Skip to content

King of Gods 831

King Of Gods

บทที่ 831 พบเจอ

เบื้องหน้าของปากถ้ำดำมืดรูปร่างมังกร กองกำลังยอดฝีมือของขั้วอำนาจระดับสูงต่างก็กำลังมาถึงกันติดๆ

กลุ่มสองคนอย่างจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งค่อนข้างเห็นได้ยาก

“เป็นหัวขโมยสองคนนี้! แม้กระทั่งพวกเราเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนยังกล้าปล้นชิง ทำให้เอาเกียรติยศของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหนกัน!”

‘องค์ชายสิบสาม’ ในชุดนักรบสีม่วงทองเอ่ยอย่างเคียดแค้น

ในเวลานี้

กำลังคนของราชวงศ์ต้าเฉียนมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ เป็นความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

องค์ชายแปด องค์ชายเก้า องค์ชายสิบสาม องค์ชายทั้งสามรวมตัวกัน แล้วยังมีลั่วจุนกับผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวและคนอื่นๆ ที่เป็นยอดฝีมือขั้นราชันระดับลึกซึ้ง

“พี่แปด พี่เก้า อย่าปล่อยให้หัวขโมยสองคนนี้ฉกชิงเอาผลประโชน์จากคฤหาสน์ลับเทพบรรพกาลไปได้ ก่อนที่จะสำรวจคฤหาสน์ ไม่สู้ร่วมมือกันกับกลุ่มคนต่างๆ สังหารพวกเขาก่อนดีกว่า”

ใบหน้าขององค์ชายสิบสามเผยแววอำมหิต เอ่ยกำกับอยู่ด้านข้าง

ก่อนหน้านี้ ในขณะที่อยู่ในซากเมืองโบราณ กลุ่มที่องค์ชายสิบสามอยู่เคยเผชิญกับการปล้นชิงจาก ‘มารคู่ผมม่วง’ ทำให้องค์ชายสิบสามโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

แต่ที่น่าโมโหก็คือ หลายครั้งที่ร่วมมือกันล้อมสังหาร ‘มารคู่ผมม่วง’ ฝ่าทะลวงออกไปได้ทุกครั้ง

ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาเหมือนว่าเก่งกล้าสามารถ ชื่อเสียงอื้อฉาวไปไกล

เมื่อเผชิญหน้ากับการเสนอแนะอย่างเกรี้ยวกราดขององค์ชายสิบสาม องค์ชายแปดและองค์ชายเก้ามองหน้ากันไปมา เกิดความสงสัยอยู่บางส่วน

“เป็นพวกเขา…”

แววตาขององค์ชายเก้าแข็งกระด้าง จ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มผมม่วงหนึ่งในนั้น

ในตอนแรกที่เผชิญกับการไล่ล่าสังหารจาก ‘ราชามังกรวารี’ เว่ยจิ้ง เด็กหนุ่มผู้นี้ใช้เขตแดนพรสวรรค์ของราชามังกรวารีมาฝึกฝนแก่นแท้ร่างกาย แล้วยังล่าถอยไปอย่างปลอดภัยได้

ถ้าหากไม่ได้การชี้นำจากเด็กหนุ่มคนนี้ เขาคงไม่สามารถรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้

กับจ้าวเฟิงแล้ว ความคิดขององค์ชายเก้าช่างสับสน

เด็กหนุ่มคนนี้ประหนึ่งอยู่ภายในหมอกควันหนา แปลกประหลาดจนในวันนี้ก็ยังมองไม่ขาด

องค์ชายแปดและลั่วจุนมีสีหน้าหวาดระแวง

การปรากฏตัวของจ้าวเฟิงทำให้คนทั้งสองสัมผัสได้ถึงความยุ่งยาก และยังเกิดความรู้สึกรังเกียจและไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาดด้วย

หลายวันก่อนนี้

ในสุสานใต้ดิน องค์ชายแปด ลั่วจุน และคู่หูโจรผมม่วงยังเคยร่วมมือกันมาก่อน ผลสุดท้ายคือฉวยโอกาสอะไรไม่ได้ แล้วยังเกือบถูกทำร้ายด้วย

“เฮอะ! น้องเก้า เรื่องที่จะรับมือกับ ‘มารคู่ผมม่วง’ จำต้องวางแผนในระยะยาว ตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสมที่สุด” องค์ชายแปดเอ่ยเสียงเบา

ถึงแม้ว่ากำลังคนของเชื้อพระวงศ์ในตอนนี้แข็งแกร่งอย่างมาก แต่ว่ายังมีศัตรูที่แกร่งกล้าอย่างวังลอยฟ้าและหอกระบี่ฟ้าเป็นต้น

“ถูกต้อง! ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือร่วมมือกันวางแผนเรื่อง ‘คฤหาสน์ลับเทพบรรพกาล’ ”

องค์ชายเก้าเอ่ยอย่างเห็นด้วย

องค์ชายแปดกับองค์ชายเก้าเห็นพ้องต้องกันอย่างรวดเร็ว คล้ายยังคงหวาดระแวงในคู่หูโจรผมม่วงอยู่บ้าง

ฝั่งราชวงศ์ยังเป็นเช่นนี้ ขั้วอำนาจอื่นๆ อย่าง ตระกูลเจียง จวนหยวนกง และตระกูลจี จึงต้องเพิ่มความหวาดระแวงและเตรียมพร้อมให้มาก

“พวกเจ้า…” องค์ชายสิบสามรู้สึกถึงความผิดปกติ

การรับมือกับมารคู่ผมม่วงเป็นการรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของราชวงศ์เอาไว้ เหตุใดพี่ชายทั้งสองคนไม่กระตือรือมากนัก และยังมีท่าทีหลบเลี่ยงอีกด้วย

“องค์ชายสิบสาม อย่าเพิ่งใจร้อนไป! จะรับมือกับคู่หูโจรสองคนนี้จำต้องรอโอกาสที่เหมาะสมเสียก่อน”

ผู้เฒ่าหน้าเหี่ยวที่อยู่อีกฟากสังเกตความรู้สึกผ่านสีหน้า บวกกับการวิเคราะห์ข่าวสารส่วนหนึ่ง จึงทำให้คาดเดาสาเหตุได้ไม่ยากเย็นนัก

เห็นได้ชัดว่า ชื่อเสียงชั่วร้ายของมารคู่ผมม่วงโด่งดัง สามารถพูดได้ว่าเป็นกระดูกชิ้นโตที่ขวางคออยู่

‘คู่หูโจร’ พวกนี้ไม่ลงมือปล้นชิงของคนอื่นก่อน ก็นับว่าเป็นเรื่องโชคดีแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องโจมตีเขาเลย

“ซินอู๋เหิน!”

ด้านหน้าของปากทางเข้ารูปมังกรมีเสียงตะโกนเบาๆ

มองเห็นแต่ชายหนุ่มเสื้อดำ โผบินมาอย่างรวดเร็วรุนแรง และร่อนลงบนพื้นอย่างช้าๆ

“พี่ซิน ยินดีที่จะร่วมมือกับพวกเราหรือไม่ หอหกดาราของข้ายินดีแบ่งผลประโยชน์ให้สี่ส่วน…”

“ซินอู๋เหิน! ตัวของเจ้าเองเดิมก็เป็นคนของราชวงศ์ รีบมาเข้าร่วมกับพวกเราเร็ว”

ผู้นำของกองกำลังส่วนหนึ่งในที่นั้น ดวงตาสว่างเป็นประกาย ต่างก็เอ่ยเชิญชวนกันไม่ขาด

กองกำลังของสำนักสามดาวหนึ่งในนั้น ถึงขั้นยินยอมแบ่งผลประโยชน์ให้ถึงหกส่วน

ระดับความเป็นที่ต้องการตัวของซินอู๋เหินอยู่เหนือการคาดเดายิ่งนัก

ในทางกลับกัน ‘มารคู่ผมม่วง’ ก็ทำให้คนหลีกหนีไปเท่าที่จะทำได้ และยังระแวดระวังคนทั้งสองมาก

แนวทางปฏิบัติของซินอู๋เหินและมารคู่ผมม่วงตรงกันข้ามทั้งหมด

“ขอบคุณในเจตนาดีของทุกคน ข้ายังไม่ได้คิดดีๆ ว่าในที่สุดแล้วจะเข้าร่วมกับฝ่ายไหน”

ซินอู๋เหินเอ่ยปฏิเสธแต่ละฝ่ายอย่างราบเรียบ

ผู้นำกองทัพของแต่ละสำนักบางคนมีสีหน้าเสียดาย แต่ก็ไม่อาจจะบีบบังคับ

“บนตัวของเด็กคนนี้มีท่วงท่าของปรมาจารย์อยู่ ความสำเร็จในอนาคตไม่อาจจะประเมินได้เลย…”

เซียนกระบี่หนวดขาวแห่งหอกระบี่ฟ้าประเมินซินอู๋เหิน สีหน้าเผยแววชื่นชม

แต่ทว่า ถึงจะเป็นคำเชื้อเชิญของ ‘หอกระบี่ฟ้า’ ก็ตามแต่ ซินอู๋เหินก็เอ่ยปฏิเสธอย่างง่ายดาย ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย

“พี่จ้าว”

หลังจากที่ซินอู๋เหินยืนขึ้นด้วยท่าทีสับสน จึงเอ่ยทักทาย ‘มารคู่ผมม่วง’ ที่คนเพียรหลีกหนี

พูดให้ถูกต้องก็คือ ฝ่ายตรงข้ามที่เขาเอ่ยทักทายเป็นเด็กหนุ่มผมม่วงคนนั้นต่างหาก

ด้วยเพราะทั้งสองมาจากบ้านเกิดเดียวกัน เคยเป็นคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกันมาก่อน

ขั้วอำนาจที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวต่างเหลือบตามอง

เด็กหนุ่มผมม่วงคนนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่ แม้กระทั่งซินอู๋เหินยังรู้จักกับเขา และยังเอ่ยทักทายก่อนด้วย

อีกทั้งบนใบหน้าของซินอู๋เหินยังฉายแววสับสนและระมัดระวัง

“หรือว่า ‘จ้าวเฟิง’ ที่เป็นหนึ่งในมารคู่ผมม่วงและซินอู๋เหินเป็นคนในระดับเดียวกันงั้นหรือ?”

กลุ่มกำลังยอดฝีมือและขั้วอำนาจอย่างตระกูลเจียง ตระกูลจี ตระกูลเฉา ต่างก็คาดเดาอย่างลับๆ

“เขาแข็งแกร่งมากกว่าที่คาดเดานัก”

จีหลานที่เคยโดนดวงตาเทพเจ้าโต้กลับ บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ความชั่วร้ายลี้ลับของมารคู่ผมม่วงก็ได้ตราตรึงเข้าไปในจิตใจของคนทั้งหมด

แม้กระทั่งองค์ชายสิบสามผู้นั้นก็อดคิดเช่นนั้นไม่ได้ “ดูๆ ไปแล้วมารคู่ผมม่วงแข็งแกร่งกว่าที่คาดเดาเอาไว้เสียอีก มิน่าล่ะ องค์ชายทั้งสองจึงไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่นัก…”

สวบ สวบ!

ในเวลานี้เอง ปรากฏกองกำลังยอดฝีมือที่แกร่งกล้าอีกกลุ่มหนึ่ง เร่งรุดมายังบริเวณปากถ้ำรูปร่างมังกร

สตรีชุดม่วงผู้งดงามโดดเด่นที่อยู่ด้านหน้าของกองกำลังดังกล่าว ดึงดูดสายตาของคนทั้งหมด

“เป็นตระกูลตวนมู่!”

“จ้าวหยูเฟย! ลูกหลานต่างแซ่ของตระกูลตวนมู่ ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลรับเป็นธิดาบุญธรรม ว่ากันว่าสตรีนางนี้มีสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ…”

คนส่วนหนึ่งตรงนั้นพูดคุยกัน

คนจำนวนมากเพิ่งจะเคยพบเจอสตรีผู้ที่โดดเด่นงดงามนางนี้เป็นครั้งแรก

“จ้าวหยูเฟย…สายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณ! ท่านอาจารย์เคยบอกว่า นางจะเป็นศัตรูที่เก่งกาจของข้าในอนาคต ด้วยสายเลือดของนางได้กำหนดเอาไว้ว่าจะโดดเด่นเกินกว่าใคร”

เซวียนหยวนเหวินตั้งใจประเมินค่าคนคนหนึ่งเป็นครั้งแรก

สตรีที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตางดงามเหนือผู้ใด บริสุทธิ์สะอาดไร้ซึ่งมลทิน ผิวพรรณเปล่งแสงสว่างน้อยๆ เป็นดั่งเซียนหยกเหมันต์สูงส่งที่มีชีวิต

ถึงแม้ว่าจะเป็นเซวียนหยวนเหวินที่มองเห็นความงามชั้นยอดมามากมายในสำนักสี่ดาว ก็ยังคงตกตะลึงในความงามอย่างยิ่งยวดนี้

“น้องหยูเฟย!”

องค์ชายสิบสามดวงตาเป็นประกาย ใบหน้าฉายแววยินดีและเดินไปต้อนรับเป็นคนแรก

ขั้วอำนาจต่างๆ ในที่ดังกล่าวล้วนรู้ข่าวโคมลอยระหว่างจ้าวหยูเฟยและองค์ชายสิบสามชัดเจนอย่างมาก

ในอนาคต คนทั้งสองนี้มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นคู่ครองกัน

นี่ไม่เพียงแต่เป็นการสมรสที่เกิดขึ้นจากเจตนาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ยังมีการผลักดันจากอำนาจที่มองไม่เห็นอีกด้วย

เมื่อมอง ‘นางในฝัน’ เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ถึงแม้ว่าองค์ชายสามจะทุ่มเทความสามารถทั้งหมด ก็ยากจะปกปิดความหลงใหลในความงามที่ฉายออกมาในแววตา

ในส่วนลึกของจิตใจ เขามองสตรีที่สมบูรณ์พร้อมและงดงามค่าควรเมืองผู้นี้เป็น ‘คู่หมั้น’ ของตนไปแล้ว

แต่ว่า เหตุการณ์ที่ทำให้คนคาดคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

สตรีชุดม่วงผู้สง่างามสะสวยเหมือนมองไม่เห็นองค์ชายสิบสามอย่างนั้น นัยน์ตากระจ่างใสจับจ้องไปที่คนผู้หนึ่ง

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ตระกูลตวนมู่ เชื้อพระวงศ์ รวมไปถึงอัจฉริยะยอดฝีมือของสำนักและตระกูลต่างๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง

ตำแหน่งที่จ้าวหยูเฟยจ้องไปนั้นคือมารคู่ผมม่วง

“เป็นคู่หูโจรอีกแล้ว!”

“หรือว่ามารคู่ผมม่วงนั่นยั่วโทสะจ้าวหยูเฟยเข้า…”

ยอดฝีมือในที่นั้นตาโตอ้าปากค้าง

“หยูเฟย วางใจเถิด! ข้าจะช่วยเจ้าลงโทษเจ้าหัวขโมยสองคนนี้อย่างหนักแน่นอน!” องค์ชายสิบสามยิ้มกว้าง เผยสีหน้าเชื่อมั่นในตนเอง

เพื่อที่จะช่วงชิงหัวใจของนางในฝันมา ต่อให้เขาต้องจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมากเท่าไหร่ก็ต้องสังหารมารคู่ผมม่วงนี้ให้ได้

หากว่าเขามีเจตนาจะลงมือ องค์ชายแปดและองค์ชายเก้าไม่มีทางนั่งชมเฉยๆ

ทันใดนั้นเอง องค์ชายสิบสามก็รวบรวมกำลังคน เตรียมที่จะล้อมสังหารมารคู่ผมม่วง

“หยุดนะ!”

น้ำเสียงสูงดังขึ้นขัดความตั้งใจขององค์ชายสิบสาม ทั้งยังแฝงไปด้วยพลังของสายเลือดเผ่าพันธุ์วิญญาณที่แกร่งกล้าอีกด้วย

พริบตานั้น ไอสวรรค์ของทั่วทั้งฟ้าดินหมุนตลบดังพายุรุนแรง

ยอดฝีมือจำนวนมากที่อยู่ในเหตุการณ์ ปราณที่แท้จริงในสายเลือดสั่นสะท้านอย่างประหลาด

“น้องหยูเฟย เจ้า…”

องค์ชายสิบสามหน้ามึนงงไป ไม่เข้าใจว่าทำไมนางในฝันที่ตนเองทุ่มเททุกอย่างเพื่อเอาใจ จู่ๆ จะโกรธเกรี้ยวเช่นนี้

เวลานี้ ในดวงตากระจ่างของจ้าวหยูเฟยปรากฏละอองน้ำ จ้องไปยังเด็กหนุ่มผมม่วงในกลุ่มมารคู่ผมม่วง แล้วโบยบินไปดังกลุ่มควันเบาบางสีม่วง

“หยูเฟย!” ผู้เฒ่าชุดเขียวแห่งตระกูลตวนมู่และคนอื่นต่างก็ทำอะไรไม่ถูก

พวกเขาเพิ่งเคยเห็นระลอกอารมณ์ที่รุนแรงบนใบหน้าของสตรีผู้งดงามนางนี้เป็นครั้งแรก

“พี่เฟิง…เป็นท่านใช่ไหม?”

ละอองน้ำเอ่อดวงตาของจ้าวหยูเฟยจนพร่ามัว ในใจไม่มีคนผู้ใดหลงเหลืออยู่ มีแต่เพียงเด็กหนุ่มผมม่วงที่ชั่วร้ายลึกลับเกินคาดเดา

เรือนผมสีม่วงที่คุ้นตา ดวงตาที่คุ้นเคย ทำให้นางยิ่งมั่นใจ

“นี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!” องค์ชายแปดกับองค์ชายเก้าแห่งราชวงศ์ ลั่วจุนและคนอื่นๆ มองกันตาค้าง

คลื่นอารมณ์บนใบหน้าของจ้าวหยูเฟยได้อธิบายคำถามส่วนหนึ่งแล้วอย่างชัดเจน ระหว่างนางและจ้าวเฟิงคนนี้เกรงว่าจะมีความสัมพันธ์ที่แนบชิดสนิทกันอย่างยิ่ง

“พวกเขาทั้งสองคนล้วนแต่แซ่จ้าว หรือว่า…” องค์ชายแปดและลั่วจุนสบตากัน

การคาดเดาหนึ่งเกิดขึ้นในใจของทุกคน

คนทั้งหลายกำลังคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งสองว่าเป็น ‘พี่น้อง’

“หยูเฟย…เป็นข้าเอง” น้ำเสียงของจ้าวเฟิงทุ้มต่ำ

เมื่อมองเห็นสตรีผู้เป็นเพื่อนสมัยเด็ก และทั้งสองยังสนิทชิดเชื้อกันอีกครั้ง ในใจของเขาสับสนวุ่นวาย ยังไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าอย่างไร

ในวัยเด็ก เขาเป็นดังท่อนไม้ ความรู้สึกในตอนแรกที่มีต่อจ้าวหยูเฟยเป็นความรู้สึกดีๆ เท่านั้น ต่อมาเขาก็ดูแลและให้ความสนิทสนมกับนางราวกับพี่ชายน้องสาว

แต่คลื่นน้ำของความรู้สึกชะล้างผ่านความรู้สึกไร้เดียงสาไม่รู้ความในวัยเด็ก ในขณะที่วันเวลาเคลื่อนคล้อยไป ก็ส่งกลิ่นหอมตลบราวกับสุราชั้นดีที่บ่มเอาไว้ ทำให้ค่อยๆ ลุ่มหลงอย่างอดไม่ได้

ทั้งหมดนี้ไม่ได้มีความทรงจำเกินจะลืม หรือรักนิรันดร์ไม่มีเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด มีเพียงแต่การกัดกร่อนเรื่อยๆ ของกาลเวลา

“พี่เฟิง เหตุใดท่านจึงไม่ยอมทักข้า…” เงาแบบบางราวหมอกควันโผเข้าไปในอ้อมกอดของจ้าวเฟิง

บางที จ้าวหยูเฟยอาจ ‘ยืนยัน’ ตัวตนของจ้าวเฟิงจากพลังวิญญาณแล้ว นับจากนั้นจึงหลงลืมไปว่าร่างนี้มิใช่จ้าวเฟิงคนเก่าอีกต่อไป

มือของจ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความชื้น โอบกอดหญิงงามในอ้อมแขนไว้ แต่กลับพูดอะไรไม่ถูก

“หยูเฟย…”

องค์ชายสิบสามที่อยู่ด้านหลังตัวสั่น ใจทั้งดวงเย็นวาบไปครึ่งหนึ่ง

เขารู้สึกทันทีว่าความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวเฟิงและจ้าวหยูเฟยไม่เหมือนพี่ชายน้องสาว

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ราชนิกูลต้าเฉียน ตระกูลชนชั้นสูงส่วนหนึ่ง พวกอัจฉริยะของสำนักที่สูงส่ง แต่ละคนต่างก็งุนงงสับสน ทำอะไรไม่ถูก

คนของตระกูลตวนมู่ก็ตะลึงงัน หญิงงามผู้โดดเด่นที่สายเลือดสูงส่งเกินจะเปรียบ กลับโผเข้าไปในอ้อมกอดของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่ม ‘มารคู่ผมม่วง’ ที่มีชื่อเสียงไม่ดีนัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version