บทที่ 723 ดวงตาเทพเจ้าหลุดลอย
บนฟากฟ้าเหนือทะเลหมอกความว่างเปล่า
เงาดวงตาขนาดใหญ่สีดำเข้มลึกล้ำมองมาจากมุมสูง เย็นชาราวกับเป็นกฎแห่งสวรรค์ ภายในปรากฏน้ำวนที่ลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง เหมือนเป็นโลกแห่งความตายที่ไร้ขอบเขตใดๆ
“เนตร…เพ่ง…มรณะ!”
น้ำเสียงเย็นๆ ล่องลอยมาพร้อมกับพลังมรณะที่กระจายทั่วฟ้าดิน แล้วยังสะท้อนกึกก้องไปทั่วอากาศที่ว่างเปล่า
ในวินาทีนี้
โครงร่างพลังของเนตรมรณะข้ามผ่านฟากฟ้ามาสำแดงวิชาต้องห้ามศาสตร์วิญญาณที่ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วชังไห่
ภายในรัศมีหมื่นลี้
ไม่ว่าจะสรรพชีวิตในท้องทะเล หรือยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมายนับไม่ถ้วน ก็เหมือนโดนเงาแห่งความตายกักขังร่างเอาไว้ ในส่วนลึกของจิตใจเกิดความรู้สึกกระวนกระวายหวาดกลัว ไม่สามารถต้านทานพลังที่ราวกับเป็นกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาตินั้น
ความรู้สึกประเภทนี้เหมือนกับคนชราที่กำลังจะหมดอายุขัย ไม่อาจหยุดการมาเยือนของ ‘ความตาย’ ได้
เสวียนอ้าวมรณะเป็นเหมือนกับพลังของเวลา ซึ่งล้วนแต่เป็นพลังสูงสุดของธรรมชาติที่ไม่สามารถขัดขืนได้
และความรู้สึกที่ย่างเท้าเข้าสู่ความตายทีละก้าวๆ โดยที่ไม่อาจควบคุมชีวิตของตนเอง ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกคุ้นเคยอยู่ไม่น้อย
ในยามก่อน จ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกเช่นนี้ยามที่เผชิญหน้ากับพลังของตรามรณะขณะอยู่ในซากปรักหักพังสือเฉิง
ต่างกันตรงที่ตรามรณะในครั้งนั้นเป็นเพียงแค่พลังแบบย่อส่วนของ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ เท่านั้น
แต่ว่าในครั้งนี้
อานุภาพ ‘เนตรมรณะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายแหวกอากาศผ่านฟ้ามาสำแดงพลังทั้งหมด ซึ่งพลังนั้นแข็งแกร่งกว่าคราวก่อนไม่รู้กี่เท่าตัว
“ความรู้สึกเช่นนี้…”
ในค่ายกลหุ่นเชิดศพ จิตสำนึกและวิญญาณของเจ้าหอโครงกระดูกราวกับโดนควบคุมเอาไว้จนเกือบจะหลุดลอยออกจากร่าง
ดวงวิญญาณของเขาร้องตะโกนกู่ก้อง นี่เป็นเพียงแค่ผลส่วนหนึ่งที่หลงเหลือจาก ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ที่สาดซัดออกมาเท่านั้น
“เนตรมรณะ! ควบคุมเสวียนอ้าวมรณะ สามารถส่งผลต่อสรรพชีวิตทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมดวงวิญญาณ…” เด็กน้อยครึ่งเซียนสูดหายใจลึก รู้สึกสั่นสะเทือนอยู่ลึกๆ ข้างใน
อย่าพูดถึงว่าเขาในตอนนี้ที่ยังไม่ได้ทะลวงถึงขอบเขตปราณเทวะเลย ต่อให้เขาขยับขึ้นเป็นราชันหรือแม้แต่จักรพรรดิ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังเช่นนี้ก็ไม่น่ามีหวังว่าจะต้านทานได้
สำหรับเสวียนอ้าวมรณะ ความเข้าใจของดวงวิญญาณ ในพื้นที่ชางไห่น่าจะไม่มีใครเหนือกว่าจักรพรรดิแห่งความตายแล้ว
พู่ว!
เด็กน้อยครึ่งเซียนสูดลมหายใจที่หนักอึ้ง พลังดวงวิญญาณเกิดความรู้สึกถูกกดดัน
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงอย่างเจ้าหอโครงกระดูก แต่ว่าความรู้สึกที่ไม่สามารถจะควบคุมความเป็นความตายได้นั้นช่างไม่สงบอย่างมาก
เขาอดจะจ้องมองจ้าวเฟิงไม่ได้
บุรุษหนุ่มที่เรือนผมสีม่วงโบกสะบัดนั่นต่างหากถึงจะเป็นเป้าหมายที่ต้องเผชิญหน้ากับ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ อย่างแท้จริง
เนตรเพ่งมรณะ ตามหลักการเรียกได้ว่าเป็นวิชาต้องห้ามศาสตร์วิญญาณที่ ‘มุ่งเน้นเฉพาะจุด’
แต่เพราะเสวียนอ้าวศาสตร์วิญญาณมรณะที่แข็งแกร่งของมัน จึงทำให้ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอในละแวกใกล้เคียงอาจจะโดนดึงเข้าไปด้วย
จ้าวเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม ทั้งร่างกายและจิตใจเย็นวาบ ใบหน้าขัดขืนดิ้นรน
พลังศาสตร์วิญญาณมรณะที่ไม่สามารถต่อต้านได้ครอบคลุมร่างกายและจิตใจ
จิตสำนึกดวงวิญญาณของเขาถูกพลังต้องห้ามกลุ่มนั้นปกคลุมเอาไว้ แล้วยังถูกพลังมหาศาลนั้นฉุดดึงด้วยต้องการจะให้หลุดลอยออกจากร่าง
จ้าวเฟิงเกือบจะควบคุมร่างกายเอาไว้ไม่ได้ บนหน้าผากผุดเหงื่อเย็นออกมา
แต่ว่าความเชื่อมั่นแน่วแน่ที่ปรากฏในดวงตาของเขาไม่เคยสลายไป
“เนตรเพ่งมรณะ? กระบวนท่านี้อีกแล้ว เหอะๆ จักรพรรดิแห่งความตาย เจ้าช่วยมีความคิดสร้างสรรค์สักหน่อยไม่ได้หรือ”
แสงสีม่วงในดวงตาข้างซ้ายของจ้าวเฟิงกลับลุกโชนยิ่งขึ้นทุกที
เขาหัวเราะเย้ยหยัน และโคจร ‘หมื่นห้วงคิดเซียน’ ซึ่งเป็นวิชาเซียนศาสตร์ดวงวิญญาณขั้นสูงเพื่อต่อต้านแรงดึงดูดของพลังวิญญาณมรณะ
โครม!
เจตจำนงดวงตาของจ้าวเฟิงเสมือนเป็นยอดภูเขาสูงใหญ่แหลมคม พุ่งขึ้นไปยังเงาดวงตาขนาดใหญ่สีเข้มกลางท้องฟ้า
“เจ้าหนุ่มนี่ ที่แท้ก็…”
องครักษ์แห่งความตายอีกเก้าคนที่อยู่ไกลออกไปยากจะเชื่อได้ พวกเขาประคับประคองตราคำสั่งและอยู่ในโล่พลังมรณะ
แรงในการต่อต้าน ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ของจ้าวเฟิงเหมือนจะแข็งแกร่งกว่า ‘จักรพรรดิมู่อวิ๋น’ ในยามก่อน ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสำแดงพลังโจมตีกลับมาด้วย
“เนตรเพ่งมรณะ? เหอะ! กระบวนท่านี้ข้าจะไม่เตรียมตัวระมัดระวังได้อย่างไร”
ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงเผยให้เห็นมหาสมุทรสีม่วงลี้ลับ เมื่อใช้เจตจำนงดวงตาชี้นำ แรงต้านทานที่เขามีต่อเนตรเพ่งมรณะจึงค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบจนต้องดิ้นรน
ที่แท้แล้ว จ้าวเฟิงรับทราบเรื่องที่จักรพรรดิแห่งความตายใช้ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ช่วงชิงเอาดวงวิญญาณของจักรพรรดิมู่อวิ๋นไป ซึ่งเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขาได้มาจากองครักษ์แห่งความตายผู้หนึ่งในยามก่อน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีข้อสำคัญอีกจุดหนึ่ง
ต้องอย่าลืมว่าจ้าวเฟิงเคยฝึกฝน ‘ตำราหมิงถง’ มาก่อนแล้ว
ใน ‘ตำราหมิงถง’ บันทึกทฤษฎีวิชาดวงตาศาสตร์วิญญาณจำนวนมากของจักรพรรดิแห่งความตาย เพียงแต่ไม่ได้บันทึกอะไรมากมายเกี่ยวกับวิชาต้องห้ามประเภทโจมตี
ถึงแม้ว่าในบันทึกนี้ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับวิชาต้องห้ามอย่าง ‘เนตรเพ่งมรณะ’ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจต่อศาสตร์มรณะอื่นๆ
และด้วยเหตุนี้เอง จ้าวเฟิงจึงเตรียมตัวป้องกัน ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ได้ในระดับหนึ่ง
การโจมตีในศาสตร์วิญญาณจากดวงตาเทพเจ้าของเขามีแรงต้านทานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หนำซ้ำ ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ เป็นตำราลับขั้นสูงในการฝึกฝนศาสตร์วิญญาณ ในยามก่อนมีจักรพรรดิส่วนหนึ่งอยากจะแลกเปลี่ยนด้วย จักรพรรดิตวนมู่ล้วนแต่ไม่ยินยอม
“จักรพรรดิแห่งความตาย!”
จ้าวเฟิงหัวเราะเสียงเย็น สะท้อนกึกก้องไปในชั้นดวงวิญญาณ “เจ้าต้องการเวลาหนึ่งเดือนในการพักฟื้น ถึงจะสามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณและพลังดวงตาทั้งหมด ตอนนี้เวลาเพิ่งจะผ่านไปครึ่งเดือนกว่าเท่านั้น เจ้าก็ฝืนกระตุ้นวิชาต้องห้ามข้ามดินแดนอีกครั้งเสียแล้ว!”
ทันทีที่เขาเอ่ยจบ เหล่าองครักษ์แห่งความตายรวมไปถึงวิญญาณดั้งเดิมของราชาอินหยางที่อยู่ไกลออกไป จิตใจฉับพลันรู้สึกหนักอึ้ง
ด้วยตัวของเคล็ดวิชาต้องห้ามเองยังสิ้นเปลืองพลังอย่างยิ่ง นับประสาอะไรกับการข้ามผ่านระยะทางที่ยาวไกลเช่นนี้
“ขอแค่ข้าทนต่อไปอีกสิบช่วงลมหายใจ หากว่าเจ้ายังไม่ปลดปล่อยพลังดวงตาดวงวิญญาณของตนออกมา ก็จะพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ทันได้สู้เลย” จ้าวเฟิงดิ้นรนโจมตีกลับพลางโจมตีด้วยคำพูด
บนท้องฟ้า เงาดวงตาขนาดยักษ์ของเนตรมรณะปรากฏแววยิ้มหยันขึ้น
“จ้าวเฟิง การพัฒนาเติบโตของเจ้ารวดเร็วอย่างยิ่ง แต่ว่าเจ้าประเมินความสามารถของเนตรมรณะที่ควบคุมเสวียนอ้าวมรณะและบีบบังคับดวงวิญญาณต่ำเกินไป”
ในน้ำเสียงที่เย็นชามีไอหนาวเหน็บแห่งความตายปรากฏขึ้นมืดฟ้ามัวดิน
วิ้ง!
น้ำวนในใจกลางเนตรมรณะที่มืดมิดหมุนวนไปมา แรงดึงดูดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายของจ้าวเฟิงหนาวเหน็บ กำลังชีวิตทั้งร่างเหมือนโดนแช่แข็ง
เขาเข้าใจว่านี่คือเสวียนอ้าวมรณะที่แข็งแกร่งซึ่งควบคุมโดยดวงตามรณะ
เพียงแค่เป็นสิ่งมีชีวิตก็จะโดนควบคุมจากพลังมรณะ และจ้าวเฟิงย่อมจัดอยู่ในประเภทของสิ่งมีชีวิตด้วย
แรงดึงดูดที่ไร้รูปร่างรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การดิ้นรนของดวงวิญญาณจ้าวเฟิงค่อยๆ อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้!”
ใจของจ้าวเฟิงเย็นวาบ ร่างกายของเขาแข็งทื่อจนไม่อาจจะควบคุมได้อีก
สิ่งเดียวที่เขาควบคุมได้คือดวงวิญญาณ ดวงตาเทพเจ้า และการต่อต้านกับแรงดึงดูดนั่นอย่างสุดแรง
แต่ว่าแรงดึงดูดที่มาจาก ‘เนตรเพ่งมรณะ’ ก็แข็งแกร่งขึ้นทุกที
ร่างกายและจิตใจของจ้าวเฟิงหนาวเหน็บ แล้วค่อยๆ ก้าวเข้าใกล้ความตายไปทุกทีภายใต้การโดนจับจ้องจากเนตรมรณะ
ในทุกๆ ช่วงลมหายใจ แรงในการดิ้นรนของจ้าวเฟิงจะอ่อนแรงลงไปทีละส่วน
ในที่สุด
เงาว่างเปล่าที่เป็นโครงร่างมนุษย์กำลังจะลอยออกมาจากร่างของจ้าวเฟิง
หากมองให้ละเอียดจะเห็นว่านั่นก็คือดวงวิญญาณของเขา
ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงแข็งแกร่งอย่างมาก ทั่วร่างแผ่วายุอัสนีสีม่วงออกมา พลังที่สูงส่งนั้นเหนือกว่าราชันจำนวนมากด้วยซ้ำ
“จะจบลงเพียงเท่านี้หรือ?”
เด็กน้อยครึ่งเซียนและเจ้าหอโครงกระดูกยืนแข็งค้างไม่ไหวติงอยู่กับที่ภายใต้เงามรณะ
ดีที่พลังของเนตรเพ่งมรณะล้วนแต่จับจ้องอยู่บนร่างของจ้าวเฟิง
พวกเขาแบกรับการกดดันทางประสาทสัมผัสจิตวิญญาณมากขึ้นอีก
แต่ทว่า
ยามที่ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงกำลังจะหลุดลอยออกจากร่างกลับมีแรงต้านทานเกิดขึ้น
วิ้ง!
เห็นเพียงดวงตาซ้ายของเขาหดกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“คิดจะเอาดวงวิญญาณของข้าไป เพื่อที่เจ้าจะสามารถฉกชิงดวงตาเทพเจ้าไปได้ด้วย…”
จ้าวเฟิงที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
ดวงตาเทพเจ้าเป็นที่พึ่งสำคัญที่สุดของเขา และเป็นเกราะกำบังชั้นสุดท้าย
พลังดวงวิญญาณและสายเลือดดวงตาของเขาผสานเข้าหากันอย่างแนบแน่น ยากที่จะแบ่งแยกอยากออกจากกันได้
ในยามก่อน จ้าวเฟิงสามารถหลอมรวมกับดวงตาเทพเจ้าได้ ก็เป็นเพราะว่าระลอกดวงวิญญาณของเขาสอดประสานแนบแน่นดวงตาเทพเจ้า
ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ดวงตาเทพเจ้าก็คงไม่มีทางจะ ‘เลือก’ เขา
“นี่คือโล่พลังของดวงตาเทพเจ้า…”
เงาดวงตาใหญ่ยักษ์ของเนตรมรณะปรากฏแววเคร่งเครียดและกังวลเป็นครั้งแรก
เนตรเทพเจ้าที่เก้ามีสถานะเทียบเท่ากับผู้ให้กำเนิดสายเลือด ‘เนตรมรณะ’ ของเขา
“จักรพรรดิแห่งความตาย ดูซิว่าเจ้าจะทนต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่!”
จ้าวเฟิงคำรามเสียงต่ำมาจากชั้นดวงวิญญาณ
ตุบ ตุบ! ตุบ ตุบ!
ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเต้นระเร่าอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายพลังบางส่วนที่หลับใหลอยู่ภายในดวงตาเทพเจ้าก็ค่อยๆ โดนกระตุ้นออกมาเหมือนได้รับสิ่งเร้า
โครม!
กลิ่นอายทรงพลังอันมีที่มาจากยุคโบราณและอยู่เหนือทุกสรรพสิ่งในฟ้าดินแผ่กระจายออกมาจากในดวงตาเทพเจ้า
ทันใดนั้นเอง
เขากลายเป็นประหนึ่งเทพเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากยุคโบราณ ทุกห้วงความคิดอยู่เหนือคนทั้งปวง ทุกอิริยาบถกระเทือนไปทั่วท้องนภา
“กลิ่นอายกลุ่มนั้น…”
คนสองฝ่ายในที่นั้นใจสั่นระรัว ราวกับเป็นมดปลวกที่ตัวสั่นอย่างหวาดกลัวในพลังมหาศาลของเทพเซียน
ดวงตาของจ้าวเฟิงฉายแววบ้าคลั่งออกมา
เขาถอดใจที่จะต่อต้านแรงดึงดูดของ ‘เนตรเพ่งมรณะ’ แล้ว
โจมตี!
การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือการโจมตี!
“อ๊าก!”
จ้าวเฟิงตะโกนลั่น ในชั้นดวงวิญญาณมีกลิ่นอายบรรพกาลที่สะเทือนไปทั่วฟ้า
เขาโคจรเจตจำนงดวงตากับพลังดวงวิญญาณ ตรงดิ่งไปยังเงาดวงตามืดมิดที่อยู่บนฟากฟ้านั่น
ด้วยเพราะไม่ได้ป้องกันตนเองแล้ว พลังดวงวิญญาณและดวงตาของจ้าวเฟิงจึงทะยานไปทางจักรพรรดิแห่งความตายอย่างรุนแรง ประดุจอสูรยักษ์ที่สร้างภัยพิบัติกลืนกินฟ้าดิน
“เป็นไปได้อย่างไร…” เนตรมรณะที่ปรากฏขึ้นของจักรพรรดิแห่งความตายรำพึงออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรับการโจมตีทรงอานุภาพของกลิ่นอายบรรพกาล
สวบ!
จิตใต้สำนึกของจ้าวเฟิงกับดวงตาเทพเจ้าล้วนแต่หลุดลอยออกจากร่าง
เห็นเพียงดวงตาข้างซ้ายของจ้าวเฟิงกลับเป็นสีดำดังเช่นในยามปกติ สีผมก็เปลี่ยนเป็นสีเดิม
ต่อมา ภาพที่ทำให้ทุกคนต้องตกใจก็ปรากฏขึ้น
บนฟากฟ้าในฝั่งตรงข้ามกับโครงร่างเนตรมรณะ ปรากฏดวงตาเทพเจ้าสีม่วงที่บดบังฟ้าดินขึ้น บริเวณพื้นผิวแผ่วายุอัสนีสีชาดออกมาด้วย
ดวงตาเทพเจ้าสีม่วงนั้นไม่เหมือนกับเงาเสมือนจริง แต่ราวกับว่ามีตัวตนขึ้นมาจริงๆ สามารถมองเห็นนัยน์ตาและม่านตาได้ชัดเจน มันฝังแน่นอยู่กลางอากาศ มีชีวิตชีวา ดูไปแล้วเหมือนรูปร่างดวงตาที่มีชีวิตจริงๆ มีเลือดเนื้ออย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่ลักษณะของดวงตาข้ามระยะทาง และก็ไม่ใช่รูปกายของดวงวิญญาณ
ดวงตาเทพเจ้าไม่ได้อยู่ในร่างของจ้าวเฟิงอีกต่อไป
มันและดวงวิญญาณหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ลอยล่องออกจากร่างของเขา แล้วโบยบินไปในอากาศ
“ดวงตาเทพเจ้าออกจากร่าง!”
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่าพลังดวงตาและดวงวิญญาณของตนเองยิ่งใหญ่กว่าที่เคยมี ระลอกพลังวิญญาณเกรงว่าไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ
หลังจากที่ทะลวงไปถึงขอบเขตปราณเทวะ ราชันและจักรพรรดิจะสามารถทำให้วิญญาณดั้งเดิมออกจากร่างได้
กายเนื้อสูญสลายไป แต่ดวงวิญญาณไม่ดับสลายไปด้วย
แต่ดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับดวงตาเทพเจ้า หลุดลอยออกจากร่างพร้อมกัน และล่องลอยไปในอากาศในสภาวะวิญญาณดั้งเดิมที่หลุดออกจากกายเนื้อ
ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงสอดคล้องกับฟ้าดินอย่างแนบแน่นยิ่งนัก ถึงแม้จะอยู่ในลักษณะดวงวิญญาณก็ยังต่อสู้ได้
“จักรพรรดิแห่งความตาย ดูซิว่าเจ้าจะช่วงชิงเอาดวงตาเทพเจ้าของข้าไปได้หรือไม่!”
สตินึกคิดและวิญญาณของจ้าวเฟิงกับดวงตาเทพเจ้าสีม่วงผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วจึงสาดซัดจิตต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวออกไป
โครม!
ดวงตาสีม่วงขนาดใหญ่เรียกวายุอัสนีเสียงดังโครมครามมาในอากาศพร้อมกับกลิ่นอายพลังอัสนีเทวะ ก่อนจะทะยานไปทางรูปร่างของเนตรมรณะที่อยู่ตรงข้าม
แกรก! แกรก!
พลังมหาศาลของดวงตาเทพเจ้าที่กดดันอยู่ ทำให้ตรามรณะในมือองครักษ์แห่งความตายเก้าคนแตกละเอียดพร้อมกับเสียงดังกึกก้องนั่น
เปรี้ยง! โครม——
ในอากาศ ดวงตาเทพเจ้าสีม่วงที่เหมือนเป็นรูปธรรมกับดวงตามรณะที่มืดมิดกำลังปะทะโจมตีเข้าหากัน