Skip to content

King of Gods 718

King Of Gods

บทที่ 718 ค่ายกลนรก ปะทะ ค่ายกลหุ่นเชิดศพ

“นี่ก็คือค่ายกลนรกกลืนวิญญาณงั้นรึ?”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเส้นลำแสงสีโลหิตนับพันนับหมื่นที่แน่นขนัด จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนตัวชาวาบ

ที่สำคัญก็คือ

เมื่อทุกคนตกเข้าไปอยู่ภายในเขตแดนมิตินรกที่เป็นค่ายกลนั่นแล้ว แม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ยังยากที่จะทะลวงผ่านออกไปได้

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! โครม!

เพลิงควันหุ่นเชิดศพที่หนาแน่นมหาศาลโดนเส้นลำแสงสีเลือดมากมายโจมตีจนทะลุเสียหาย แล้วยังทำลายหุ่นเชิดศพต้องสาปส่วนหนึ่งด้วย

ถ้าหากเป็นหลายสิบหรือร้อยกว่าเส้น ลำแสงสีโลหิตก็คงจะทำอะไรค่ายกลหุ่นเชิดศพไม่ได้

เมื่อเส้นลำแสงสีโลหิตทะลวงผ่านเข้ามาในเพลิงหมอกควันหุ่นเชิดศพ พลังก็จะลดน้อยลงไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทว่า

เส้นลำแสงโลหิตนั้นมีจำนวนมากมายอย่างยิ่ง ประหนึ่งรัศมีนับพันนับหมื่นเส้นทะลุทะลวงไปมา

ต่อให้เป็นราชันธรรมดา เมื่ออยู่ภายในมิตินรกนี่ก็น่าจะทนได้ไม่กี่ช่วงลมหายใจเท่านั้น วิญญาณดั้งเดิมก็ยากจะฝ่าผ่านเพลิงควันสีเทาที่ครอบคลุมอยู่รอบนอกได้

ยามนี้เพลิงหมอกของค่ายกลร้อยศพอับแสงลงไปทีละส่วน ปรากฎรอยโหว่จำนวนนับร้อย

“เจ้าหอโครงกระดูก ย่อขนาดค่ายกล” จ้าวเฟิงเอ่ยสั่ง

พรึ่บ!

เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงค่ายกล แล้วค่ายกลหุ่นเชิดศพในระยะสิบลี้ก็ลดขนาดเหลือเพียงหนึ่งลี้เท่านั้น พลังปกป้องกันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก

และก็เป็นโชคดีที่ค่ายกลหุ่นเชิดศพได้เพิ่มความแข็งแกร่งในเมืองความลับสวรรค์มา หากไม่เช่นนั้นแล้ว เกรงว่าค่ายกลรอยศพต้องสาปทนต่อไปได้อีกไม่กี่สิบช่วงลมหายใจก็จะแตกสลาย

ฟุ่บ ฟุ่บ โครม! ฉัวะ ตูม!

บางคราจะมีหุ่นเชิดศพต้องสาปตัวหนึ่งโดนลำแสงสีเลือดทะลวงผ่าน ถึงขั้นกระดูกกระจัดกระจาย แต่ด้วยความสามารถของสายเลือด ‘หมื่นกระดูกภูติ’ จึงทำให้รวมตัวขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

จุดเด่นที่สุดของสายเลือดหมื่นกระดูกภูติคือความสามารถในการฟื้นฟูคืนสภาพ รองลงมาคือการป้องกัน ส่วนแรงโจมตีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก

ดังนั้นการเพิ่มระดับขึ้นของร้อยศพต้องสาปจึงไม่ใช่เพียงแค่พละกำลัง แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือความสามารถในการดำรงชีวิตอยู่ต่อ

“เอ๊ะ! ค่ายกลหุ่นเชิดศพของเจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เหล่าองครักษ์แห่งความตายและราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามตื่นตระหนกกันอย่างยิ่ง

ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ เป็นถึงหนึ่งในค่ายกลสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนจิตวิญญาณว่านเซิน

ค่ายกลหุ่นเชิดศพของจ้าวเฟิงกลับต้านทานการโจมตีราวพายุฝนบ้าคลั่งในค่ายกลนรกกลืนวิญญาณได้

“ไม่จำเป็นต้องกังวล อย่างมากแล้วค่ายกลหุ่นเชิดศพนั่นน่าจะต้านทานต่อไปได้เพียงช่วงเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยเท่านั้น”

ราชาอินหยางเอ่ย

ถึงจะเอ่ยเช่นนั้น แต่พลังแฝงและอานุภาพของค่ายกลหุ่นเชิดศพก็ยังคงทำให้ราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสามรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ดี

เพราะอย่างไรค่ายกลหุ่นเชิดศพก็ควบคุมโดยคนเพียงคนเดียว

แต่ว่าค่ายกลนรกกลืนวิญญาณมีกำลังคนจำนวนมากควบคุมอยู่

“ฮึๆ… ข้าจะให้พวกเจ้าลองพลังที่แท้จริงของค่ายกลหุ่นเชิดศพ!”

เจ้าหอโครงกระดูกสีหน้าบึ้งตึงยามโบกธงไปมา

พู่ว สวบ!

พริบตานั้น ดวงตาบ้าคลั่งสีแดงร้อยคู่ในเพลิงหมอกควันก็สาดแรงอาฆาตจิตวิญญาณที่น่ากลัวออกมาโจมตี

“อ๊าก …”

ด้านนอกของค่ายกลนรก เหล่าองครักษ์แห่งความตายวิญญาณสั่นสะท้าน จิตสำนึกเกือบจะพังทลาย

ยังดีที่เพลิงควันสีเทาตรงขอบนอกของค่ายกลนรกมีพลังขวางกั้นวิญญาณ มิฉะนั้นเกรงว่าองครักษ์แห่งความตายอย่างพวกเขา คงไม่มีคนใดสามารถต้านทานการกดดันของ ‘ดวงตาเลือดร้อยหุ่นเชิดศพ’ ได้

องครักษ์แห่งความตายเหล่านั้นใบหน้าซีดขาว ฝืนพยายามประคับประคองดวงวิญญาณ

ส่วนหลายคนที่อยู่ในอันดับหลังๆ วิญญาณดั้งเดิมได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น

ต่อมา ในเพลิงหมอกควันหุ่นเชิดศพก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

มือซีดขาวโชกเลือดขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากชั้นที่ตามองไม่เห็น แล้วตรงดิ่งไปยังองครักษ์แห่งความตายและราชาจิตวิญญาณมรณะอย่างโหดเหี้ยม

วูบ โครม!

ควันเพลิงสีเทาที่อยู่บริเวณขอบนอกค่ายกลนรกกระเทือนเล็กน้อย

“เหอะ เหอะ มือยักษ์จิตวิญญาณอาฆาตนี้ เกิดจากแรงอาฆาตของเศษเสี้ยววิญญาณสัตว์อสูรและเหล่ายอดฝีมือจำนวนมากที่ถูกกลืนกินเข้าไป”

เจ้าหอโครงกระดูกหัวเราะเสียงแหลม

เมื่อมองย้อนกลับไป ตั้งแต่ที่ค่ายกลหุ่นเชิดศพถือกำเนิดขึ้นจนถึงตอนนี้ มันกลืนกินสัตว์อสูรที่เป็นยอดฝีมือไปจำนวนไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ในกลุ่มนี้ยังมีบรรดาผู้สูงศักดิ์ ยอดผู้สูงศักดิ์ แล้วยังมีราชันในขอบเขตปราณเทวะส่วนหนึ่งด้วย

สวบ พรึ่บ!

ในเพลิงหมอกควันหุ่นเชิดศพ มือจิตวิญญาณอาฆาตที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดข้างที่สองยื่นออกมา

ถัดจากนั้นก็เผยให้เห็นข้างที่สามและข้างที่สี่

มือขนาดใหญ่ของจิตวิญญาณอาฆาต เป็นพลังคำสาปแช่งชนิดหนึ่งที่พิเศษอย่างยิ่ง เส้นลำแสงสีโลหิตของค่ายกลนรกก็ส่งผลต่อมันไม่มากนัก

มีเพียงควันสีเทาซึ่งปกคลุมอยู่รอบนอกที่สามารถทำลายล้างพลังส่วนหนึ่งได้

“อ๊าก อ๊าก…”

ด้านนอกค่ายกลนรกกลืนวิญญาณมีเสียงร้องโหยหวนขององครักษ์แห่งความตายดังแว่วมา

ถึงแม้มือยักษ์จิตวิญญาณอาฆาตจะเป็นเสี้ยวพลังเพียงครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อทะลวงออกมาก็สามารถทำร้ายคนในขั้นต่ำกว่าราชันลงไปจนถึงแก่ชีวิตได้

ราชาอินหยางและเวินลั่วอันหน้าเปลี่ยนสีกันหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวินลั่วอันที่ระดับขั้นดวงวิญญาณห่างจากราชันเพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น

มือยักษ์ของจิตวิญญาณอาฆาตที่ทะลวงผ่านค่ายกล หอบเอาพลังอาฆาตต้องคำสาปส่วนหนึ่งมา ทำให้จิตใจของเขารู้สึกเย็นวาบและปั่นป่วน

“ราชาวิญญาณมืด!”

ราชาอินหยางเปิดปากเอ่ยในทันที แล้วหันมองไปยังบุรุษผู้เป็นดั่งภูติผีวิญญาณมืดอีกทางหนึ่ง

“ฝีมืออ่อนหัดยิ่ง!”

ราชาวิญญาณมืดหัวเราะเสียงเย็น มือข้างหนึ่งควบคุมธงค่ายกล มืออีกข้างหนึ่งเรียกเส้นแสงโปร่งใสที่มืดทะมึนออกมา มันแยกตัวออกเป็นสี่เส้นสาย ก่อนจะทะลวงผ่านสัตว์อสูรวิญญาณอาฆาตพวกนั้น

วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!

มือขนาดยักษ์ทั้งสี่ข้างของวิญญาณอาฆาตโดนแสงลี้ลับนั้นทะลวงผ่านพอดิบพอดี จากนั้นจึงถูกมัดไว้หลายชั้น

“น่าขยะแขยง…”

เจ้าหอโครงกระดูกโบดธงค่ายกลสีดำ มือยักษ์จิตวิญญาณอาฆาตทั้งสี่กลับไม่สามารถสลัดพันธนาการจากเคล็ดวิชาของ ‘ราชาวิญญาณมืด’ ออกได้

ราชาวิญญาณมืดมีคุณสมบัติร่างกายที่พิเศษเกินจะเปรียบ เป็นคุณสมบัติของภูตผีวิญญาณที่ว่างเปล่าอย่างหนึ่ง

วิธีการโจมตีของเขาไร้ร่องรอย ไร้รูปร่าง ตรงดิ่งเข้าควบคุมพลังคำสาปอาฆาตเอาไว้

“ถึงตาข้า!”

เสียงชั่วร้ายของสตรีดังขึ้น เสียงนี้มาจาก ‘ราชาแม่มด’ ที่ซีดเผือดทั้งร่าง

เห็นเพียงมือที่ผอมบางซีดขาวข้างหนึ่งยื่นออกมา

ครืน~

ใจกลางฝ่ามือซีดขาวปรากฏหลุมสีดำมืด ภาพที่ปรากฏต่อจากนั้นทำให้ขนลุกขนพอง

หลุมสีดำมืดนั้นมีแมลงสีเขียวเข้มบินออกมาแน่นขนัด ประหนึ่งสายน้ำหลากทะลักเข้ามาในเขตแดนนรก

เส้นลำแสงสีโลหิตภายในมิตินรกแหวกออกเป็นช่องสูญญากาศ ทำให้แมลงสีเขียวเข้มพวกนั้นบินเข้ามาได้

ชั่วเวลานั้นเอง

ภายในมิตินรกก็ปรากฏ ‘สายธารแมลง’ ขนาดมหึมาเส้นหนึ่งปะทะเข้าใส่ค่ายกลหุ่นเชิดศพ

โครม โครม โครม!

พื้นผิวของค่ายกลหุ่นเชิดศพถูกพุ่งทะลุจนเป็นรูใหญ่ในทันที ในเวลาเดียวกันก็เหลือซากแมลงที่กลายเป็นกองเลือดไว้จำนวนมหาศาล

“แย่แล้ว! แมลงพวกนี้…” เจ้าหอโครงกระดูกร้องตะโกนเสียงดัง

จำนวนของแมลงสีเขียวเข้มมากมายยิ่ง หลังจากที่ทะลวงผ่านค่ายกลเข้ามาแล้วก็เริ่มกัดกินหุ่นเชิดศพต้องสาป

ยังมีอีกจำนวนหนึ่งที่พุ่งทะยานไปยังเด็กน้อยครึ่งเซียนและจ้าวเฟิง

ทำลาย!

เด็กน้อยครึ่งเซียนยื่นฝ่ามือออกมา แสงหมัดสีทองเจิดจ้าทำลายแมลงสีเขียวเข้มเหล่านั้นจนแหลกละเอียด

จ้าวเฟิงดีดนิ้วเรียกวายุอัสนีพิฆาตสีชาด ก็สามารถทำลายแมลงได้นับร้อยตัว

แต่คนทั้งสองก็ค้นพบว่าแมลงเหล่านั้นเรียกได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน และยังสามารถต้านทานการโจมตีทั้งในระดับวิญญาณและร่างกาย

นี่ขนาดเป็นการโจมตีที่พิเศษอย่างยิ่งของพวกเขาแล้ว

หากเปลี่ยนเป็นยอดผู้สูงศักดิ์ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไปหรือว่าครึ่งก้าวสู่ราชัน แค่หมัดเดียวยังทำให้แมลงตายได้ไม่เกินสิบตัว

จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนอาจจะรับการโจมตีของแมลงได้ แต่ว่าเจ้าหอโครงกระดูกรวมไปถึงหุ่นเชิดศพต้องสาปดูจะอ่อนล้าลงไปแล้ว

ยังดีที่พลังอาฆาตและปราณศพของค่ายกลส่งผลในการโจมตีแมลง

ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว สถานการณ์ก็คงจะแย่ไปกว่านี้

“คุนอวิ๋นน้อยอุดรูนั้นเอาไว้ เจ้าหอโครงกระดูกเคลื่อนย้ายค่ายกล บีบเวินลั่วอันให้ใกล้เข้ามา” จ้าวเฟิงเอ่ยสั่ง

คุนอวิ๋นน้อยร้องตะโกนแล้วปล่อยหมัดสีทองราวสายน้ำ จัดการแมลงไปจำนวนมากประหนึ่งลำแสงทำลายล้าง

พรึ่บ! เด็กน้อยสองสามขวบผิวพรรณสีทองยืนบังอยู่บริเวณรูโหว่เพื่อรับมือกับ ‘ฝูงแมลง’ จำนวนมาก

สถานการณ์อันตรายอย่างยิ่ง

ตุบ ตุบ ตุบ!

แมลงสีเขียวเข้มส่วนหนึ่งที่กัดเด็กน้อยครึ่งเซียนแตกกระจายออกราวสะเก็ดไฟ  ทั้งหมดสลายกลายเป็นผุยผงด้วยพลังของกายศักดิ์สิทธิ์ปฐพีทอง

“เด็กน้อยครึ่งเซียนผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งอย่างยิ่ง!” พวกของราชาวิญญาณมืดมองกันไปมา ล้วนแต่รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง

เด็กน้อยครึ่งเซียนผู้นี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นในรายงานเมื่อไม่นานมานี้ หนำซ้ำรายละเอียดที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มาก

ฟิ้ว พรึ่บ!

เจ้าหอโครงกระดูกโบกธงค่ายกล ควบคุมเพลิงควันหุ่นเชิดศพให้เข้าใกล้เวินลั่วอันไปทีละน้อย

“ในราชันทั้งสี่ พลังของเวินลั่วอันผู้นี้ถือว่าอ่อนแอที่สุด”

สายตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย เจตนาของเขาชัดเจนอย่างยิ่งแล้ว

ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณมีแกนหลักสำคัญสี่คน ซึ่งก็คือราชันทั้งสี่

ขอแค่สังหารเวินลั่วอัน อย่างน้อยๆ ก็จะสามารถทำให้อานุภาพของค่ายกลลดลงไปหนึ่งในสี่ส่วน และจะต้องมีจุดอ่อนปรากฏขึ้นเป็นแน่

ในเมื่อราชันทั้งสามคนที่เหลือล้วนแต่อยู่ในระดับลึกซึ้งเป็นอย่างน้อย

ราชาอินหยางเป็นราชันในช่วงสุดยอด มีพลังแข็งแกร่งที่สุด จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ลงมือ

เพียงแค่การลงมือของราชาวิญญาณมืดกับราชาแม่มดก็สร้างความกดดันให้กับพวกจ้าวเฟิงไม่น้อยแล้ว

เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ!

 

ในระหว่างที่ควันเพลิงหุ่นเชิดศพลอยละล่องเข้าไปใกล้ เส้นลำแสงสีโลหิตที่แน่นขนัดก็ยังทะลวงผ่านไปมาไม่หยุด ความเร็วของมันจึงเชื่องช้าอย่างยิ่ง

“นายท่าน ถ้าหากว่าไม่สามารถทำลาย ‘ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ’ ได้ในช่วงเวลาจิบชาหนึ่งถ้วยแล้วล่ะก็ ค่ายกลหุ่นเชิดศพอาจพังพินาศได้ พวกเราจะต้องแบกรับพลังของนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุด”

ในขณะที่เด็กน้อยครึ่งเซียนต้านทานฝูงแมลงอยู่ก็จดจ่อกับสถานการณ์ด้วย

“จ้าวเฟิง อย่าดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์เลย”

เสียงของราชาอินหยางดังสะท้อนไปมา กึกก้องเป็นรัศมีร้อยลี้

ในเวลาเดียวกัน

ร่างกายของราชันสี่คนที่กำลังประคับประคองค่ายกลหมุนคว้างอย่างรวดเร็ว ในมิตินรกโลหิตพลันปรากฏน้ำวนสีเลือด

น้ำวนสีเลือดนั้นก่อให้เกิดแรงดึงดูดมหาศาลขึ้น

ตัวของราชันทั้งสี่อยู่ในน้ำวน ทำให้ค่ายกลหุ่นเชิดศพที่จะเข้าใกล้สูญเสียเป้าหมายและทิศทาง

ดังนั้นคิดจะจับเวินลั่วอันจึงทำได้ยากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การทะลวงผ่านของเส้นลำแสงโลหิตก็ทำให้เกิดแรงต้านทานที่รุนแรง

และในตอนนี้ใจกลางของค่ายกลนรกกลืนวิญญาณยังผุดน้ำวนสีโลหิตขนาดใหญ่ขึ้นอีก

ในน้ำวนสีโลหิตมีพลังที่บ้าคลั่งกระหายเลือดอยู่ ซึ่งมากพอที่จะกลืนกินและบดขยี้ราชันในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดธรรมดาได้

ในช่วงเวลาหนึ่ง

การโจมตีของจ้าวเฟิงและพวกลำบากทั้งขึ้นทั้งล่อง ไม่ว่าจะบุกเข้าไปหรือถอยออกมาก็ล้วนแต่ยากเย็นอย่างยิ่ง

ในเวลานี้เอง

ราชาอินหยางที่พลังแข็งแกร่งที่สุดก็ลงมือ

“ตราประทับนภาทมิฬ!”

ร่างกายของราชาอินหยางเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวอับแสง เดี๋ยวขาวเดี๋ยวดำ

ในวินาทีที่เขาโบกมือ เกิดความรู้สึกผิดปกติเหมือนฟ้าดินวูบวาบกลับหัวกลับหาง

อากาศในนรกสีเลือดมีลำแสงสีขาวและดำเกี่ยวกระหวัด

อากาศฟากหนึ่งราวกับตราประทับฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ทั้งมืดและสว่าง

สำนึกรู้นี้ทรงพลังราวใช้หนึ่งฝ่ามือปิดแผ่นฟ้า ความสามารถในการควบคุมฟ้าดินเข้าใกล้ขั้นจักรพรรดิยิ่งนัก

โครม!

ลำแสงตราประทับสีขาวดำที่หลอมรวมกับฟ้าดินดิ่งลงมาจากฟากฟ้า โจมตีไปที่ค่ายกลหุ่นเชิดศพอย่างรุนแรง

พูดให้ถูกหน่อยก็คือโจมตีไปยังรอยโหว่ซึ่งเป็นตำแหน่งของเด็กน้อยครึ่งเซียน

เพล้ง โครม ตูม——

เสียงดังกึกก้องราวฟ้าถล่ม ค่ายกลหุ่นเชิดศพทั้งหมดแตกสลายไปกว่าครึ่ง หุ่นเชิดศพต้องสาปจำนวนมากก็ตัวขาดวิ่นไปหลายส่วน

อึก!

เด็กน้อยครึ่งเซียนปลิวออกไป มุมปากมีคราบเลือดไหลออกมา “พลังของเจ้านี่แข็งแกร่งว่าราชาฉลามยักษ์เสียอีก”

กำลังรบของราชาอินหยางเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิ คนในขั้นต่ำกว่าจักรพรรดิลงไปล้วนต้านทานเขาไม่ได้

กระบวนท่าเมื่อครู่เพียงท่าเดียวสามารถทำให้เด็กน้อยครึ่งเซียน จ้าวเฟิง และค่ายกลหุ่นเชิดศพกระเด็นลอยลิ่วออกไปไกล

“ไม่เสียทีที่เป็นราชาอินหยาง คนผู้นี้เคยต่อต้านและควบคุมจักรพรรดิปราณเทวะมาก่อน”

สีหน้าราชาวิญญาณมืดและราชาแม่มดมีแววชื่นชมบูชา

“ทำให้มันจบไปเสียเถอะ”

ราชาอินหยางมีสีหน้าเย็นชา แสงสีขาวดำที่หลอมรวมกับท้องฟ้ากลายเป็นตราประทับฝ่ามือตรงดิ่งไปยังค่ายกลหุ่นเชิดศพ

“แย่แล้ว!”

เจ้าหอโครงกระดูกร้องเสียงดัง ทั้งค่ายกลหุ่นเชิดศพรวมทั้งจ้าวเฟิงกับเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกพลังประหลาดนั่นผลักเข้าไปใกล้ใจกลางของค่ายกลนรก หรือก็คือน้ำวนสีโลหิต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version