Skip to content

King of Gods 832

King Of Gods

บทที่ 832 คฤหาสน์เสียหยาง

ฉากเบื้องหน้าทำเอาเหล่ายอดฝีมือและอัจฉริยะราชวงศ์ต้าเฉียนตะลึงงัน ประหนึ่งถูกทำให้สำลัก

ในสายตาของผู้มากพรสวรรค์มากมาย เซียนหญิงผู้งดงามสูงส่งกลับอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มลึกลับชั่วร้าย ความรู้สึกที่มีต่อกันลึกล้ำ หยาดน้ำตาไหลริน

“เจ้าหัวขโมยนั่น เหตุใดจึง…”

เจียงเฉินจากตระกูลเจียงพร้อมอัจฉริยะที่มีความแค้นกับจ้าวเฟิง พากันตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ฟากเชื้อพระวงศ์ สีหน้าองค์ชายแปดกับลั่วจุนเด่นชัดเช่นกัน ในอกรู้สึกอัปยศอย่างยากจะพรรณนา

ลึกๆ ในใจทั้งคู่เกิดความรู้สึกพ่ายแพ้อีกครา

องค์ชายแปดต้องตาลั่วสุ่ยเอ๋อร์น้องสาวลั่วจุน ทว่าฝ่ายหลังเคยหมั้นหมายกับ ‘จ้าวเฟิง’ ต่างฝ่ายต่างมีไมตรีจิตต่อกัน

สำหรับลั่วจุน จ้าวหยูเฟยคือหญิงที่เขารู้สึกดีด้วยอย่างหาได้ยากเช่นกัน เพียงแต่สถานะและสายเลือดของนางสูงส่งนัก ตัวเขาไม่คู่ควร

ผู้ที่ใจแหลกสลายที่สุดคือองค์ชายสิบสาม

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…จ้าวหยูเฟยร่วมไล่ล่ามารคู่ผมม่วงในตอนแรกเพื่อตามหาเด็กผู้นี้?”

ใบหน้าเขามืดทะมึน ไม่น่าดูอย่างยิ่ง ดวงตามีจิตสังหารและความโหดเหี้ยมพาดผ่าน

“องค์ชายโปรดระงับอารมณ์!”

ไม่รู้ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวปรากฏกายด้านหลังเขาเมื่อใด มือหนึ่งตบเบาๆ บนไหล่องค์ชายของตน

ฮู่! องค์ชายสิบสามสูดหายใจลึก สงบจิตใจที่ปั่นป่วน แหลกสลาย และบ้าคลั่งลงไป

“จ้าวเฟิงผู้นี้ต้องมีบทบาทไม่ธรรมดาแน่ ยามนี้ข้ายังมองเขาไม่ปรุโปร่ง หากจะรับมือด้วย ดีที่สุดคือหลังออกจากมิติเทพลวงตา ครั้งต่อไปในคฤหาสน์เทพบรรพกาล ค่อยหาโอกาสที่เหมาะสม…”

ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวส่งเสียงมา

หากจ้าวเฟิงกับจ้าวหยูเฟยมีความรู้สึกเชื่อมถึงกัน องค์ชายสิบสามก็ไม่มีหวังใดๆ

แปดตระกูลชนชั้นสูงใกล้ชิดสนิทสนมกับเชื้อพระวงศ์มาก มีสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันนับไม่ถ้วน

จ้าวหยูเฟยที่ครอบครองสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณยิ่งไม่อาจฝืนบังคับเอามา ปัญญาและพรสวรรค์ของนาง ขั้วอำนาจสำนักสามสี่ดาวล้วนแย่งกันรับเป็นศิษย์

ตัวอย่างเช่นสำนักสี่ดาว ‘วังลอยฟ้า’ ที่ไม่ต้องเห็นแก่หน้าของเชื้อพระวงศ์ก็ยังได้

“พี่เฟิง เหตุใดท่านจึงไม่ทักทายข้า”

จ้าวหยูเฟยส่งเสียงมาอีกครา

ยามนี้ น้ำตาในดวงตานางระเหิดหาย รักษาท่าทีสงบนิ่งไว้ และมองประเมิน ‘พี่จ้าวเฟิง’ ที่มีโฉมหน้าใหม่งดงามหาใดเปรียบ

ตอนแรกนางยังคิดถึงเรื่องจ้าวเฟิงเปลี่ยนรูปลักษณ์อยู่ แต่เมื่อสังเกตโดยละเอียดก็แน่ใจว่าไม่ใช่

เมื่อเผชิญกับคำถามของจ้าวหยูเฟยอีกครั้ง จ้าวเฟิงไม่อาจหลบหลีกเมินเฉยได้

ก่อนนี้ที่เขาไม่ทักทายจ้าวหยูเฟยก่อนมีหลายเหตุผล และค่อนข้างซับซ้อนด้วย

ข้อแรก พลังฝึกตน ความสามารถ รวมทั้งหน้าตาของเขาล้วนเป็นคนใหม่อีกคน

หากกล่าวถึงรูปกายภายนอก จ้าวเฟิงคนเดิมไม่มีอยู่อีกแล้ว

ข้อสอง เรื่องการเกิดใหม่ของหลิวฉินซินคู่หมั้นเขา

เหตุการณ์ที่ตำหนักฟั่นหลุนกู่อินในตอนนั้น ความทรงจำยังคงอยู่

หลิวฉินซินคิดไว้ว่าจ้าวเฟิงจะมา จึงทิ้งเหรียญทองแดงโบราณไว้ เพื่อให้มันช่วยเขาสร้างพลังจักรพรรดิล่วงหน้าและข้ามผ่านอุปสรรคไปได้

‘เฟิง เจ้ามาถึงที่นี่ได้ ฉินซินตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว นี่ถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของช่วงชีวิตนี้’

‘เฟิง การตายของข้าเป็นไปเพื่อชีวิตใหม่ที่จะข้ามผ่านกำแพงแห่งชะตาชีวิต การที่เจ้าตามมาถึงที่นี่ แปลว่าบุพเพในชีวิตหน้าของพวกเรายังไม่ขาดลง’

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ว่า หลิวฉินซินที่ถือกำเนิดใหม่อาจกำลังเฝ้ารอตนเงียบๆ อยู่สักที่หนึ่ง

‘จ้าวเฟิง ถ้าหากยังมีวาสนาต่อกันอยู่ ในที่สุดแล้วเจ้าก็จะได้พบเจอกับฉินซินอีกครั้ง แล้วเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องหาที่อยู่ที่ชัดเจนของนาง เพียงแค่หา ‘เนตรสังสารวัฏ’ เจอก็พอแล้ว’

เสียงของปราชญ์ลิ่วอู่ดังวนเวียนในหัว

จ้าวเฟิงเข้าใจชัดยิ่ง ความรักในใจจ้าวหยูเฟย ไม่อาจให้ผู้ใดเข้ามายุ่งเกี่ยวได้

หากให้นางรู้ว่าหลิวฉินซินเกิดใหม่ และ ‘คู่หมั้น’ ผู้นั้นยังอยู่ ไม่รู้นางจะรู้สึกเช่นไร

เหตุผลข้อสาม จากสถานการณ์ย่ำแย่ในตอนนี้ เขาไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กับนาง

จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งเป็นหัวขโมยชั่วที่ก่อกวนไปทั่ว สร้างศัตรูไว้ไม่น้อย เขาไม่อยากลากจ้าวหยูเฟยและตระกูลตวนมู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

รวมทั้งยามนี้ พวกจ้าวเฟิงกับตระกูลตวนมู่ของนางยังยืนอยู่คนละฝั่งกัน

ขณะครุ่นคิด จ้าวเฟิงนำเหตุผลข้อหนึ่งและสามมุ่งไปที่จ้าวหยูเฟย โดยเฉพาะข้อที่สาม

“หยูเฟย ตอนนี้ข้ายังไม่เหมาะจะเข้าร่วมกับตระกูลตวนมู่ของเจ้า”

จ้าวเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง

จ้าวหยูเฟยกระจ่างในเหตุผล อย่างไรเขากับหนานกงเซิ่งก็เป็นขโมยที่ฉกชิงของจากกองกำลังจำนวนมาก

หนึ่งในกำลังคนที่โดนแย่งชิงเหล่านั้น ยังมีพันธมิตรที่มีสัมพันธ์ไม่เลวกับตระกูลตวนมู่ด้วย

สุดท้าย จ้าวเฟิงถามไถ่เรื่องของอาจารย์ตวนมู่ชิงอย่างรวบรัด

“สองปีก่อน ศิษย์พี่ตวนมู่เคยลองทะลวงผ่านขอบเขตเทวาเร้นลับ และล้มเหลวตอนเหลืออีกก้าวเดียว หากในร้อยปีนี้เขาทะลวงขอบเขตไม่ได้ อายุขัยจะเริ่มไปถึงขีดจำกัด วิญญาณกับชีวิตจะค่อยๆ หมดสิ้น…”

จ้าวหยูเฟยเผยสีหน้าหนักแน่น กำหมัดเล็กน้อยคล้ายตัดสินใจบางอย่าง

จ้าวเฟิงรู้ดี จักรพรรดิทั่วไปมีอายุขัยหมื่นกว่าปี ตวนมู่ชิงเป็นจักรพรรดิแขนงพฤกษา อายุขัยจึงมากหน่อย แต่ก็ใกล้ถึงขีดสุดเต็มที

ผ่านไปอีกร้อยปี ตวนมู่ชิงจะเป็นเหมือนเซียนกระบี่เคราขาวแห่งหอกระบี่ฟ้า

และท้ายที่สุดก็จะไม่ต่างจากไต้ซือเฒ่าในเมืองใต้ดิน

“ทรัพยากรที่ช่วยให้ทะลวงถึงขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ แม้แต่ในมิติเทพลวงตาแห่งนี้ก็หายากยิ่ง”

จ้าวเฟิงถอนใจเบาๆ

เขาตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือเรื่องนี้สุดความสามารถ

จ้าวเฟิงกับจ้าวหยูเฟยสนทนาอย่างรวดเร็วครู่หนึ่ง ฝ่ายหลังก็ผละไปเมื่อตระกูลตวนมู่ร้องเรียก

“หยูเฟย เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”

ผู้เฒ่าชุดเขียวโล่งอก เขายังกลัวว่านางจะไม่ระวังตัว ถูก ‘มารคู่ผมม่วง’ ลักพาไป

ยังดีที่จ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยเข้าใจจุดยืนในขณะนี้

โดยเฉพาะจ้าวเฟิง ความคิดจะปล้นชิงที่เขาตั้งใจไว้ ถูกกำหนดให้ต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกองกำลังมากมายในที่นี้

นี่ไม่ใช่เพียงปัญหาเรื่องแนวคิด

ขั้วอำนาจหรือใครก็ตามที่อยากได้ผลประโยชน์ครั้งใหญ่ ล้วนกระตุ้นความโกรธแค้นของกลุ่มคนผู้แข็งแกร่ง และกำจัดความร่วมมือทิ้ง

“ศิษย์พี่เซวียนหยวน!”

ขณะนั้นเอง เงาร่างคล้ายปีศาจร้ายสายหนึ่ง บนร่างมีรอยไหม้เกรียมอยู่บ้าง กระโจนออกจากปากถ้ำรูปร่างมังกร แล้วร่อนลงทางฟากวังลอยฟ้า

“สถานการณ์เป็นอย่างไร?”

เหล่ายอดฝีมืออัจฉริยะของวังลอยฟ้ามีสีหน้าคาดหวัง ขณะจ้องศิษย์ผู้รับหน้าที่สืบเรื่อง

พรึ่บ! ศิษย์พี่จูเก๋อโบกพัดโบราณเบาๆ ชั้นแสงไร้รูปตัดขาดพื้นที่แห่งนี้จากโลกภายนอก

ไม่นานนัก

สวบ! สมาชิกในกลุ่มองค์ชายผู้หนึ่งทะยานออกจากถ้ำมังกรดำมืด ไปรายงานสถานการณ์กับองค์ชายอีกสามคน

“หาพบแล้ว?”

พวกองค์ชายแปดเผยสีหน้ายินดี

“ยืนยันแล้ว ด้านล่างเป็นทางเข้าคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล แต่กลิ่นอายหลงเหลือของมังกรวารีล้างโลการุนแรงมาก…”

องค์ชายผู้นั้นบอกข้อมูลโดยละเอียดบางส่วน

แน่นอน ไม่ว่าวังลอยฟ้าหรือฝ่ายเชื้อพระวงศ์ บทสนทนาของพวกเขาล้วนเป็นความลับ ทว่าจากการสังเกตคำพูดและสีหน้า จ้าวเฟิงรู้ได้ไม่ยากว่าการค้นหาคฤหาสน์ลับก้าวหน้าขึ้นแล้ว

ฟุ่บ! สวบ สวบ สวบ!

คนจากวังลอยฟ้ายี่สิบกว่าคนเข้าไปในปากถ้ำมังกรไหม้ดำ

“เร็วเข้า!”

กลุ่มยอดฝีมือเชื้อพระวงศ์ไม่ด้อยไปกว่ากัน เข้าไปในถ้ำเป็นลำดับที่สอง

ลำดับสามคือหอกระบี่ฟ้า ลำดับสี่คือวังเก้านิรย…กำลังคนของขั้วอำนาจชั้นยอดแถวนั้นตรงเข้ามาอย่างเนืองแน่น เนื่องด้วยพื้นที่ที่เชื่อมต่อกับมิติมีจำกัด คนชั้นหัวกะทิทุกคนของต้าเฉียนจึงไม่อาจมารวมกันในอาณาเขตนี้ได้

พื้นที่มิติเทพลวงตากว้างใหญ่ไพศาล ยังมีผลประโยชน์อื่นอีกมาก

กำลังคนส่วนหนึ่งวางมือจากผลประโยชน์มหาศาลนี้เพราะเรื่องพลัง หรืออาจเพราะหวาดกลัวเรื่องมังกรวารีล้างโลกา

“ไป!”

จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งพุ่งเข้าไปในถ้ำมืดดำรูปทรงมังกรภายใต้แสงสีเงินม่วง

สองคนไม่แย่งชิงเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ไม่ทิ้งห่างมากนัก

ภายในถ้ำมังกรกว้างขวางยิ่ง ชัดเจนว่าเป็นเส้นทางที่เกิดขึ้นเพราะมังกรวารีล้างโลกามุดลงใต้ดิน

ระหว่างตรงเข้าไป จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังที่มังกรวารีทมิฬทิ้งไว้

ขอบเขตแก่นก่อกำเนิดทั่วไปไม่อาจเข้าใกล้กลิ่นอายนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเข้าไปสืบเสาะเลย

วูบ! เหล่ายอดฝีมืออัจฉริยะบินตรงไปยังส่วนลึกของถ้ำภายใต้ผลกระทบจากแรงดึงดูด

ในถ้ำค่อนข้างคดเคี้ยว บางครั้งต้องใช้เท้าเหยียบผนังถ้ำซึ่งยังมีกลิ่นอายร้อนแรงหลงเหลืออยู่

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

ตึก ตึก ตึก!

เงาร่างของคนหลายคนมาถึงจุดลึกสุดของถ้ำตามลำดับ

พื้นถ้ำมีรอยไหม้ กระทั่งมีเสี้ยวแรงกดดันของมังกรเล็กน้อย

ทุกคนล้วนรู้สึกร้อนผะผ่าวจนหายใจลำบาก

“ดูนั่น!”

ไม่รู้ผู้ใดร้องเสียงต่ำขึ้น

เห็นเพียงพื้นไหม้ดำเบื้องหน้ามีบ่อหินละลาย โดยรอบมีรอยไหม้เกรียมกระจัดกระจาย

ข้างบ่อหินละลายตั้งแผ่นศิลาจารึกไว้

บนศิลาสลักอักษรโบราณว่า…คฤหาสน์เสียหยาง

“คฤหาสน์เสียหยาง! เทพบรรพกาลเสียหยาง?”

กำลังคนยอดฝีมือในที่นั้นเผยสีหน้าปีติ

เพียงแต่พวกเขาขมวดคิ้วเบาๆ ถึงแม้เขียนไว้ว่า ‘คฤหาสน์เสียหยาง’ ก็จริง แต่ทางเข้าอยู่ไหนกัน?

“บ่อหินละลายนี้คือทางเข้า”

ศิษย์พี่จูเก๋ออาภรณ์ขาวของวังลอยฟ้า ถือพัดเก่าแก่เดินมาข้างบ่อดังกล่าว

บ่อหินละลาย!

ทุกคนตื่นตกใจ ภายใต้สายตาพวกเขา ในบ่อคือหินหนืดแดงฉานที่ไหลวนไม่หยุดหย่อน กลิ่นอายร้อนแรงแผดเผานั้น ราชันในขอบเขตปราณเทวะยังรู้สึกไม่ค่อยสงบ ยิ่งไปกว่านั้น ราชันปราณเทวะล้วนเป็นผู้นำในกลุ่มยอดฝีมือเหล่านี้ จำนวนคนก็ไม่มากนัก

ครืน! ขณะนั้น ส่วนลึกของบ่อหินละลายส่งความรู้สึกสั่นสะเทือนออกมาแผ่วเบา

ยอดฝีมือผู้มีประสาทสัมผัสดีเยี่ยมบางส่วนเหมือนได้ยินเสียงมังกรคำราม ชวนให้ขนพองสยองเกล้า

“ไม่เข้าถ้ำเสือ ไยจะได้ลูกเสือ”

ศิษย์พี่จูเก๋อแย้มยิ้มผ่าเผย ทั่วร่างผุดจุดลี้ลับรูปร่างไฟ หลังเสียง ‘ผัวะ’ ก็กระโดดลงสู่บ่อหินละลายที่ไฟแดงโหมซัดสาด

บ่อหินละลายซัดลูกไฟแวววับที่บ้าคลั่งขึ้นมา กลืนกินศิษย์พี่จูเก๋อหายวับไปโดยไร้ร่องรอย

“ศิษย์พี่จูเก๋อ!” เหล่าศิษย์วังลอยฟ้าร้องลั่น ใบหน้าเผยอาการกังวล

ผ่านไปหลายชั่วอึดใจ

พรวด! ชั้นเงาแสงรูปร่างไฟที่ทับซ้อนกันทะยานออกมา แสงเพลิงหดหายไป เป็นศิษย์พี่จูเก๋อผู้นั้นนั่นเอง

“ยอดฝีมือแขนงอัคคี ให้ใช้การป้องกันพลังไฟเข้าไปพร้อมกัน”

ศิษย์พี่จูเก๋ออมยิ้มเอ่ย

ผัวะ! พู่ พู่ พู่!

กองกำลังเล็กของวังลอยฟ้าจัดกระบวนทัพ ร่วมกลุ่มกันเข้าไปในบ่อหินละลายท่ามกลางแสงเพลิงแสบตาลูกใหญ่

ต่อมาจึงถึงคราวคนจากราชวงศ์

“เป็นแค่ชั้นทางเข้าเบาบางเท่านั้น”

ตาซ้ายของจ้าวเฟิงกวาดมองผ่านๆ ก่อนกระโดดลงสู่บ่อโดยไม่แม้แต่จะโคจรชั้นพลังป้องกัน

หลังเข้าไปแล้ว กลิ่นอายเพลิงแผดเผาหายไปทันควัน

ชั้นแสงราวอาทิตย์อัสดงเจิดจ้า สะท้อนเข้าสู่สายตาของทุกคน

กลุ่มคนผ่านชั้นแสงนั้นเข้าไปในพื้นที่เก่าแก่ที่มีไอสวรรค์แน่นหนา ทว่าทุกที่ในนั้นล้วนเต็มไปด้วยรอยไหม้เกรียม ไกลออกไปเห็นคฤหาสน์ซึ่งมีแสงวิ่งตัดกันอยู่รางๆ อากาศสั่นสะเทือนเล็กน้อย กลิ่นอายพลังมังกรทลายฟ้าดินพุ่งตรงมา

“ที่แท้คฤหาสน์แห่งนี้คือขอบเขตซ้อนขอบเขต เกิดเป็นมิติลึกลับขึ้นด้วยตัวมันเอง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version