Skip to content

King of Gods 721

King Of Gods

บทที่ 721 ปราณที่แท้จริงพัฒนาไปอีกขั้น

“เป็นเจ้าแมวขโมยตัวนั้นนี่เอง!”

“ระวัง!”

ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดพบว่ามีเงาคลุมเครืออยู่ด้านหลังราชาแม่มด

แต่ทว่า คนทั้งสองเพิ่งจะระดมโจมตีจึงไม่ทันต้านทาน

ร่างกายและจิตใจของราชาแม่มดได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ไอน้ำแข็งเกาะทั่วร่างจนเคลื่อนตัวได้ช้าลง

วูบ!

เส้นลำแสงสีเทาเงินสว่างวาบแล้วหายไป

ฉัวะ โครม!

กริชลึกลับที่เหมือนเงามืดมิด ลากคมมีดเย็นยะเยือกทะลวงผ่านศีรษะของราชาแม่มด

“อ๊าก…” ร่างของราชาแม่มดแข็งค้าง ส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะหนังศีรษะกระเด็นออกไป

เลือดสดๆ ไหลทะลักเต็มหน้าผาก ดวงตา และแก้มของนาง ราวกับภูติผีสาวที่ตายอนาถน่าสยดสยอง

การโจมตีจากกริชจักรพรรดิเงาสังหารส่งผลให้นางบาดเจ็บจนเกือบถึงแก่ชีวิต จุดตายก็ยังโดนโจมตีไปด้วย

แต่ในฐานะที่เป็นราชันปราณเทวะ จึงทำให้พลังดวงวิญญาณของนางแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ไม่ได้ล้มพับไปในทันทีทันใด

“จะหนีไปไหน!”

 

ราชาแม่มดเปล่งเสียงหัวเราะแหลมสูงอย่างเหี้ยมโหด ร่างกายของนางเปลี่ยนเป็นลูกไฟวิญญาณ รวมตัวกันกลายเป็นราชินีเพลิงภูติที่สูงใหญ่หลายสิบจั้ง

ฟู่!

เพลิงวิญญาณที่แห้งผากน่ากลัวแตกกระจายออกไปทั่วสี่ทิศ

เมี้ยว!

หลังจากโจมตีเจ้าแมวขโมยตัวน้อยก็หายวับไป

ลางสังหรณ์ต่อเหตุการณ์อันตรายของมันว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ก่อนหน้าที่ราชาแม่มดจะพุ่งทะยานมา จึงหนีห่างออกจากขอบเขตการต่อสู้

“ราชาแม่มด!” ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดเผยสีหน้าทนไม่ได้

ราชาแม่มดที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ จะต้องชดใช้โดยการเผาผลาญชีวิตและดวงวิญญาณของตนเอง

หนำซ้ำก่อนที่กลายร่างเป็น ‘ราชินีเพลิงภูติ’ นางได้รับบาดเจ็บจนเกือบถึงแก่ชีวิต ถึงนางจะรักษาบาดแผลจนถึงสภาวะปกติ ก็เกรงว่ายังมีโอกาสรอดน้อยมาก

“สมุนของจักรพรรดิแห่งความตายไม่มีใครที่ปกติเลยสักคน…”

สีหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งเครียดอย่างยิ่ง มาจนถึงขั้นนี้แล้ว เหลือเพียงเล็กน้อยก็จะสามารถสังหารราชาแม่มดได้

ภายใต้กลุ่มของจักรพรรดิแห่งความตาย ไม่ว่าจะเป็นราชาจิตวิญญาณมรณะในขอบเขตปราณเทวะหรือองครักษ์แห่งความตาย พลังล้วนอยู่เหนือคนในระดับขั้นเดียวกัน

ในเวลานี้เอง

 

ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดลงมือโจมตีจ้าวเฟิงพร้อมกัน การโจมตีของราชาวิญญาณมืดไม่ได้ทำให้จ้าวเฟิงหวาดกลัว แต่กำลังรบของราชาอินหยางที่เกือบจะเท่าจักรพรรดิปราณเทวะกลับจัดการได้ยากยิ่ง

ทว่าการโจมตีของราชาจิตวิญญาณมรณะทั้งสองล้วนแต่โดนเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

เงาของจ้าวเฟิงหายไปจากจุดเดิมเสียแล้ว

“ปีกอัสนีโบยบิน!”

ในครรลองสายตามองเห็นเพียงแสงของปีกอัสนีที่เลือนรางราวมายา โบกสะบัดอย่างรวดเร็วผ่านแกนกลางมิติ แล้วหายวับไปจากจุดที่เคยอยู่

วินาทีต่อมา

ปีกอัสนีพิฆาตสีชาดขนาดยี่สิบจั้งคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างกายราชินีเพลิงภูติที่เพิ่งจะเปลี่ยนร่าง

ฟิ้ว ฟุ่บ!

“คมปีกวายุอัสนี!”

คมแสงปีกอัสนีที่เกิดจากปีกอัสนีพิฆาตรวมตัวกันจนถึงขีดสุด หอบเอากลิ่นอายทำลายล้างฟันฉับลงไปยังส่วนศีรษะของราชินีเพลิงภูติ

ชั่วไม่กี่อึดใจ คมปีกวายุอัสนีนั่นก็ฟันลงไปยังตำแหน่งที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยเคยแทงกริชในคราวก่อนพอดิบพอดี อีกทั้งราชินีเพลิงภูติของราชาแม่มดเพิ่งจะเปลี่ยนรูปร่าง จึงยังไม่เสถียรมั่นคง

“กรี๊ด…” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นจนสะเทือนไปถึงชั้นดวงวิญญาณ

ปีกอัสนีโบยบิน!

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงได้สอดส่องพลังที่เปลี่ยนไปภายในร่างของราชาแม่มดไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงหายไปจากที่เดิมอีกครั้ง

“ตูม——”

สภาวะเพลิงวิญญาณของราชาแม่มดระเบิดออกในฉับพลัน กลายเป็นลูกไฟท่วมเลือดที่แห้งเหี่ยวแล้วสลายเป็นฝุ่นธุลี

แซ่ด พรึ่บ!

ปีกอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดหนีไปเป็นระยะทางร้อยจั้ง ถึงพอจะสามารถหลบออกจากจุดศูนย์กลางของแรงระเบิดได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ผิวหนังเกล็ดมังกรสีฟ้าทั่วร่างของเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมา

“ราชาแม่มด!”

ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดร้องตกใจ มองดูราชาแม่มดระเบิดตนเองตายไปต่อหน้าต่อตา

การโจมตีของจ้าวเฟิงเป็นดั่งประกายอัสนีแปลบปลาบ ถ้าไม่ลงมือก็จะไม่เป็นไร แต่ทันทีที่ลงมือนั่นคือจะสังหารให้ตายในพริบตาเดียว

นี่เป็นเอกลักษณ์ในยามก่อนของ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’

ภายใต้ระดับความเร็วที่เหนือใครในใต้หล้า ทันทีที่เขาลงมือ คู่ต่อสู้ก็จะไม่มีกำลังต้านทาน

นี่ก็คือการไล่ล่าของมรดกวายุอัสนีที่โดดเด่นในด้านความเร็วและการโจมตี

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยปรากฏอยู่บนไหล่ของจ้าวเฟิง ถูกับแก้มของเขาไปมา

หนึ่งคนหนึ่งแมวอยู่ตรงขอบนอกของค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ

เมื่อครู่จ้าวเฟิงบินออกมาจากรอยโหว่ขนาดใหญ่ที่ถูกผนึกด้วยน้ำแข็ง

ในเวลานี้ ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณสูญเสียผู้สร้างซึ่งเป็นกำลังสำคัญถึงสองคนในเวลาติดๆ กัน พลังจึงลดลงไปกว่าครึ่ง อีกทั้งยังมีรอยโหว่มากมาย ใกล้จะสูญสลายไปทุกที

“ตอนนี้แหละ!” เด็กน้อยครึ่งเซียนเปิดทางให้ด้านหน้า แล้วจึงนำค่ายกลร้อยศพต้องสาปพุ่งทะลวงไปทางรอยโหว่ยักษ์ที่ผนึกไว้ด้วยน้ำแข็ง

ใจของราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดพลันหนักอึ้ง

ฟากของจ้าวเฟิงประสบความสำเร็จในการร่วมมือกันโจมตีทั้งภายในและภายนอก ถล่มค่ายกลนรกจนยับเยิน

ภายในกลุ่มนี้ ยังมีเจ้าแมวขโมยตัวน้อยที่มีบทบาทสำคัญยิ่ง เพราะเมื่ออยู่ในค่ายกลนรก พลังที่จะโจมตีด้านนอกค่ายกลจะลดลงไปมาก

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมจ้าวเฟิงจึงสังหารราชาแม่มดได้อย่างยากเย็น

ประกายปีกอัสนี!

ปีกอัสนีที่อยู่ด้านหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด เขาไม่ได้กลับเข้าไปภายในค่ายกล

“อ๊าก อ๊าก…”

นอกค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ บรรดาองครักษ์แห่งความตายเหล่านั้นแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดติดต่อกัน

ในทุกครั้งที่ปีกวายุอัสนีขยับเคลื่อนไหว จะมีองครักษ์แห่งความตายคนสองคนเป็นอย่างน้อยตายลง

เมี้ยว เมี้ยว!

ทุกครั้งที่เจ้าแมวขโมยตัวน้อยกวัดแกว่ง ‘กริชจักรพรรดิเงาสังหาร’ เงามีดเย็นเยือกจะทะลวงผ่านความว่างเปล่า ต่อให้อยู่ในสภาวะเงาก็โดนสังหารได้

โครม วิ้ง!

ค่ายกลนรกกลืนวิญญาณสั่นไหว ไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ จนปรากฏรอยแยกครั้งแล้วครั้งเล่า

องครักษ์แห่งความตายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในการตั้งค่ายกลนรกกลืนวิญญาณ เดิมทีค่ายกลสูญเสียกำลังหลักทั้งสองคนไปแล้ว เมื่อองครักษ์แห่งความตายที่ช่วยตั้งค่ายกลมาทยอยล้มหายตายจากไปอีก จึงยิ่งไม่เป็นรูปเป็นร่างไปทุกที

บัดนี้ การตายขององครักษ์แห่งความตายเหล่านั้นทำให้ราชาอินหยางและราชาวิญญาณมืดร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น จะยังนั่งมองดูโดยไม่สนใจใยดีได้อย่างไรกัน

“ตราประทับนภาทมิฬ!”

ราชาอินหยางถอดใจจากค่ายกลนรกอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาขาวข้างหนึ่ง ดำข้างหนึ่ง ความสว่างและความมืดมิดบิดเบี้ยวไปมา

โครม!

ราชาอินหยางยกมือขึ้นข้างหนึ่ง เหมือนจะช้า แต่ที่จริงแล้วรวดเร็วอย่างยิ่ง ลำแสงตราประทับสีขาวดำที่บิดเบี้ยวแทรกซึมผ่านฟากฟ้าหลายร้อยลี้

ในวินาทีนั้นเอง ฟ้าและดินเหมือนโดนบิดเบือนไป

รูปร่างปีกอัสนีของจ้าวเฟิงพลันค้างแข็ง เหมือนกับตกลงไปในบ่อโคลนแล้วขยับไม่สะดวก

ในครั้งนี้ เมื่อไม่ต้องแบ่งสติไปจัดการค่ายกล จึงทำให้พลังที่ปล่อยออกมาจากเคล็ดวิชา ‘ตราประทับนภาทมิฬ’ ของราชาอินหยางแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ตายเสีย…”

ราชาอินหยางโบกมือ ม่านฟ้ากว้างใหญ่ที่ทั้งมืดและสว่างปรากฏลำแสงตราประทับขาวดำขนาดมหึมา ทรงพลังเสียจนบดบังทุกสิ่งบนฟ้าได้

ฟ้าดินในละแวกใกล้เคียงล้วนแต่โดนเขาควบคุมจนถึงขีดสุด

แสงฝ่ามือนั้นหลอมรวมเข้ากับฟากฟ้า อาณาเขตโจมตีกว้างใหญ่ ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิงราวกับจะปิดนภา

ต่อให้จ้าวเฟิงกระตุ้นวิชาปีกอัสนีโบยบินก็ยังไม่อาจหนีได้พ้น แล้วยังต้องแบกรับแกนกลางของพลังด้วย

เพราะว่าความเข้าใจลึกซึ้งที่ราชาอินหยางมีต่อฟ้าดินใกล้เคียงกับจักรพรรดิอย่างหาใดเปรียบ

จ้าวเฟิงจึงทำได้เพียงสู้ยิบตา

ทั่วร่างของเขาปรากฏเกราะน้ำแข็งสีฟ้าสุกสกาว สายเลือดโบราณของ ‘เผ่าพันธุ์เกล็ดมังกรเหมันต์’ ถูกกระตุ้นไปจนถึงขีดสุด

“ปีกอัสนีปิดแผ่นฟ้า!”

ปีกอัสนีสีชาดที่อยู่ด้านหลังจ้าวเฟิงขยายออกอย่างรวดเร็วจนมีขนาดร้อยจั้ง บรรลุไปจนถึงระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ปีกวายุอัสนีโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่งโดยมีเขาเป็นใจกลาง พื้นที่ในรัศมีสิบลี้ตกอยู่ในวงล้อมพายุอัสนีสีชาดอานุภาพร้ายแรง ราวกับเป็นพายุสายฟ้าที่มีไฟลุกโชน

เมื่อมีปีกวายุอัสนีขนาดร้อยจั้ง ความสามารถในการควบคุมที่จ้าวเฟิงมีต่อพลังวายุอัสนีจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากในเวลาอันสั้น

อ๊าก!

จ้าวเฟิงร้องตะโกนสุดเสียง สายเลือดกับร่างกายของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์และลำแสงหมัดพิฆาตที่รวมตัวกันถึงขีดสุด ชักนำให้พายุสีชาดที่เผาไหม้ปะทะเข้าใส่ราชาอินหยาง

การโจมตีในครั้งนี้บีบให้ปราณที่แท้จริงในสายเลือดของจ้าวเฟิงเพิ่มไปจนถึงขีดสุด

ในพริบตาเดียวเท่านั้น

พลังสายเลือดและปราณที่แท้จริงในร่างของจ้าวเฟิงก็ทะลักออกมาอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายเพิ่มขึ้นสูงฉับพลัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดที่เกาะกลุ่ม หดเล็กลง และเดือดพล่านจนถึงจุดสูงสุด

โครม!

ภายในกายของจ้าวเฟิงสั่นสะเทือน ปราณที่แท้จริงพิฆาตสีชาดเกาะกลุ่มขึ้นไปอีกขั้น คุณสมบัติความแข็งแกร่งไปถึงระดับราชันปราณเทวะ ถึงกระทั่งอยู่เหนือกว่าราชันธรรมดาเล็กน้อย

ในความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงสูงส่งอย่างยิ่งมาตลอด เดิมทีเมื่อเปรียบกับราชันปราณเทวะแล้วก็ต่างกันไม่มากนัก ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ได้ประโยชน์มาจากห้วงฝันบรรพกาลและการผลักดันของเลือดครึ่งเซียน

และในตอนนี้ ‘จำนวน’ ปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงก็ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอดแล้ว

เขาห่างจากขั้นราชันในขอบเขตปราณเทวะเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น

“ปัง! โครม…”

ผืนฟ้าขาวดำขนาดใหญ่มีเสียงดังโครมครามลอยล่องมา แล้วจึงอับแสงลงไปสามสี่ส่วน

“เจ้าเด็กคนนั้น…” ราชาอินหยางไร้ซึ่งสติไปครู่หนึ่งด้วยยากที่จะเชื่อได้

แซ่ด พรึ่บ!

แสงปีกอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงปริร้าวออกทีละชั้นจนกลายเป็นขนาดปกติ จากนั้นจึงโบยบินไปรวมตัวกับเด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลร้อยศพประหนึ่งเศษเสี้ยวอัสนี

ในขณะที่ปีกอัสนีโบยบินไปนั้น มุมปากของจ้าวเฟิงมีคราบเลือดไหลออกมาเป็นทาง

“ไม่เสียทีที่เป็นราชันในช่วงสุดยอด ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าจักรพรรดิลงไปไม่อาจจะต้านทานได้”

จ้าวเฟิงหายใจหอบถี่พลางเช็ดคราบเลือด

ในด้านพลังแฝง เขาและราชาอินหยางต่างกันมากเกินไป

การโจมตีเมื่อครู่ หากฝืนรับแรงโจมตีต่อไปจะบาดเจ็บไม่หนัก แต่ว่าการสิ้นเปลืองปราณที่แท้จริงกลับน่ากลัวยิ่งกว่ามาก

ถ้าหากจำนวนปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงสามารถบรรลุถึงขั้นราชัน เชื่อได้เลยว่าจะต้านทานและรับมือกับราชันในช่วงสุดยอดได้อย่างสบายๆ

ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ใช้ดวงตาเทพเจ้า จ้าวเฟิงสามารถรับมือกับราชันในระดับสุดยอดอย่างราชาฉลามยักษ์ได้ช่วงหนึ่ง แต่เมื่อผ่านไปนานๆ จะไม่เป็นผลดี

แต่ทว่า พลังของราชาอินหยางสูงกว่าราชาฉลามยักษ์ไปอีกขั้นหนึ่ง

ดวงวิญญาณ ระดับพลังและกำลังรบของเขา ในแต่ละด้านล้วนเข้าใกล้จักรพรรดิปราณเทวะอย่างยิ่ง

ขนาดอานุภาพวิชาสายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงยังลดลงบนร่างเขา

“นายท่าน!” เด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลหุ่นเชิดศพรวมกลุ่มกับจ้าวเฟิงได้สำเร็จ

จ้าวเฟิงผ่อนลมหายใจโล่งอก คว้าเอาทรัพยากรล้ำค่าสองสามอย่างกลืนเข้าไปในร่างกายเพื่อเพิ่มเติมพลังที่สิ้นเปลืองไป

เมื่อได้ความช่วยเหลือจากเด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลร้อยศพ ทำให้โอกาสชนะของทางฝั่งจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นมากมาย

เมื่อมองกลับไปฟากของราชาอินหยาง ค่ายกลถูกทำลาย เหลือเพียงราชาจิตวิญญาณมรณะสองคน กับองครักษ์แห่งความตายที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ สิบกว่าคน

“คุนอวิ๋นน้อย! สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้ก็คือทุ่มเทพลังทั้งหมดควบคุมราชาอินหยางเอาไว้” จ้าวเฟิงเอ่ยกำชับ

ในด้านของสำนึกรู้ เด็กน้อยครึ่งเซียนสามารถกดดันราชาอินหยาง ถึงแม้ว่าพลังจะแตกต่างกันอยู่มากก็ตาม

“ได้! นายท่าน!”

ผิวกายทั่วร่างเด็กน้อยครึ่งเซียนเปล่งประกายสีทองเจิดจ้า กำลังของกายศักดิ์สิทธิ์หรือแม้กระทั่งพลังสายเลือดของครึ่งเซียนถูกกระตุ้นจนตื่นตัวขึ้นอีกขั้น

พลังของเด็กน้อยครึ่งเซียนถูกกระตุ้นจนฟื้นฟูได้ว่องไวขึ้นผ่านการต่อสู้เช่นนี้

สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!

เด็กน้อยครึ่งเซียนผลักฝ่ามืออกมาช้าๆ

โครม! โครม! โครม!

ลำแสงหมัดสีทองที่ลึกลับแต่ละสายบิดเบี้ยวไปมาและหลอมรวมเข้ากับฟ้าดิน

พื้นที่ทั้งหมดผสานเข้ากับลำแสงหมัดสีทอง ให้ความรู้สึกคล้ายเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เหมือนกับว่าตกลงไปในบ่อโคลน

พื้นที่ที่ราชาอินหยางยืนอยู่ทั้งหมดล้วนแต่แบกรับการผนึกและจำกัดทีละชั้นๆ

“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!”

 

หน้าของราชาอินหยางเปลี่ยนสี เคล็ดวิชาอินหยางของเขา ถึงแม้ว่าจะเรียกออกมาได้แต่กลับโดนปิดกั้นเอาไว้จนไม่มีกำลังแม้แต่น้อย

เมื่อสู้กันตัวต่อตัว เด็กน้อยครึ่งเซียนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แต่ว่าระดับสำนึกรู้ของเด็กน้อยครึ่งเซียน เมื่อใช้เคล็ดวิชา ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ในตำนานที่สูงส่งเกินจะเปรียบ จะเป็นการกดดันเขาขนานใหญ่

ขอแค่ ‘ฝ่ามือผนึกนภา’  ไม่หยุดโคจร การโจมตีจากเคล็ดวิชาลับของราชาอินหยางหรือว่าการกระทำต่างๆ ล้วนแต่ยากเย็น

ในยามก่อน ขนาดจักรพรรดิมู่อวิ๋นยังไม่สามารถรอดพ้นได้ นับประสาอะไรกับเขาที่เป็นราชันในขอบเขตปราณเทวะ

“ทำได้ดี!”

จ้าวเฟิงยินดียิ่ง แผนการฟื้นคืนชีพครึ่งเซียนไม่ได้เสียแรงเปล่า

ในขณะเดียวกัน สายเลือดดวงตาซ้ายของเขาก็ปรากฏระลอกพลังดวงตาและดวงวิญญาณที่ทำให้คนตื่นตกใจ ธนูโบราณสีเงินเข้มปรากฏขึ้นในมือ

ตอนนี้ตาชั่งของชัยชนะเอนเอียงมาทางจ้าวเฟิง สิ่งที่เขาต้องทำต่อก็คือเพิ่มน้ำหนักในตาชั่งของเขาให้มากกว่าเดิม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version