Skip to content

King of Gods 821

King Of Gods

บทที่ 821 ดูดเลือดคืนปราณ

ในสถานการณ์ปกติ ราชันทั้งสองและบุรุษชุดเหลืองค่อนข้างยากที่จะไล่ตามพวกของจ้าวเฟิงได้ทัน

แต่คนทั้งสามมีอุปกรณ์อย่างพาหนะเพลิงวายุที่เก่าแก่ หลังจากทุ่มเทพลังส่งปราณที่แท้จริงเข้าไป ความเร็วก็อยู่เหนือกว่าปราณเทวะทั่วไปอย่างมาก

“เจ้าหัวขโมยทั้งสอง ส่งสมบัติแขนงวารีนั่นมา แล้วข้าจะไว้ชีวิต!”

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองตะโกนเสียงดัง

ในขณะที่ร่างยังไม่มาถึง เงาเขตแดนสีน้ำตาลเหลืองที่ปรากฏขึ้นรอบกาย อากาศฟากหนึ่งหนักอึ้งไปอย่างประหลาด

อัจฉริยะในขั้นราชันอีกสองคน เด็กหนุ่มชุดแดงและคนหนุ่มชุดขาวมีจิตต่อสู้ฮึกเหิม

ถึงแม้ว่าฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนจะมีความสามารถที่พิเศษอย่างยิ่ง แต่ในที่สุดแล้วก็มีราชันคนเดียวเท่านั้น หนำซ้ำพวกเขายังมีกองกำลังของสามสำนักที่กำลังจะมาถึง

แต่ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายคือ คนทั้งสองที่กำลังโบยบินพลันชะงักหมุนกายกลับมารอราชันทั้งสาม

“เฮอะ เฮอะ ข้าคนแซ่จ้าวถูกใจพาหนะของพวกเจ้าเสียแล้ว” เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นั้นมีสีหน้าเย้าแหย่

เมื่อเอ่ยออกมาแล้ว ราชันทั้งสามก็อึ้งไป เกิดความโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งทันที

“เจ้าหัวขโมย อย่าทำอะไรบ้าๆ!”

“ก็แค่ขอบแขตแก่นก่อกำเนิดเท่านั้น อย่าปากดีให้มากนัก”

บุรุษชุดเหลืองและพวกเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว

สมบัติล้ำค่าในแขนงวารีที่ถูกพวกเขาเล็งเอาไว้ ถูกสองคนนั้นฉวยโอกาสแย่งชิงไป

ในตอนนี้ เจ้าหัวขโมยทั้งสองคนนี้ละโมบโลภมาก บ้าบิ่นแล้วยังจะหมายตา ‘พาหนะเพลิงวายุ’ ของพวกเขาอีก

ตูม!

ในระยะเวลาสั้นๆ ภายใต้ความเกรี้ยวกราด ทำให้พลานุภาพของราชันทั้งสามทะลวงมากดดันทั่วทั้งบริเวณ แต่ทว่า คนทั้งสองในครรลองสายตากลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและพวกไม่อยากจะเชื่อ

หนานกงเซิ่งก็แล้วไป อย่างไรก็เป็นราชันในระดับลึกซึ้งของแขนงมิติ และตัวของเขาเองก็มีกายจิตว่าง กายจิตวิญญาณฟ้า สอดคล้องกับฟ้าดินอย่างมาก

แต่ว่าเจ้าหัวขโมยในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดตัวเล็กๆ กลับสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้

“ไป! ” จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งกลายเป็นลำแสงสองสายตรงไปสังหารราชันทั้งสาม

วูบ!

รองเท้าโบราณของจ้าวเฟิงปลดปล่อยแสงควันสีฟ้า บวกกับแรงปะทะของร่างกายที่แกร่งกล้า โบยบินเข้าไปใกล้ราชันทั้งสาม

“เฮอะ!” บนใบหน้าของบุรุษวัยกลางคนมีแววเยาะเย้ย เงาสีน้ำตาลเหลืองที่แทรกซึมอากาศรอบด้านจับตัวกันหลายส่วนในทันที

โครม!

ร่างกายของจ้าวเฟิงหนักอึ้ง แบกรับแรงดึงดูดมหาศาลที่ไร้รูปร่าง เหมือนว่ามาจากอีกฝั่งฟากฟ้าหนึ่ง

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไป เกรงว่าคงจะกระอักเลือดตายไปแล้ว

แต่จ้าวเฟิงร่างกายแข็งกล้า สำนึกรู้สูงส่ง และยังมีการผลักดันพลังจากรองเท้าโบราณสีเขียวต้านทานเอาไว้โดยตรง

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองสีหน้าเคร่ง

เขาระลึกถึงภาพเหตุการณ์ที่สายเลือดดวงตาซ้ายของเด็กหนุ่มผมม่วงส่งผลควบคุม ‘มัจฉากลืนธาร’ ในคราวก่อน

“เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้ มอบมาให้ข้า!”

บุรุษวัยกลางคนตะโกนเสียงกร้าว แขนสองข้างโบกสะบัดออก เบื้องหลังปรากฏเงาแสงมังกรสีเหลืองเรืองรองสองตัว มันส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือดลม

สายเลือดแขนงดิน!

สีหน้าของจ้าวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผู้นี้ไม่เพียงแต่มีเขตแดนแขนงดิน ยังมีสายเลือดแขนงดินด้วยเช่นกัน

แต่ที่โชคไม่ดีคือสายเลือดแขนงดินนี้ ข่มสายเลือดแขนงวารีและวายุอัสนีธาตุน้ำของเขาพอดี

นอกเสียจากจ้าวเฟิงจะสามารถทะลวงผ่านวิชาวายุอัสนีขั้นที่เจ็ด มีวายุอัสนีธาตุไม้ จึงจะข่มสายเลือดแขนงดินได้

หากจะพูดเรื่องพลัง บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองด้อยกว่าจิวอู๋จื้อด้วยซ้ำ

“ให้ข้าเอง!”

เงามิติสีม่วงเงินกดดันมา ปะทะกันอย่างเข้าจังกับเขตแดนแขนงดินของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลือง

โครม——

กำลังคนทั้งสองฝั่งถอยร่นติดๆ กันไปภายใต้การปะทะเข้าหากันของเขตแดนมิติ

การโจมตีของหนานกงเซิ่งรุนแรงอย่างยิ่ง ราชันทั้งสามที่อยู่ตรงข้ามกระเด็นออกไปทันที

พู่ว~

ผมสีม่วงของหนานกงเซิ่งโบกสะบัด ตราประทับโลหิตม่วงตรงหว่างคิ้วสว่างวูบวาบ สาดซัดพลังที่ชั่วร้ายและแกร่งกล้าออกมาจากในเขตแดนและปราณที่แท้จริงของตนเอง

“พลังช่างแข็งแกร่งนัก! ในแหล่งกำเนิดพลังของบุรุษหนุ่มผู้นี้มีกลิ่นอายกลุ่มหนึ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง…”

สีหน้าของบุรุษชุดเหลืองหวั่นกลัว

เดิมทีเขาคิดจะลงมือจัดการเด็กหนุ่มผมม่วงที่ลึกลับด้วยตนเอง แต่กลับโดนหนานกงเซิ่งผู้อยู่ในแขนงมิติขัดขวางเอาไว้

ราชันในแขนงมิติที่อยู่ระหว่างต่อสู้ มีสิทธิ์ในการเป็นฝ่ายรุกสูงมาก สามารถยื่นมือและโบยบินไปได้ตลอดเวลา

“บนร่างของข้ามี-ของป้องกันชิ้นหนึ่ง ยกเด็กผู้ชายคนนี้ให้ข้าจัดการเถอะ”

เด็กหนุ่มชุดแดงเลียริมฝีปากเล็กน้อย บนร่างจึงปรากฏแสงเมฆสีแดงชั้นหนึ่ง ตรงดิ่งไปหาจ้าวเฟิง

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผงกศีรษะเล็กน้อย เขาสามารถมองออก สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงอยู่ในแขนงวิญญาณ

หนานกงเซิ่งที่มีพลังและกลิ่นอายน่ากลัวก็ได้เขาและคนหนุ่มชุดขาวอีกคนร่วมมือกันรับมือ

เปรี้ยง! โครม——

หนานกงเซิ่งโคจรท่าร่างมิติ แสงสีเงินม่วงชั่วร้ายวาดกลางอากาศเป็นวงโคจรประหลาด จากนั้นเข้าปะทะกับราชันปราณเทวะทั้งสองคน

หากว่าเปลี่ยนเป็นตอนเพิ่งเข้าไปภายในมิติเทพลวงตา หนานกงเซิ่งรับมือกับบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองผู้นั้นก็ยังหืดขึ้นคออยู่บ้าง

แต่ในวันนี้ จากการฟูมฟักของการหลอมรวมผลึกปีศาจและพวกผลึกเซียนระดับล่างทำให้พลังของเขาระเบิดออกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การหลอมรวมระหว่างแขนงมิติและผลึกปีศาจ เกิดเป็นพลังที่คาดไม่ถึงและไม่ธรรมดา

“พลังแฝงของหนานกงเซิ่งแข็งแกร่งอย่างยิ่ง” จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อย โคจรแก่นแท้กายสายฟ้าเพื่อโจมตี ‘เด็กหนุ่มชุดแดง’ ผู้นั้น

เด็กหนุ่มชุดแดงเป็นราชันหน้าใหม่ อีกทั้งภายในร่างกายก็ยังมีสายเลือดแขนงไฟที่สูงส่งกลุ่มหนึ่งด้วย

“เมฆอัคคีเทพ!”

เด็กหนุ่มชุดแดงปรบมือทั้งสองข้างติดๆ กัน พลังฝ่ามือแสงอัคคีราวเมฆแดงทับซ้อนกับอากาศ การโจมตีในทุกระลอก ล้วนแต่ทิ้งควันไฟรูปเห็ดลอยละล่องขึ้น

สามารถเรียกได้ว่า แรงโจมตีของเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้เป็นยอดฝีมือที่โดดเด่นกับคนในระดับเดียวกัน

“ปีกวายุอัสนี” เบื้องหลังของจ้าวเฟิงเกิดปีกวายุอัสนีที่เกาะกลุ่มรวมตัวกันเป็นดังระลอกสายน้ำ ให้ความรู้สึกเลือนรางอย่างภาพมายาสีฟ้า

แซ่ด! โครม!

วายุอัสนีธาตุน้ำเพิ่มพลังร่วมกันกับแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์ จ้าวเฟิงประมือเด็กหนุ่มชุดแดงอย่างสบายๆ

ต่อให้ประมือกันอย่างซึ่งๆ หน้าจริงๆ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิงเองก็เหนือกว่าอยู่ดี

โครม ตูม!

ปีกวายุอัสนีด้านหลังจ้าวเฟิงโบกสะบัดด้วยความรวดเร็ว แก่นแท้พลังที่รุนแรงไร้รูปร่างโจมตีเด็กหนุ่มชุดแดงเป็นระลอกๆ

“เป็นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน…”

เด็กหนุ่มชุดแดงร่างกายและจิตใจพลันหนักอึ้ง ใบหน้าออกสีแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย รู้สึกถึงความอัดอั้นและกดดัน

หากพูดถึงพลังโจมตีที่แท้จริง เขาถึงขั้นยังมีข้อได้เปรียบอีก

แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้ การปลดปล่อยพลังของเขาราวกับว่าจำกัดเอาไว้ ถูกควบคุมไปต่างๆ นานา

ความรู้สึกเช่นนี้ก็เคยปรากฏมาก่อนบนร่างของซินอู๋เหิน

“ย้าก!”

เด็กหนุ่มผมม่วงตะเบ็งเสียง ทั่วร่างล้อมรอบด้วยแสงสีเงินฟ้าสว่างเจิดจ้า ราวกับเป็นร่างเหล็กสำริดที่ทำจากโลหะอย่างนั้น

กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง มีเพียงเข้าใกล้ถึงจะสามารถสำแดงข้อได้เปรียบออกมาได้

ตุบ ตุบ! หลังจากที่จ้าวเฟิงเข้าไปใกล้ การโจมตีเกิดขึ้นติดต่อกันไม่หยุดหย่อน

ในความเป็นจริง จ้าวเฟิงจงใจฝึกฝนความสามารถในการต่อสู้ประชิดตัวของเขา

ช่วงชีวิตก่อน จุดหลักของเขาคือการโจมตีในระยะไกล รวมไปถึงโจมตีในแขนงวิญญาณ การสังหารแบบประชิดตัว จ้าวเฟิงนับว่าธรรมดาเท่านั้น

“ดูซิว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ จะระเบิดพลังออกมาได้นานเท่าไหร่เชียว…”

เด็กหนุ่มชุดแดงหัวเราะเสียงเย็น

เขาและจ้าวเฟิงปะทะเข้าหากันแล้ว!

ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาสู้จ้าวเฟิงไม่ได้ แต่ว่าปราณที่แท้จริงได้เปรียบมากกว่า และสายเลือดระเบิดออกมาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เมื่อแข็งกับแข็งปะทะเข้าหากัน เขาเองก็ไม่หวาดกลัวจ้าวเฟิง อีกทั้งยังยืนหยัดในระยะยาวได้ยอดเยี่ยมกว่า

จ้าวเฟิงมองข้อนี้ออกเช่นกัน

อีกฟากหนึ่ง หนานกงเซิ่งต้านทานราชันทั้งสองคน ยากที่จะแบ่งผลแพ้ชนะได้ในระยะเวลาสั้นๆ

เมื่อเห็นช่นนี้แล้ว

จ้าวเฟิงตัดสินใจทดสอบสายเลือดเพลิงมารที่แปลกประหลาดของตนเองอีกครั้ง

การทดสอบในคราวก่อน มีสายธารอุ่นไหลวนไปมาอย่างประหลาด เขามักจะรู้สึกว่าพลังสายเลือดของตนมีบางส่วนที่ยังไม่ถูกขุดออกมา

“เปิดออก!”

หมัดของจ้าวเฟิงพุ่งออกไป ทั่วร่างผุดไอเพลิงสว่างราวกับอาทิตย์แดงชั้นหนึ่ง และยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเผาไหม้ที่ร้อนแรง

สายเลือดเพลิงมารโลหิตที่จ้าวเฟิงโคจรในครั้งนี้ไม่เหมือนกับคราวก่อนที่จงใจเก็บงำพลังเอาไว้

“เปรี้ยง!”

หมัดและฝ่ามือของคนทั้งสองปะทะเข้าหากันอย่างจัง เพลิงโลหิตและแสงเมฆสีแดงเกี่ยวกระหวัด ระเบิดออกอย่างรุนแรง เกิดคลื่นเพลิงที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งออกมา

พลังที่กล้าแกร่งนั้น แม้กระทั่งราชันทั้งสามในการต่อสู้ที่รุนแรงยังต้องเหลือบมองดู

“เป็นสายเลือดศาสตร์อัคคีที่น่ากลัวเหลือเกิน…”

ร่างกายของเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นถูกกระแทกจนกระเด็นถอยไป บนร่างเต็มหมุนวนด้วยควันเพลิงโลหิต และยังมีแนวโน้มว่าจะลุกลามไปทั่ว

สายเลือดเพลิงโลหิตที่พิสดารช่างรุนแรงทรงพลัง มีผลในการกัดกร่อนและเผาไหม้ด้วย

ดีที่เด็กหนุ่มชุดแดงผู้นี้ก็ครอบครองสายเลือดศาสตร์อัคคี คุณลักษณะของสายเลือดมีแรงต้านทานที่ค่อนข้างรุนแรงต่อเพลิงมารโลหิต

“หืม? ไม่ใช่สิ…”

เด็กหนุ่มชุดแดงสังเกตได้ว่า ในขณะที่รับมือเมื่อครู่ ปราณและเลือดลมของตนเองต้องเชิญหน้ากับการสูญเสียและโดนกัดกร่อน

สายเลือดของเพลิงโลหิตมารที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ไม่ได้มีเพียงแต่แรงระเบิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีการกัดกร่อนเผาผลาญอย่างรุนแรงด้วย

“เฮอะ!”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกระแสอุ่นๆ ที่แปลกประหลาด ในการต่อสู้เมื่อครู่ มันไหลวนกลับเข้ามาหล่อเลี้ยงร่างกายของตน

ในธารอุ่นนั้นมีปราณเลือดลมของขั้นราชัน

“หรือว่าจะเป็น…”

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าไอสวรรค์และแรงกายของตนเอง กระทั่งอาการบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนหนึ่ง กำลังได้รับการฟื้นฟู

การค้นพบที่คาดคิดไม่ถึงนี้ ทำให้เขายินดีอย่างยิ่ง

“ย้าก!”

จ้าวเฟิงจิตใจฮึกเหิม โคจรสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง ไอเพลิงโลหิตสว่างไสวปะทุออกสะเทือนไปทั่ว ก่อนปะทะเข้ากับเด็กหนุ่มชุดแดง

เปรี้ยง!

เด็กหนุ่มชุดแดงส่งเสียงขึ้นจมูก ร่างของเขาโบยบินออกไป ผิวกายปกคลุมไปด้วยกลุ่มเพลิงมารโลหิตอีกครั้ง และแผ่ขยายทั่วตัว

นี่ก็คือผลลัพธ์การเผาผลาญของเพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไป

เปลี่ยนเป็นคนธรรมดา เกรงว่าจะกลายเป็นเถ้าธุลีในชั่วพริบตา

ที่ทำให้เด็กหนุ่มชุดแดงรู้สึกแย่ไปมากกว่าเดิมก็คือ ในขณะที่ปะทะกับฝ่ายตรงข้าม ปราณเลือดลมภายในร่างของเขาล้วนแต่สูญสลายไปทีละน้อย

แต่กลับเป็นจ้าวเฟิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามใบหน้าแดงก่ำ ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

ยากที่จะคาดคิดได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามผู้เป็นขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับต่ำ สายเลือดปราณที่แท้จริงจะสามารถรับมือกับราชันอย่างจังๆ ได้นานเท่าไหร่

“ฮ่า ฮ่า…คิดไม่ถึงจริงๆ เลยว่าเพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนแปลงไปยังมีการดูดซึมเอาปราณเลือดลมของคนอื่น มาเพิ่มเติมพลังไอสวรรค์ของตนเอง”

จ้าวเฟิงยินดีเป็นที่สุด

สามารถพูดได้ว่านี่คือ ‘ผลลัพธ์การดูดซึมเลือด’ ที่หาได้ยากยิ่ง

พลังสายเลือดของจ้าวเฟิง ในทุกครั้งที่โจมตีและสังหารจะสามารถดูดกลืนเลือดบริสุทธิ์ของเป้าหมายมาเพิ่มเติมไอสวรรค์ของตนเอง มีผลในการรักษาบาดแผลในระดับหนึ่ง

พลังแบบนี้เคยปรากฏขึ้นกับจักรพรรดิแห่งความตาย

‘รยางค์กลืนวิญญาณ’ ของจักรพรรดิแห่งความตาย ก็ใช้วิชาต้องห้ามทรงอำนาจฝืนดูดกลืนปราณชีวิตของคนอื่น มาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง และเติมเต็มไอสวรรค์อย่างรวดเร็ว

ความเร็วในการดูดซึมและฟื้นฟูของมัน รวดเร็วและรุนแรงกว่าผลลลัพธ์ในการดูดซึมของจ้าวเฟิงในตอนนี้

แต่ไอสวรรค์ที่เพิ่มเติมจาก ‘รยางค์กลืนวิญญาณ’ ผสมปนเปไม่บริสุทธิ์ ต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ในเวลาเดียวกันยังทิ้งแผลที่มองไม่เห็นและอาการบาดเจ็บข้างเคียงไว้อย่างง่ายดาย

จ้าวเฟิงค้นพบว่า สายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง ผลลัพธ์ทั้งในการย้อนดูดซึมเลือดกลับ ความเร็วและจำนวน ยังนับว่าไม่มากนักในตอนนี้ แต่ว่าปราณเลือดลมที่ถูกดูดซึมไปผ่านการเผาผลาญขัดเกลา ขจัดสิ่งเจือปน ถือได้ว่าบริสุทธิ์อยู่

โดยรวมแล้ว ความสามารถประเภทนี้ของจ้าวเฟิง ผลข้างเคียงเล็กน้อยอย่างมาก แต่ก็ไม่เหมาะจะใช้อย่างไม่จำกัด

ตุบ ตุบ!

ปีกวายุอัสนีเบื้องหลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด โคจรสายเลือดที่เปลี่ยนไปและแก่นแท้ร่างกายเข้าโรมรันกับเด็กหนุ่มชุดแดง

“เป็นไปได้อย่างไรกัน…”

ยิ่งเด็กหนุ่มชุดแดงต่อสู้ก็ยิ่งอ่อนแรงลงไป บาดแผลไฟไหม้นร่างกายที่เกิดขึ้นยิ่งหนักหนาสาหัสขึ้นทุกที

ถึงขั้นว่าเขาค่อยๆ มีแนวโน้มว่าจะอ่อนแอลงเล็กน้อย

ย้อนกลับกัน จ้าวเฟิงทั่วใบหน้าเปล่งปลั่ง ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เหมือนกับว่าจงใจที่จะวุ่นวายอยู่กับเขา

“พอประมาณแล้ว พลังของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ประเภทนี้ จะได้ผลก็ต่อเมื่อต่อสู้ประชิดตัว และยิ่งถ้ามีการสัมผัสกันของร่างกายก็จะยิ่งส่งผลดีมากขึ้นกว่าเดิม”

จ้าวเฟิงได้ข้อสรุปจากการทดสอบในการรบจริง

ในตอนนี้ ความสามารถที่พลังสายเลือดได้สำแดงให้เห็นตรงหน้า พอๆ กับสายเลือดเกล็ดมังกรเหมันต์ในช่วงชีวิตก่อน หรือกระทั่งว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำไป ที่สำคัญคือสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ สอดคล้องกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version