บทที่ 837 เปลี่ยนธาตุแท้
ริมสระน้ำซึ่งมีคลื่นเขียวครามกระเพื่อมไหว
คนของวังเก้านิรยและตระกูลจีแต่ละคนกลั้นลมหายใจ หัวใจเต้นตึกตัก
‘บัวฟ้าวารีคราม’ กับ ‘รากบัวหลอมกายา’ กลางสระเป็นถึงสมบัติล้ำค่าที่ยากจะพบเจอในใต้หล้าตอนนี้
หนึ่งในนั้น ประโยชน์และสรรพคุณของบัวฟ้าวารีครามมากเป็นพิเศษ
ส่วนรากบัวหิมะหลอมกายา ยิ่งมีคุณประโยชน์เฉพาะคือช่วยสร้างร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ช่างลี้ลับลึกล้ำนัก เปรียบเทียบกันแล้ว รากบัวหิมะหล่อหลอมร่างขึ้นได้ ประสิทธิผลประเภทนี้พิเศษและหายาก ส่งผลให้มูลค่าของมันสูงกว่า
แต่สำหรับคนเหล่านี้ บัวฟ้าวารีครามกลับมีประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมมากกว่า สามารถชะล้างจิตใจ กระตุ้นการเปลี่ยนแปลงระดับขั้นชีวิต กระทั่งเยียวยาอาการบาดเจ็บ
“บัวฟ้าวารีครามเยอะเพียงนี้…ได้ร่ำรวยกันแล้ว!”
ลูกหลานตระกูลจีผู้หนึ่งกระโดดไปทางสระน้ำสีคราม ใบหน้าตื่นเต้น
“รีบจัดการเร็ว!”
อัจฉริยะของวังเก้านิรยก็อดไม่ไหว ทะยานไปอย่างรวดเร็วรุนแรง มือคว้ายังบัวฟ้าวารีคราม
จิวอู๋จี้กับจีหลานหน้าเปลี่ยนสี คิดห้ามแต่ไม่ทันกาลแล้ว
ผัวะ!
ทันใดนั้น อำนาจจิตวิญญาณวารีที่น่าพรั่นพรึงสาดซัดมาจากกลางสระ ผิวน้ำมีระลอกแสงเขียวครามระยิบระยับ
พลั่ก!
มือของสองอัจฉริยะกำลังจะเข้าใกล้บัว คลื่นเขียวนั้นก็กระแทกจนปลิวออกไป
อึก! ทั้งสองกระอักเลือดกลางอากาศ
คลื่นน้ำมรกตกลางสระประหนึ่งมีสติปัญญา มันก่อตัวเป็นน้ำวนแวววาวถาโถมเข้ามาฉุดกระชากอัจฉริยะทั้งสอง
“ช่วยด้วย…”
สองคนดิ้นรนอยู่กลางอากาศ สีหน้าหวาดกลัว
จิวอู๋จี้แค่นเสียงเย็นชา รวบมือข้างหนึ่ง มือยักษ์สีดำสนิทตรงไปคว้าอัจฉริยะผู้นั้นมา กลางฝ่ามือของจีหลานปรากฏแส้เงินที่มีแสงสีม่วงลอยล่อง ดูราวกับงูวิญญาณ นางฟาดมันเข้าใส่คนของฝั่งตน ทว่านางลงมือช้าไป ร่างอัจฉริยะคนนั้นถูกน้ำวนมรกตด้านหลังกลืนกินเสียแล้ว
“อ๊าก…” กายท่อนล่างของเขาถูกระลอกเขียวครามตัดเป็นชิ้นๆ ก่อนทั้งตัวจะโดนน้ำวนสูบเข้าไปโดยไม่เหลือร่องรอย
จีหลานรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่แก่กล้า เรือนร่างสั่นเทา เกือบถูกแรงจากคลื่นน้ำดูดเข้าไป
เมื่ออัจฉริยะฝ่ายตนร่างแหลกเป็นชิ้น แส้เงินในมือนางขยับเบาๆ แล้วสะท้อนกลับมา
ใบหน้าจีหลานซีดขาว ใจยังคงหวาดหวั่น
พลังนิรนามในสระมีความสามารถกลืนกินราชันปราณเทวะอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงและพวกจิวอู๋จี้ไม่ลงมือผลีผลาม ก็เพราะรู้สึกถึงกลิ่นอายวิญญาณวารีไร้รูปภายในสระ
ริมสระน้ำเงียบสงัด
คนจากวังเก้านิรยและตระกูลจีมีสีหน้าหวาดผวา ฝ่าเท้าเย็นเฉียบ ถอยออกห่างจากริมสระโดยไม่รู้ตัว
สองคนที่เพิ่งลงมือล้วนเป็นครึ่งก้าวสู่ราชัน
จิวอู๋จี้กำลังรบแกร่งกล้า มากประสบการณ์ ปฏิกิริยาตอบโต้ว่องไวอย่างยิ่ง จึงฝืนช่วยมาได้คนหนึ่ง ส่วนคนของตระกูลจีดับดิ้นไม่เห็นศพ ตายไปไร้หลุมฝัง ทำให้ผู้คนประหวั่นพรั่นพรึง
“น้ำนั่นเหมือนมีสติปัญญา โจมตีเป้าหมายได้ด้วยตนเอง”
“ในสระน้ำมีพลังนิรนามใดแฝงอยู่กันแน่?”
คนสองฝ่ายจ้องสระน้ำที่คลื่นเขียวครามไหลวน พลางพูดคุยกันด้วยเสียงเบา
ยามนี้ ผิวน้ำกลับมาสงบดังเดิม ดูแล้วคล้ายสระน้ำทั่วไปเท่านั้น
“ไม่ผิดคาด สระน้ำมรกตนี่ไม่ใช่ง่ายดายเพียงแค่มีปัญญา”
จ้าวเฟิงพึมพำเสียงต่ำ มุมปากยกยิ้มบาง
เขากับหนานกงเซิ่งมาถึงเร็วที่สุด กลับยืนอยู่ข้างสระตลอดโดยไม่ได้ลงมือ
“คุณชายจ้าวชี้แนะสักหน่อยได้หรือไม่ ในสระนี้มีสิ่งลี้ลับอะไร?”
จีหลานยังหวาดกลัวไม่หยุด นางขอคำชี้แนะจากจ้าวเฟิงอย่างนอบน้อม
ข้างสระน้ำ ในแววตาอมยิ้มของเด็กหนุ่มผมม่วง คล้ายมีความระมัดระวังสอดส่องทุกสรรพสิ่ง ควบคุมทุกอย่าง
ได้ยินดังนั้น คนทั้งสองฝั่งพากันหันมองเขา
“ง่ายดายนัก”
จ้าวเฟิงกล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “ทุกสรรพสิ่งล้วนมีปัญญา สระน้ำแห่งนี้มีความคิดจิตใจขึ้นได้ภายใต้สภาพแวดล้อมชั้นเลิศและกาลเวลาที่ยาวนาน ทั้งยังก่อกำเนิดปีศาจทรงพลังแขนงวารีที่พิเศษเฉพาะ”
ปีศาจแขนงวารี?
ทุกคนตกตะลึง
“กล่าวง่ายๆ คือ ตัวของสระน้ำเป็นสิ่งมีชีวิตใหญ่ยักษ์อย่างหนึ่ง”
ดวงตาจ้าวเฟิงเป็นประกาย
ผัวะ! เพิ่งกล่าวจบ คลื่นน้ำมรกตชั้นหนึ่งสาดขึ้นจากผิวสระน้ำ
ราวกับ ‘มัน’ ตอบสนองคำพูดของจ้าวเฟิง
ใบหน้าจิวอู๋จี้มีแววตกใจระคนสงสัยพาดผ่าน
ตัวสระน้ำเป็นสิ่งมีชีวิตมหึมา พลังวิญญาณวารีที่แฝงอยู่ฉีกราชันปราณเทวะเป็นชิ้นๆ ได้
นอกจากนี้ จ้าวเฟิงเป็นเพียงขอบเขตแก่นก่อกำเนิด กลับกล่าวถึงความลี้ลับของสระโดยไม่สะทกสะท้าน ทำให้จิวอู๋จี้นึกเกรงกลัว ยิ่งมองฝ่ายตรงข้ามไม่ปรุโปร่งขึ้นไปอีก
“มารคู่ผมม่วง พวกเจ้ามีหนทางนำบัวฟ้าวารีครามตรงกลางสระมาหรือไม่”
จิวอู๋จี้กล่าวเสียงทุ้มต่ำ
เขาเคยปะทะกับสองคนนี้มาก่อน จึงรู้ถึงความร้ายกาจของคู่หูมาร ดูเหมือนจะไม่เคยเสียเปรียบสักครั้ง
“หนทางหรือ? ข้ากำลังคิด…”
จ้าวเฟิงยกมือข้างหนึ่งเท้าคาง ทำท่าทางครุ่นคิด
พวกจิวอู๋จี้รู้สึกคล้ายสำลัก ไร้คำพูดตอบกลับ บางที จ้าวเฟิงอาจคิดหาวิธีได้แล้ว เพียงแต่ไม่อยากพูด หรือบางที วิธีของเขายังไม่แน่ชัด จึงอยากสำรวจอีกสักหน่อย
“พวกเราใช้อาวุธวิเศษประเภทแส้นำ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ มาได้ เช่นนี้ต่อให้ทำไม่สำเร็จ ก็ไม่ถึงกับเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต”
ยอดฝีมืออาวุโสจากวังนิรยเอ่ย
หลังจากนั้น ครึ่งก้าวสู่ราชันที่ใช้แส้ผู้หนึ่งก้าวออกมา
“ย้าก!” คนผู้นั้นร้องตะโกน แส้โลหะเงินในมือพลันยืดยาวออกสิบกว่าจั้ง ปลายสุดกลายเป็นรูปร่างมือ ตรงไปคว้าบัวฟ้าวารีครามต้นหนึ่ง
ยามนั้น ขณะแส้โลหะกำลังจะจับบัวฟ้าวารีคราม
ผัวะ! คลื่นน้ำเขียวครามมีแสงเรืองรองพลันซัดขึ้นจากกลางสระ กระแทกแส้นั้นออกไป
ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณวารีมหาศาลเคลื่อนมาตามแส้โลหะ
พลั่ก! ครึ่งก้าวสู่ราชันที่ใช้แส้ลอยกระเด็นไป กระอักเลือดทันใด ร่างกายบาดเจ็บสาหัส ยืนไม่ขึ้นอีกนาน
“อานุภาพวิญญาณวารีที่แฝงอยู่ในสระทรงพลังเกินไป ไม่มีกำลังรบจักรพรรดิก็ต่อกรได้ยากยิ่ง”
จิวอู๋จี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าหนักอึ้ง
ต่อมา คนของวังเก้านิรยและตระกูลจีคิดวิธีหลากหลายในการชิงบัวฟ้าวารีคราม
วิธีการเหล่านั้นรวมถึงการสูบน้ำจนแห้งหรือดึงน้ำขึ้นมา ใช้ไฟแรงกล้ารับมือสระน้ำ ถึงขั้นคิดได้วิธีอาจหาญเช่นการ ‘ย้ายภูเขาเพิ่มสระ’
ทว่าแนวคิดพวกนี้ล้มเหลวทั้งหมด
ระหว่างที่ดำเนินการจริงตามแผน ล้วนเผชิญกับการสกัดกั้นและแรงสะท้อนกลับจากสระน้ำมรกต
“ตัวสระน้ำคือร่างกายใหญ่ยักษ์ มีชีวิตสติปัญญา มันได้ยินความคิดของเราหมด ดูจากพลังวิญญาณวารีที่กล้าแกร่งของมัน มีหรือจะนั่งรอความตายเฉยๆ?”
ใบหน้าจ้าวเฟิงมีแววเยาะหยันอยู่บ้าง
จิวอู๋จี้ได้ยินก็พลันไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าหน้าตนมืดทะมึน
เขาเป็นถึงผู้โดดเด่นในบรรดาราชันอาวุโส เคยมีคนรุ่นเยาว์มาชี้นิ้วเอ่ยสั่งเช่นนี้เมื่อไหร่?
“คุณชายจ้าวพูดมีเหตุผล จะจัดการมัน ต้องทำเหมือนมันเป็นสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา จากนั้นหาจุดอ่อนแล้วโจมตีเสีย”
จีหลานแห่งตระกูลจีเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น
จิวอู๋จี้พยายามอดกลั้นโทสะและความไม่พอใจ เขาเข้าใจแจ่มแจ้งดี มารคู่ผมม่วงไม่คุ้มที่จะมีเรื่องด้วย
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาก็พ่ายแพ้เพราะการร่วมมือกันของมารคู่ผมม่วง
ทว่า คำของจ้าวเฟิงพอช่วยชี้ทางสว่างให้กับคนทั้งสองได้
“ถ้าสระนี้เป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา เช่นนั้นมันก็ป้องกันเคล็ดวิชาแขนงวิญญาณไม่ได้…”
ใบหน้างามสง่าของจีหลานปรากฏรอยยิ้ม
“ความหมายของเจ้าคือ?”
เมื่อเข้าใจความคิดของนาง นัยน์ตาจิวอู๋จี้สว่างไสวขึ้นบ้าง
จ้าวเฟิงเผยสีหน้าชื่นชม พยักหน้าน้อยๆ
ในเมื่อสระมรกตมีชีวิตกับความคิด พลังแขนงวารีของมันแข็งแกร่งเพียงนี้ จึงยากจะทะลวงผ่าน
เช่นนั้น เหตุใดถึงไม่เปลี่ยนมาโจมตีที่ชั้นวิญญาณแทน?
แม้มีพลังแก่กล้าหรือข้อได้เปรียบโดยกำเนิด แต่ไม่แน่ว่าชั้นวิญญาณจะแกร่งด้วย ถึงอย่างไร ตัวสระน้ำก็เป็นสิ่งของ ไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตวิญญาณของสรรพสิ่ง
ไม่นาน จิวอู๋จี้กับจีหลานจึงร่วมกันโจมตี
“เนตรดาราม่วง!”
ผมม่วงของจีหลานสะบัดพลิ้ว ดวงตาทั้งสองดุจดาราสีม่วง ปลดปล่อยพลังดวงตาวิญญาณเป็นประกายจากในชั้นวิญญาณ
วินาทีนั้น ชั้นวิญญาณของยอดฝีมือที่อยู่ใกล้เคียงได้รับการโจมตีจากกลิ่นอายพลังน่าสะพรึง และโดนปกคลุมด้วยภาพมายา
‘เนตรดาราม่วง’ ของจีหลานชำนาญการโจมตีดวงวิญญาณในศาสตร์ลวงตา
การโจมตีนั้นมีผลจากวิชาลวงตา ส่งผลกระทบต่อวิญญาณ พร้อมกันนั้นยังจู่โจมดวงวิญญาณถึงแก่นแท้ด้วย
ผัวะ! ผิวสระน้ำมรกตพลันปรากฏระลอกคลื่น ก่อนจะกระเพื่อมขึ้นลง
ชัดเจนว่าวิชาดวงตาวิญญาณของนางได้ผลพอสมควร
“หัตถ์เวหามาร!” จิวอู๋จี้เปล่งเสียงตะโกน อาศัยโอกาสนี้ลงมือ
เปรี้ยง! มือยักษ์ดำมืดทะลวงอากาศ ก่อให้เกิดไอเพลิงเมฆดำหมุนตลบอยู่ทั่ว อานุภาพศาสตร์มารที่แก่กล้าถาโถมไปยังพื้นที่หนึ่งของขอบสระ พร้อมด้วยพลังถล่มฟ้าทลายดิน
ครืน~ หัตถ์เวหามารใหญ่มหึมาปะทะเข้ากับคลื่นเขียวครามที่สาดซัดขึ้น
หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป ต่อให้พลังสายมารของจิวอู๋จี้เข้าใกล้จักรพรรดิปราณเทวะ ก็ไม่อาจฝ่าทะลวงการสกัดกั้นและการป้องกันของสระน้ำได้
ทว่าคราวนี้ ด้วย ‘เนตรดาราม่วง’ ของจีหลาน สระน้ำมรกตถูกโจมตีในชั้นวิญญาณ โดนรบกวนจากวิชาลวงตา พลังของมันส่งผลห้าส่วนในสิบส่วน
ตูม —— พู่!
จิวอู๋จี้กระตุ้นเขตแดนและวิชาสายมารไปถึงขีดสุด จนกระทั่งหัตถ์เวหามารกดคลื่นน้ำด้านล่างลงได้หลายฉื่อ
เวลาเดียวกัน ยอดฝีมืออัจฉริยะของทั้งสองฝ่ายพากันจู่โจม เดินหน้าสยบสระน้ำมรกต
“ดาราวินาศ!”
ใบหน้าจีหลานขึ้นสีแดงเรื่อ กัดฟันแน่น กระตุ้นวิชาดวงตาศาสตร์วิญญาณจนถึงจุดสูงสุด
สุดท้าย พละกำลังของทุกคนกดคลื่นเขียวครามลงไปได้ครึ่งจั้ง ทว่าจำกัดอยู่ตรงพื้นที่เล็กๆ ของ ‘หัตถ์เวหามาร’ เท่านั้น
พื้นที่ดังกล่าวเผยให้เห็นบัวฟ้าวารีครามอยู่สองสามต้น
ส่วน ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ อยู่ลึกลงไปอีกเล็กน้อย ยากเกินกว่าจะเรียกร้องเอามา
แม้เป็นเช่นนั้น คนทั้งหลายก็ยังยินดีอย่างยิ่ง
“ลงมือเลย! เอาบัวฟ้ามา”
ท่ามกลางกำลังคนสองฝ่าย ยอดฝีมืออาวุโสสองคนฝืนกระโจนขึ้น ก่อนใช้อาวุธวิเศษจำพวกแส้เก็บ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ มา
อย่างไรก็ตาม ระหว่างลงมือไม่ได้ง่ายดายปานนั้น
คลื่นมรกตบนผิวสระน้ำที่ถูกกดข่มถาโถมขึ้นลงเป็นระยะ ปะทะคนทั้งสองจนถอยร่น ยอดฝีมืออาวุโสหนึ่งในนั้นป้องกันไม่ทันกาล แส้ในมือถูกน้ำวนกลางคลื่นน้ำดูดไป คลื่นในสระเพียงแค่โดนกดไว้ ยังปั่นป่วนไม่สงบ บางครั้งมีน้ำวนเกิดขึ้นหลายจุด ไม่ก็สาดคลื่นแหลมคมเข้าใส่ สิบชั่วอึดใจผ่านไป
วังเก้านิรยกับตระกูลจีผนึกกำลัง จึงจะชิงบัวแก้ววารีครามมาได้ต้นหนึ่ง แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ กลีบกับใบร่วงหล่นไปบางส่วน
“ข้าใกล้จะต้านไว้ไม่ไหวแล้ว…”
จิวอู๋จี้อดกลั้นจนหน้าแดงก่ำ ปราณที่แท้จริงเผาผลาญไปครึ่งหนึ่ง ‘หัตถ์เวหามาร’ ในเขตแดนศาสตร์มารซึ่งก่อตัวอยู่กลางอากาศเริ่มไม่มั่นคง
“ข้าเองก็เริ่มทนไม่ไหว”
นัยน์ตาราวดวงดาวสีม่วงของจีหลานสั่นไหวแวววาว หน้าผากผุดเหงื่อเย็น
“เด็ดมา!”
ชั่วอึดใจสุดท้าย ยอดฝีมืออาวุโสฝ่ายตระกูลจีพยายามเก็บกลีบดอกบัวมาได้หลายใบ คนฝั่งวังเก้านิรยก็โชคดี คว้าเม็ดบัวเม็ดหนึ่งได้กลางอากาศ
ฟึ่บ! ครืน ——
คลื่นยักษ์หลายลูกสาดซัดขึ้นจากสระ ระลอกน้ำมีแสงเขียวครามก่อให้เกิดพายุรุนแรง
พลั่ก! พลั่ก! จิวอู๋จี้และจีหลานซึ่งนำกลุ่มโจมตีถูกซัดปลิวออกไป
จีหลานมีคราบเลือดตรงมุมปาก ส่วนจิวอู๋จี้มีปีกเพลิงมารสีดำรวมตัวขึ้นกลางหลัง จึงฝืนยันร่างไว้ได้
“ไม่เลวเลย…”
จ้าวเฟิงยกมุมปาก คล้ายเพลิดเพลินกับการอนุมานที่ยอดเยี่ยม
คนสองฝ่ายร่วมมือกัน ทุ่มกำลังสุดความสามารถ จนฝืนเอาบัวฟ้าวารีครามมาได้หนึ่งต้นกับอีกครึ่งหนึ่ง
“กลับให้พวกเขาทำสำเร็จเสียได้…”
ดวงตาหนานกงเซิ่งเผยเจตนา ไม่ปิดบังความโลภภายในนั้น
“ไม่ได้การ! ทุกคนระวัง ‘มารคู่ผมม่วง’ ไว้”
จิวอู๋จี้ที่อยู่บนฟ้าพลันนึกบางอย่างได้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป
คู่มารผมม่วงนั่นเป็นโจรโดยสันดาน เป็นไปได้มากว่าจะอาศัยโอกาสนี้ลงมือ
อีกทั้งช่วงนี้พฤติกรรมของสองหัวขโมยเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ลงมือปล้นชิงอีก ซ้ำยังเสนอความเห็น จนถึงขั้นเมินเฉยต่อผู้นำทั้งสองฝ่าย
“แย่แล้ว!” จีหลานก็ตระหนักถึงจุดนี้ ที่แท้ตนเองถูกความคิดเห็นเล็กน้อยของโจรชั่วสองคนหลอกเอา
ย้ายภูเขากับแม่น้ำ ยังง่ายยิ่งกว่าเปลี่ยนสันดานคน
ยามนี้คือโอกาสดี จีหลานกับจิวอู๋จี้ถูกซัดกระเด็น กระทั่งได้รับบาดเจ็บ มารคู่ผมม่วงจะไม่ปล้นได้หรือ?
หนานกงเซิ่งเลียริมฝีปากล่างโดยไม่รู้ตัว รู้สึกกระปรี้กระเปร่าคล้ายเป็นสัญชาตญาณ
“ก็แค่ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ เพียงหนึ่งต้นครึ่ง”
เสียงที่ติดจะดูแคลนดังมาจากเด็กหนุ่มในกลุ่มมารคู่ผมม่วง
เวลาเดียวกัน มือข้างหนึ่งของเขาตบบนไหล่หนานกงเซิ่งเบาๆ เพื่อห้ามไม่ให้ลงมือ
“ไม่จัดการรึ?”
“มารคู่ผมม่วงเปลี่ยนธาตุแท้ตั้งแต่เมื่อไหร่…”
จิวอู๋จี้กับจีหลานสบตากัน ก่อนถอนหายใจโล่งอก รู้สึกว่าช่างเหลือเชื่อ
ริมสระน้ำ จ้าวเฟิงกับหนานกงเซิ่งยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ลงมือใดๆ
หากเมื่อครู่สองหัวขโมยฉวยโอกาสฉกชิง คนทั้งสองก็ยับยั้งไว้ไม่ทันแน่
ฟังแล้วนัยของจ้าวเฟิงเหมือนไม่เห็น ‘บัวฟ้าวารีคราม’ หนึ่งต้นครึ่งนั้นอยู่ในสายตา
“เอาละ ถึงตาพวกเราแล้ว”
สายตาจ้าวเฟิงกวาดมองคนของวังเก้านิรยและตระกูลจีที่ค่อนข้างเหนื่อยล้าอย่างเรียบเฉย
เมื่อได้ยินดังนั้น จีหลานกับจิวอู๋จี้สั่นสะท้านทั้งกายใจ
กำลังคนสองฝั่งหวาดระแวง จับจ้องเด็กหนุ่มผมม่วงผู้ไม่สะทกสะท้าน
“มารคู่ผมม่วงจะใช้วิธีใดเอา ‘บัวฟ้าวารีคราม’ มา?”
กลุ่มคนยังหวั่นเกรงและแคลงใจ ทั้งยังคาดหวังรอคอยอย่างประหลาด
เห็นเพียงจ้าวเฟิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ผมสีม่วงสะบัดแม้ไร้ลม ลายสายฟ้าสีเดียวกันผุดขึ้นในตาซ้าย ตรงกึ่งกลางปรากฏโลกมายาลึกล้ำไร้ขอบเขตอยู่รางๆ
เพียงก้าวเดียว สายเลือดดวงตาของจีหลานที่อยู่ด้านข้างสั่นไหวหวาดหวั่นโดยไร้สาเหตุ
“ปีศาจวารี! มอบ ‘บัวฟ้าวารีคราม’ ครึ่งหนึ่งกับ ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ มา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า” เสียงเย็นชาทรงอำนาจกระเทือนชั้นวิญญาณ
คนในที่นั้น รวมทั้งพวกจิวอู๋จี้ จิตใจสะท้านภายใต้เสียงนั้น
กลุ่มคนทั้งสองฝ่ายมองหน้ากันไปมา จิวอู๋จี้กับจีหลานมีสีหน้าพิลึกหลายส่วน
ยากจะเชื่อได้ จ้าวเฟิงกลับใช้วิธีเผด็จการเช่นนี้ ‘ข่มขู่’ ปีศาจวารีซึ่งมีปัญญา ให้มอบสมบัติที่ตนต้องการมาซึ่งๆ หน้า