Skip to content

King of Gods 722

King Of Gods

บทที่ 722 เนตรเพ่งมรณะปรากฏอีกครา

“ธนูเหนือนภา!”

ธนูสีเงินเข้มในในมือของจ้าวเฟิงปรากฏรอยสลักตัวอักษรประหลาด แสงสีเงินสว่างเรืองรอง บนสายธนูปรากฏแสงลูกธนูสีทองเจิดจ้าซึ่งล้อมรอบด้วยวายุอัสนีสีชาด ไอแหลมคมทะลวงไปในอากาศ

ราชาอินหยางที่อยู่อีกฟากร่างกายและจิตใจเย็นวาบเมื่อโดนไอแหลมคมประหลาดเล็งเป้าหมายไว้

ตัวเขาถูก ‘ฝ่ามือผนึกนภา’ ของเด็กน้อยครึ่งเซียนกดดันขอบเขตพลังอยู่ ย่อมไม่อาจจะหลบหลีกการโจมตีของธนูเหนือนภาได้

ฟุ่บ!

ลำแสงธนูสีทองทะยานผ่านอากาศและทำลายแกนกลางของมิติในพริบตาเดียว

โครม สวบ!

ลำแสงธนูทองที่เหมือนโผล่ออกมาจากรอยแยกของมิติแทงเข้าศีรษะของราชาอินหยาง

ธนูดอกนี้ได้เอาวายุอัสนีพิฆาตสีชาดที่เพิ่มระดับขั้นแล้วของจ้าวเฟิงเกาะกลุ่มรวมกันจนถึงขีดสุด หนำซ้ำยังแฝงไปด้วยเสวียนอ้าวของอัสนีเทวะ

นอกจากนี้ยังรวมถึงคุณสมบัติด้านมิติและธาตุทองของตัวธนูเหนือนภาเองด้วย

นี่เป็นลูกธนูที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ที่จ้าวเฟิงได้ ‘ธนูเหนือนภา’ มา มันรุนแรงมากพอจะสังหารราชันธรรมดา หรืออาจจะทำร้ายราชันในระดับลึกซึ้งให้บาดเจ็บสาหัสได้

 

โครม เปรี้ยง!

ราชาอินหยางไม่สามารถหลบหลีกได้เลย เขตแดนมิติไม่มีประโยชน์ที่จับต้องได้ ถึงแม้ว่าจะหลบหลีกจนสุดความสามารถก็ยังโดนลูกธนูสีทองนั่นอยู่ดี

“อัก!” เขาอดร้องเสียงหลงไม่ได้ แสงสีขาวดำทั่วร่างกายบิดเบี้ยวทับซ้อนกันไปมา จากนั้นจึงเกิดเสียงดัง ‘ฉัวะ’ แล้วลำแสงธนูสีทองก็ระเบิดออก

ร่างของราชาอินหยางสั่นสะเทือนเล็กน้อย ลูกธนูที่แหลมคมกับวายุอัสนีที่ปะทุออกทำให้เขาได้รับบาดเจ็บภายใน

ด้วยเพราะลูกธนูดอกเมื่อครู่พุ่งตรงมาที่ส่วนหัว จิตใจของเขาจึงสั่นสะท้าน

“หนามจิตวิญญาณ!”

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปลดปล่อยปลายแหลมคมของจิตวิญญาณที่มีสีม่วงเย็นยะเยียบมาเส้นสายหนึ่ง มันพุ่งทะลุดวงวิญญาณของราชาอินหยางอย่างรวดเร็ว

ในครั้งนี้เมื่อไม่มีการจำกัดจากค่ายกลนรก พลังของหนามจิตวิญญาณจึงสำแดงออกมาร้อยส่วนเต็มๆ

ราชาอินหยางโดนทำร้ายอย่างต่อเนื่อง และยังต้องโดนโจมตีอย่างโหดเหี้ยมจากหนามจิตวิญญาณอีก ในใจรู้สึกเจ็บปวดแสบร้อนจนส่งเสียงร้องแหบแห้ง หน้าผากผุดเหงื่อเย็นๆ ออกมา

หากจะเอ่ยเรื่องระดับขั้นของดวงวิญญาณ จ้าวเฟิงยังด้อยกว่าราชาอินหยางอยู่เล็กน้อย ก็ด้วยสำนึกรู้และดวงวิญญาณของราชาอินหยางล้วนแต่เข้าใกล้ขั้นราชันอย่างมาก

แต่ว่าหนามจิตวิญญาณของจ้าวเฟิงถูกปลดปล่อยออกมาผ่าน ‘ดวงตาเทพเจ้า’ และตัวเขาเองก็ยังฝึกฝน ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ และฝึก ‘ตำราหมิงถง’ ระดับความเชี่ยวชาญในศาสตร์วิญญาณยังอยู่เหนือราชาอินหยาง

อีกทั้งกระบวนท่าหนามจิตวิญญาณนี้เป็นการโต้กลับแบบสายฟ้าแลบ คล้ายเป็นการลอบโจมตีในทันทีทันใด

บริเวณหว่างคิ้วของราชาอินหยางเผยความรู้สึกเจ็บปวด ไอวิญญาณก็ได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงดูดซึมเอาพลังอัสนีเทวะและได้รับการชำระล้าง การโจมตีของหนามจิตวิญญาณจึงมีกลิ่นอายของอัสนีเทวะด้วย

บาดแผลของไอวิญญาณยากที่จะรักษาให้หายได้ กลิ่นอายจะไม่มีทางจางหายไป

“ราชาอินหยาง…เจ้าเป็นอะไรหรือไม่!”

ราชาวิญญาณมืดผู้นั้นร้องอย่างตื่นตระหนก ในฟากของเขาก็โดนควบคุมจากมือยักษ์ทั้งสี่ของพลังอาฆาตค่ายกลร้อยศพ

ในค่ายกลหุ่นเชิดศพมีดวงตาสีแดงก่ำที่ดุร้ายนับร้อยคู่ ก่อให้เกิดการโจมตีจากแรงอาฆาตจิตวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว

เพลิงหมอกควันของค่ายกลร้อยศพขยายกว้างออกไปสิบลี้อีกครั้ง

ทางฟากของราชาจิตวิญญาณมรณะสูญเสียค่ายกลนรก ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอย่างแท้จริง

“สิบแปดฝ่ามือผนึกนภา!”

วิชาฝ่ามือของเด็กน้อยครึ่งเซียนติดต่อกันไม่มีสิ้นสุด ไม่หยุดที่จะควบคุมกักขังราชาอินหยางไว้ พร้อมทั้งปล่อยวิชาฝ่ามือร่างศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังออกมาโจมตี

ภายใต้การร่วมมือของจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียน จึงประสบความสำเร็จในการกดดันราชาอินหยาง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจ้าวเฟิงที่โจมตีทั้งในระยะไกลและใกล้ ยังมีวิชาสายเลือดดวงตาที่คอยระแวดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ความเร็วของเขาอยู่เหนือผู้ใด การโจมตีรวดเร็วดั่งอัสนี

สายเลือดป้องกันของเขานับว่าพิสดารอย่างมาก สามารถโจมตีราชันระดับลึกซึ้งได้อย่างสบายๆ

“แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง!”

ลำแสงสีฟ้าสว่างซึ่งมีปลายแหลมคมเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนผุดออกมา ทะลวงผ่านแผ่นฟ้ากึ่งมืดกึ่งสว่างของราชาอินหยาง ระเบิดลงบนแสงสีดำขาวทั่วร่างของราชาผู้นั้น

แสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างนั่นฉีกแยกอย่างรุนแรง ทำให้แสงสีดำขาวที่คุ้มกายราชาอินหยางอ่อนกำลังลง และปริร้าวจนเกือบจะแตกสลาย

“แย่ละ! นี่เป็นเคล็ดวิชาประเภทฉีกแยกทำลายที่หาได้ยากนี่…”

บนใบหน้าของราชาอินหยางปรากฏแววตื่นตระหนก เดิมทีร่างกายสายเลือดของตัวเขาเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร ไม่เท่าจ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียน การป้องกันตัวของเขาล้วนแต่พึ่งพาเสวียนอ้าวเคล็ดวิชาทั้งสิ้น

แต่ทว่าเคล็ดวิชาดวงตาที่จ้าวเฟิงควบคุมในวันนี้แสดงออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละวิชามุ่งจู่โจมโดยวิธีที่ต่างกัน

อย่างเช่นแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้างที่สามารถฉีกทำลายเคล็ดวิชาต่างๆ ได้

“เหอะ เหอะ นี่ยังไม่จบ!” มุมปากของจ้าวเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น

“ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์!”

ลำแสงเหมันต์ที่โปร่งแสงและเย็นยะเยือกอีกเส้นสาย ถล่มไปยังราชาอินหยางที่เคล็ดวิชาป้องกันร่างอับแสงลงราวกับเป็นเสาขนาดมโหฬาร

แซ่ด แซ่ด!

ไอหนาวเหน็บแทรกซึมผ่านร่างและดวงวิญญาณ

ร่างของราชาอินหยางแข็งทื่อ เมื่อโดนจำกัดจากการปิดผนึกของเด็กน้อยครึ่งเซียนและโดนกดข่มจากอัสนีที่สว่างแปลบปลาบของจ้าวเฟิง ช่องโหว่ต่างๆ มากมายจึงปรากฏให้เห็น

และในเวลาดังกล่าวก็เป็นวินาทีที่ช่องโหว่หนักหนาที่สุด

อันดับแรก หนามจิตวิญญาณทำให้ไอวิญญาณได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จนไม่อยู่ในสภาวะระดับสุดยอด

อันดับที่สอง ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ทำลายล้าง ทำให้เคล็ดวิชาป้องกันร่างอ่อนกำลังลงถึงขีดสุดจนเกือบจะแตกสลายไป

อันดับที่สาม ลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ ลดทอนความเร็วลงรวมไปถึงความคิดและสติด้วย

และในเวลานี้เอง

เมี้ยว เมี้ยว!

เส้นแสงสีเทาเงินปรากฏขึ้นที่ข้างกายของราชาอินหยาง กริชลี้ลับราวเงามืดมิดเล่มหนึ่งเหมือนตรงดิ่งมากลางอากาศโดยไร้ที่มา

ฉึบ ฉัวะ!

กริชจักรพรรดิเงาสังหารทะลวงผ่านเคล็ดวิชาป้องกันร่างที่เกือบจะแตกสลายของราชาอินหยางอย่างสบายๆ เลือดสาดกระเซ็น แต่กลับโดนแช่แข็งอย่างรวดเร็ว

ร่างของราชาอินหยางแข็งทื่ออีกครา

ผลในการแช่แข็งของลำแสงจิตวิญญาณเหมันต์ รวมไปถึงผลที่ทำให้ ‘ชาวาบ’ ซึ่งเพิ่มขึ้นมาใหม่ในกริชจักรพรรดิเงาสังหาร ก็สำแดงถึงประโยชน์ของมันออกมาด้วย

ในความเป็นจริงแล้ว ด้วยพลังความสามารถในระดับสุดยอดของราชาอินหยาง ไม่ว่าจะผลในการแช่แข็งหรือผลที่ทำให้ชาวาบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ถือว่าเยอะแยะอะไร

แต่ทว่าในเวลานี้ราชาอินหยางมีจุดอ่อนร้ายแรงที่สุด ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างหนักหน่วงติดต่อกัน

ทันใดนั้นเอง ดวงวิญญาณของเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ร้ายแรง

แซ่ด สวบ!

คมมีดกึ่งโปร่งแสงยาวสองจั้งซึ่งมีกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง ทะลวงออกจากภายในร่างของราชาอินหยาง

เลือดสาดกระจายในวินาทีนั้น!

เตรียมป้องกันไม่ทัน!

“…เป็นกระบวนท่านี้!” ราชาวิญญาณมืดที่อยู่อีกด้านตกใจจนหน้าถอดสี

ราชาอินหยางร่างแข็งทื่อ ความสะพรึงกลัวเกิดขึ้นบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว

ที่แท้แล้วการจำกัด ฉีกแยก และลดทอนกำลังให้อ่อนลงในแต่ละรอบที่ผ่านมาล้วนแต่ทำไปเพื่อกระบวนท่าสุดท้ายอย่าง ‘เนตรพิฆาตผ่านอากาศ’

“เนตรพิฆาตผ่านอากาศ!”

ระลอกพลังดวงตาในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาวะปกติ

การใช้วิชาสายเลือดดวงตาติดๆ กันหลายกระบวนท่าสิ้นเปลืองพลังเขาไปไม่น้อย

แซ่ด แซ่ด!

คมมีดกึ่งโปร่งแสงขนาดสองจั้งที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของอัสนีเทวะทำลายล้างพุ่งออกมาจากภายในร่าง ช่วงชิงเอาชีวิตของราชาอินหยางไปอย่างรวดเร็ว

ร่างของราชาอินหยางแทบจะโดนตัดจากภายในตั้งแต่ส่วนหัวลงไปจนขาดออกเป็นสองท่อน

“หมัดจักรพรรดิทองคำ!”

เด็กน้อยครึ่งเซียนไล่ตามโจมตีต่อ ลำแสงหมัดสีทองสว่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่แหวกผ่านอากาศ ก่อนจะกระแทกไปที่ร่างของราชาอินหยางจนเลือดเนื้อกระจาย

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงอวัยวะภายในร่างของราชาอินหยางที่แหลกละเอียด กายเนื้อดับสลาย

“ธนูเหนือนภา!”

จ้าวเฟิงนึกอะไรออก จึงเรียกธนูเหนือนภาทันใด

วิ้ง!

เงาวิญญาณดั้งเดิมสีขาวดำที่เกี่ยวกระหวัดกันพุ่งออกจากร่างอย่างอ่อนล้า

สวบ โครม!

ลำแสงลูกธนูสีทองที่มีวายุอัสนีสีชาดหมุนวนรอบๆ แทงทะลุร่างของดวงวิญญาณพอดี

กายเนื้อของราชาอินหยางระเบิดออกในทันที วิญญาณดั้งเดิมก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนว่างเปล่าไปหมด เสียง ‘พรึ่บ’ ดังขึ้น ก่อนที่มันจะโบยบินไปยังทะเลความว่างเปล่าที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ด้วยความเร็วจนถึงขีดจำกัดสูงสุด

ความเร็วในการโบยบินของดวงวิญญาณนั้นเร็วกว่าจักรพรรดิปราณเทวะธรรมดาเสียด้วยซ้ำ

“ราชาอินหยาง ข้าคุ้มกันให้เจ้าเอง!”

จ้าวเฟิงเพิ่งจะเตรียมปล่อยธนูดอกที่สองออกไป ราชาวิญญาณมืดที่อยู่อีกฟากกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น บุกทะยานเข้ามาหาจ้าวเฟิง

เห็นเพียงแค่ร่างของราชาวิญญาณมืดขยายออกจนกลายเป็น ‘มารวิญญาณมืด’ สูงใหญ่ที่สาดซัดกลิ่นอายที่จะทำลายโลกให้วินาศออกมา

ทั่วร่างมารวิญญาณมืดปกคลุมไปด้วยเพลิงสีดำทะมึน ฟ้าและดินสั่นสะเทือนอยู่เป็นระยะ กำลังรบไปจนถึงขีดสุดของราชัน และใกล้ระดับจักรพรรดิ

ฝ่ามือผนึกนภาของเด็กน้อยครึ่งเซียนและค่ายกลร้อยศพถึงพอจะรับมือฝืนรับมือการโจมตีนั้นได้

“พลังของเคล็ดวิชาที่เพิ่มขึ้น ต่อให้แข็งแกร่งอีกกว่านี้ ดวงวิญญาณและจิตวิญญาณของเจ้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป”

จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น ทั้งที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับปล่อยหมัดออกมาอย่างสบายๆ

เขตแดนมายา!

หมัดนั้นได้รวมเอาเขตแดนมิติกว้างใหญ่ในศาสตร์วิญญาณไว้ แล้วปกคลุมทั่วร่างมารวิญญาณมืด

ประสาทสัมผัสจิตวิญญาณของมารวิญญาณมืดวุ่นวายสับสน ตัวติดอยู่ในเมืองมายาที่เก่าแก่โบราณ สูญเสียทิศทางของเป้าหมายจึงโจมตีมั่วไปหมด

เปรี้ยง โครม ตูม!

การโจมตีของจ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียน และค่ายกลหุ่นเชิดศพ ปะทะไปบนจุดตายของมารวิญญาณมืด

มารวิญญาณมืดมีกำลังรบที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่กลับโดนทำร้ายจนต้องร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด

“ราชาวิญญาณมืด!”

ไม่ไกลจากตรงนั้น องครักษ์แห่งความตายสิบคนที่โชคดีเป็นผู้รอดชีวิตร้องเสียงหลงอย่างหวาดกลัว

ยามนี้มารวิญญาณมืดตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน โดนโจมตีจนร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาน แต่กลับทำได้เพียงหมุนวนไปมาอยู่ที่เดิม

“ราชาวิญญาณมืด!”

ราชาอินหยางที่หนีไปไกลมีสีหน้าบิดเบี้ยวเกินทน

“ใต้เท้าทั้งหลายจะต้องไม่ตายเปล่า!”

องครักษ์แห่งความตายในอันดับต้นๆ มารวมตัวกันในมุมหนึ่ง

“เรื่องมาจนถึงตอนนี้ ทำได้เพียงลองขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิ”

“แต่ว่าจักรพรรดิยังคงอยู่ระหว่างฟื้นคืนสภาพ ไม่มีพลังวิญญาณที่ฟื้นฟูแล้ว อีกทั้งยังอยู่ไกลจากที่แห่งนี้อย่างยิ่ง”

เหล่าองครักษ์แห่งความตายพูดคุยกัน

“ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร!”

องครักษ์แห่งความตายทั้งเก้าคนพากันหยิบตรามรณะออกมาพร้อมเพรียงกัน แล้วส่งข้อความพิเศษไป

เวลาประมาณสองสามช่วงลมหายใจผ่านไป

วิ้ง!

ตรามรณะทั้งเก้าใบนั้นสั่นขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง

“ประเสริฐยิ่ง ติดต่อองค์จักรพรรดิได้แล้ว!”

 

องครักษ์แห่งความตายคนหนึ่งที่เป็นผู้นำเอ่ยด้วยใบหน้าปลื้มปีติ รีบร้อนอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวินาทีดังกล่าว

ต่อจากนั้น

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

ตราคำสั่งมรณะทั้งเก้าแผ่นลอยขึ้นในอากาศพร้อมกัน

ทุกตราคำสั่งมืดมิดราวกับหมึก มีกลิ่นอายเก่าแก่ลึกล้ำ ด้านบนสลักตัวอักษรโบราณของคำว่า ‘ตาย’ ไว้ด้านบน พร้อมทั้งสาดกลิ่นอายมรณะทะลวงผ่านดวงวิญญาณ

วินาทีต่อมา

กลิ่นอายมรณะของตราคำสั่งทั้งเก้าแผ่นเกี่ยวกระหวัดเข้าหากัน จนกลายเป็นพลังมรณะที่สะท้านฟ้าสะท้านดิน

“นั่นคือ…” จ้าวเฟิงและเด็กน้อยครึ่งเซียนใจและกายสั่นสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

เห็นเพียงด้านบนของตราคำสั่งมรณะเก้าแผ่นปรากฏเงาดวงตาขนาดใหญ่สีดำเข้ม ตรงกลางเป็นน้ำวนลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง เหมือนเป็นโลกแห่งความตายที่ไร้ขอบเขต

“เนตรมรณะ!”

ทั่วบริเวณนั้นต่างประหวั่นจนไร้คำพูดใด

ประเสริฐนัก!

ฟากขององครักษ์แห่งความตายรวมไปถึงราชาอินหยางที่หนีไปไกลล้วนแต่สัมผัสได้ สีหน้าจึงเผยความยินดีออกมา

แต่จ้าวเฟิง เด็กน้อยครึ่งเซียน หรือกระทั่งเจ้าหอโครงกระดูกผู้อยู่ในค่ายกลหุ่นเชิดศพ กลับสะท้านทั้งใจและกายเหมือนโดนปกคลุมอยู่ภายใต้เงามรณะ

“นี่ก็คือ…เนตรมรณะซึ่งเป็นหนึ่งในมรดกตกทอดของ ‘แปดเนตรเทพเจ้า’ งั้นหรือ?”

เด็กน้อยครึ่งเซียนสูดลมหายใจลึก ราวกับตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง

ในดวงวิญญาณของเขาเกิดความรู้สึกกระวนกระวายเหมือนไม่สามารถควบคุมความเป็นความตายได้

“เนตร…เพ่ง…มรณะ!”

น้ำเสียงเย็นเยียบดังกังวานขึ้นในชั้นดวงวิญญาณ แล้วสรรพสิ่งในรัศมีหมื่นลี้ก็เงียบสงัด

ส่วน ‘เนตรมรณะ’ ที่ข้ามผ่านฟากฟ้ามาช่างเย็นชาราวไร้ความรู้สึก ‘จ้องมอง’ ไปที่จ้าวเฟิงอย่างเงียบๆ จากด้านบน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version