Skip to content

King of Gods 819

King Of Gods

บทที่ 819 เพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนไป

เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของ ‘องค์ชายเก้า’ คนทั้งหมดล้วนแต่ประหลาดหลาดใจ ถึงขั้นเกิดความรู้สึกลนลาน

พวกเขาไล่ตาม ‘มารคู่ผมม่วง’ อย่างยากลำบาก แต่องค์ชายเก้ากลับ ‘บังเอิญเจอ’ และยังเกิดเหตุการณ์เหล่านี้กับ ราชามังกรฟ้าวารีเว่ยจิ้ง

“องค์ชายเก้าและมารคู่ผมม่วงเคยพูดคุยกันมาก่อน รู้จักชื่อของสองคนนั้นหรือไม่?” จ้าวหยูเฟยเอ่ยถามปนยิ้ม

“ชื่อ?” องค์ชายเก้าย้อนคิดเล็กน้อย “อ้อ คิดออกแล้ว คนทั้งสองฝ่ายหนึ่งเรียกตนเองว่าหนานกงเซิ่ง ส่วนอีกคนชื่อจ้าวเฟิง เด็กหนุ่มที่มีนามว่าจ้าวเฟิงลึกลับอย่างยิ่ง”

“หนานกงเซิ่ง จ้าวเฟิง นี่คือชื่อที่แท้จริงของ ‘มารคู่ผมม่วง’ งั้นหรือ?”

อัจฉริยะยอดฝีมือในเหตุการณ์ล้วนแต่ตั้งใจจดจำ

แต่ทว่ามีคนจำนวนไม่มากนักที่จะเห็นว่า เมื่อจ้าวหยูเฟยได้ยินทั้งสองชื่อนี้แล้ว กายแบบบางสั่นสะท้าน ปรากฏน้ำคลอในนัยน์ตา

“พี่เฟิง เป็นท่านดังคาด! เพราะอะไร…ท่านจึงไม่ทักทายข้า?”

วงหน้านวลของจ้าวหยูเฟยทั้งปลื้มปีติและยังเศร้าโศกเสียใจด้วย

แต่ในเวลาดังกล่าว จุดสนใจหลักของผู้นำบรรดาอัจฉริยะจากต้าเฉียนไม่ใช่มารคู่ผมม่วง อีกต่อไป แต่เป็นคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล

สองวันต่อมา

ใต้เงื้อมเขา ข้างลำธารที่ไหลระเรื่อย

ชายหนุ่มผมม่วงสองคนนั่งขัดสมาธิ แบ่งเป็นบุรุษหนุ่มชุดดำและเด็กหนุ่มใบหน้าหล่อเหลา

“ยังเหลืออีกสามลูกสุดท้ายแล้ว…”

จ้าวเฟิงกัดผลไม้จิตวิญญาณที่สาดซัดกลิ่นอายโบราณอย่างแรง แล้วกลืนลงไปในท้อง

ผลไม้จิตวิญญาณที่อยู่บนหอคอยพฤกษาโบราณภายในห้วงฝันบรรพกาล ตั้งแต่ช่วงชีวิตก่อนมาจนถึงช่วงชีวิตนี้ ก็ยังย่อยสลายจนหมดอย่างรวดเร็ว

ผลไม้จิตวิญญาณจำนวนมากในนั้นถูกใช้ไปตั้งแต่ช่วงชีวิตก่อน

จ้าวเฟิง เจ้าแมวขโมยตัวน้อย เด็กน้อยครึ่งเซียน ล้วนแต่เคยกินผลไม้จิตวิญญาณทั้งนั้น

ในตอนนั้นจ้าวเฟิงกินไปเพียงลูกเดียว ดังนั้นแล้วบนหอคอยพฤกษาโบราณ ณ ห้วงฝันบรรพกาลจึงยังเหลืออีกสองลูก

ผลไม้จิตวิญญาณสามารถเพิ่มความบริสุทธิ์ของสายเลือดและปราณที่แท้จริง เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย แล้วยังมีผลลัพธ์ที่ไม่เลวในการย้อนคืนสายเลือดด้วย

“แต่จะใช้เพียงผลไม้จิตวิญญาณสองสามลูกทะลวงผ่าน ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ขั้นที่ห้า สุดท้ายยังขาดแคลนความชำนาญและส่วนประกอบเล็กน้อย”

จ้าวเฟิงอดจะครุ่นคิดอย่างหนักไม่ได้

มีเพียง ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ ทะลวงผ่านไปถึงขั้นที่ห้า จ้าวเฟิงถึงจะมีความสามารถในการต่อสู้กับอัจฉริยะระดับสุดยอดพวกนั้นภายในมิติเทพลวงตา

แต่ไม่ใช่ตอนนี้ กำลังหลักของกลุ่มคนสองคนยังคงเป็นหนานกงเซิ่ง ส่วนจ้าวเฟิงให้ความช่วยเหลือเป็นหลัก

แน่นอนว่าผลลัพธ์ของผลไม้จิตวิญญาณห้วงฝันค่อนข้างจะครบถ้วน มันส่งผลต่อความแข็งแกร่งและเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับปราณที่แท้จริง สายเลือด แก่นแท้ร่างกาย จนถึงขั้นดวงวิญาณ

เพียงเพราะว่าขอบเขตขวางกั้นของขั้นที่ห้าสูงส่งอย่างยิ่ง รายละเอียดพลังของจ้าวเฟิงไม่มากพอ ไม่เหมือนกับเด็กน้อยครึ่งเซียนที่ชุบชีวิตด้วยเลือด จึงได้รับสายเลือดและคุณสมบัติกายของครึ่งเซียนมาด้วย

หลังจากที่ ‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ไปแตะขั้นที่สี่ระดับสุดยอดแล้ว ความเร็วในการย่อยสลายผลไม้จิตวิญญาณของจ้าวเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงเอาผลลัพธ์ที่ได้จากผลไม้จิตวิญญาณส่วนหนึ่งหลอมรวมเข้าไปกับสายเลือดวิถีราชาที่แปลกประหลาดภายในร่างกายนี้ด้วย

เขาพบว่า สายเลือดวิถีราชาประเภทนี้แข็งแกร่งดุดัน แรงระเบิดน่าสะพรึงขวัญ อีกทั้งยังแฝงไปด้วยคุณลักษณะเผาผลาญและกัดกร่อนที่รุนแรง

สายเลือดวิถีราชานี้บวกกับแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง ย่อมเหมือนกับเสือติดปีก

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง จ้าวเฟิงค้นพบว่าการเติบโตของสายเลือดประเภทนี้ เมื่อไปแตะที่ขีดจำกัดแล้วถึงจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

พู่ว! แซ่ด~ ทั่วร่างของจ้าวเฟิงปรากฏควันเพลิงสีแดงวาววับ แผ่เพลิงควันร้อนแรงหมุนวนทั่วร่างของจ้าวเฟิง ต่อจากนั้น พลังสายเลือดสีแดงแวววาวเริ่มย่อยสลายส่วนสำคัญในพลังของผลไม้จิตวิญญาณ

เมื่อกระตุ้นสายเลือดเผาผลาญ ความเร็วในการย่อยสลายผลไม้จิตวิญญาณห้วงฝันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

พู่ว~

จ้าวเฟิงอยู่ในควันเพลิงสีแดงหมุนวน อาบไฟถือกำเนิดใหม่ ทั่วร่างอาบโลหิตสีแดงวาววับ เป็นดุจมารในเพลิงโลหิตอย่างนั้น

ในวินาทีนั้นเอง

สายเลือดเพลิงมารโลหิตภายในร่างของจ้าวเฟิงก็ปั่นป่วนขึ้นราวกับน้ำที่เดือดปุดๆ

ฟู่~

ทั่วร่างของจ้าวเฟิงโอบล้อมด้วยเพลิงที่สว่างราวกับอาทิตย์สีแดง ดูๆ ไปแล้วสีสันสดแสบตา กลิ่นอายสายเลือดนั้นรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นอายสายเลือดที่ไร้รูปร่าง ทำให้สัตว์อสูรโบราณจำนวนมากในรัศมีหลายร้อยลี้กระวนกระวายอย่างหวาดกลัว

“หรือว่าสายเลือดของจ้าวเฟิงตื่นขึ้นและย้อนกลับคืนมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว?”

สีหน้าของหนานกงเซิ่งฉายแววประหลาด

ในช่วงนี้ ระดับการหลอมรวมของผลึกปีศาจและเขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีกขั้น

ขณะที่ประมือกับเว่ยจิ้ง เขตแดนมิติของหนานกงเซิ่งต้องเผชิญกับการกัดกร่อนที่หนักหน่วง

แต่ในวันนี้ ด้วยผลึกปีศาจที่ได้รับการโอบอุ้มจากผลึกเซียนระดับล่าง ได้มอบพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพื่อซ่อมแซมเขตแดนมิติของเขา

มิติปราณที่แท้จริงของหนานกงเซิ่งสาดซัดกลิ่นอายมหาศาลกลุ่มหนึ่งออกมา

เปรียบกับในยามที่เพิ่งจะเข้ามาภายในมิติเทพลวงตา พลังของหนานกงเซิ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าครึ่ง! แต่ทว่าในขณะนั้น การทะลวงเข้าไปอีกขั้นของกลิ่นอายสายเลือดของจ้าวเฟิง ก็นำพาความกระวนกระวายใจมาสู่หนานกงเซิ่งที่อยู่ข้างกายด้วย

ถ้าหากคนทั้งสองไม่ใช่พันธมิตร เกรงว่าหนานกงเซิ่งคงจะรักษาระยะห่างกับคนผู้นี้ไปนานแล้ว

พรึ่บ! ทันใดนั้นเอง เบื้องหลังของจ้าวเฟิงที่อาบลูกเพลิงสีแดงสด ปรากฏเงาของแสงอาทิตย์แดงฉานออกมารางๆ ภายในเหมือนมีคลื่นหมุนวนบิดเบี้ยว

พริบตาเดียว

หนานกงเซิ่งรวมไปถึงสิ่งมีชีวิตโบราณรอบบริเวณล้วนแต่สัมผัสได้ถึงการปั่นป่วนและการเผาผลาญในสายเลือด เกิดอาการสั่นกลัวและหวาดหวั่นที่แปลกประหลาด

“สำเร็จแล้ว! เพลิงมารโลหิตที่แปลกประหลาดนี้เปลี่ยนแปลงและย้อนคืนอีกแล้ว” จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

พู่ว~ เขาถอนหายใจยาว ทำให้กลิ่นอายสายเลือดของเพลิงมารโลหิตค่อยๆ หดเก็บงำเข้าไปในร่างกาย

“จ้าวเฟิง ยินดีด้วย! พลังของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากที่สายเลือดของเจ้าเพิ่มขึ้นแล้วจะมีพลังอย่างไร?”

หนานกงเซิ่งเอ่ยอย่างสนใจใคร่รู้เล็กน้อย

เขาย่อมสนใจในพลังสายเลือดและความสามารถของพันธมิตรผู้นี้

คนทั้งสองย่อมไม่สามารถประลองฝีมือกันได้ในสถานการณ์ที่สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้

“ไปหาสัตว์อสูรส่วนหนึ่งมาทำการทดลองพลัง”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งหายไปกับแสงสีม่วงเงิน

หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง

พวกของจ้าวเฟิงก็ปรากฏกายขึ้นด้านหน้าป่าไม้

แซ่ด!

หนอนยักษ์ตัวอ้วนบริเวณหลังงอกสี่ปีกออกมา มีขนาดประมาณห้องหนึ่ง ขนทั่วร่างทั้งดกหนา

“นี่เหมือนเป็นหนอนปีศาจบรรพกาลที่กลายพันธุ์ตัวหนึ่ง”

หนานกงเซิ่งเอ่ยเตือน

กลิ่นอายที่หนอนยักษ์บินได้ตัวนั้นสาดซัดออกมาเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน ทั้งยังสามารถขับผงพิษที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

แต่ทว่า เครื่องประดับจมูกของหนานกงเซิ่งสามารถคัดกรองผงพิษประเภทนี้ ส่วนกายสายฟ้าปฐพีทองของจ้าวเฟิง สกัดกั้นพิษ!

“โครม!”

เพื่อทดสอบพลังสายเลือด จ้าวเฟิงผลักหมัดออกไป ‘เบาเบา’ หากเขาตบฝ่ามือลงหนักเกินไปแล้วละก็ ใช้เพียงแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถทำให้หนอนบินยักษ์พวกนั้นกลายเป็นซากเนื้อบดแล้ว

พรึ่บ!

ในหมัดนี้ของจ้าวเฟิงผุดไอเพลิงสว่างราวกับตะวันชั้นหนึ่งขึ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่เผาไหม้ร้อนแรง

ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่า

ความกังวลใจของจ้าวเฟิงเป็นเพียงเรื่องที่เกินความจำเป็น หนอนยักษ์ตัวอ้วนร่างกายแข็งแกร่ง ขนหนาทั่วร่าง จึงช่วยผ่อนแรงปะทะอย่างมาก

ดังนั้นพลังกายเนื้อของจ้าวเฟิง จึงไม่ได้สร้างอาการบาดเจ็บถึงแก่ชีวิตต่อหนอนยักษ์ตัวอ้วนนั้นแต่อย่างใด พลังส่วนมากล้วนแต่ถูกคลี่คลายแรงปะทะลงไป

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นทำให้หนานกงเซิ่งอ้าปากค้าง

วูบ! ฟู่~

หนอนยักษ์ตัวอ้วนกรีดร้องโหยหวน ทั่วร่างของมันถูกเผาด้วยเพลิงวาววับ จนสลายกลายเป็นผุยผงในทันทีด้วยพลังของสายเลือดที่รุนแรง

“แข็งแกร่งเหลือเกิน!” หนานกงเซิ่งพูดไม่ออก

หมัดเมื่อครู่นี้ แก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงยังสำแดงออกมาเพียงสามสี่ส่วนเท่านั้น สำหรับหนอนยักษ์บินได้ที่มีก้อนเนื้อลดทอนแรงปะทะ จึงไม่สามารถสร้างอันตรายถึงแก่ชีวิตของมันได้

แต่ทว่าพลังสายเลือดอีกสามสี่ส่วนที่เหลือกลับสำแดงพลังที่น่ากลัวออกมา

“สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่กลายพันธุ์นี้ แรงระเบิดเพิ่มขึ้นอย่างมาก เหมือนว่ามีผล ‘จุดไฟเผาไหม้’ อย่างหนึ่งด้วย”

จ้าวเฟิงเอ่ยพึมพำ

“จุดไฟเผา?”

หนานกงเซิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่อง ‘เผาไหม้’ อดจะสูดหายใจผวาไม่ได้

ในวินาทีเมื่อครู่ การโจมตีทางสายเลือดของจ้าวเฟิงทำให้ทั่วร่างของหนอนยักษ์บิน ‘ลุกไหม้’ ขึ้นในชั่วพริบตา ผลในการ ‘เผาไหม้’ เช่นนี้บวกกับแรงระเบิดและความรุนแรงของร่างกายสายเลือด เรียกได้ว่าเป็นเรื่องบ้าชัดๆ

เกรงว่าเป้าหมายที่อยู่ภายใต้ขั้นราชันลงไป เมื่อโดนพลังสายเลือดของจ้าวเฟิงเพียงเล็กน้อยก็จะลุกไหม้ทันทีจนกลายเป็นฝุ่นธุลี

“เหมือนว่ายังไม่ได้มีเพียงเท่านี้…”

จ้าวเฟิงอดจะครุ่นคิดไม่ได้ ตอนที่เผาหนอนยักษ์บินได้เมื่อครู่ เขาสัมผัสได้ถึงกระแสอุ่นแปลกประหลาดชุ่มฉ่ำบนร่างกาย

แต่ด้วยเพราะหนอนอ้วนตัวนั้นสูญสลายไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกที่เกิดขึ้นจึงตัดขาดลงไป

ทว่าภายในอาณาเขตพื้นที่ ยังหาเป้าหมายทดสอบที่เหมาะสมกว่านี้ไม่ได้

“สายเลือด ‘เพลิงมารโลหิต’ ดั้งเดิมจัดอยู่ลำดับที่แปดสิบเอ็ดภายในสายเลือดวิถีราชา อันดับอยู่ต้นๆ ในวันนี้บนร่างของข้าเหมือนผ่านการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มความแข็งแกร่งหลายครั้ง ไม่รู้ว่าลำดับของมันจะเพิ่มไปอยู่ที่ลำดับที่เท่าไหร่”

จ้าวเฟิงลองสัมผัสในขั้นต้นแล้วพึงพอใจอย่างมาก

ในเวลานี้เอง ภายในสายน้ำที่ไหลทะลักเบื้องหน้า มีการต่อสู้ของไอสวรรค์มากับระลอกแสงสว่าง

“ทุกคนรีบหลบเร็ว ‘มัจฉากลืนธาร’ นี่เป็นสัตว์หายากแขนงวารีของสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ไม่อาจต่อกรซึ่งๆ หน้าได้”

ชายวัยกลางคนขั้นราชันระดับลึกซึ้งในชุดนักรบสีเหลืองร้องตกใจ

ตู้ม!

ในขณะที่แม่น้ำไหลทะยานมา คลื่นถาโถมสูงเสียดฟ้า ปรากฏอสูรยักษ์ขนาดมโหฬารตัวหนึ่งขึ้นรางๆ จระเข้ก็ไม่ใช่ปลาก็ไม่เชิง

สัตว์อสูรยักษ์ตัวนั้นลำตัวใหญ่โตราวขุนเขา ยามมันกลืนกินเหมือนแม่น้ำหลั่งไหลอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงดังกึกก้อง

“หืม?”

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งมองสบตากันปราดหนึ่ง โบยบินไปอย่างรวดเร็วภายใต้แสงสีม่วงเงิน

ขนาดระยะทางห่างไกลอย่างยิ่ง ขนาดร่างกายและท่าทางของปลายักษ์ตัวนั้นก็ยังทำให้คนทั้งสองตัวสั่นอย่างหวาดกลัว

แต่ในเวลานี้เอง

ราชันปราณเทวะสามคนนำครึ่งก้าวสู่ราชันสิบกว่าคนร่วมกันรับมือกับ ‘มัจฉากลืนธาร’ และโดยรอบยังมีอัจฉริะยอดฝีมืออีกหลายคน

โครม!

ปลายักษ์ตัวนั้นอ้าปากออก ก็ปรากฏสายน้ำยาวที่เต็มไปด้วยเสียงดังโครมครามราวเสียงอัสนี

“อ๊าก อ๊าก…”

เสียงกรีดร้องโหยหวนหลายเสียงดังขึ้นติดต่อกัน อัจฉริยะยอดฝีมือหลายคนถูกคลื่นยักษ์พัดพาไป ไม่เห็นแม้แต่เงาในพริบตาเดียว

พู่ว!

ปลายักษ์สูดลมหายใจอีกครั้ง อากาศและสายน้ำในพื้นที่ดังกล่าวก็ถูกดูดเข้าไป

“อ๊าก อ๊าก…”

ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นต่ำกว่าราชันปลิวว่อนราวกับกระดาษ ถูกกลืนกินเข้าไปภายในร่างกายปลายักษ์พร้อมๆ กับสายน้ำ

ความสามารถและพรสวรรค์ที่เขย่าขวัญระดับนี้ ทำให้จ้าวเฟิงและพวกอึ้งตะลึง

พลังฝึกตนของปลายักษ์ตัวนั้นแค่ขอบเขตปราณเทวะช่วงปลาย แต่พลังกลับสามารถกดข่มคนขั้นราชันได้ถึงสามคน

นี่น่าจะเป็นเพราะขนาดร่างกายที่ใหญ่โต รวมไปถึงพลังสายเลือดของรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ

“หากรู้แบบนี้แต่แรก พวกเราจะไม่ผิดใจกับซินอู๋เหินนั่น คงยังพอมีความหวังในการจัดการปลายักษ์ และเอาทรัพย์สมบัติใต้ทะเลสาบมาได้”

บุรุษหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งยิ้มขมขื่น

เด็กหนุ่มชุดแดงอีกผู้หนึ่งสีหน้าดำคล้ำลง รักษาความสงบนิ่งเอาไว้

สวบ พรึ่บ!

ในขณะที่ราชันทั้งสามกำลังแบกรับการโจมตีอย่างยากเย็น แสงสีเงินม่วงก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“จ้าวเฟิง ‘มัจฉากลืนธาร’ นี่มีพรสวรรค์มิติเช่นกัน พละกำลังแผ่ไพศาล เจ้าแน่ใจนะว่าจะลงมือทำร้ายมัน?”

หนานกงเซิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อขยับเข้าไปใกล้

ทุกครั้งที่ปลายักษ์ตัวนั้นหายใจ จะกลืนกินและปลดปล่อยสายน้ำออกมา ภายในร่างของมันมีมิติแปลกประหลาดและพื้นที่ของตัวเอง

“ใครบอกว่าพวกเราจะลงมือทำร้ายมัน?”

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงกลับเจอว่าในส่วนลึกของทะเลสาบ มีถ้ำที่แสงสว่างเล็ดลอดออกมา

โครม!

แสงสีเงินม่วงที่ปกคลุมคนทั้งสอง ดึงดันพุ่งทะลุเข้าไปในคลื่นน้ำที่มันปลดปล่อยออกมา โดยใช้พลังแก่นแท้ร่างกายที่กล้าแกร่งเข้าช่วย

“อย่าหวัง!”

“มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!”

ราชันวัยกลางคนทั้งสามคนในชุดนักรบสีเหลืองเกือบจะกระอักเลือดออกมา

เขารับมือกับการโดนดูดกลืนจากเจ้าปลายักษ์อย่างยากลำบาก แต่กลับปล่อยให้เจ้าเด็กสองคนนั้นแย่งชิงเอาทรัพย์สมบัติใต้น้ำไป จะมีเรื่องง่ายดายเช่นนี้เสียที่ไหน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version