บทที่ 820 บัวแก้วเวหา
ในคลื่นยักษ์
ขณะที่ ‘มัจฉากลืนธาร’ กลืนกิน มันดูดกลืนและปล่อยคลื่นน้ำขนาดยักษ์ ไอปกคลุมทั่วหุบเขาลำธาร พลังแผ่กระจายกว้างไกล
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลือง เด็กหนุ่มชุดแดง คนหนุ่มชุดขาว ทั้งสามคนในขอบเขตปราณเทวะร่วมมือกันต้านทาน และบวกกับความช่วยเหลือจากกลุ่มยอดฝีมือเบื้องหลังที่ตั้งเป็นกระบวนทัพ
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ทางฟากของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย
ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ แสงสีเงินม่วงปกคลุมเงาของคนทั้งสอง มุดเข้าไปในส่วนลึกของสายน้ำที่ไหลหลากรุนแรง
“ทรัพย์สมบัติใต้น้ำพวกนั้น จะให้คนนอกมาฉวยโอกาสไปได้อย่างไร?” เด็กหนุ่มชุดแดงโกรธเกรี้ยว
ก่อนนี้ ในขณะช่วงชิง ‘น้ำตาผลึกคราม’ พวกเขาแพ้ให้กับซินอู๋เหิน เกิดความเสียหายอย่างยิ่ง
และในตอนนี้ เด็กหนุ่มที่ดูไม่ปกติสองคนก็คิดแย่งชิงผลประโยชน์ของพวกเขาเช่นกัน
“อย่าเพิ่งรีบร้อน” ในดวงตาของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองฉายแววเจ้าเล่ห์พาดผ่าน “เข้าไปภายในคลื่นน้ำเหล่านั้น จะต้องแบกรับแรงดูดกลืนสายน้ำของ ‘มัจฉากลืนธาร’ พวกเรากังวลอยู่ว่าจะไม่มีใครเข้าไปเอาสมบัติภายในนั้นได้พอดี”
เอ๊ะ!
เมื่อเอ่ยออกมาแล้ว เด็กหนุ่มชุดขาวและบุรุษหนุ่มชุดแดง ดวงตาล้วนแต่สว่างวาบ
“ต่อให้สองคนนั้นดันทุรังเอาสมบัติในน้ำขึ้นมา ไอสวรรค์ก็จะสูญสลายไปเป็นจำนวนมาก แต่เบื้องหลังของพวกเรายังมีกลุ่มยอดฝีมือของทั้งสามสำนักอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นก็รุมสังหารสองคนนี้ได้” บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองมีสีหน้าลำพองใจ
“ถูกต้อง ขโมยทั้งสองคนมีเพียงราชันแค่คนเดียวเท่านั้น รอหลังจากเก็บเกี่ยวเอาสมบัติไป เราก็ไม่ได้เสียเปรียบสักหน่อย”
เด็กหนุ่มชุดแดงและคนหนุ่มชุดขาวผงกศีรษะติดกัน
เหตุการณ์ในขณะนั้น
ราชันทั้งสามและพวกของจ้าวเฟิงแค่หลอกใช้กันและกันเท่านั้น
ฝ่ายแรกติดอยู่กับการต้านทาน ‘มัจฉากลืนธาร’ ชั่วคราว ส่วนฝ่ายหลังต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดไปเอาทรัพย์สมบัติในส่วนลึกของทะเลสาบ
โครม! ตุบ ตุบ!
ในส่วนลึกของทะเลสาบ จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ภายในแสงสีเงินม่วง
โครม! พู่ว——
ในขณะที่คนทั้งสองกำลังรุกคืบเข้าไปเรื่อยๆ ก็ต้องแบกรับพลังมหาศาลจากการดูดกลืนของมัจฉากลืนธาร ทุกการสูบกลืนของมัจฉากลืนธาร ล้วนแต่แฝงไปด้วยพลังมหาศาลที่กระเทือน ‘สายน้ำ’
“พลังของมัจฉากลืนธารอยู่ในแขนงวารีและแขนงมิติเป็นหลัก”
จ้าวเฟิงเอ่ยแจกแจง
คุณลักษณะทั้งสองประเภทนี้บังเอิญเป็นสิ่งที่เขาและหนานกงเซิ่งเชี่ยวชาญพอดี
และด้วยเหตุนี้ คนทั้งสองจึงกล้า ‘แย่งเนื้อจากปากเสือ’ อย่างผ่าเผยไม่สนใจใคร
แต่ทว่า เมื่อถูกสอดส่องจากราชันทั้งสาม จ้าวเฟิงจึงโคจรเพียงแต่พลังกายส่วนหนึ่งเท่านั้นเป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยผลักดันให้เคลื่อนไปข้างหน้า
พลังของหนานกงเซิ่งเพิ่มขึ้นจากหลายวันที่ผ่านมาอีกครั้ง
ในระยะเวลาสั้นๆ หนานกงเซิ่งใช้แรงของตนเพียงคนเดียวต้านทานพลังส่วนมากได้
“ระดับการผสานรวมของผลึกปีศาจและหนานกงเซิ่งยิ่งสูงส่งมากขึ้น ไม่ช้าก็เร็วพลังของทั้งสองคงจะไม่แยกออกจากกัน ถึงตอนนั้น…”
ในใจของจ้าวเฟิงมีสรุป
สายน้ำเส้นนี้เบื้องหน้ากว้างขวางลึกล้ำอย่างยิ่ง
หลังจากที่ไปถึงระดับที่ลึกได้ที่แล้ว ความสามารถในการสอดส่องของราชันทั้งสามลดลงไปมาก
ในเวลานี้
จ้าวเฟิงโคจรหอกจักรพรรดิเหมันต์ กลายเป็นชั้นแสงเหมันต์ที่ปกคลุมเพื่อปกป้องคนทั้งสอง พลังสายเลือดแขนงวารีและแขนงมิติของทั้งคู่รวมกันเป็นหนึ่ง สิ้นเปลืองพลังไปจำนวนมาก ความเร็วในการมุ่งเข้าไปก็เพิ่มขึ้นสูง
“กลิ่นอายของสมบัติที่รุนแรงเหลือเกิน!”
ในขณะที่เข้ามาใกล้ คนทั้งสองก็สัมผัสถึงไอสมบัติมหาศาล
ไม่นานนัก
ปากถ้ำใต้น้ำแห่งหนึ่ง ส่องแสงสว่างเรืองรอง ไอสวรรค์ในน้ำสั่นกระเพื่อม ลอดเข้ามาในครรลองสายตาของทั้งสอง
“เป็นสมบัติล้ำค่าอะไรกันแน่?”
หนานกงเซิ่งสบตากับจ้าวเฟิง ฝ่ายหลังจึงใช้ดวงตาซ้ายทุ่มเทกำลังสำรวจ
จากการตรวจตราของจ้าวเฟิง เหตุการณ์ภายในถ้ำสงบราบเรียบ
ทั้งถ้ำเป็นหินผาเป็นประกายสีขาวปลอด เพียงแค่วัสดุของหิน มูลค่าก็เทียบเท่าได้กับทรัพยากรอาวุธชั้นพิภพทั่วไป
ในส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำมีดอกบัวสีขาวเรืองรองราวผลึกโปร่งแสงพร้อมกับระลอกน้ำ
ไอสวรรค์ปั่นป่วนในน้ำมาจาก ‘บัวเปล่งแสงสีขาว’ ต้นนั้น
“ทรัพยากรแขนงวารี บัวแก้วเวหา”
จ้าวเฟิงจิตใจสั่นไหว ในแววตาฉายแววประหลาดใจ
บัวแก้วเวหาชื่อนี้ ถึงแม้ว่าจะฟังดูแล้วเหมือนเป็นพืช แต่ในความเป็นจริงแล้วมันอยู่ควบระหว่างแขนงพฤกษาและแขนงหินแร่
พูดง่ายๆ ว่ามันคือสมบัติแขนงวารีสองขอบเขต!
ในฐานะที่เป็นสมบัติล้ำค่าแขนงวารี บัวแก้วเวหาเป็นทรัพยากรชั้นเยี่ยมที่ใช้หลอมอาวุธวิเศษแขนงวารี
ถึงขั้นที่ว่ามันสามารถเป็นทรัพยากรหลักในการสร้างมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรืออาวุธชั้นนภาได้เลยทีเดียว!
เมื่อเป็นทรัพยากรที่ควบทั้งสองแขนงเช่นนี้ บัวแก้วเวหายังสามารถใช้เพื่อดูดซึมและฝึกฝน อีกทั้งมูลค่ายังอยู่เหนือ ‘จิตนทีเทพ’ ที่จ้าวเฟิงช่วงชิงมา
“บัวแก้วเวหานี้ ไม่ว่าจะหลอมรวมไปในหอกจักรพรรดิเหมันต์ หรือว่าตนเองจะดูดซึมเอาไว้ใช้ฝึกตน ผลลัพธ์ก็ล้วนแต่สูงค่าอย่างยิ่ง”
จ้าวเฟิงใจเต้นระรัว
แน่นอนว่าในส่วนลึกของถ้ำดังกล่าว นอกเหนือจากบัวแก้วเวหา ยังมีไข่มุกวารีลึกลับกึ่งโปร่งแสงอีกสิบกว่าเม็ด
“มุกวิญญาณวารี!” ดวงตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายเล็กน้อย ถอนหายใจพลางเอ่ย “เพียงแต่เสียดาย ด้วยระดับขั้นวิญญาณของข้าในตอนนี้ หากใช้มุกวิญญาณวารี ผลลลัพธ์ก็คงจะไม่ดีนัก”
มุกวิญญาณวารีส่งผลให้ดวงวิญญาณชุ่มฉ่ำ ชะล้าง และเสริมให้แข็งแกร่ง ทำใหความคิดจิตใจกระจ่างแจ้ง แต่ทว่าจ้าวเฟิงอยากจะฟื้นฟูระดับขั้นดวงวิญญาณจำนวนมาก โดยปกติทรัพย์สมบัติในศาสตร์วิญญาณขั้นสูงส่ง ล้วนแต่ไม่พอใช้
เพราะว่าระดับความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณเขาไม่ธรรมดา
สวบ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งโยบินเข้าไปภายในปากถ้ำดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
ผลัวะ~ เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้ว คนทั้งสองก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีและขัดขวางจากระลอกน้ำ กระทั่งพลังอันเกิดจากสมบัติแขนงวิญญาณอย่าง ‘บัวแก้วเวหา’ แต่ว่าคนทั้งสองไม่ได้เป็นคนทั่วไป ร่วมมือกันรับมือกับแรงกดดันดังกล่าวเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำขึ้นเรื่อยๆ
“หนานกงเซิ่ง มุกวิญญาณวารีพวกนี้มีส่วนช่วยให้เจ้าเพิ่มความมั่นคงและหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณ ทั้งยังชะล้างจิตใจด้วย” จ้าวเฟิงเอ่ยแนะ
มุกวิญญาณวารี รวมไปถึงผลึกในแขนงวารีที่อยู่ภายในถ้ำ จ้าวเฟิงยกให้หนานกงเซิ่งไปเป็นส่วนมาก
‘บัวแก้วเวหา’ ที่เป็นสมบัติล้ำค่าในแขนงวารีมีประโยชน์ต่อจ้าวเฟิงมากนัก เขาจึงเก็บเอาไว้
หนานกงเซิ่งไม่ได้คัดค้าน จัดแจงแบ่งสิ่งของที่ได้มาอย่างรวดเร็ว
จ้าวเฟิงสมปรารถนา เมื่อได้มาแล้วก็กระตือรือร้นใช้ ‘บัวแก้วเวหา’ ในทันที
‘บัวแก้วเวหา’ ต้นนี้ ส่งผลช่วยในการพัฒนาพลังฝึกตนของเขาอย่างยิ่ง
“ถอย” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งถอยออกจากถ้ำโดยเร็ว
ภายในสายน้ำหลากเป็นกระแสคลื่นปั่นป่วน คนทั้งสองยังต้องแบกรับพลัง ‘กลืนธาร’ สูญเสียกำลังไปมากนัก
โครม——
ระหว่างที่ถอยกลับไปบนผิวน้ำ ทั้งสองจำต้องแบกรับแรงกลืนกินสายน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
แรงกลืนสายน้ำดังกล่าวส่งผลอย่างรุนแรง จึงทำให้ต้องกระตือรือร้นเตรียมรับมืออย่างมาก
นี่ก็คือจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งที่มีความสามารถสอดคล้องกับแขนงวารีกับแขนงมิติพอดี ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นราชันทั่วไป เกรงว่าจะเหนื่อยอ่อนไปแล้ว
“หัวขโมย จะหนีไปไหน——”
ในเวลานี้เอง แถวๆ ริมน้ำมีเสียงร้องตะโกนเย็นชา
โครม!
ในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายมหาศาลที่มาจากมัจฉากลืนธารค่อยๆ เข้ามาใกล้ทีละก้าว
“แย่ละ! มัจฉากลืนธารและราชันทั้งสามกำลังไล่เข้ามาทุกที…”
สีหน้าของหนานกงเซิ่งเปลี่ยนไป แรงกดดันเพิ่มขึ้นสูง
ก่อนหน้าที่เขาเคยพิจารณามาก่อน หลังจากที่ขึ้นฝั่งแล้วจะเผชิญหน้ากับการโจมตีจากบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและราชันรวมสามคน
แต่หนานกงเซิ่งคาดคิดไม่ถึงเลยว่า แม้กระทั่งมัจฉากลืนธารเองก็จะลงมือด้วยเช่นกัน
กำลังรบของมัจฉากลืนธาร คนในขั้นจักรพรรดิลงไปแทบต่อกรไม่ได้อยู่แล้ว ในฟากของริมสายน้ำ ต่อให้เป็นราชันเจ็ดแปดคนก็ทำอะไรเขาไม่ได้
“สถานการณ์ประเภทนี้อยู่ในการคาดเดาของข้า…” จ้าวเฟิงมีสีหน้าสงบนิ่ง
บัวแก้วเวหาเป็นถึงสมบัติในแขนงวารี กลิ่นอายของลำแสงแขนงวารีของมันดึงดูดราชันทั้งสามคนจากภายนอก
แต่ทว่าในบริเวณนี้ยังมีมัจฉากลืนธารที่คอยรับผิดชอบป้องกันอยู่
มัจฉากลืนธารรอคอยมาเป็นระยะเวลายาวนาน รอเพียง ‘บัวแก้วเวหา’ ให้สุกงอมจริงๆ ค่อยลงมือเด็ดมัน
จ้าวเฟิงและพวกได้เด็ดบัวแก้วเวหาไป ย่อมทำให้เกิดการไล่ล่าของมัจฉากลืนธาร
“ฮ่า ฮ่า…เจ้าหัวขโมยสองคน! นี่ก็คือผลร้ายที่เกิดจากความละโมบ” บุรุษวัยกลางคนชุดเหลือง และพวกราชันของเขาถอนหายใจยาว
สถานการณ์ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปอย่างยิ่ง ราชันทั้งสามและมัจฉากลืนธารที่เดิมลงมือต่อสู้กันและกัน ทันใดนั้นก็กลายเป็นพวกพันธมิตรกันในทันใด
“จ้าวเฟิง ตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี?”
พื้นที่มิติของหนานกงเซิ่งกลายเป็นแรงกดดันมหาศาล ใบหน้าหล่อเหลาแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย
ในเวลานี้ จ้าวเฟิงก็ลงมือ
ระลอกสายน้ำและแก่นแท้พลังที่ไร้รูปร่างชั้นหนึ่ง สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงก็เปิดออกในทันใด ปรากฏโลกมายาสีม่วงที่เลือนรางราวภาพฝันลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง
“สายเลือดดวงตาซ้าย!” หนานกงเซิ่งยินดีอย่างยิ่ง เมื่อรู้ว่านี่คืออาวุธสังหารของจ้าวเฟิง
วินาทีต่อไป
ในคลื่นยักษ์ที่ปั่นป่วน เสียงอึกทึกครึกโครมสะเทือนฟ้าดินที่เกิดจากมัจฉากลืนธารโจมตีมาอย่างสูญเสียการควบคุมทางอารมณ์และบ้าคลั่งไปชั่วขณะหนึ่ง
“อ๊าก! รีบหลบไป! ”
“มัจฉากลืนธาร เหตุใดจึงเป็นบ้าขึ้นมาได้”
บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองกับราชันทั้งสองคน แต่เดิมผูกพันธมิตรกันกับมัจฉากลืนธาร ในชั่วขณะหนึ่ง กลับโดนโต้กลับจากฝ่ายหลังเสียอย่างนั้น
ในเวลานั้นเอง
ราชันทั้งสามรวมไปถึงกลุ่มยอดฝีมือที่อยู่เบื้องหลังก็วุ่นวายไปทั้งขณะ
มัจฉากลืนธารตัวนั้นสูญเสียความรู้ไปชั่วขณะและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งพลังโจมตีกลับของมันก็ยังแกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น
สวบ!
ในเวลาเดียวกัน แสงสีเงินม่วงชั้นหนึ่งปกคลุมทั่วร่างของชายหนุ่มทั้งสองคน โบยบินไปกลางอากาศไปยังคลื่นขนาดยักษ์ริมสายน้ำ
“น่ารังเกียจยิ่งนัก! เจ้าเด็กสองคนนั่นกำลังจะหนีไปแล้ว…”
พวกของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองเกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง พวกเขาจะคาดเดาได้อย่างไรว่ามัจฉากลืนธารจะสร้างความยากลำบากได้อย่างไร้เหตุไร้ผลเช่นนี้
“ไม่ใช่สิ เจ้าลองดูเด็กหนุ่มผมม่วงคนนั้น!” เด็กหนุ่มชุดขาวผู้เป็นหนึ่งในราชันทั้งสาม อดเอ่ยเสียงต่ำไม่ได้
เห็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยู่ในแสงสีเงินม่วง ดวงตาซ้ายสีม่วงที่ลึกล้ำไร้ก้นบึ้ง เล็งเป้าหมายไปยังมัจฉากลืนธาร ที่กำลังบ้าคลั่งอยู่
“เป็นไปได้อย่างไร…เขาจึงสามารถควบคุม ‘มัจฉากลืนธาร’ ได้!”
“มัจฉากลืนธารนี้ครอบครองสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ ทันใดนั้นเองก็ถูกเขาควบคุมไปทันที” ราชันทั้งสามใจกายสั่นสะท้าน
มุมปากของเด็กหนุ่มผมม่วงที่อยู่ในครรลองสายตายกขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย ลึกล้ำเกินจะคาดเดา
สวบ พรึ่บ!
คมแสงสีเงินชั้นหนึ่งหนีออกจากพื้นที่ของคลื่นสายน้ำมหาศาล
ในทันทีที่หนีออกจากคลื่นน้ำดังกล่าว ความเร็วของมัจฉากลืนธาร รวมไปถึงพลังพรสวรรค์ก็ล้วนแต่ลดลง
ด้วยพลังและความเร็วของจ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
“จ้าวเฟิงคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะสามารถควบคุม ’มัจฉากลืนธาร’ ได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังสามารถคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ได้” หนานกงเซิ่งเอ่ยอย่างตกใจ
เหมือนกับว่า หลังจากเข้าไปภายในมิติเทพลวงตาแล้ว จ้าวเฟิงก็ไม่ได้ใช้ไพ่ไม้ตายจริงๆ จังๆ และยังเติบโตขึ้นไม่หยุดด้วย
“ถ้าหากว่าพลังวิญญาณแข็งแกร่งกว่านี้อีกสักหน่อย ข้าก็จะสามารถควบคุม ‘มัจฉากลืนธาร’ ตัวนี้ให้เป็นทาสได้โดยตรง แต่ไม่ใช่ควบคุมเป็นทอดๆ แบบนี้…”
จ้าวเฟิงสั่นศีรษะเล็กน้อย เหมือนว่าไม่ค่อยพอใจมากนัก
ถ้าหากว่าเป็นช่วงรุ่งโรจน์ของเขา ทันทีที่ปลดปล่อยเจตจำนงดวงตาออกมาก็สามารถควบคุมมัจฉากลืนธารให้เป็นทาสได้ตรงๆ
ทันทีที่เอ่ยออกมา หนานกงเซิ่งอดตกตะลึงไม่ได้
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า หากให้ระดับขั้นดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง พลังของเขาจะระเบิดทะลักออกมาอย่างไรบ้าง
แต่จะหาสมบัติในศาสตร์ดวงวิญญาณให้มีจำนวนเพียงพอนั้นหาได้ยากอย่างยิ่ง ปกติแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับจ้าวเฟิงมากนัก
หลังจากนั้นชั่วครู่หนึ่ง
‘มัจฉากลืนธาร’ ที่อยู่ในครรลองสายตา ก็ค่อยๆ กลายเป็นจุดเล็กๆ จ้าวเฟิงสูญเสียการควบคุมสัตว์อสูรไปด้วยเช่นกัน
หลังจากที่ออกจากพื้นที่น้ำแล้ว เพียงแค่ร่างกายขนาดมโหฬารเทอะทะของมัจฉากลืนธาร ก็ยากที่จะตามได้ทัน
“เจ้าหัวขโมยจะหนีไปไหน——”
กลับมีเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดของราชันทั้งสามคนตามหลังมา
เอ๊ะ!
จ้าวเฟิงรู้สึกประหลาดใจ ราชันทั้งสามคนนั้นตามมาได้อย่างไรกัน?
เมื่อเพ่งพินิจดูแล้ว
ราชันผู้เป็นบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองนั่งอยู่บน ‘พาหนะเพลิงวายุ’ ที่มีรูปร่างแปลกประหลาด กลุ่มแสงควันเพลิงสีฟ้าที่รุนแรงอยู่ด้านหลัง และรูปแบบของแนวทางนั้น มีส่วนหนึ่งที่คล้ายคลึงกับรองเท้าสีเขียวในเท้าของจ้าวเฟิง
ราชันทั้งสามทุ่มเทพลัง รวบรวมปราณที่แท้จริง ทำให้ความเร็วของพาหนะเพลิงวายุรวดเร็วกว่าราชันทั่วไป
“แบบนี้ก็ได้หรือ…”
สีหน้าจ้าวเฟิงเผยแววประหลาดออกมา มองออกไม่ยากเลยว่า รองเท้าของเขาและพาหนะเพลิงวายุของทั้งสองคนนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของอารยธรรมแห่งเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์