Skip to content

King of Gods 805

King Of Gods

บทที่ 805 คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล

“เหมือนว่า…เป้าหมายของมันจะเป็นคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล!”

เซวียนหยวนเหวินมองเห็น ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ตัวใหญ่สีดำ บินตรงดิ่งไปยังส่วนลึกในพื้นที่ใจกลางของมิติเทพลวงตาอย่างเกรี้ยวกราด

ในทุกที่ที่มังกรวารีทมิฬตัวนั้นผ่านไป พายุรุนแรงที่มีกลิ่นอายทำลายล้างจะผลาญทุกสรรพสิ่ง จนสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนหวาดกลัวและตื่นตระหนก

พลังมังกรทำลายล้างที่น่าสะพรึง ทำให้เซวียนหยวนเหวินที่แข็งแกร่งยังรู้สึกกดดัน ไม่กล้าเข้าไปใกล้

ยามนั้น บนใบหน้าหล่อเหลาของเซวียนหยวนเหวินเผยแววครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง

‘คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล’ ในมิติเทพลวงตา สำหรับราชวงศ์แห่งทวีปเป็นความลับที่ไม่ค่อยมีคนล่วงรู้มากนัก

ในครั้งนี้ พื้นที่ของมิติเทพลวงตาที่ทับซ้อนใกล้ดินแดนทวีปเป็นศูนย์กลางพอดี มิฉะนั้นการเชื่อมต่อโดยปกติจะไม่สามารถเข้าใกล้คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาลได้เลย

แต่ทว่าในเวลาดังกล่าว

‘มังกรวารีล้างโลกา’ ที่พุ่งทะยานออกมาในทันใด สร้างความปั่นป่วนให้แผนการบุกคฤหาสน์ลับของเซวียนหยวนเหวิน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมปิดบังความลับของคฤหาสน์จากคนที่มีใจมุ่งมั่นไม่ได้แน่

พลังของมังกรวารีล้างโลการุนแรงเกินไป ย่อมต้องสร้างความตื่นตระหนกให้กับคนไม่น้อย

“มีได้มีเสีย”

เซวียนหยวนเหวินยิ้ม คลายความกังวลอย่างรวดเร็ว “มีมังกรตัวนี้เบิกทางให้ก่อน บางทีอาจจะสามารถสร้างความวุ่นวายให้กับกฎเกณฑ์และค่ายกลเทพคุ้มกันใน ‘คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล’ ได้”

แคร่ก!

เขาเอาตราคำสั่งแปลกประหลาดแผ่นหนึ่งออกมาและบีบมันให้ละเอียด

ระลอกประสาทสัมผัสที่เลือนรางทว่าแข็งแกร่งทะลักไปยังพื้นที่อื่นๆ ของมิติเทพลวงตา

ในมิติเทพลวงตา ขั้นตอนสื่อสารวิธีปกติจะโดนจำกัดเอาไว้ แต่จะไม่กำจัดสิ่งของที่พิเศษส่วนหนึ่งไป

หลังจากนั้น เซวียนหยวนเหวินโบยบินตามไปยังทิศทางเดียวกันกับมังกรวารีทมิฬ

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง

จุดที่ห่างไกลอีกฟากของมิติเทพลวงตา

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งยังคงไล่ตามอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ระหว่างทางยังแวะพักเป็นระยะ

ความเร็วของมังกรวารีทมิฬมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วก็ไปถึงขั้นจักรพรรดิอย่างง่ายดาย พวกเขาทำอย่างไรก็ตามไม่ทัน

แต่วิธีการไล่ตามของจ้าวเฟิงปราดเปรื่องอย่างมาก ไม่ต้องกลัวว่าจะคลาดกับมังกรวารีทมิฬ

ในความเป็นจริงแล้ว มังกรวารีทมิฬโบยบินอย่างไม่กังวลอะไร คนที่ปกติมีประสบการณ์ในการแกะรอยย่อมสามารถไล่ตามทันอย่างสบายๆ

“ไม่ผิดจริงๆ ไอสวรรค์ในฟ้าดินยิ่งหนาแน่นขึ้นไปทุกที พวกเรากำลังเข้าใกล้จุดศูนย์กลางที่สำคัญของมิติเทพลวงตา”

จ้าวเฟิงทอดมองไปเบื้องหน้า

วันสองวันที่ผ่านมา สัตว์อสูรที่เขาและหนานกงเซิ่งพบมีพลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าโอกาสที่พบระหว่างทางก็ไม่น้อย บางทียังสามารถมองเห็นร่องรอยของผู้มาเยือนจากภายนอกด้วย

อาณาเขตที่เชื่อมต่อกับมิติเทพลวงตากว้างใหญ่อย่างยิ่ง

ราชวงศ์แห่งดินแดนทวีปไปจนถึงขั้วอำนาจต่างๆ รอบพื้นที่มหาสมุทร มีสำนักสองดาวที่สามารถเชื่อมต่อได้จำนวนหลายร้อย

นี่เป็นจำนวนคาดคะเนเท่านั้น ยังไม่นับขั้วอำนาจประเภทตระกูลชนชั้นสูงอีกส่วนหนึ่ง

แน่นอนว่าขั้วอำนาจที่สามารถส่งราชันได้มีน้อยนิดอย่างยิ่ง สำนักสามดาวทั่วไปหรือไม่ก็ระดับแปดตระกูลชนชั้นสูงถึงจะพอมีหวังค่อนข้างมาก

วูบ! วูบ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหยุดอยู่บนเนินเขา นั่งขัดสมาธิพักฟื้นฟู

เพื่อรับมือกับสถานการณ์อันตรายประเภทต่างๆ ใน ‘มิติเทพลวงตา’ คนทั้งสองไม่สามารถปล่อยให้ไอสวรรค์ลดลงมากเกินไป

พวกเขาหันหลังชนกัน หากเรียกว่าพักฟื้น ไม่สู้เรียกว่าฝึกตนจะดีกว่า

จ้าวเฟิงเอาแก่นผลึกขั้นราชันของ ‘สิงโตวายุอัสนี’ ออกมา นั่งขัดสมาธิเพื่อฟื้นฟูและฝึกฝน ‘วิชาหมื่นอัสนีห้าสาย’

ในมิติเทพที่ถูกทิ้งร้างนี้ยังคงสภาพโครงร่างดั้งเดิมโบราณไว้ ไอสวรรค์โดดเด่นอย่างยิ่ง ผลของการฝึกตนจึงเหนือกว่าโลกภายนอกมากนัก

ระหว่างทาง ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงเจอร่องรอยของทรัพยากรล้ำค่าโบราณส่วนหนึ่งที่หาไม่ได้ในโลกภายนอก

เวลานี้ได้รับความช่วยเหลือจากแก่นผลึกวายุอัสนี พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงจึงค่อยๆ ก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วที่พอจะรับรู้ได้

‘แก่นผลึกวายุอัสนี’ แฝงไปด้วยมิติปราณที่แท้จริงวายุอัสนี ระลอกปราณที่แท้จริงก็กระเพื่อมขึ้นลงและบริสุทธิ์ด้วย

แก่นผลึกขั้นราชันดังกล่าวอยู่ในธาตุวายุอัสนีที่หาได้ยาก เหมาะสมกับจ้าวเฟิง

เพียงครู่เดียวเท่านั้น

ไอสวรรค์ของจ้าวเฟิงฟื้นฟูกลับมา ขนาดและคุณลักษณะของใจกลางแก่นก่อกำเนิดภายในร่างกายล้วนแต่เพิ่มขึ้นอีกขั้น

“จะทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”

จ้าวเฟิงคิดหนักเล็กน้อย

ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดที่แท้แล้วเป็นขั้นตอนยาวนานในการสั่งสมคุณลักษณะ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ของจ้าวเฟิงก็ไม่ใช่วิชาธรรมดา

จากการวิเคราะห์ จ้าวเฟิงจึงตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางการฝึกตน

เขาไม่เก็บสะสม ‘จำนวน’ อีกต่อไป แต่ให้ความสำคัญกับคุณลักษณะของปราณที่แท้จริงแทน

ภายในจุดตันเถียน ใจกลางแก่นก่อกำเนิดของจ้าวเฟิงเกาะตัวเป็นผลึกชัดเจนขึ้นทุกที บนพื้นผิวเปล่งแสงแวววาวขึ้นน้อยๆ

“ก่อนอื่นต้องทำให้ความแข็งแกร่งและคุณสมบัติของปราณที่แท้จริงในแก่นผลึกเพิ่มขึ้นไปถึงขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูง”

จ้าวเฟิงมีเป้าหมายในใจ

เขาทำเช่นนี้เพื่อจะปลดปล่อยแรงและรวบรวมพลังในระยะเวลาสั้นๆ ภายในมิติเทพลวงตา

จ้าวเฟิงเข้าไปในห้วงฝันบรรพกาลเพื่อช่วยผลักดันให้ทุกอย่างเร็วขึ้น

ขวับ! สตินึกคิดของจ้าวเฟิงหลอมรวมเข้าไปในน้ำวนที่ไร้รูปร่างใจกลางทะเลวิญญาณ

วินาทีต่อมา

เขาเหยียบบนพื้นที่เก่าแก่บรรพกาลผืนหนึ่ง กลิ่นอายบรรพกาลทะลักมามืดฟ้ามัวดิน แรงกดดันยังรุนแรงกว่ามิติเทพลวงตามากนัก

แต่ทว่า

ด้วยร่างกายที่แกร่งกล้าของจ้าวเฟิงในวันนี้ จึงยังสามารถเดินที่นี่ได้อย่างสบายๆ

ใจกลางของป่าไม้ บนหอคอยพฤกษายังมีผลไม้จิตวิญญาณหลายชิ้น ส่วนมากสุกไปแล้วมากกว่าเจ็ดแปดส่วน

งูลายตัวยักษ์และนกอสูรโบราณต่างปกป้องที่แห่งนี้อย่างว่านอนสอนง่าย

จ้าวเฟิงเด็ด ‘ผลไม้จิตวิญญาณ’ ที่สุกงอมลูกหนึ่งลงมา กัดเล็กน้อยแล้วจึงกลืนลงคอไป

ประโยชน์ที่ผลไม้จิตวิญญาณห้วงฝันมีต่อสายเลือดและร่างกายล้วนไม่ธรรมดา

ในยามก่อน ในขณะที่เด็กน้อยครึ่งเซียนอยู่ในขั้นราชันก็กินผลไม้จิตวิญญาณไปหลายลูก ทำให้พลังของกายศักดิ์สิทธิ์เพิ่มพูนขึ้นมาก

แต่การย่อยสลายและดูดซึมผลไม้จิตวิญญาณค่อนข้างยากเย็น

มิฉะนั้นจ้าวเฟิงเองก็คงไม่รอนานเช่นนี้ถึงจะกินมัน

เมื่อสตินึกคิดกลับมาถึงมิติเทพลวงตา

ในขณะที่จ้าวเฟิงกำลังฝึกตน เขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งปรากฏพลังแกร่งกล้าของผลึกปีศาจขึ้นเล็กน้อย

จากการสังเกตของจ้าวเฟิง เขาพบว่าเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งและผลึกปีศาจกำลังหลอมรวมเข้าหากัน

มีผลึกปีศาจเป็นใจกลาง พลังความชั่วร้ายและผลึกเซียนกัดกร่อนเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่ง กระทั่งมีส่วนน้อยนิดที่หลอมรวมเข้ากับแหล่งกำเนิดแก่นผนึกด้วย

วิ้ง! หนานกงเซิ่งที่กำลังฝึกตน รัศมีสีเงินเข้มทั่วร่างของเขาผุดลำแสงวาววับสีม่วงที่แปลกประหลาดขึ้น

ในขณะนั้นเอง

บนหน้าผากของหนานกงเซิ่งปรากฏตราประทับสีม่วงรูปจันทร์เสี้ยว ดุจตราประทับของปีศาจ

พู่ว~

ยามหนานกงเซิ่งสูดลมหายใจ ไอสวรรค์ฟ้าดินรอบบริเวณสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว ราวกับกราบไหว้เทพเทวาอยู่อย่างนั้น

‘ไม่เสียทีที่เป็นผลึกปีศาจ ความสามารถของหนานกงเซิ่งยิ่งแข็งแกร่งขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าเขาจะสามารถควบคุมพลังนี้ได้อย่างแท้จริงหรือไม่’

จ้าวเฟิงเอ่ยในใจ

เขากิน ‘ผลไม้จิตวิญญาณจากห้วงฝัน’ และบวกกับแก่นผลึกวายุอัสนีในขั้นราชัน พัฒนาการในการฝึกตนย่อมเรียกได้ว่ารวดเร็วจนตื่นตะลึง

เพียงแค่ครึ่งวัน สายเลือดและร่างกายของจ้าวเฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ขอบเขตขั้นที่สี่ระดับสูงของ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ เพิ่มระดับขึ้นทีละน้อย อยู่ไม่ไกลจากขั้นที่สี่ระดับสุดยอด

นี่เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ผลไม้จิตวิญญาณย่อยสลายไปเพียงส่วนเดียวเท่านั้น

ผลัวะ! พรึ่บ~

จ้าวเฟิงอยู่กลางน้ำวนสีฟ้าเข้มของระลอกวารีอัสนี ไอสวรรค์วายุอัสนีธาตุน้ำที่สอดประสานกับฟ้าดินส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น

พายุฝนฟ้าคะนองวนเวียนเหนือเนินเขาที่คนทั้งสองอยู่

พลังในระดับเช่นนี้ ในรัศมีร้อยลี้ล้วนแต่สัมผัสได้อย่างชัดเจน

“ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ทะลวงผ่านขั้นที่หกแล้ว!” จ้าวเฟิงมีสีหน้าปีติ

วิชาวายุอัสนีห้าสายในขั้นที่หนึ่งถึงสามคือพื้นฐานวายุอัสนี

ขั้นที่สี่ถึงหกเป็นการสร้างพื้นฐานของวายุอัสนีห้าสายธาตุแรก

แต่ว่าตอนนี้ รากฐานวายุอัสนีธาตุน้ำที่เป็นลำดับแรกของจ้าวเฟิงแตะถึงระดับสูงของช่วงดังกล่าวแล้ว นั่นคือระดับหก

“รอขั้นที่เจ็ดขั้นต่อไป ข้าจะอาศัยการเชื่อมโยงกันของธาตุทั้งห้า สรรสร้างวายุอัสนีลำดับที่สองออกมา …เป็นวายุอัสนีธาตุไม้”

จ้าวเฟิงคาดหวังในใจ

‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ เชื่อมโยงธาตุทั้งห้า ลึกล้ำกว้างไกล และยังแฝงไปด้วยธาตุวายุอัสนี ไม่ใช่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มพลังเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นความหลากหลายของพลังต่างๆ ด้วย

หนำซ้ำทุกครั้งที่ปรากฏธาตุวายุอัสนีออกมา กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ฝึกจะมีแรงต้านทานต่อธาตุที่สอดคล้องกัน

อย่างเช่นในตอนนี้ จ้าวเฟิงฝึกฝนวายุอัสนีธาตุน้ำ เสริมสร้างร่างกาย กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะมีแรงต้านทานที่ค่อนข้างแข็งแกร่งต่อการโจมตีจากศาสตร์เหมันต์วารี

ภายในจุดตันเถียน

ใจกลางแก่นก่อกำเนิดของจ้าวเฟิงแทบจะเป็นผลึกไปจนหมดแล้ว แถมยังเป็นผลึกที่เปล่งประกายอีกด้วย

ในตอนนี้ นอกจากความแตกต่างของจำนวน คุณลักษณะความแข็งแกร่งของปราณที่แท้จริงก็ต่างจากขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงไม่มากนัก

บวกกับ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘วิชาวายุอัสนี’ เมื่อประสานวิชาศักดิ์สิทธิ์ชั้นยอดทั้งสองเข้าด้วยกัน กำลังรบของเขาเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน

นี่ยังไม่นับรวมพลังสายเลือดของดวงตาเทพเจ้า รวมไปถึงไพ่ตายส่วนหนึ่งที่เก็บไว้

“ออกเดินทางเถอะ”

จ้าวเฟิงรีบชันกายลุกขึ้น ผลไม้จิตวิญญาณภายในร่างของเขายังเหลืออีกครึ่งลูก และยังย่อยสลายอย่างช้าๆ ได้อีก

รอให้ผลไม้จิตวิญญาณผลนี้ถูกดูดซึมจนหมด ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ของจ้าวเฟิงจะแตะถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สี่

เมื่อถึงตอนนั้น เพียงแค่แก่นแท้ร่างกายและกายเนื้อของจ้าวเฟิงก็สามารถเอาชนะครึ่งก้าวสู่ราชันทั่วไปได้

พู่ว~ หนานกงเซิ่งถอนหายใจยาว ลุกขึ้นอย่างอิดออด

‘ผลึกปีศาจ’ ปรับเพิ่มระดับแก่นผลึกและขอบเขตของเขา การเพิ่มขึ้นของพลังที่เกิดขึ้นช่างทำให้คนหลงใหล

ตุบ! ตุบ!

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโผทะยานออกจากเนินเขาแห่งนี้ ก่อนตามแกะรอย ‘มังกรวารีล้างโลกา’ ไป

คนทั้งสองเพิ่งจะทะยานออกไปหลายสิบลี้ ใน ‘ซากเมืองเก่าปรักหักพัง’ ที่อยู่ด้านหน้าก็มีเสียงต่อสู้แว่วมา

สวบ!

ในนั้น ลำแสงสีขาวเจิดจ้าเส้นหนึ่งลอยออกจากทิศของซากปรักหักพัง

“รีบตามเร็ว! มารหญิงของราชวงศ์จันทราทมิฬขโมยเอา ‘มุกสะกดเทวะ’ และ ‘วิชาหล่อเลี้ยงวิญญาณ’ ไปแล้ว” ในซากปรักหักพังโบราณปรากฏเงายี่สิบกว่าร่างไล่ตามออกมา

หืม? จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งชะงักค้างและรอดู

ตลอดทางที่ผ่านมา คนทั้งสองพอจะเห็นการต่อสู้ของคนภายนอกส่วนหนึ่งมาบ้าง

แต่ทว่า คนจำนวนนับร้อยรวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้าของซากปรักหักพังโบราณ จำนวนมากเช่นนี้เขาเพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก

คนที่ไล่ตามออกมาเป็นเพียงหนึ่งในยอดฝีมือชั้นแนวหน้าส่วนหนึ่งเท่านั้น

สวบ! ในลำแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าเส้นนั้ ปรากฏสตรีต่างเผ่าพันธุ์ผู้มีปีกจักจั่นโปร่งแสง ความเร็วน่าตื่นตะลึง กลิ่นอายพลังฝึกตนของนางแตะขอบเขตปราณเทวะ

ในคนที่ไล่ตามออกมามีราชันในขอบเขตปราณเทวะสองคน ที่เหลือเป็นครึ่งก้าวสู่ราชันหรือไม่ก็ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลายและช่วงสุดยอด

“สหายร่วมทางด้านหน้าทั้งสอง ช่วยขวางมารหญิงของ ‘ราชวงศ์จันทราทมิฬ’ ผู้นั้นด้วย” บุรุษหนุ่มชุดเกราะขั้นราชันร้องตะโกน

ลำแสงสีขาวที่หญิงสาวปีกจักจั่นสร้างขึ้น มีความเร็วเหนือกว่ากลุ่มคนที่ไล่ตามรอบหนึ่ง

หากพูดเรื่องความเร็ว คนในเหตุการณ์ไม่มีใครเทียบได้กับหญิงสาวคนดังกล่าว

ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งลงมืออาจจะพอขวางนาง และมีโอกาสรั้งนางเอาไว้

“บนร่างของสตรีนางนั้นเหมือนจะมีสมบัติล้ำค่าอะไร…รั้งตัวนางไว้!” แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย

ทันทีที่เอ่ยจบ เขาทะยานผ่านอากาศไป

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำผู้หนึ่งลงมือขวางนาง มารหญิงปีกจักจั่นผู้นั้นเผยแววดูแคลน

แต่หน้านางก็เปลี่ยนสีไปอย่างมากในเวลาต่อมา

ตู้ม~

ในหมัดนั้นแฝงไปด้วยพลังร่างกายมหาศาลราวกับขุนเขา อาจจะถึงขั้นสามารถสังหารขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงทั่วไปได้ในทันที

มารหญิงปีกจักจั่นตัวเบาและรวดเร็ว แต่ว่ากายเนื้อเป็นจุดอ่อนพอดี เมื่อดูแคลนศัตรูบวกกับไม่ได้ระวังตัว มารหญิงปีกจักจั่นผู้นั้นสั่นน้อยๆ อยู่กลางอากาศ เลือดลมปั่นป่วน เกือบจะบาดเจ็บเสียแล้ว

และในเวลานี้เอง

ขวับ! ลำแสงสีเงินสว่างดูประหลาดเส้นหนึ่งซึ่งผุดแสงแวววาวสีม่วง สว่างวาบขึ้นใกล้กับมารหญิงปีกจักจั่น

“เคล็ดวิชามิติ!” สีหน้าของมารหญิงปีกจักจั่นเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง เมื่อรับรู้ได้ถึงคนสองคนที่ผิดปกตินี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนานกงเซิ่ง เงาเขตแดนมิติสีม่วงสว่างวาบลอยเข้าปกคลุม และสาดซัดกลิ่นอายชั่วร้ายที่ทำให้นางหวาดกลัว

“ขอคุณชายทั้งสองไว้ชีวิตด้วย! สมบัติที่ข้าน้อยจะมอบให้ท่านคือ…” มารหญิงปีกจักจั่นเอ่ยอ้อนวอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version