินมุ่งหน้าไปอย่างยากลำบาก
แต่ทว่า ยิ่งเข้าใกล้แหล่งกำเนิดแสงมากเท่าไหร่ แรงดันที่ทะลักมาในสายน้ำก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วในวินาทีนั้นเอง เถาวัลย์สีเขียวเข้มปรากฏขึ้นมืดฟ้ามัวดิน ทุกเส้นมีหนามแหลมคมสีเขียวที่เปล่งแสงเย็นเฉียบ
อีกทั้งแหล่งกำเนิดแสงสีเขียวล่องลอยออกมาจากส่วนลึกด้านในเถาวัลย์นั่น
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายโบราณที่ล่องลอยออกมาจากส่วนลึกของเถาวัลย์สีเขียวอยู่รางๆ
เมี้ยว เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกระโดดโลดเต้น ยิ่งลิงโลดขึ้นเรื่อยๆ
“นายท่าน ข้าสงสัยว่าในส่วนลึกของเถาวัลย์พิษนั่นจะต้องมีความลับที่คนอื่นยังไม่ล่วงรู้แน่” เด็กน้อยครึ่งเซียนเอ่ย
แต่ว่าจะเข้าใกล้แหล่งกำเนิดลำแสงสีเขียวนั่นต้องข้ามเถาวัลย์ที่มืดฟ้ามัวดินเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดนี่ไป
โครม!
เด็กน้อยครึ่งเซียนฟาดฝ่ามือไปเบื้องหน้า เถาวัลย์พวกนั้นทะลุเป็นรอยโหว่ช่องหนึ่ง
“เถาวัลย์ประเภทนี้เก่าแก่อย่างยิ่ง มีแรงต้านทานที่แข็งแกร่งอย่างมากต่อการโจมตีทางกายภาพของปราณที่แท้จริง” เด็กน้อยครึ่งเซียนใบหน้ากระตุก
ฝ่ามือโจมตีของเขาเมื่อครู่ใช้พลังไปถึงเจ็ดสิบส่วนจึงจะสร้างรอยโหว่ขนาดครึ่งจั้งได้
อีกทั้งแรงดันในมหาสมุทรมหาศาล ไม่เอื้อต่อการปล่อยพลังใดๆ
วายุอัสนีพิฆาต!
ฝ่ามือของจ้าวเฟิงที่ส่งออกไปก็ทำได้เพียงแค่สร้างรอยโหว่เล็กๆ เท่านั้น
ธาตุพฤกษามีแรงคุ้มกันต่อการโจมตีของศาสตร์อัสนีแกร่งกล้ากว่า
“เถาวัลย์สีเขียวเข้มนั่นเกรงว่าจะมีรัศมีหลายร้อยลี้”
จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนรู้สึกถึงความยากลำบาก
เถาวัลย์สีเขียวเข้มที่ถูกทะลวงจนเกิดเป็นรอยแยกค่อยๆ ฟื้นฟูเติบโตทีละน้อย
“ลองนี่ดู!” ในมือของจ้าวเฟิงปรากฏเมล็ดสีดำมืดที่แข็งและแห้งเหี่ยวเมล็ดหนึ่ง
“เมล็ดเถาวัลย์มารทมิฬ!” เด็กน้อยครึ่งเซียนตกใจยิ่ง มองออกถึงความเป็นมาของเมล็ดนี่ในทันที
ในยามก่อนที่ซากปรักหักพังสือเฉิง สำนักสองดาวทั้งสามพยายามจะรุกล้ำเข้ามาในมิติด้วยการปลูกเถาวัลย์มารมทิฬที่น่าสะพรึง
ฟุ่บ!
จ้าวเฟิงเอาเมล็ดเถาวัลย์มารทมิฬปลูกลงในดิน
“วารีคืนชีวิต!”
จ้าวเฟิงหยดวารีคืนชีวิตหยดหนึ่งลงไปในเมล็ดเถาวัลย์มารทมิฬอย่างรวดเร็ว
วารีคืนชีวิตหยดหนึ่งแฝงไปด้วยพลังชีวิตมากมายมหาศาล สามารถทำให้พื้นดินร้อยลี้กลายเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังปลูกโอสถจิตวิญญาณมากมายใช้ได้ยาวนานถึงพันปี
พู่ว พู่ว~
ในพริบตาเดียว เมล็ดเถาวัลย์มารก็ปรากฏ ‘ต้นอ่อน’ สีเขียวเข้มเต็มไปหมด แล้วยังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง ลำต้นอวบอ้วนขึ้น สูงขึ้น สีก็เข้มขึ้น
เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ
ในรัศมีหลายลี้ก็ผุดเถาวัลย์สีเข้มขึ้นมากมาย ผิวนอกของเถาวัลย์มารทุกต้นเต็มไปด้วยหนามแหลมคมน่ากลัว ทำให้คนที่พบเห็นต้องตัวสั่น
“หินผลึกชีวิต…มุกหมื่นปี…หน่อแก่นโลหิต…”
จ้าวเฟิงหยิบทรัพยากรล้ำค่าออกมาทีละชิ้นๆ แล้วโยนเข้าไปภายในเถาวัลย์มารทมิฬที่กำลังเติบโตอย่างบ้าคลั่ง
ความเร็วในการงอกเงยของเถาวัลย์มารรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว!
ไม่นานนัก ผืนเถาวัลย์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา
เมื่อเถาวัลย์มารทมิฬเจอกับเถาวัลย์สีเขียวเข้มก็ดูดกลืนชีวิตของฝ่ายหลังอย่างรวดเร็ว
“ไม่เสียทีที่เป็นเถาวัลย์ในระดับภัยพิบัติ”
เด็กน้อยครึ่งเซียนตกใจ
เถาวัลย์มารทมิฬนี้สามารถดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทั้งหมด รวมไปถึงเลือดเนื้อและชีวิตของยอดฝีมือ
เถาวัลย์สีเขียวเข้มถึงแม้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีแรงต้านทานแข็งแกร่ง แต่ว่าก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตในธาตุพฤกษาที่แฝงไปด้วยชีวิต
ในขณะที่เถาวัลย์สองประเภทพัวพันกัน เถาวัลย์สีเข้มก็แห้งลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เวลาผ่านไปไม่นาน ผืนเถาวัลย์มารก็แผ่กลิ่นอายน่ากลัวของความบ้าคลั่งและกระหายเลือด ปรากฏเป็นอสุรกายเถาวัลย์ขนาดใหญ่คล้ายกับปลาหมึกยักษ์ มีรยางค์เถาวัลย์ยาวกว่าสิบจั้งขึ้นไปหลายร้อยเส้น
“เหอะ เหอะ ราชาเถาวัลย์มารมาถูกเวลาพอดี!” จ้าวเฟิงเปิดผนึกดวงตาสายเลือดครู่หนึ่งแล้วจึงควบคุม ‘ราชาเถาวัลย์มารทมิฬ’ เอาไว้ในทันที
เมื่อควบคุมราชาเถาวัลย์มารไว้แล้ว จ้าวเฟิงก็ควบคุมทิศทางการเติบโตของมันได้
ผ่านไปไม่นานนัก เถาวัลย์นั่นก็เติบโตไปจนถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิด ผืนเถาวัลย์ดูดซึมเอาชีวิตจำนวนมหาศาลของเถาวัลย์สีเขียวเข้ม แข็งแกร่งเกินจะต้านทาน แล้วรุกเข้าไปด้านในเรื่อยๆ