Skip to content

King of Gods 810

King Of Gods

บทที่ 810 การไล่ล่าจากกลุ่มคนเกรี้ยวกราด

ท่ามกลางการแย่งชิงที่อลหม่านวุ่นวายนี้ จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งประสบความสำเร็จในการก่อกวน จนช่วงชิงเอาผลประโยชน์ที่ทำให้ตาร้อนมาได้

ในเวลาดังกล่าว การแย่งชิงทรัพย์สมบัติที่อลหม่านวุ่นวายแถวโครงกระดูกทองก็จบลง

“คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหัวขโมยผู้นั้นจะชิงโครงกระดูกทองของยอดฝีมือเผ่าพันธุ์อมนุษย์ไป!”

“อย่าปล่อยให้เจ้าหัวขโมยสองคนนั้นหนีไปได้!”

เป้าหมายของครึ่งก้าวสู่ราชันและราชันปราณเทวะส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาที่จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องโดนบีบบังคับเรื่องผลประโยชน์ แต่ยังรวมไปถึง ความโกรธแค้นและความไม่พอใจที่สะกดกลั้นเอาไว้เมื่อโดนปล้นชิงไปในยามก่อน กำลังรบของขั้นราชันส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ มีทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเข้าใกล้พวกจ้าวเฟิง ถึงขั้นมีทีท่าว่าจะล้อมคนทั้งสองด้วย

หนึ่งในสี่ราชันพวกของจิวอู๋จี้ตรงดิ่งไปสังหารจ้าวเฟิงด้วยซ้ำไป

พลังฝึกตนของจ้าวเฟิงก็เพียงแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดเท่านั้น แต่กลับได้โครงกระดูกทองและของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่หลงเหลือไว้บนโครงกระดูกด้วย

ไม่รีบไปตอนนี้จะรอถึงตอนไหน?

“ถอย!”

ปรากฏปีกแสงอัสนีธาตุน้ำคู่หนึ่งที่ดูไปแล้วราวกับมีชีวิตขึ้นเบื้องหลังของจ้าวเฟิง

ปีกอัสนีโบยบิน!

แซ่ด! พรึ่บ!

ทิ้งไว้เพียงเสี้ยวเงาของคลื่นอัสนีธาตุน้ำไว้ในที่แห่งนั้น ปีกแสงวายุอัสนีโบยบินขึ้นไปกลางอากาศและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแสงสีเงินเรียบร้อย

เปรี๊ยะ! โครม!

ราชันขอบเขตปราณเทวะผู้หนึ่งและครึ่งก้าวสู่ราชันหลายคนผู้มีกำลังรบเทียบเท่าราชัน ต่างกรูขึ้นไปกลางอากาศ

“ที่แท้แล้วเจ้าเด็กนั่นก็ชำนาญการโบยบินข้ามมิติ แล้วเป็นปีกอัสนีโบยบินที่หายากด้วย”

ยอดฝีมือที่โผบินตามขึ้นไปมองอย่างตื่นตกใจ

ใครจะไปคาดคิดกันว่า อัจฉริยะในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำคนหนึ่งจะเข้าใจในวิชาอัสนีโบยบินที่ลึกล้ำเช่นนี้ ความเร็ว ปฏิกิริยา และสตินึกคิดล้วนแต่ดีเยี่ยม

“ไป!”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งอยู่ในแสงสีเงิน โบยบินออกไปนอกซากปรักหักพังเมืองโบราณนี้อย่างรวดเร็ว

“เคล็ดวิชาปีกอัสนีโบยบินนั่น…”

ในดวงตาของจ้าวหยูเฟยฉายแววฉงนสงสัย สายตามองไปที่ปีกแสงอัสนีธาตุน้ำเบื้องหลังจ้าวเฟิง

ด้วยวิชาโบยบินข้ามมิติของหนานกงเซิ่ง ทำให้ยอดฝีมือที่จะไล่ตามพวกเขาได้มีอยู่เพียงน้อยนิด

หนึ่งในนั้น จิวอู๋จี้ผู้มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก็ยังติดอยู่กับจ้าวหยูเฟย

หลังช่วงชิงมาหลายคราและสร้างความวุ่นวายในครั้งนี้ คนทั้งสองเก็บเกี่ยวไปได้มากมาย

‘ไม้หล่อเลี้ยงวิญญาณ จิตนทีเทพ พฤกษาไร้ขอบเขต ผลึกเซียนระดับต่ำ…เมื่อมีทรัพยากรเหล่านี้แล้ว พลังฝึกตนของข้าและพละกำลังจะสามารถทะลวงผ่านขั้นใหม่ได้’

จ้าวเฟิงลอบยินดีในใจ พึ่งพาเพียงพลังของคนสองคน ไปขุดค้นหาสมบัติพวกนี้ก็ค่อนข้างจะลำบาก การได้ทรัพยากรมาด้วยวิธีการปล้นชิงเช่นนี้นับว่ารวดเร็วเสียจริง

แต่ทว่าทุกเรื่องก็ย่อมมีทั้งข้อดีข้อเสีย

การปล้นชิงอย่างอุกอาจเช่นนี้ทำให้มีปัญหากับผู้อื่นได้ง่าย และยังทำให้เสียภาพลัษณ์อีกด้วย

“ผู้เยาว์ หยุด!”

ณ เขตชานเมืองโบราณ มีกำลังคนกลุ่มหนึ่งยึดครองพื้นที่

มีราชันหนุ่มในชุดเขียวเป็นผู้นำ ดวงตาราวดาราหนาวเหน็บ

ข้างกายของเขามีขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงและครึ่งก้าวสู่ราชันจำนวนมาก และยังมีสตรีผมฟ้าผู้งดงามและสงบนิ่งผู้หนึ่งในนั้น ใบหน้าราวกับเป็นหญิงเลอโฉมในม้วนภาพวาด

“เป็นคนของตระกูลเจียง!”

“อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลเจียง ‘เจียงเฉิน’ และหญิงงามอันดับหนึ่งของตระกูลเจียง ‘เจียงเฟยเสวี่ย’ ”

อัจฉริยะของกองกำลังส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง มองเพียงปราดดียวก็รับรู้ถึงความเป็นมาของทั้งสอง

“พี่เจียงเฉิน เป็นหัวขโมยสองคนนี้ช่วงชิงเอา ‘จิตนทีเทพ’ ของข้าไป”

หญิงผมฟ้าใบหน้าสงบสวยงาม ขบฟันขาวแน่น คิ้วขมวดมุ่นฉายแววรังเกียจขณะจับจ้องเด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่ในแสงสีเงิน

สตรีผมฟ้าผู้นี้คือหญิงงามอันดับหนึ่งของตระกูลเจียง เจียงเฟยเสวี่ย!

สีหน้าของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งตึงเครียด

ในตอนนี้คนทั้งสองตกอยู่ในสถานการณ์ถูกล้อมทั้งจากหน้าและหลัง

ถึงแม้ว่ากำลังรบของคนทั้งสองจะแข็งแกร่ง แต่ว่าก็ยังต้านทานการล้อมโจมตีจากกำลังรบของขั้นราชันหลายคนไม่ไหว

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่า ในบริเวณนี้ยังมีการซุ่มโจมตีจากยอดฝีมือของพวกตระกูลเฉา และตระกูลจี

“เฉาอวิ๋น เหมือนว่าเขาจับสังเกตได้ถึงการดำรงอยู่ของพวกเรา”

นัยน์ตาคู่นั้นของจีหลานปรากฏหมอกมายาสีม่วงอ่อนเส้นสายหนึ่ง ยากที่จะปกปิดความหวาดกลัวและตื่นตะลึงบนใบหน้า

ในตอนนี้

เงาความหวาดกลัวและอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการโต้ตอบของดวงตาเทพเจ้ายังไม่จางหายไป

“พอสบโอกาสก็ลงมือเลย! เจียงเฉินผู้นี้ก็เป็นราชันระดับลึกซึ้งเช่นกัน กำลังรบของเขาสูงส่ง”

เฉาอวิ๋นเอ่ยเสียงต่ำ

และในเวลานี้เอง แสงสีเงินของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเผชิญกับการสกัดกั้น

“หยุดเดี๋ยวนี้!”

หอกเหมันต์สีเงินด้ามหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเจียงเฉิน หมุนวนจนเกิดเป็นแสงเย็นเยียบสีดำจางๆ ราวกับระลอกน้ำ

วิ้ง!

ในทุกที่ที่ลำแสงเหมันต์สีดำอ่อนนั้นลอยผ่าน ทุกสรรพสิ่งถูกแช่แข็งเอาไว้ และแตกละเอียดกลายเป็นผุยผงสีดำ อานุภาพไร้เทียมทาน

โครม ฟุ่บ ฟุ่บ!

เงาหอกแสงเหมันต์สีดำอ่อนกลับมีหลายส่วนทะลวงผ่านและทิ่มแทงเข้าไปในเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่ง

เขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งมีน้ำค้างแข็งสีดำผุดขึ้นชั้นหนึ่ง

ถึงแม้ว่าการโจมตีในระดับนี้ไม่ได้นำการคุกคามอย่างมากมาให้ แต่ไอเย็นเยือกที่เกาะตัวแน่นหนาก็ทำให้ความเร็วของคนทั้งสองลดลงไป

ในเวลาเดียวกัน

พวกเจียงเฉินครึ่งก้าวสู่ราชันทั้งหกคนลงมือในฉับพลัน รวมไปถึงหญิงงามเรือนผมฟ้า ‘เจียงเฟยเสวี่ย’ ผู้นั้นด้วย

กำลังรบของครึ่งก้าวสู่ราชันพวกนี้ใกล้เคียงกับราชัน หรือกระทั่งเทียบเท่าราชันเสียด้วยซ้ำไป

หนานกงเซิ่งถูกบีบบังคับให้โคจรเคล็ดวิชามิติและพลังมหาศาลของราชัน เพื่อดูดซึมหรือย้ายการโจมตีของคนเหล่านี้

เพล้ง! โครม ตูม!

หนานกงเซิ่งและเจียงเฉินปะทะกันตรงๆ กลางอากาศ เขตแดนมิติเองก็ปะทะเข้าหากัน พลังที่กล้าแกร่งกระแทกคนที่อยู่แถวนั้นจนถอยร่นไปไม่น้อย

เปรี้ยง!

เจียงเฉินถูกระลอกลำแสงฝ่ามือสีเงินที่เกี่ยวกระหวัดด้วยแสงชั่วร้ายสีม่วง กระเทือนจนถอยไปหลายสิบจั้ง เลือดลมปั่นป่วนไปหมด

“ถ้าหนานกงเซิ่งไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งจากพลังของ ‘ผลึกปีศาจ’ ผลแพ้ชนะยังอยู่ครึ่งต่อครึ่ง”

จ้าวเฟิงรู้แจ้งชัดในใจ

ผลึกมารชิ้นนั้นได้กลายมาเป็นใจกลางสำคัญในมิติของหนานกงเซิ่ง พลังของมันส่งผลไปจนถึงแหล่งกำเนิดของแก่นผลึก

เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!

แต่ในเวลาเดียวกัน การโจมตีที่หนักหน่วงของยอดฝีมือคนอื่นๆ แห่งตระกูลเจียง ได้จำกัดทางหนีของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง

ต่อให้คนของตระกูลเจียงลงมือขัดขวางเพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ กำลังคนที่ไล่ตามมาในภายหลังก็มาถึงทัน

“เจ้าหัวขโมย! กล้าขโมยสมบัติล้ำค่าของราชวงศ์ข้า ตัวข้าจะเอาศีรษะของพวกเจ้าไปแขวนไว้บนกำแพงเมืองโบราณนี่”

เสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากอีกฝั่งหนึ่งของซากปรักหักพัง

สวบ สวบ สวบ!

เห็นเพียงกำลังคนกลุ่มหนึ่งของราชวงศ์ต้าเฉียนโผทะยานมา

คนที่เป็นผู้นำคือผู้เฒ่าหน้าแห้งเหี่ยวและองค์ชายสิบสาม ผู้ที่ไล่รุดตามมาข้างหน้ายังมีครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่งด้วย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…ผู้เยาว์สองล่วงเกินคนจำนวนมากขนาดนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะหนีไปที่ไหนได้!”

ราชันหลายคนของจวนหยวนกง ตระกูลสือ ตระกูลต่ง รวมไปถึงครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่ง ล้วนพยายามล้อมโจมตีจากทิศต่างๆ

เวลานี้

คนของตระกูลเจียงจะสามารถยื้อจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเป็นเวลาหลายช่วงลมหายใจได้หรือไม่ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ

“จ้าวเฟิง ตอนนี้ควรจะทำอย่างไร?”

คนที่ไล่ตามล่าในตอนนี้ยิ่งมากขึ้นทุกที หนำซ้ำยังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

หนานกงเซิ่งสีหน้าตึงเครียด

ระดับขั้นพลังของเจียงเฉินค่อนข้างใกล้เคียงกับเขา แล้วยังมีการขัดขวางจากกำลังรบที่ใกล้เคียงกับราชันหลายคนด้วย

คนเหล่านี้ไม่ได้หวังเอาชนะหนานกงเซิ่ง หวังเพียงจะยื้อเวลาออกไปหลายช่วงลมหายใจเท่านั้น

“จัดการเขาก่อน!” ดวงตาของจ้าวเฟิงจับจ้องไปที่เจียงเฉินด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว

ในสถานการณ์ปกติทั่วไป หนานกงเซิ่งและเจียงเฉินต่อสู้กันตัวต่อตัว หากจะวัดผลแพ้ชนะอาจต้องใช้สิบยี่สิบสามสิบกระบวนท่า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการขัดขวางต่างๆ จากยอดฝีมือคนอื่นอีก

“ไป!”

หนานกงเซิ่งเข้าใจความหมายที่จ้าวเฟิงต้องการจะสื่อ จึงลากเส้นสีเงินโบยบินไปใกล้ด้านข้างของเจียงเฉิน

“ปีกอัสนีโบยบิน!”

ในเวลาเดียวกัน เด็กหนุ่มผมม่วงที่เบื้องหลังมีแสงปีกวายุอัสนีระลอกน้ำสีฟ้า ก็หอบเอาพลังกายราวกับขุนเขากระทบบนร่างของเจียงเฉิน

แย่แล้ว!

ภายใต้การร่วมมือกดดันระหว่างหนานกงเซิ่งและจ้าวเฟิง ใจของเจียงเฉินพลันหนักอึ้ง

“ทำลาย!”

ทั่วร่างของจ้าวเฟิงเกิดเพลิงเผาผลาญเป็นกลุ่มลูกไฟสีแดงสว่าง โคจรแก่นแท้พลังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่รุนแรง และปะทะกำปั้นลงไปบนร่างของเจียงเฉินเข้าอย่างจัง

ฟุ่บ วูบ!

หนำซ้ำ แสงปีกวายุอัสนีเบื้องหลังจ้าวเฟิงสะบัดโบกอย่างรวดเร็ว กำปั้นดังกล่าวก่อกำเนิดน้ำวนวายุอัสนีธาตุน้ำที่แกร่งกล้า

“รอยแยกเวหามายา!”

ใจกลางฝ่ามือของหนานกงเซิ่งสะบัดคมแสงที่ราวกับรอยแยกสีเงินออกมา ตามด้วยลำแสงโลหิตสีม่วงที่ชั่วร้ายซึ่งตรงเข้าปะทะใกล้ร่างของของเจียงเฉิน

โครม! อั่ก!

เจียงเฉินกระอักเลือดออกมา ทั่วร่างกายปรากฏรอยเลือดที่ลึกจนเห็นกระดูกตั้งแต่ช่วงบ่าลงมาถึงทรวงอก

ทันใดนั้น สีหน้าของเจียงเฉินซีดเผือด ร่วงลงจากกลางอากาศ

ไม่ใช่ว่าพลังของเขาต่างกับคนทั้งสองที่ร่วมมือกันมาก

เพียงแต่ว่าพลังที่เกิดจากความร่วมมือของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบและกล้าแกร่ง

คนทั้งสองล้วนแต่ชำนาญการโบยบิน จึงโจมตีได้รวดเร็ว

เคล็ดวิชามิติของหนานกงเซิ่งไม่อาจป้องกันได้โดยสมบูรณ์ เขตแดนมิติของเขาจะจำกัดพลังและพันธนาการศัตรูและเป้าหมาย

กายสายฟ้าปฐพีทองของจ้าวเฟิงมีแก่นแท้ร่างกายที่แข็งกล้า สามารถกดดันบีบคั้นร่างกายและเลือดลมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ

และสายเลือด ‘เพลิงมารโลหิต’ ที่เปลี่ยนแปลงไป พลังที่ระเบิดออกมาแข็งแกร่งอย่างมาก บวกกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และแสงปีกวายุอัสนี แรงที่ทะลักออกมาในวินาทีดังกล่าวสามารถคุกคามราชันได้อย่างมาก

ยังมีจุดสำคัญอีกอย่างหนึ่ง สำนึกรู้และพลังของจ้าวเฟิงสูงส่ง จึงสามารถกดดันเจียงเฉินและจับช่องโหว่ของเขาได้

ตูม!

ทั่วร่างของจ้าวเฟิงก็ระเบิดเกราะรบเหมันต์วารีออกมา ระลอกอัสนีวารีกระเพื่อมไหว

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปี๊ยะ!

ครึ่งก้าวสู่ราชันแถวนั้นส่วนหนึ่ง รวมไปถึงการตอบโต้กลับจากเจียงเฉินที่กำลังบาดเจ็บหนัก ล้วนแต่ไม่อาจทำอะไรจ้าวเฟิงได้เลยแม้แต่น้อย

จ้าวเฟิงฝึกวายุอัสนีธาตุน้ำอันเป็นธาตุแรกสำเร็จ ทำให้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อหลอมแล้วมีแรงต้านทานที่แข็งแกร่งในการรับมือการโจมตีจากธาตุเหมันต์วารี

“ถอย!”

จ้าวเฟิงเข้าไปภายในเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่ง คนทั้งสองกลายร่างเป็นแสงสีเงินแล้วต้านรับการโจมตีเหล่านี้ เพื่อให้ผ่านด่านของตระกูลเจียงไปให้ได้

“พี่เฉิน!”

‘เจียงเฟยเสวี่ย’ หญิงงามอันดับหนึ่งของตระกูลเจียงรีบร้อนเข้าไปพยุงเจียงเฉินเอาไว้

“สองคนนี้มีพลังไม่ธรรมดาจริงด้วย” เจียงเฉินเกิดความหวาดกลัว “ในเขตแดนมิติของบุรุษหนุ่มชุดดำมีพลังที่ชั่วร้ายน่ากลัวกลุ่มหนึ่ง ส่วนเด็กหนุ่มผมม่วงอีกคน ก็ให้ความรู้สึกราวกับเป็นสำนึกรู้สูงส่งของจักรพรรดิอาวุโสผู้หนึ่ง”

ฟิ้ว!

คนของตระกูลเจียงมองแสงสีเงินนั้นโฉบผ่านศีรษะพวกตนไป

นอกเหนือจากเจียงเฉินผู้อยู่ในขั้นราชันระดับลึกซึ้งแล้ว ครึ่งก้าวสู่ราชันคนอื่นก็ยากที่จะรับมือกับการคุกคามที่คนทั้งสองสร้างขึ้น

สวบ สวบ!

และในเวลานี้เอง จวนหยวนกง ตระกูลเฉา ตระกูลต่ง องค์ชายสิบสาม และคนอื่นๆ มาถึงกันตามลำดับ

คนพวกนี้มาช้าไปเพียงหนึ่งสองช่วงลมหายใจเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะสามารถโอบล้อมจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งได้

“จีหลาน! พวกเราสองคนลงมือขัดขวางในตอนนี้ อาจจะสามารถรั้งเจ้าหัวขโมยสองคนนั้นเอาไว้ได้…”

เฉาอวิ๋นหอบหายใจถี่กระชั้น

การร่วมมือเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งทำร้ายเจียงเฉินจนบาดเจ็บหนัก ทำให้คนทั้งสองตื่นตระหนกอย่างมาก

ดรุณีผมม่วง ‘จีหลาน’ มีสีหน้าลังเล

ในใจนางหวาดกลัวยำเกรงจ้าวเฟิงอย่างยิ่ง

ถึงแม้นางรู้ว่าเวลานี้เป็นโอกาสอันดีในการจะรั้งจ้าวเฟิงและพวกเอาไว้ แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกนางว่าดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มผู้นี้จะต้องเป็นหุบเหวของฝันร้ายอย่างแน่นอน ไม่ควรเลยที่จะมีปัญหากับเขาอย่างง่ายดาย

ตู้ม!

ในตอนนี้ แสงสีเงินชั้นหนึ่งนั้นก็กำลังโบยบินเข้ามาใกล้

ตุบ ตุบ ตุบ!

ใจของเฉาอวิ๋นและจีหลานเต้นเร็วขึ้น

มุมปากของเด็กหนุ่มผมม่วงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย สายตามองมาคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดวงตาซ้ายกลายเป็นโลกมายาสีม่วงที่เต็มไปด้วยหมอกควันเลือนราง

ใจคนทั้งสองสั่นสะท้าน

ในประสาทสัมผัส รอยยิ้มของเด็กหนุ่มผู้นั้นลึกลับเกินจะคาดเดา หุบเหวสีม่วงในครรลองสายตานั้นเป็นดั่งฝันร้าย ที่ขยายออกอย่างไม่มีสิ้นสุด เหมือนว่าจะกลืนกินโลกทั้งใบไป

ฟิ้ว!

จนกระทั่งแสงสีเงินนั้นลอยผ่านไปจากอากาศในบริเวณที่พวกเขาอยู่

พู่ว~

คนทั้งสองถึงคล้ายเพิ่งตื่นจากฝันร้าย หลังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็น ใบหน้ายังตื่นตระหนกไม่หาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version