บทที่ 719 จุดอ่อน
น้ำวนสีเลือดนั้นเป็นใจกลางของค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ พลังของสายธารเลือดที่แข็งแกร่งสามารถกลืนกินและทำลายราชันปราณเทวะได้
โครม!
ตราประทับฝ่ามือทมิฬที่หลอมรวมเข้ากับผืนฟ้าเบื้องหลัง ผลักทั้งค่ายกลหุ่นเชิดศพไปข้างหน้า รวมไปถึงจ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียน และเจ้าหอโครงกระดูกที่อยู่ภายในด้วย
ในเวลาเดียวกัน แรงดึงดูดมหาศาลก็ตรงออกมาจากใจกลางน้ำวนสีเลือด
“ทันทีที่หลุดเข้าไปภายในน้ำวนสีโลหิต ค่ายกลร้อยศพจะถูกทำลาย…” จ้าวเฟิงหวาดผวา
เพียงแค่ค่ายกลหุ่นเชิดศพพินาศไป จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนก็จะไม่มีปราการป้องกันใดอีก และจะต้องแบกรับการโจมตีจากเส้นลำแสงสีโลหิตจำนวนพันหมื่นเส้นสาย หรือกระทั่งเคล็ดวิชาของราชาจิตวิญญาณมรณะหลายคน
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
“คุนอวิ๋นน้อย!” จ้าวเฟิงร้องตะโกน บริเวณหลังผุดปีกวายุอัสนีออกมา
“เข้าใจแล้ว!”
ครึ่งเซียนคุนอวิ๋นและจ้าวเฟิงเชื่อมต่อกันด้วยเมล็ดดวงใจทมิฬ จึงสื่อสารกันได้อย่างง่ายดายยิ่ง
“หมัดทองทะลวงสวรรค์!”
พลังและสำนึกรู้วิชาหมัดของเด็กน้อยครึ่งเซียนผสานเข้าหากันขั้นสูงสุด
ในอากาศว่างเปล่าอันเป็นที่ตั้งของค่ายกลนรกเกิดความรู้สึกสั่นสะเทือนเบาๆ มองเห็นลำแสงหมัดสว่างเจิดจ้าเส้นสายหนึ่งกลายเป็นแท่งลำแสงแหลมคมทรงพลัง แทงทะลุพื้นหลังมืดและสว่างที่ถูกตีตราประทับด้วยฝ่ามือยักษ์อย่างรุนแรง
โครม วูบ!
บนฝ่ามือตราประทับของราชาอินหยางปรากฏรอยโหว่ขนาดใหญ่ขึ้น บรรยากาศด้านหลังอันเป็นสีขาวดำบิดเบี้ยวสั่นสะท้านในฉับพลัน
“สำนึกรู้วิชาหมัดหมัดของเจ้าเด็กนี่เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ…”
ราชาอินหยางตกใจไปเล็กน้อย
แน่นอนว่าพลังของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากเกินไป
กำลังรบของราชาอินหยาง ผู้อยู่ในขั้นต่ำกว่าจักรพรรดิลงไปไม่สามารถจะต้านทานได้ สำนึกรู้วิชาหมัดของเด็กน้อยครึ่งเซียน ไม่ว่าจะสูงส่งเพียงใด ก็กลับไม่อาจทำลายเคล็ดวิชาของเขาได้ในหมัดเดียว
ตราประทับฝ่ามือยักษ์ที่หลอมรวมเข้ากับผืนฟ้าเพียงแค่โดนกดข่มและต้านทานพลังส่วนมากเอาไว้เท่านั้น
เปรี้ยง!
ร่างของเด็กน้อยครึ่งเซียนกระเด็นไปไกลสิบกว่าจั้ง เกือบจะกระอักเลือดออกมา
พลังและสำนึกรู้ของราชาอินหยางผู้นั้นใกล้เคียงกับจักรพรรดิปราณเทวะเป็นที่สุดในชั้นดวงวิญญาณ
หากว่าสู้กันตัวต่อตัว ต่อให้จ้าวเฟิงเบิกดวงตาสายเลือดก็มีความเป็นไปได้น้อยที่จะชนะ
“นายท่าน…ท่าไม่ดีแล้ว!”
เจ้าหอโครงกระดูกตื่นตระหนก ค่ายกลหุ่นเชิดศพยังคงโดนผลักและดึงเข้าไปใกล้น้ำวนสีเลือด
เด็กน้อยครึ่งเซียนก็ยังไม่อาจจะต้านทานการโจมตีของราชาอินหยางได้
และในวินาทีหน้าสิ่วหน้าขวานนั้นเอง
ประกายปีกอัสนี!
ลำแสงปีกอัสนีสีชาดสายหนึ่งกวาดผ่านตรงดิ่งไปที่ใจกลางของน้ำวนสีโลหิต
“ตราผนึกจักรพรรดิเหมันต์!”
หอกเหมันต์สีฟ้าเล่มยาวกลางฝ่ามือจ้าวเฟิงเป็นประหนึ่งของเหลวที่เย็นเยียบ ก่อนจะกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งระยิบระยับลูกใหญ่
โครม!
ภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์นั้นตกลงไปบนน้ำวนสีเลือดพอดิบพอดี ท่ามกลางแสงพร่างพรายเผยให้เห็นโครงร่างของตราผนึกผลึกเหมันต์อยู่เลือนราง
ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณกระเทือนน้อยๆ
วิ้ง!
ภูเขาน้ำแข็งลูกยักษ์ซึ่งมีตราประทับหมุนวนรอบๆ หลังจากจมลงสู่น้ำวนสีเลือด กลับต้องเผชิญกับแรงดูดกลืนมหาศาล
พลังเหมันต์แปรผันและแรงดูดกลืนเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน
แต่ว่าตราประทับภูผาเหมันต์เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย กลิ่นอายก็ลดลงไปมาก
“ผนึก!”
แววตาของจ้าวเฟิงเย็นชา ผิวหนังทั่วร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีฟ้าใสสกาวและงดงาม
พลังเหมันต์ลี้ลับขั้นสูงสุดที่ถือกำเนิดมาจากบรรพกาล ผสานเข้าไปภายในตราประทับภูผาเหมันต์
ทันใดนั้น ภูเขาน้ำแข็งที่มีหอกจักรพรรดิเหมันต์เป็นใจกลางคล้ายจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น และสาดซัดพลังเหมันต์ออกมา ชั่วครู่เดียวก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าสองเท่า!
ภายในรัศมีหลายลี้ที่มีจ้าวเฟิงเป็นจุดศูยน์กลาง หมื่นสรรพสิ่งล้วนกลายเป็นน้ำแข็ง
เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!
หลังจากที่เส้นลำแสงสีเลือดเหล่านั้นเข้าใกล้จ้าวเฟิง ความเร็วก็ช้าลงไป บนพื้นผิวมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะกลุ่มรวมตัวกัน เมื่อโจมตีเขาแล้วอานุภาพลดลงไปห้าสิบหกสิบส่วน
ตุบ ตุบ ตุบ!
เกล็ดสีฟ้าบนผิวของจ้าวเฟิงเหมือนผิวหนังของมังกรเหมันต์โบราณ การป้องกันแข็งแกร่งไปถึงระดับสูงสุด
แซ่ด แซ่ด~
น้ำวนสีเลือดที่โดนตราผนึกภูเขาเหมันต์ประทับ มีแนวโน้มว่าจะแข็งตัวจนแทบหยุดโคจร
“อันตรายอย่างยิ่ง!”
เจ้าหอโครงกระดูกประคองค่ายกลหุ่นเชิดศพให้เสถียร
ค่ายกลร้อยศพอยู่ห่างจากน้ำวนสีเลือดเพียงไม่กี่สิบจั้ง
ยังดีที่ในวินาทีดังกล่าว น้ำวนสีเลือดถูกแช่แข็งในระยะเวลาสั้นๆ แรงดึงดูดจึงแทบจะหายไปหมด
“กลิ่นอายสายเลือดกลุ่มนั้น…”
ราชันหลายคนที่ควบคุมค่ายกลหน้าเปลี่ยนสีในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวินลั่วอัน
สายเลือดเผ่าพันธุ์นักรบสุริยันในร่างเวินลั่วอันเกิดสั่นสะท้านน้อยๆ
“รายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ…สายเลือดเผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์!”
“เขามีได้อย่างไรกัน…”
ราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามและเวินลั่วอันล้วนแต่ตื่นตระหนก
สายเลือดเหมันต์ลี้ลับที่มาจากยุคบรรพกาล ทำให้ราชาจิตวิญญาณมรณะไปจนถึงบรรดาองครักษ์แห่งความตายในที่ดังกล่าวเกิดความรู้สึกกดดันในสายเลือด
หลังจากที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ‘หอกจักรพรรดิเหมันต์’ จ้าวเฟิงใช้สายเลือด ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ แช่แข็งน้ำวนสีเลือดที่ใจกลางค่ายกลนรก
พลังของค่ายกลนรกกลืนวิญญาณลดลงไปหลายส่วน
“ลงมือ!”
จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงต่ำ เรือนผมสีม่วงเข้มสะบัดพลิ้วในสายลมเหมันต์
ทันทีที่เอ่ยจบคำ
เด็กน้อยครึ่งเซียนและเจ้าหอโครงกระดูกบุกโจมตีอย่างสุดแรง
พลังของค่ายกลนรกนั่นยิ่งใหญ่รุนแรง จ้าวเฟิงทำได้เพียงหยุดน้ำวนสีโลหิตไว้ไม่กี่ช่วงลมหายใจ พลังสายเลือดสิ้นเปลืองไปอย่างมาก
“เหอะ!”
ราชาอินหยางหัวเราะเสียงเย็น ในบรรยากาศที่ทั้งมืดและสว่างกลางท้องฟ้า ค่อยๆ ปรากฏเงาโครงร่างของภูเขาห้ายอด มันโจมตีไปที่เด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลหุ่นเชิดศพอย่างรุนแรง
ราชาวิญญาณมืดและราชาแม่มดก็ไม่ได้อยู่เฉย กระตุ้นเคล็ดวิชาสร้างความกดดันไปอีก
เด็กน้อยครึ่งเซียนและเจ้าหอโครงกระดูกโดนโจมตีจนเกือบจะสูญสลาย
ตุบ ตุบ ตุบ!
จ้าวเฟิงยืนอยู่บนตราประทับภูเขาเหมันต์ และแบกรับการโจมตีของแมลงสีเขียวเข้มกับเส้นลำแสงสีโลหิต
ประกายปีกอัสนี!
จ้าวเฟิงหายตัวไปจากบนภูเขาน้ำแข็ง หลีกหนีอาณาเขตการโจมตีของราชาอินหยาง
เห็นได้ชัดเลยว่าเขาถอดใจกับการแช่แข็งน้ำวนสีเลือดนั่นแล้ว
แซ่ด พรึ่บ!
ในขณะที่กำลังโบยบินนั้นเอง ดวงตาซ้ายของเขาก็ทะลักเจตจำนงดวงตาที่น่ากลัวออกมามหาศาล
ภายในดวงตาซ้ายผุดสีม่วงเหมือนหมอกเลือนราง ราวกับว่าซุกซ่อนโลกมายาสีม่วงที่เป็นดั่งฝันเอาไว้ในนั้น
“ระวัง! วิชาดวงตาของจ้าวเฟิงนั่น!” เวินลั่วอันเอ่ยเสียงต่ำ อารมณ์ตึงเครียดขึ้นในฉับพลัน
“เขาวงกตไร้จุดจบ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับจ้องไปบนร่างของราชาอินหยางซึ่งมีพลังแข็งแกร่งที่สุด
ราชันในช่วงสุดยอดผู้นี้เองที่กดดันฝ่ายของตนด้วยมือเพียงข้างเดียว
“หืม?” ราชาอินหยางใจสั่นไหวเมื่อถูกตาซ้ายสีม่วงที่เลือนรางราวหมอกควันของจ้าวเฟิงดึงดูดเอาไว้
ในทันใดนั้นเอง สภาพแวดล้อมทั่วร่างเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ทุกสิ่งที่ปรากฏในครรลองสายตาถูกเขาวงกตในกลุ่มควันปกคลุมเอาไว้
“เหอะ!” ราชาอินหยางหัวเราะหยัน ครั้นพลังมั่นคงแล้ว ทิวทัศน์ในอากาศเบื้องหน้าก็หลอมละลายไปประหนึ่งหิมะ
ไม่ว่าจะสำนึกรู้หรือชั้นดวงวิญญาณของเขาล้วนแต่เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิปราณเทวะทั้งสิ้น
“ไม่เสียทีที่เป็นผู้นำของราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสี่ อีกทั้งเพลิงควันสีเทาที่เป็นผิวนอกของค่ายกลนรกยังส่งผลปิดกั้นดวงวิญญาณด้วย วิชาดวงตาของข้าถูกลดทอนให้อ่อนกำลังไปสามสี่สิบส่วน”
จ้าวเฟิงไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย
เมื่อครู่เขาเพียงแค่ลองโจมตีดู จุดมุ่งหมายก็เพื่อทำความเข้าใจว่าค่ายกลนรกนั่นส่งผลปิดกั้นวิชาสายเลือดดวงตาได้แข็งแกร่งมากเท่าใด
“หกสิบส่วนก็เพียงพอแล้ว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะน้อยๆ
เวลานั้น ราชาอินหยางก็คลายวิชาลวงตา ‘เมืองวงกตไร้จุดจบ’ ได้อย่างง่ายดาย บริเวณมุมปากมีรอยยิ้มเหยียดหยัน
แต่ว่าเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว
การโจมตีของจ้าวเฟิงล้มเหลว แต่หน้ากลับไม่เปลี่ยนสีเลยสักนิด เหมือนจะมีรอยยิ้มน้อยๆ ด้วย
“อย่า! ระวัง——”
ราชาอินหยางร้องเสียงหลงเมื่อสุดท้ายนึกอะไรขึ้นได้
ในที่แห่งนั้น ขอบเขตพลังของเขาสูงที่สุด สามารถต้านทานวิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิง
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำได้
“หนามจิตวิญญาณ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปลดปล่อยหนามจิตวิญญาณสีม่วงเย็นยะเยือก พุ่งทะลวงเพลิงควันที่แน่นขนัดรอบนอกค่ายกลอย่างรวดเร็ว
วิ้ง โครม!
เพลิงหมอกควันสีเทาถูกหนามจิตวิญญาณขนาดใหญ่ทำให้อ่อนกำลังลงไปสามสี่สิบส่วน
ฟุ่บ!
หนามจิตวิญญาณที่เหลืออยู่หกสิบส่วนพุ่งทะลุร่างเวินลั่วอันที่กำลังควบคุมค่ายกลอยู่
“อ๊าก…”
เวินลั่วอันกรีดร้องโหยหวน ความเจ็บปวดในชั้นดวงวิญญาณรุนแรงกว่าความเจ็บบริเวณผิวเนื้อเป็นหลายร้อยเท่าตัว
ถึงแม้เป็นหนามจิตวิญญาณที่เหลือเพียงหกสิบส่วน แต่ก็ทะลวงผ่านวิญญาณเวินลั่วอันจนเจ็บหนักเกือบตาย
พลังดวงวิญญาณของเวินลั่วอันเพียงแค่เข้าใกล้ขั้นราชันเท่านั้น
แต่ว่าหนามจิตวิญญาณเป็นการโจมตีดวงวิญญาณที่บริสุทธิ์ดั้งเดิมที่สุด แพ้ชนะวัดกันที่ความแข็งแกร่งของวิญญาณ
ยิ่งดวงวิญญาณของคนสองฝ่ายต่างกันมากเท่าไหร่ การบาดเจ็บก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงและเวินลั่วอันแตกต่างกันอย่างยิ่ง ถึงจะเป็นหนามจิตวิญญาณที่ถูกค่ายกลนรกลดทอนพลังไปสามสี่สิบส่วน ก็ยังคงมีข้อได้เปรียบเป็นล้นพ้น
หนามจิตวิญญาณกระบวนท่านี้ทำร้ายสภาวะจิตใจของเวินลั่วอันอย่างสาหัส ทำให้เกิดบาดแผลถึงแก่ชีวิตได้
“เจ้าคนสมควรตาย!”
ราชาอินหยางเกรี้ยวกราด พลังมหาศาลของราชันในช่วงสุดยอดพุ่งตรงไปยังจ้าวเฟิงเพื่อต้านทานการโจมตีเมื่อครู่
ในเวลาเดียวกัน ราชาแม่มดและราชาวิญญาณมืดผู้นั้นก็ร่วมโจมตีจ้าวเฟิงด้วย
“เหอะๆ!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเบา ปีกอัสนีด้านหลังเขาโบกสะบัดเข้าไปภายในค่ายกลหุ่นเชิดศพ โดยมีเด็กน้อยครึ่งเซียนกับค่ายกลร้อยศพร่วมกันโจมตี
“ลั่วอัน แผลของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ราชาแม่มดจ้องไปที่เวินลั่วอันอย่างห่วงใย ชั้นดวงวิญญาณของเขาโดนโจมตีอย่างหนักหน่วงจนแทบจะสูญเสียการควบคุมธงค่ายกล
พลังของค่ายกลนรกก็เห็นได้ชัดว่าเริ่มลดลง
แล้วในเวลานี้เอง
วูบ!
เส้นแสงสีเงินเข้มสว่างวาบแล้วจึงหายไป โดยมีเงามีดที่เย็นเยือกตามมาด้วย
“ระวัง!” ราชาแม่มดใจเต้นระรัว
แต่ว่าการเตือนของนางก็สายไปเสียแล้ว
โครม ฉัวะ!
กริชประหลาดที่เย็นยะเยียบราวกับเงาทะลวงผ่านหัวใจของเวินลั่วอัน
“อึก!”
เวินลั่วอันอยากจะดิ้นรนสุดแรง แต่ร่างกายชาวาบ จึงร่วงดิ่งลงไปในทะเลหมอกความว่างเปล่าทันที
เมี้ยว เมี้ยว!
กริชจักรพรรดิเงาสังหารในมือของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกขึ้นในทันที คมมีดหนาวเย็นกลุ่มหนึ่งทะลวงผ่านองครักษ์หลายคนที่อยู่ใกล้ๆ กับเวินลั่วอัน
“อ๊าก อ๊าก อ๊าก…” องครักษ์แห่งความตายในละแวกใกล้เคียงโดนกริชเงาเสียบทะลุ ร่างกายแข็งทื่อ การโคจรของปราณในร่างกายถูกกำจัดไปในทันที
“ลั่วอัน!”
“องค์ชายสาม!”
“จับแมวตัวนั้นเอาไว้!”
ราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามรวมไปถึงบรรดาองครักษ์แห่งความตายทั้งหลายตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
ค่ายกลนรกขาดหัวใจสำคัญในการควบคุมค่ายกลไปผู้หนึ่ง พลังจึงถดถอยลง แถมยังปรากฏรอยโหว่ขึ้นส่วนหนึ่งด้วย
เมี้ยว!
เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกลายเป็นเส้นสีเทา ตรงดิ่งหายไปในอากาศ
“เจ้าแมวขโมยตัวน้อย…ทำได้ดี!”
ทางฟากของจ้าวเฟิง แรงกดดันที่มีต่อค่ายกลร้อยศพลดลงไปหลายส่วน
ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายตั้งค่ายกลนรกขึ้น จ้าวเฟิงก็มองออกแล้วว่าเวินลั่วอันคือจุดอ่อนของค่ายกล
ในบรรดาผู้ตั้งค่ายกลทั้งสี่ พลังฝึกบำเพ็ญตนของเวินลั่วอันอ่อนแอที่สุด
จ้าวเฟิงจึงลองโจมตีราชาอินหยางก่อน ซึ่งเป็นเพียงแผนการ ‘ล่อลวงศัตรู’ ก็เท่านั้น
ถ้าหากให้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยไปโจมตีราชาอินหยางแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะสำเร็จต่ำเกินไป หรืออาจถึงขั้นเกิดอันตรายแก่ชีวิตก็เป็นได้
เป้าหมายของจ้าวเฟิงก็คือเวินลั่วอันผู้ที่พละกำลังค่อนข้างอ่อนแอ
ตอนนี้
จุดอ่อนดังกล่าวก็ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว
ทางฟากของราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามยังไม่ทันได้ตั้งตัว การโจมตีระลอกใหม่ก็เริ่มขึ้น
“เพลิงเนตรล้างผลาญ!”
ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงทะลักเพลิงเนตรที่น่าสะพรึงขวัญ
เพลิงเนตรสีชาดนั้นสาดซัดกลิ่นอายทำลายล้างออกมา บริเวณใจกลางของพลังก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายอัสนีเทวะเล็กน้อยด้วย
โครม!
เพลิงสีชาดกลุ่มนั้นเป็นประหนึ่งพายุรุนแรงสีแดงอ่อน ตรงดิ่งไปโจมตี ‘ราชาแม่มด’
“อ๊าก…”
ร่างที่ซีดขาวของราชาแม่มดถูกเพลิงดวงตาพิฆาตกึ่งโปร่งแสงล้อมรอบ กลิ่นอายทำลายล้างลุกลามเข้าไป
ถึงแม้ว่านางจะเตรียมพร้อมแล้ว แต่ก็ยังคงโดนโจมตีอย่างรุนแรงจนตื่นตกใจ
วิ้ง!
ร่างของราชาแม่มดล้อมรอบไปด้วยเพลิงแปลกประหลาดสีขาว ซึ่งเกี่ยวกระหวัดไปกับเพลิงเนตรสีชาด
แต่ทว่า เพลิงวิญญาณชั่วร้ายของนางถูกอัสนีเทวะและ ‘เพลิงเนตรล้างผลาญ’ ที่มีเสวียนอ้าวทำลายล้างยับยั้งไว้ ควันดำพวยพุ่ง ก่อนจะอับแสงลงไปอย่างรวดเร็ว