Skip to content

King of Gods 822

King Of Gods

บทที่ 822 เส้นทางสูงสุด

จากการต่อสู้ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงได้ทดสอบผลของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ที่ซึ่งพิเศษอย่างยิ่งยวด อันอยู่ภายในเพลิงโลหิตมารที่ผิดเพี้ยนไป

ความสามารถของสายเลือดประเภทนี้ จะเพิ่มพลังการฟื้นฟูและการต่อสู้ให้ยาวนานขึ้นของจ้าวเฟิงได้เป็นอย่างมาก

สวบ!

และในเวลานี้เอง เสียงแหวกอากาศลอยล่องมาจากที่ไกลๆ เงาพวกนั้นเป็นครึ่งก้าวสู่ราชันส่วนหนึ่งในกองกำลังของราชันทั้งสามคน

ถ้าหากว่าพลังของกองกำลังพวกนี้มาถึงจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้

เพราะว่ากำลังรบของครึ่งก้าวสู่ราชันพวกนั้นใกล้เคียงกับราชันปราณเทวะ

“สิ้นสุดกันเสียที”

ร่างกายราวกับโลหะของจ้าวเฟิงพลันสูงขึ้นหลายส่วน เมื่อกระตุ้นแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์จนถึงระดับสุดยอดแล้ว ทำให้ร่างกายและจิตใจของเด็กหนุ่มชุดแดงหนักอึ้ง

เวลาเดียวกัน

พรึ่บ!

สายเลือดที่เปลี่ยนไปของจ้าวเฟิงเผาผลาญลุกโชน ด้านหลังปรากฏเงาของเพลิงโลหิตสีแดงสดระลอกหนึ่งขึ้นรางๆ ภายในนั้นเหมือนมีน้ำวนที่หมุนวนบิดเบี้ยวไปมา

ในวินาทีนั้นเอง เหมือนจ้าวเฟิงจะกลายเป็นมารเพลิงโลหิตผู้หนึ่ง ร่างกายราวกับเหล็กกล้าอาบอยู่ในกลุ่มเพลิงสีเลือด

ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์และสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในบริเวณรอบๆ ล้วนแต่สัมผัสได้ถึงการเผาไหม้และปั่นป่วนในเลือด ร่างกายเกิดความรู้สึกหวาดกลัวไม่เป็นสุขโดยสัญชาตญาณ

“อะไรกัน! นี่ต่างหากถึงจะเป็นพลังในระดับสุดยอดของเขา…”

เด็กหนุ่มชุดแดงหน้าถอดสีอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขาวซีด รู้สึกผิวกายแสบร้อน หายใจลำบาก

ตุ้บ! เปรี้ยง——

จ้าวเฟิงปล่อยหมัดออกไป การกดดันของแก่นแท้พลังกายศักดิ์สิทธิ์เป็นดังขุนเขา แสงหมัดที่เหมือนอาทิตย์สีเลือดกำลังเผาผลาญอยู่นั้น หลังจากที่ปะทะเข้ากับเป้าหมายแล้วก็ปริร้าวออก แล้วไหม้ลุกลามทั้งหมด

“อ๊าก!”

ชั้นการป้องกันของเด็กหนุ่มชุดแดง โดนหมัดทรงพลังปะทะจนกระเด็นออกไปเหมือนกระดาษบาง

กลางอากาศ

อั๊ก! เด็กหนุ่มชุดแดงกระอักเลือดออกมา ร่างกายปลิดปลิวออกไป บนผิวกายเกิดเสียง ‘ฟู่ว’ ก่อนโดนปกคลุมด้วยควันเพลิงโลหิต

พลั่ก! เด็กหนุ่มชุดแดงโซเซล้มลงกับพื้น ใบหน้าซีดขาวขณะดับสะเก็ดไฟ บนร่างเต็มไปด้วยบาดแผลไหม้เกรียม

ขณะนั้นเอง สติและวิญญาณของเด็กหนุ่มชุดแดงหลุดลอย ยากเกินจะเชื่อได้

อัจฉริยะที่เข้าไปภายในมิติเทพลวงตา เรียกได้ว่ามีจำนวนน้อยนิดอย่างยิ่งยวด อัจฉริยะในขั้นราชันทั่วไป ส่วนมากล้วนแต่เป็นคนของสำนักสามดาว บางทีอาจจะเป็นสถาบันหรือขั้วอำนาจที่เท่าเทียมกัน

ยอดฝีมือผู้อาวุโสเองก็เป็นผู้โดดเด่นในระดับเดียวกัน

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นั้นจะไม่ใช้วิชาดวงตาวิญญาณ ใช้เพียงกายเนื้อภายนอกก็สามารถโจมตีเขาซึ่งๆ หน้าจนกระอักเลือด

ผลัวะ~ หลังจากที่หมัดหนึ่งสร้างอาการบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสแก่เด็กหนุ่มชุดแดง จ้าวเฟิงสัมผัสได้ว่าระลอกความอบอุ่น หมุนวนกลับเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย

ผลลัพธ์จากการ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ของสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปสำแดงออกมา และผลลัพธ์ในครั้งนี้ก็โดดเด่นอย่างยิ่ง

พลังสายเลือดและปราณที่แท้จริงที่จ้าวเฟิงสูญสิ้นไป ฟื้นคืนกลับมาแล้วหลายส่วน

เขาคันพบว่า ยิ่งเป้าหมายแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อาการบาดเจ็บยิ่งรุนแรงเพียงใด ผลลัพธ์ของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

โครม! พรึ่บ!

รองเท้าโบราณในเท้าจ้าวเฟิงสาดซัดกลุ่มแสงเพลิงสีเขียว ปีกอัสนีเบื้องหลังโบกสะบัด และพยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของหนานกงเซิ่งและราชันอีกสองคน

“เป็นไปได้อย่างไร…”

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและชายชายหนุ่มชุดขาวเกินจะเชื่อได้

เด็กหนุ่มชุดแดงเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักสามดาวขนาดใหญ่ เหตุใดจึงโดนผู้เยาว์ในขอบแขตแก่นก่อกำเนิดคนหนึ่งโจมตีได้อย่างสบายๆ เช่นนี้?

โครม!

จ้าวเฟิงใช้หมัดที่ระเบิดพลังสายเลือดร่างกายและความเร็วที่ถึงขีดสุด ปะทะเข้ากับชายหนุ่มชุดขาวอีกคนหนึ่ง

ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้เป็นถึงผู้ถูกเลือกแห่งยุคของสำนักสามดาว

แต่ทว่า ในวินาทีที่การโจมตีของจ้าวเฟิงมาปะทะร่าง ก็เผาผลาญสายเลือดและร่างกาย ทำให้ใจและกายของเขาพลันหนักอึ้ง ปากแห้งผาก อึดอัดอย่างยิ่ง

โครม! พู่ว~

ชั้นการป้องกันของชายหนุ่มชุดขาวปริร้าว ลูกไฟราวอาทิตย์โลหิตขยายออกไปทั่วร่างของเขา

เพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มชุดขาวกระเด็นถอยร่นไป เลือดลมปั่นป่วน จนเกือบจะกระอักเลือดและได้รับการบาดเจ็บ และนี่ก็เป็นเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มชุดขาวได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมสรรพแล้ว

ร่างกายสายเลือดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ระเบิดพลังออกมา จึงย่อมส่งผลต่อการสิ้นเปลืองของจ้าวเฟิงไม่น้อยเลย แต่ว่าผลลัพธ์ของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ของสายเลือดที่เปลี่ยนไป ทำให้ร่างกายที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยของของจ้าวเฟิงได้รับการฟื้นฟูและหล่อเลี้ยงในทันที

เปรี้ยง โครม!

การเข้าร่วมของจ้าวเฟิงที่ต่อสู้แบบประชิดตัวและรุนแรง ยังผลให้สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

หนานกงเซิ่งสำแดงท่าร่างมิติร่วมกับการสังหารแบบประชิดตัว ราชันทั้งสองบาดเจ็บในทันใด

เดิมทีการร่วมมือของคนทั้งสอง เมื่ออยู่เบื้องหน้าของหนานกงเซิ่งแล้วไม่ทำให้ได้เปรียบแม้แต่น้อย ถึงขั้นที่ว่าถูกหนานกงเซิ่งควบคุมไว้ส่วนหนึ่ง

เพียงแค่หนึ่งถึงสองช่วงลมหายใจ บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและชายหนุ่มชุดขาวก็ถอยร่นไปพร้อมกับอาการบาดเจ็บ

“นี่คือสายเลือดอะไรกัน? แรงระเบิดปะทุแข็งแกร่งเหลือเกิน! มีความคล้ายคลึงกับสายเลือด ‘เพลิงมารโลหิต’ แต่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นอีก…”

มุมปากของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองมีคราบเลือดไหลออกมา

การสังหารแบบประชิดตัวของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์บวกกับเพลิงมารโลหิต มีแรงระเบิดที่สะพรึงน่ากลัว เรียกได้ว่าเป็นการกวาดล้างทุกอย่าง

อีกทั้งผลลัพธ์ของ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ส่งผลให้การปะทุที่ ‘เหนือไปกว่านั้น’ คงอยู่ยาวนานยิ่งขึ้น

สวบ——

ในขณะนี้ กองกำลังในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอดและครึ่งก้าวสู่ราชัน ของราชันทั้งสามก็เร่งรุดมาถึงที่สถานที่ดังกล่าว เมื่อเห็นเหตุการณ์ก็อดจะตกใจจนหน้าถอดสีไม่ได้

ชายหนุ่มผมม่วงสองคนชั่วร้ายเกินปกติ

จากการร่วมมือของคนทั้งสอง ทำให้ราชันทั้งสองและบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองถูกโจมตีจนถอยร่นไปติดๆ อาการบาดเจ็บสาหัส

“ถอย!”

บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองกัดฟัน โบกมือถ่ายทอดคำสั่ง

“ทิ้ง ‘พาหนะเพลิงวายุ’ เอาไว้ แล้วจะไว้ชีวิตพวกเจ้า” จ้าวเฟิงมีสีหน้าเรียบเฉย

พรึ่บ!

เขาโบกมือน้อยๆ ปรากฏมนุษย์แมงป่องหญิงหน้าตาน่าเกลียดที่มีร่างกายสูงใหญ่ตนหนึ่ง

“ไป!”

ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงกระตุกเล็กน้อย มนุษย์แมงป่องหญิงอัปลักษณ์เป็นเหมือนกับภูติผีปีศาจอย่างนั้น ตรงดิ่งไปสังหารกองกำลังเสริมครึ่งก้าวสู่ราชันที่รีบมาพวกนั้น

รวดเร็วเหลือเกิน!

ครึ่งก้าวสู่ราชันที่เพิ่งจะมาถึงก็ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่บ้าคลั่งของมนุษย์แมงป่องหญิง

ครึ่งก้าวสู่ราชันที่พลังอ่อนแอกว่า ยังไม่สามารถแตะต้องมนุษย์แมงป่องหญิงได้ด้วยซ้ำไป

ตุบ ตุบ!

เมื่อการโจมตีส่วนหนึ่งตกลงบนเกราะโลหะสีดำสนิทของมนุษย์แมงป่องหญิง สะเก็ดไฟแตกกระจาย

“อ๊าก! ”

เกิดเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากกลุ่มคน ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงสุดยอดที่ชักช้าไปเล็กน้อย ถูกก้ามแมงป่องของมนุษย์แมงป่องหญิงกรีด และขาดลมหายใจถึงแก่ความตายในทันที

พิษของมนุษย์แมงป่องหญิงจะส่งผลให้คนในขั้นต่ำกว่าราชันลงไปเลือดแข็งตัว ระบบหายใจล้มเหลว

“ทุกคนระวัง! ”

“มนุษย์แมงป่องหญิงตนนี้ นอกจากดวงวิญญาณเปลี่ยนแปลงไปไม่พอ การโจมตี ความเร็ว และการป้องกันล้วนเทียบเท่ากับขั้นราชัน”

กำลังเสริมที่รีบรุดตามมาพวกนั้นถูกมนุษย์แมงป่องหญิงขัดขวางเอาไว้

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและพวกเผยสีหน้าผวา

ตั้งแต่เริ่มสัมผัสมาจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้สำแดงวิชาดวงตาวิญญาณที่น่ากลัว แก่นแท้ร่างกายที่รุนแรงบ้าคลั่ง สายเลือดที่ระเบิดออกอย่างน่าสะพรึงขวัญ เคล็ดวิชาปีกอัสนีที่ปราดเปรียว

ไม่อาจจะคาดเดาได้เลยว่าเด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้ยังมีความสามารถอะไรอีกบ้าง

“เจ้าหัวขโมย จะทำอะไรก็เหลือทางรอดให้บ้าง”

สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองหนักอึ้ง

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสีหน้าเย็นชา ชายผมม่วงสองคนลอยล่องอยู่กลางอากาศ ท่าทางเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย

ราชันทั้งสามจ้องมองซึ่งกันและกัน ในตาของแต่ละคนต่างมีแววอับจนหนทาง

ในที่สุดแล้ว บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองกัดฟัน โยน ‘พาหนะเพลิงวายุ’ ไปทางจ้าวเฟิง

สวบ! ร่างกายของจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งทะยานขึ้นไป และร่อนลงบน ‘พาหนะเพลิงวายุ’ ลำนั้น พาหนะคันนี้ลักษณะเก่าแก่โบราณ สามารถบรรทุกคนได้หกเจ็ดคนเป็นอย่างมาก

เปรี๊ยะ! หลังจากที่ถ่ายเทปราณที่แท้จริงเข้าไปแล้ว พาหนะสาดซัดกลุ่มวายุเพลิงสีเขียวครามชั้นหนึ่ง ในเวลาเดียวกันยังมีแสงสว่างปกคลุมต้านทานลมแรงจากภายนอก

“ไม่เลว” จ้าวเฟิงผงกศีรษะเล็กน้อย และจึงเรียกมนุษย์แมงป่องหญิงที่อยู่อีกฝั่งให้กลับมา

ในมิติระดับสูงอย่างมิติเทพลวงตา การโบยบินเป็นเรื่องที่เปลืองแรงอย่างมาก แต่อุปกรณ์ในการโบยบินนี้ ตัวของมันเองใช้หินผลึกในการขับเคลื่อน แล้วยังใช้ปราณที่แท้จริงเพิ่มความเร็วขึ้น

เปรี๊ยะ!

ราชันทั้งสามมองคนทั้งสองที่นั่ง ‘พาหนะเพลิงวายุ’ จากไปด้วยท่าทางไม่สนใจใคร

“มีอย่างนี้ที่ไหนกัน! หัวขโมยสองคนนี่…”

“ ‘พาหนะเพลิงวายุ’ คันนี้เป็นของล้ำค่าที่สุดที่พวกเราได้มาจากมิติเทพลวงตา”

บนใบหน้าของราชันทั้งสามเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น โกรธเกรี้ยวจนสั่นสะท้าน

เดิมทีเขาอยากจะฉกชิงสมบัติในแขนงวารีของพวกจ้าวเฟิง จะคิดได้อย่างไรกันว่าจะถูกคนสองคนนี้ลงมือขโมยกลับ แต่คนทั้งสามไม่กล้าอ้อยอิ่ง นำขั้วอำนาจและกองกำลังทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังโบยบินหนีไปอีกทาง

“ข้ากำจัดความโมโหนี้ไปไม่ได้” เด็กหนุ่มชุดแดงกัดฟันกรอด

“ฝั่งของข้ายังมีอุปกรณ์ส่งข่าวที่เคยใช้ตอนร่วมมือกับซินอู๋เหิน หากว่าเขายังอยู่แถวนี้ก็จะสามารถติดต่อกันได้”

บุรุษชุดดำซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นพลิกฝ่ามือ ในมือของเขาปรากฏเป็นเขาผลึกสีเงินพิเศษชิ้นหนึ่ง

ในมิติเทพพลวงตา

อุปกรณ์ส่งข่าวสารบางอย่างไร้ประโยชน์ ส่วนอุปกรณ์ส่งข่าวสารระดับสูงบางชิ้นก็สามารถใช้ได้อยู่ แต่ว่าระยะทางก็ถูกจำกัดอย่างมาก

“เอ๊ะ! มีสัญญาณตอบกลับมา…” ชายหนุ่มชุดขาวเผยแววปลื้มปีติ

ครึ่งวันต่อมา

กองกำลังที่นำโดยราชันทั้งสามก็ได้มาถึงหน้าสุสานเก่าแก่รกร้างแห่งหนึ่ง

“พวกเจ้ามาแล้ว…”

หน้าป้ายหลุมศพ มีชายหนุ่มเสื้อดำท่าทางธรรมดาคนหนึ่งยืนอยู่ ดวงตาของเขาลึกล้ำ บนใบหน้าสงบนิ่ง

“ซินอู๋เหิน!” บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและพวกตัวชาวาบ

ก่อนหน้านี้ พวกเขาและซินอู๋เหินเคยร่วมมือกับพวกเขาเป็นการชั่วคราว ต่อมาก็ทะเลาะกันใหญ่โต

ไม่นานนัก ซินอู๋เหินก็เข้าใจในเจตนาการมาเยือนของราชันทั้งสาม

“ข้าสามารถช่วยพวกเจ้าเอาหน้ากลับคืนมาได้ แต่ก่อนนั้น พวกเจ้าจะต้องช่วยข้าขุดเอาทรัพย์สมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ภายในหลุมศพที่ฝังอยู่ใต้ดินก่อน ส่วนเรื่องผลประโยชน์แบ่งกันหกสี่ ข้าหกส่วน พวกเจ้าสี่ส่วน”

ซินอู๋เหินเอ่ยเสียงเรียบ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและพวกหน้าเปลี่ยนสีไป

“ซินอู๋เหิน ด้วยพลังของเจ้ายังต้องการความร่วมมือของพวกข้าอีกหรือ?”

เด็กหนุ่มชุดแดงเอ่ยอย่างแปลกใจ

“พลังของข้าเพียงคนเดียวค่อนข้างจะมีขีดจำกัด ได้ความร่วมมือจากกองทัพพวกเจ้า จะทำให้จัดการหลุมศพพวกนี้ได้รวดเร็วและสบายยิ่งขึ้น” ซินอู๋เหินเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ

อัจฉริยะที่เข้ามาภายในมิติเทพลวงตามีจำนวนไม่มากนักที่เดินทางเพียงลำพัง

แต่มีการสำรวจขุดค้นบางอย่างที่ใช้แรงของคนคนเดียวจะเปลืองแรง คนมากนั่นย่อมแปลว่าแรงมากขึ้นด้วย ความร่วมมือและความรู้ของคนจำนวนมากจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้รับมากขึ้นไปกว่าเดิม

จ้าวเฟิงเองก็เข้าใจในจุดนี้เช่นกัน

แต่เขาและซินอู๋เหินเดินอยู่บนเส้นทางที่ต่างกัน

จ้าวเฟิงใช้การ ‘ฉกชิง’ ทรัพยากร และ ‘ปล้นชิง’ ผลประโยชน์ของคนอื่น

จุดเด่นของวิธีการเช่นนนี้คือจะช่วยประหยัดแรงไปมาก แต่ข้อเสียก็คือเสียภาพลักษณ์ สร้างศัตรู มีความเสี่ยงมาก รอให้จ้าวเฟิงเดินทางออกจากมิติเทพลวงตาก็จะพบว่าตนเองได้เป็นศัตรูกับยอดฝีมือส่วนหนึ่งและขั้วอำนาจสำนักต่างๆ เป็นจำนวนมาก

แต่ซินอู๋เหินกลับนุ่มนวลเป็นมิตร ในมุมมมองเขาไม่อาจยอมรับการไปแย่งชิงของคนอื่นมาได้

“ดี! ตกลงตามนี้!” บุรุษวัยกลางคนชุดเหลืองและราชันทั้งสองสื่อสารแลกเปลี่ยนกัน และตอบตกลง

เมื่อเปรียบกันไปแล้ว ซินอู๋เหินนับว่าใจกว้างอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยๆ ก็ไม่แย่งชิงของผู้อื่น

ใต้เงื้อมผา ข้างลำธารแห่งหนึ่ง

จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง กลับมายังจุดซ่อนตัวในอดีต และเริ่มเข้าฌานฝึกตน

“ข้าในตอนนี้มีแก่นผลึกวายุอัสนีของราชัน รวมไปถึง ’บัวแก้วเวหา’ และ ‘จิตนทีเทพ’ พลังฝึกตนต่างเพิ่มขึ้นอย่างมาก”

จ้าวเฟิงเอ่ยเสียงขรึม

เป้าหมายต่อไปของเขาย่อมเป็นการทะลวงผ่านขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงแล้วค่อยว่ากัน แต่ว่าหนทางในการฝึกตนของจ้าวเฟิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

“เพลิงมารโลหิตที่เปลี่ยนไป มีความสามารถในการ ‘ดูดเลือดคืนปราณ’ ทำให้พลังในการฟื้นฟูของข้ามาจนถึงขั้นน่ากลัว ด้วยเหตุนี้ จำนวนของปราณที่แท้จริงจึงไม่ความหมายสำหรับข้าอีกแล้ว”

ดวงตาของจ้าวเฟิวเป็นประกาย ตัดสินใจได้แล้ว คุณภาพของปราณที่แท้จริงยิ่งมาก กำลังรบที่จะระเบิดออกมาได้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

จำนวนยิ่งมากขึ้นความสามารถในการคงอยู่ก็ยิ่งยาวนานมากขึ้นด้วย แต่ความสามารถของสายเลือดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้จ้าวเฟิงเดินไปในหนทางที่สูงส่งยิ่งขึ้น

ในช่วงที่อยู่ในมิติเทพลวงตา เขาตั้งใจจะเพิ่มความแข็งแกร่งและคุณสมบัติของปราณที่แท้จริง แสวงหาการปลดปล่อยพลังขั้นสูงสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version