บทที่ 804 เซวียนหยวนเหวิน
หน้าหลุมทราย
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเอ่ยกระซิบกระซาบ
หนานกงเซิ่งตื่นตระหนกในความคิดที่บ้าบิ่นของจ้าวเฟิง ไล่ตามมังกรวารีทมิฬ!
คนทั้งสองเคยเห็นพลังของพลังของมังกรวารีล้างโลกามาก่อน แม้แต่ราชันในขอบเขตปราณเทวะยังโดนมันสังหารได้อย่างง่ายดาย
หนำซ้ำ ไม่รู้ว่ามังกรวารีล้างโลกาตัวนี้โดนผนึกมากี่หมื่นปี อ่อนแอเกินจะเปรียบ สภาวะพลังของมันยังมีไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนของช่วงสุดยอดเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น บนเงื่อนไขเหล่านี้ ยังมี ‘โซ่ผนึกวิญญาณ’ ที่จำกัดและปิดกั้นพลังอำนาจของมันอีกขั้นหนึ่งด้วย
ในทันทีที่มังกรวารีทมิฬสามารถฟื้นฟูพลังส่วนหนึ่งได้ เกรงว่าต่อให้เป็นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับยังต้องหลบหลีกไปให้ไกล
ตุบ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งระแวดระวังไล่ตามมังกรวารีทมิฬอยู่บนพื้นใกล้ๆ
คนทั้งสองยังไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก รักษาระยะห่างระหว่างกันหลายพันลี้หรือกระทั่งหลายหมื่นลี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยต้องมาก่อน
ดีที่พลังและกลิ่นอายทำลายล้างของมังกรวารีทมิฬสั่นสะเทือนรัศมีหลายหมื่นลี้ ในทุกที่ที่มันผ่านไป ฟ้าดินล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สรรพชีวิตนับหมื่นทรุดตัวศิโรราบ รับรู้ได้อย่างง่ายดาย
ระหว่างทาง
บรรดาอัจฉริยะและยอดฝีมือที่มาจากโลกภายนอกจะสัมผัสหรือกระทั่งมองเห็นพลังของ ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ด้วยตาของตนเอง แต่ละคนต่างขวัญหนีดีฝ่อ
แต่สิ่งที่น้อยคนนักจะล่วงรู้คือ
ยังมีคนสองคนไล่ตามหลังมังกรวารีทมิฬอยู่ห่างๆ ในระยะราวหมื่นลี้
ทว่าความเป็นจริงและสิ่งที่คิดเอาไว้ย่อมมีส่วนที่ต่างกัน
ในตอนที่เพิ่งเริ่มต้น จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งยังกลัวว่าจะใกล้เกินไป
แต่ว่าต่อมา คนทั้งสองพบว่าความเร็วในการโบยบินของมังกรวารีล้างโลกามากขึ้นทุกที
บางที ในขณะที่มังกรวารีทมิฬเพิ่งจะทำลายผนึก เอ็นและกล้ามเนื้อยังแข็งตึงอยู่ หลังจากที่ขยับร่างกายความเร็วจึงเพิ่มขึ้น
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเริ่มรู้สึกอ่อนล้าขึ้นทีละน้อย
ระดับของมิติเทพลวงตาสูงส่งอย่างยิ่ง แรงกดดันในฟ้าดินค่อนข้างรุนแรง เกรงว่าถึงจะกระโดดโผทะยานก็สิ้นเปลืองพลังมากกว่าโลกภายนอกมากนัก
แต่มังกรวารีล้างโลกามีเนื้อหนังร่างกายแข็งแกร่งเกินจะเปรียบ สามารถข้ามผ่านอากาศได้อย่างสบายๆ
ครึ่งวันต่อมา
จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหาร่องรอยของมังกรวารีล้างโลกาไม่เจอเสียแล้ว กลิ่นอายของพลังที่ทำลายล้างฟ้าดินก็หายไปเช่นกัน
“ไม่ต้องรีบร้อนไป พวกเราไล่ตามกลิ่นอายไปได้” จ้าวเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
คิดถึงในยามก่อน เขาและจักรพรรดิแห่งความตายต่างเคยไล่ล่าสังหารกันยืดเยื้อยาวนาน
ด้านวิชาในการแกะรอย จ้าวเฟิงลำพองใจอยู่ไม่น้อย
เพราะว่าจุดเด่นของดวงตาเทพเจ้า นี่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่มันชำนาญด้วยซ้ำไป
ถึงแม้ว่าร่องรอยพลังของมังกรวารีล้างโลกาจะหายไปแล้ว แต่จ้าวเฟิงก็ยังพอคลำจากเบาะแสจนประมาณทิศทางโดยคร่าวๆ ได้
คนทั้งสองถือโอกาสปรับความเร็วให้คงที่
หนานกงเซิ่งถึงขนาดมีเวลาว่างมากพอจะลองสื่อสารกับ ‘ผลึกปีศาจ’ ที่อยู่ในเขตแดนมิติ
ในระยะเวลาสั้นๆ
เขายังไม่สามารถควบคุมและใช้พลังของผลึกปีศาจได้ แต่ว่าผลึกปีศาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขตแดนมิติแล้ว และยังค่อยๆ กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน
หลายวันต่อมา
จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงระลอกเลือนรางของพลังความชั่วร้ายบนร่างของหนานกงเซิ่ง
ถ้าหากว่าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหนานกงเซิ่งก็ยากที่จะสัมผัสได้
“หนานกงเซิ่ง ถ้าหากว่าเจ้าหลอมรวม ‘ผลึกปีศาจ’ เป็นใจกลางของตนเอง อย่างแรก พลังชั่วร้ายของมันจะส่งผลกระทบต่อเขตแดนมิติของเจ้า ต่อมาก็จะเป็นแหล่งกำเนิดแก่นผลึก สุดท้ายมันอาจถึงขั้นส่งผลให้จิตใจของเจ้าบิดเบี้ยว”
จ้าวเฟิงเอ่ยเตือนตรงๆ
“ข้ารู้จักรักษาระยะ สำหรับพลังชั่วร้าย ข้าจะค่อยๆ กำจัดและขัดเกลามัน”
หนานกงเซิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าแน่วแน่
ในเวลานี้ ผลึกปีศาจฝังลึกในเขตแดนมิติของเขา และยังกลายเป็นใจกลางของเขตแดนนี้อีกด้วย
พลังของผลึกปีศาจกำลังส่งผลกระทบต่อเขตแดนมิติของเขาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
หนานกงเซิ่งสัมผัสได้ถึงการเติบโตอย่างเงียบงันของพลัง
นอกจากจะไม่ตกใจ เขายังยินดี เขาไม่เชื่อว่าพลังของผลึกปีศาจจะสามารถเปลี่ยนเขาผู้เป็นราชันปราณเทวะได้
ต่อให้มีผลกระทบ เขากลับไปถึงสำนักก็สามารถเชิญจักรพรรดิหรือกระทั่งเซียนออกหน้าชะล้างให้ได้
มิติเทพลวงตา
ใจกลางของป่าเก่าแก่เงียบสงัด มีทะเลสาบใสกระจ่างราวอัญมณีแห่งหนึ่ง
ลูกศิษย์ยอดฝีมือของหลายสำนัก ไม่ว่าสองดาวหรือสามดาว ก็รวมตัวกันอยู่บริเวณรอบๆ ทะเลสาบ และอากาศเหนือทะเลสาบ บุรุษชุดดำท่าทางสามัญธรรมดาผู้หนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง
บุรุษชายหนุ่มผู้นี้หน้าตาไม่โดดเด่น ดวงตาสองข้างลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง แต่กลับมีความรู้สึกหนักแน่นด้วยประสบการณ์ที่สะสมมาเนิ่นนาน
ตรงข้ามตัวเขามีราชันในขอบเขตปราณเทวะสามคน สองคนเป็นผู้อ่อนวัย ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นบุรุษชุดคลุมสีเหลือง
“ซินอู๋เหิน พึ่งแรงเจ้าเพียงคนเดียว อย่าคิดว่าจะฮุบ ‘น้ำตาผลึกคราม’ ไปได้ จะประมือกับพวกเราราชันทั้งสามงั้นเรอะ?”
เด็กหนุ่มชุดสีน้ำตาลหนึ่งในนั้นสีหน้าคล้ำเครียด
ชุดคลุมบนร่างเขามีรอยขาดส่วนหนึ่ง ยับยู่ยี่ ดูอัตคัดอยู่บ้าง
พูดถึงเรื่องพลัง เขาไม่แตกต่างกับกูเจาจื้อแห่งตำหนักวิญญาณปฐพีมากนัก
อีกทั้งบนร่างของราชันทั้งสามต่างมีบาดแผลส่วนหนึ่ง มองไปยังชายหนุ่มชุดดำด้วยสายตายำเกรงและหวาดกลัว
‘ซินอู๋เหิน’ ที่ตกเป็นเป้าสายตาของกลุ่มคนมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ตื่นตระหนก เปิดปากเอ่ยช้าๆ “ราชันในระดับลึกซึ้งหนึ่งคน ขอบเขตปราณเทวะช่วงต้นสองคน ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“ซินอู๋เหิน! อย่าคิดว่าจะรังแกกันง่ายๆ”
ผู้อาวุโสวัยกลางคนชุดคลุมเหลืองหนึ่งในนั้นเอ่ยตำหนิ แขนสองข้างกางออก ปรากฏเงามังกรประกายสีเหลืองแวววาวสองตัว ทั้งสองเกี่ยวกระหวัดพันกันราวกับมีชีวิต
พรึ่บ! ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีเงาสมจริงของเขตแดนมิติสีเหลืองเข้มปรากฏขึ้นรอบๆ กายของราชันทั้งสาม
ซินอู๋เหินยิ้มเรียบๆ “เขตแดนมิติระดับนี้ช่างน่าเบื่อจริง”
เขาเผชิญหน้ากับราชันทั้งสาม มือข้างหนึ่งไพล่หลัง ส่วนมืออีกข้างผลักออกช้าๆ
โครม ตู้ม!
กลางอากาศ เงาไม้สีเขียวหลายเส้นทับซ้อนกัน กลายเป็นของที่มีลักษณะแหลมคม และทะลวงผ่านเขตแดนมิติแขนงดินของชายวัยกลางคนชุดเหลืองทันที
อั๊ก!
วัยกลางคนในชุดเหลืองกระอักเลือดออกมาในทันที เขตแดนมิติที่สร้างมาหลายปีหวิดจะพังทลายเพราะเจ้านี่เสียแล้ว
“ซินอู๋เหินผู้นี้เพิ่งเข้าขอบเขตปราณเทวะก็เท่านั้น เขตแดนมิติประเภทต่างๆ กลับถูกเขาทำลายเพียงมือเดียว นี่มันเรื่องแปลกประหลาดอะไรกันแน่?”
พวกสมาชิกของสำนักสองสามดาวที่รอคอยโอกาสรอบทะเลสาบล้วนตื่นตระหนกใจเต้นระรัว
“พวกเจ้าเห็นหรือไม่ ตั้งแต่เริ่มจนจบ ซินอู๋เหินผู้นี้ใช้เพียงแค่มือเดียวเท่านั้น”
สตรีในชุดสีสดที่งดงามผู้หนึ่ง นัยน์ตาคู่งามกะพริบวิบวับ
ไม่ผิด
มือข้างหนึ่งของซินอู๋เหินไพล่หลังไว้ ใช้อีกข้างรับมือราชันทั้งสามคน
“ไม่เสียทีที่เป็นอัจฉริยะในลำดับที่สามสิบเก้าของรายชื่อจักรพรรดิ ความสามารถที่แท้จริงของซินอู๋เหินผู้นี้เกรงว่าจะเหนือกว่าลำดับของเขาอยู่สักหน่อย”
ผู้เฒ่าในขั้นครึ่งก้าวสู่ราชันอดอุทานอย่างตื่นตะลึงไม่ได้
เปรี้ยง! ตู้ม!
ซินอู๋เหินและราชันทั้งสามประมือกันอยู่หลายกระบวนท่า บริเวณรอบๆ ยังมีครึ่งก้าวสู่ราชันเกือบสิบคนคอยรับมือจากที่ไกลๆ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งหมดนี้ สีหน้าของซินอู๋เหินสงบนิ่งราวกับทะเลสาบ และใช้มือเพียงข้างเดียวรับมือกับเหล่ายอดฝีมือทั้งหมด
ตุบ! ตุบ! เปรี้ยง!
ทันใดนั้นเอง ราชันทั้งสามก็ถอยร่นไป เมื่อถูกเขตแดนมิติห้าสีที่แปลกประหลาดกระแทกอย่างจังจนกระเด็นออกไปไกล
“ซินอู๋เหิน! ถือว่าเจ้าช่างอำมหิต…”
เด็กหนุ่มขั้นราชันชุดน้ำตาลปาดคราบเลือดบริเวณมุมปาก
การต่อสู้มาถึงตรงนี้
เกรงว่าซินอู๋เหินผู้นั้นยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ทุกคนก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ซินอู๋เหินยิ้มน้อยๆ “น้ำตาผลึกครามชิ้นนี้เป็นของข้าแล้ว”
น้ำตาผลึกครามไม่ใช่ทรัพยากรล้ำค่าธรรมดา มันสามารถทำให้สภาวะวิญญาณและระดับขั้นวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นพร้อมกัน
เมื่อได้ครอบครอง ‘น้ำตาผลึกคราม’ ชิ้นนี้ พลังฝึกตนที่เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตปราณเทวะของซินอู๋เหินจะมั่นคงและสูงส่งขึ้นไปอีกขั้น
ทันใดนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
พู่ว~ บนอากาศไกลออกไป กลิ่นอายทำลายล้างทะลักมาจนมืดฟ้ามัวดิน
พริบตานั้น ภาพเหตุการณ์ที่ชวนให้ตื่นตะลึงหลากหลายอย่างก็เกิดขึ้น เมฆหมอกลอยละล่อง ลมพายุฟ้าร้องแปลบปลาบมาพร้อมกัน
พื้นดินแถวนั้นรู้สึกถึงการสั่นไหวอย่างรุนแรง ตามมาด้วยการปะทุขึ้นของหินหนืด
“นั่น…นั่นมันคือกลิ่นอายอะไรกัน!”
อัจฉริยะยอดฝีมือสำนักสองดาวและสามดาวที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวกระวนกระวายจากสัญชาตญาณของดวงวิญญาณและร่างกาย
ตามเวลาที่เคลื่อนคล้อยไป
กลิ่นอายของภัยพิบัติทำลายล้างก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และยังมีพลังสายเลือดมังกรโบราณที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งมาด้วย
“สายเลือดเผ่าพันธุ์มังกร? กลิ่นอายทำลายล้างดั้งเดิมมหาศาลอะไรเช่นนี้”
หว่างคิ้วของซินอู๋เหินเต้นกระตุก
สายตาของทุกคนทอดมองไปยังที่ไกลๆ สัมผัสได้รางๆ ถึงเงามังกรขนาดใหญ่ ทุกที่ที่มันผ่าน ทุกชีวิตต้องสูญสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ต้นไม้หรือใบหญ้า
“แย่แล้ว!”
เหมือนว่าซินอู๋เหินตระหนักถึงบางอย่าง ร่างกายวูบไหว หายเข้าไปภายในป่าลึกใกล้เคียงกับทะเลสาบ
หลังจากนั้นเพียงชั่วครู่ เงาของมังกรสีดำใหญ่ยักษ์เข้ามาใกล้ป่าลึกแห่งนั้น
“พวกมดปลวกจากโลกภายนอกพวกนี้!”
มังกรวารีล้างโลกามีสีหน้าดูแคลน กรงเล็บโบกกลางอากาศ
พู่ว เชว้ง!
พายุหมุนสีดำสนิทปรากฏขึ้นในพริบตา และขยายเป็นสิบลี้…หลายสิบลี้…ร้อยลี้…หลายร้อยลี้ทันที
“หนีเร็ว…นี่เป็นสัตว์ที่น่ากลัวอะไรกันแน่!”
“มังกรวารีทมิฬตัวนี้เหมือนว่าจะมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกรล้างโลกา”
เหล่าลูกศิษย์ยอดฝีมือของสำนักสองดาวสามดาวแตกกระสานซ่านเซ็นไปคนละทิศทาง เพื่อเลี่ยงการโดนทำร้ายในคราวเดียวจากมังกรวารีล้างโลกา
ในครรลองสายตา
ป่าลึกไร้ขอบเขตกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน
สัตว์อสูรจำนวนมากตายในเคราะห์กรรมครั้งนี้ สมาชิกของสำนักจำนวนหนึ่งที่หนีไม่ทันก็จบชีวิตลงด้วย
สวบ! เงามังกรขนาดใหญ่โฉบผ่านพื้นที่แห่งนี้ไป
ดูจากสถานการณ์แล้ว มังกรวารีล้างโลกาตัวนี้เพียงแค่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ได้ใส่ใจกับ ‘สิ่งเล็กๆ’ พวกนี้
ครึ่งวันต่อมา
ในส่วนที่ลึกไปกว่านั้นของมิติเทพลวงตา บนเนินเขาแห่งหนึ่ง
โครม เปรี้ยง!
‘สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขา’ ใหญ่ราวภูผา กำลังล้อมโจมตีเด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาองอาจผู้หนึ่ง
สัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาพวกนี้เป็นประเภทเดียวกันกับที่จ้าวเฟิงเคยเจอในตำหนักยอดนภา แต่ขนาดใหญ่กว่าอาจจะถึงสิบเท่าด้วยซ้ำไป กลิ่นอายของมันก็เก่าแก่ลึกล้ำกว่ามาก
“ราชาแห่งขุนเขา กำลังรบของทุกตัวเข้าใกล้ขั้นราชันระดับสุดยอด พลังป้องกันร่างกายก็แข็งแกร่งจนแปลกประหลาด…”
เด็กหนุ่มท่าทางองอาจขมวดคิ้วมุ่น
ราชาแห่งขุนเขาทุกตัวล้วนแต่มีอาณาเขตแรงดึงดูดที่แกร่งกล้า ไม่ว่าเป้าหมายใดเข้าใกล้ก็ได้รับผลกระทบ
ราชันที่เพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตปราณเทวะส่วนหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับราชาแห่งขุนเขา เกรงว่าเพียงจะก้าวเท้าก็ยังลำบาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะต่อสู้ด้วยซ้ำไป
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มผู้องอาจโดนสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาสี่ห้าตัวล้อมโจมตี
“เคล็ดวิชาทวาคลั่ง รอยแห่งนภา!”
เด็กหนุ่มองอาจผู้นั้นร้องเสียงเบา สองนิ้วมือพลันวาดกลางอากาศ
ในวินาทีต่อมา แสงแวววาวราวกับรอยปริร้าวหลายสิบเส้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทับซ้อนบนพื้นที่นั้น
โครม! ตู้ม——
ในเวลานั้นเอง ราชาแห่งขุนเขารอบๆ เหล่านั้นถูกแสงแวววาวฟันฉับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะเดียวกัน ในหุบเขาสีเขียวเข้มไกลๆ ปรากฏศีรษะสีแดงสดขึ้น
บนศีรษะสีแดงสดเต็มไปด้วยเกล็ด และยังมีเขาผลึกคู่หนึ่ง ดวงตาสองข้างราวกับเมล็ดถั่วเขียวจ้องไปยังเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาเบื้องหน้า
“ไม่เสียทีที่เป็นเซวียนหยวนเหวิน ผู้ถูกเลือกแห่งยุคของสำนักสี่ดาวอย่าง ‘วังลอยฟ้า’ อายุยังน้อยก็สามารถเข้าใจในเศษเสี้ยวขอบเขตเซียนสวรรค์”
ศีรษะแดงมีเขาผลึกพึมพำเสียงเบา
พรึ่บ!
สังหารสัตว์ประหลาดแห่งขุนเขาขนาดใหญ่หลายตัว เซวียนหยวนเหวินเก็บใจกลางที่สำคัญของราชาแห่งหุบเขาดังกล่าว แล้วรุดเข้าไปสำรวจค้นหาต่อ
“ใกล้แล้ว จะถึงจุดศูนย์กลางที่สำคัญของ ‘มิติเทพลวงตา’ อย่างคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาลแล้ว”
เซวียนหยวนเหวินทอดมองไปเบื้องหน้า สูดหายใจลึก
ในฐานะที่เป็นความภาคภูมิใจของ ‘สำนักสี่ดาว’ เขาจึงล่วงรู้ความลับโบราณส่วนหนึ่งที่มากกว่าสำนักทั่วไป
โชคดีอย่างยิ่งที่การเชื่อมต่อมิติเทพลวงตาในครั้งนี้ พื้นที่สำคัญแห่งนี้ทับซ้อนกับแถวๆ ดินแดนทวีปพอดี
ในเวลานี้เอง
กลิ่นอายมังกรทำลายล้างก็ทะลักออกมาจากชั้นเมฆ พลังกลิ่นอายมังกรทำลายล้างที่ไร้รูปร่างคุกคามไปหลายหมื่นลี้
พลังและสายเลือดของเซวียนหยวนเหวินที่แข็งแกร่ง ล้วนแต่สัมผัสได้ถึงความกดดันจนใจสั่นระรัว
“กลิ่นอายน่ากลัวเหลือเกิน! อะไรน่ะ? เหมือนว่า…เป้าหมายของมันจะเป็นคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล!”