Skip to content

King of Gods 859

King Of Gods

บทที่ 859 ราคาของพลัง

“แทนที่จะให้เจ้าเปลี่ยนหนานกงเซิ่งจนผิดเพี้ยนเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่สู้มอบวิญญาณเขาให้ข้า…เก็บรักษาไว้ชั่วคราว!”

สีหน้าและน้ำเสียงจ้าวเฟิงเด็ดขาด การตัดสินใจที่ทรงอำนาจและอหังการ ทำให้โม่ตงเหยาด้านข้างใจสั่นสะท้าน

ใบหน้านางหวาดผวา ยากจะเชื่อว่าจ้าวเฟิงคิดใช้วิธีเหนือชั้นเช่นนี้ดึงวิญญาณหนานกงเซิ่งออกมาตรงๆ

แต่ไม้นี้ได้ผลดียิ่งนัก ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ นั่นโกรธเกรี้ยวและร้อนรนทันที

ในฐานะร่างความคิด อย่างไรมันก็ปราศจากวิญญาณ ไม่มีทางควบคุมหรือเปลี่ยนกายเนื้อไร้จิตให้ชั่วร้ายได้โดยตรง

“เนตร…เพ่ง…เทพเจ้า!”

ชั่วเวลานั้น วิญญาณดั้งเดิมที่เป็นสีม่วงเงินสอดประสานถูกดึงจากร่างแล้วครึ่งหนึ่ง

“จ้าวเฟิง…”

วิญญาณหนานกงเซิ่งขัดขืนอยู่กลางอากาศ สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง

ความรู้สึกที่วิญญาณถูกผู้อื่นยึดครอง ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ต้องตระหนกตกใจ

“หนานกงเซิ่ง! เจ้าโทษจ้าวเฟิงไม่ได้ ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่คิดแทนเจ้า หากไม่มีบุคลิกและธรรมชาติของตน ต่อให้มีพลังไร้เทียมทาน จะมีความหมายอะไร?”

เสียงแก่ชราดังจากเงาขาวคมกระบี่หลังโม่ตงเหยา

เงาขาวคมกระบี่ปรากฏเป็นเค้าโครงเลือนรางของเซียนกระบี่เคราขาว น้ำเสียงเขาเจือความมั่นใจ เห็นด้วยกับการกระทำของจ้าวเฟิง

อันที่จริง จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ในศึกความเป็นความตาย นับเป็นสหายที่เชื่อใจได้แล้ว แต่หากหนานกงเซิ่งสูญเสียบุคลิกและความเป็นตัวเองไปเพราะพลังที่ถืออำนาจบาตรใหญ่ จ้าวเฟิงยอมช่วงชิงวิญญาณหนานกงเซิ่งมาชั่วคราว เพื่อคงตัวตนเดิมของเขาไว้

“หนานกงเซิ่ง ผู้อาวุโสเซียนกระบี่ติดตามมาด้วย ก็เพื่อยับยั้งไม่ให้เจ้าถูกพลังชั่วทำให้จิตใจบิดเบี้ยวจนเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวง ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านจะลงมือสังหารเจ้าด้วยตนเอง”

โม่ตงเหยาเอ่ย

กล่าวจบ จ้าวเฟิงและหนานกงใจเย็นวาบ

หลังเซียนกระบี่หลอมรวมกับอาวุธเทพเก่าแก่ ก็อยู่ในระดับเหนือชั้นเกินหยั่งถึง หากเขามีใจอยากฆ่าหนานกงเซิ่ง ไม่แน่ว่าจ้าวเฟิงจะหยุดยั้งได้

“หนานกงเซิ่ง วางใจเถอะ ถึงเจ้าไม่มีกายร่างนี้ ข้ายังมี ‘รากบัวหิมะหลอมกายา’ อีกไม่น้อย”

จ้าวเฟิงกล่าวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

“รากบัวหิมะหลอมกายา!”

เงาขาวคมกระบี่หลังโม่ตงเหยาสั่นเทาเล็กน้อย น่าเสียดาย เขาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดไปแล้ว ยากจะอาศัยร่างพักพิงถือกำเนิดใหม่อีก

พรึ่บ! วิญญาณหนานกงเซิ่งหลุดออกจากร่างในที่สุด แม้เขาขัดขืนไม่ยินยอมอยู่บ้างก็ตาม ถึงแม้รากบัวหิมะสามารถสร้างร่างกายชั้นยอด แต่ใช่ว่าจะเทียบร่างที่มีกายจิตวิญญาณฟ้ากับกายจิตว่างของตนได้

ยิ่งกว่านั้น ร่างกายของเขาผสานพลังเทพเซียนและผลึกปีศาจแล้ว เขตแดนมิติก็ยกระดับเป็นโลกมิติส่วนตัว

สรุปคือหนานกงเซิ่งออกจะอาลัยอาวรณ์

การถือกำเนิดใหม่ทั่วไป หากไม่ใช่เพราะไร้ทางเลือก ก็เพื่ออนาคตที่ศักยภาพไปได้ไกลขึ้น ทว่า ถ้าหนานกงเซิ่งกำเนิดใหม่ เขาจะเสียข้อดีไปมากมาย

ฟู่~ เบาะรองนั่งใต้หนานกงเซิ่งพลันมีควันดำม่วงโชยขึ้น

“แย่แล้ว! ร่างนี้ไม่มีพลังวิญญาณควบคุม พลังเทพเซียนที่มารวมกันไร้นายอีกครั้ง สูญเสียที่สถิตไปสิ้นเชิง ต้องแตกกระเซ็นเป็นแน่ แล้วข้าก็…”

‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ ในตัวหนานกงเซิ่งตื่นตระหนกตกใจ

ครืน~ ชั่วพริบตา อานุภาพจิตวิญญาณมหาศาลเกาะกลุ่มบนร่างหนานกงเซิ่ง

ตาเปล่าเห็นเพียงแสงเงาสีเงินม่วงกึ่งโปร่งใส สูงใหญ่ราวร้อยจั้ง แนบชิดอยู่กับตัวเขา

“หยุดก่อน!” มือแสงโลหิตม่วงใหญ่ยักษ์สองข้างยืดยาวจากในเงาแสงนั้น

มือแสงข้างหนึ่งค่อนข้างนุ่มนวล คว้าไปทางดวงวิญญาณหนานกงเซิ่ง ส่วนมืออีกข้างมีเพลิงโลหิตม่วงลุกโชน สะบัดไปทางจ้าวเฟิงที่อยู่อีกด้าน

ชั้นวิญญาณของจ้าวเฟิงรู้สึกกดดันและหนาวเหน็บทันใด ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปคงเลือกสละ ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ เพื่อปกป้องชั้นวิญญาณของตน

ความจริงแล้ว เนตรเพ่งเทพเจ้าของจ้าวเฟิงไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกขัดจังหวะได้แล้ว

แม้ร่างจิตเทพปีศาจไม่มีวิญญาณประกอบ แต่จิตวิญญาณทรงพลังไร้ขอบเขต เหนือกว่าจักรพรรดิชั้นยอด ข้อแตกต่างอยู่ที่ เมื่อจ้าวเฟิงหยุดใช้ ‘เนตรเพ่งเทพเจ้า’ กลับไม่ได้ป้องกันตัวเอง ทว่าโคจรพลังวิญญาณพุ่งปะทะใส่ ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ ที่ปรากฏภายนอก

“คนที่ต้องรอน่ะคือเจ้า…” ในทะเลวิญญาณของจ้าวเฟิง ตราประทับอัสนีเทวะหลายร้อยเส้นทยอยส่องสว่าง

ครืน เปรี้ยง เปรี้ยง! ฉับพลันทันใด สายฟ้าผลึกม่วงกึ่งโปร่งใสที่แหลมคม นำกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้างพุ่งทะลุเงาแสงโลหิตม่วงที่ ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ อยู่

“อ๊าก!” ร่างจิตเทพปีศาจพลันแผดเสียงร้อง

การโจมตีดวงวิญญาณของจ้าวเฟิงลึกซึ้งไม่ธรรมดา ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพลังอัสนีเทวะซึ่งทำให้มันเจ็บหนักพอควร

ขณะเดียวกัน จ้าวเฟิงส่งเสียงขึ้นจมูก ขณะต้านทานการโจมตีจากมือเพลิงโลหิตม่วงที่ ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ ส่งมา อย่างไรก็ตาม จ้าวเฟิงเชื่อมั่นในการปัดป้องการโจมตีวิญญาณของเนตรเทพเจ้ามาก รับรองไม่ได้ว่าจะรอดปลอดภัย แต่คงไม่เจ็บสาหัสถึงชีวิต

ความจริงพิสูจน์แล้ว ร่างจิตเทพปีศาจมีพลังจิตวิญญาณมหาศาล อย่างน้อยเทียบได้กับเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ แต่อย่างไรก็เป็นแค่รูปร่างความคิด ไม่ใช่วิญญาณ ด้านการใช้ศาสตร์วิญญาณจึงยังด้อยอยู่มาก

ดวงวิญญาณจ้าวเฟิงเพียงได้รับผลกระทบเล็กน้อย บาดเจ็บไม่หนักนัก

“กระบี่ทลายฟ้า!”

ทันใดนั้น จิตกระบี่ไม่ดับสูญที่ทำลายล้างดินฟ้าตัดผ่านอากาศ เงาขาวคมกระบี่ร่างแปลงของผู้เฒ่า ส่งเสวียนอ้าวกระบี่วิญญาณชั้นยอดออกมา มันรุนแรงพอจะสยบจักรพรรดิ ทำให้เซียนเทวาเร้นลับกระเด็นถอย

เคร้ง วูบ! กระบี่เทพชำรุดในมือโม่ตงเหยาฟาดฟันเป็นแสงกระบี่เขียวหม่นแวววาว ราวกับรุ้งเขียวครามฟันฉับลงร่างจิตเทพปีศาจ

วินาทีนั้น ‘เสวียนอ้าวกระบี่วิญญาณ’ ของเซียนกระบี่หลอมรวมกับอาวุธเทพเก่าแก่ ก่อรูปเป็นพลานุภาพสูงสุดที่ทำลายทั้งกายเนื้อและวิญญาณ พุ่งทะลวงผ่าน ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ ในพริบตา ยังผลให้เงาแสงโลหิตม่วงใหญ่ยักษ์แตกออกจากกัน

“อ๊าก….” ร่างจิตเทพปีศาจร้องโหยหวนเหมือนเจ็บปวดแทบขาดใจ

“เป็นการโจมตีจาก ‘กระบี่วิญญาณ’ ที่น่าพรั่นพรึงนัก!”

ดวงวิญญาณหนานกงเซิ่งตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวตัวแข็งทื่อ กลิ่นอายหลายส่วนที่หลงเหลือจากอานุภาพกระบี่นั้น ทำให้วิญญาณเขารู้สึกไปว่าแหลกสลายได้ทุกเมื่อ พลังอำนาจของอาวุธเทพเก่าแก่เกินกว่าขั้นจักรพรรดิไปแล้ว การปะทะจากเสวียนอ้าววิญญาณกระบี่ของผู้เฒ่ายิ่งแกร่งพอจะทำลายวิญญาณเซียนเทวาเร้นลับได้

“เพลิงอัสนีวายุเนตรเทพเจ้า!”

ดวงตาซ้ายจ้าวเฟิงผุดลูกไฟพลังเนตรน่าสะพรึงขวัญ ระลอกแสงม่วงวาววับกระเพื่อมไหว ลวดลายอัสนีเทวะดำมืดปรากฏขึ้นหลายเส้น

โครม——

กลุ่มลูกไฟสายฟ้ามืดทะมึนที่โปร่งบาง ระเบิดลุกลามบนร่างจิตเทพปีศาจ พร้อมด้วยกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้าง

กระบวนท่านี้ของจ้าวเฟิงมุ่งโจมตีวิญญาณโดยเฉพาะ โดยใช้อัสนีเทวะเป็นหลัก ประจวบเหมาะกับที่เงาแสงม่วงโลหิตแตกกระจาย จึงแทบระเบิดร่างจิตเทพปีศาจแหลกทั้งนอกและใน

โครม ตู้ม ตู้ม! ร่างจิตเทพปีศาจรู้สึกคล้ายมีสายฟ้าลงทัณฑ์นับหมื่นปะทุในร่าง อีกทั้งเพลิงเนตรวิญญาณที่ผสานอัสนีเทวะยังคงลุกไหม้เป็นวงกว้าง

“กระบี่วิญญาณจู่โจม!”

เงาขาวคมกระบี่ของผู้เฒ่าพลันขยายออกร้อยจั้งจนสูงตระหง่าน ก่อนระเบิดคมกระบี่พร่างพรายดุจผลึกขาวออกมา เสวียนอ้าวกระบี่วิญญาณที่บริสุทธิ์แทงทะลุเข้าในเงาแสงโลหิตม่วง

“อ๊าก อ๊าก…….”

ภายใต้ความร่วมมือของเซียนกระบี่ อาวุธเทพเก่าแก่ และจ้าวเฟิง ร่างจิตเทพปีศาจถูกโจมตีทำลายโดยไร้ปรานี มันแผดเสียงร้องเจ็บปวดหลายครา

ผัวะ~ แกรก!

ยามนั้น เงาแสงโลหิตม่วงแหลกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นลูกไฟเลือนรางสีเดียวกันนับไม่ถ้วน ก่อนจะสลายตัวแล้วผสานกับแหล่งกำเนิดพลังในตัวหนานกงเซิ่ง

“เนตรเพ่งเทพเจ้า!”

จ้าวเฟิงถือโอกาสกระตุ้นวิชาดวงตาวิญญาณ คว้าดวงวิญญาณหนานกงเซิ่งกลับคืนไป

วูบ! ฟู่~ ในตอนนั้นเอง เบาะรองนั่งสีดำใต้หนานกงเซิ่งสลายเป็นเถ้าธุลี

ลายเส้นเทพที่เกาะกลุ่มอยู่ในร่างค่อยๆ กระจายและรั่วไหลออก โลกมิติส่วนตัวกำแพงเงินที่ก่อตัวขึ้น มีแสงเทพเรืองรองล่องลอย

ขณะนี้ มิติส่วนตัวของหนานกงเซิ่งมีสัญญาณจะพังทลายขณะปริร้าว

พลังกลุ่มนั้นยึดโลกมิติส่วนตัวของเขาเป็นใจกลาง หลั่งไหลออกไปอีกขั้น มากพอจะทำให้ร่างกายเขาไปสู่ความตาย

“จ้าวเฟิง! ให้ข้ากลับไป——”

วิญญาณหนานกงเซิ่งดิ้นรนอยู่เบื้องหน้าจ้าวเฟิง

ตึกตึก! ตึกตึก!

ดวงตาเทพเจ้าของจ้าวเฟิงพลันเต้นกระตุก ก่อนมองสอดส่องวิกฤตอันตรายที่สั่งสมอยู่ในกายหนานกงเซิ่ง หากเศษเสี้ยว ‘พลังเทพเซียน’ เหล่านี้หลั่งไหลออกไปอย่างราบรื่นก็ไม่เป็นปัญหา ผลลัพธ์เช่นนี้ มากสุดคือกายเนื้อหนานกงเซิ่งถูกทำลาย สร้างความยุ่งยากให้พวกจ้าวเฟิงเล็กน้อย

แต่หากมันไหลออกไปไม่คล่องตัว และพลันระเบิดปะทุ ทุกคนตรงนี้คงไม่มีใครโชคดีรอดชีวิต ถึงขั้นอาจเกิดความวินาศใหญ่หลวงกับคฤหาสน์เสียหยาง

“เจ้าบ้านี่ หยุดเดี๋ยวนี้——”

ภายในร่างหนานกงเซิ่ง ชิ้นส่วนร่างจิตเทพปีศาจร้องลั่นด้วยความหวาดผวา

พลังที่รั่วไหลออกไประเบิดเมื่อใด ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ ที่อาศัยกายหนานกงเซิ่งจะพินาศเป็นอย่างแรก

“ตอนนี้ร่างจิตเทพปีศาจแตกสลายแล้ว แรงคุกคามน้อยลงมาก…”

แววตาจ้าวเฟิงเป็นประกาย ตัดสินใจได้

เขาไม่ได้พิจารณาแค่เรื่องวิกฤต แต่ยังเคารพการเลือกของหนานกงเซิ่งด้วย

พรึ่บ! วิญญาณดั้งเดิมของหนานกงเซิ่งกะพริบวูบไหว จากนั้นกลับคืนสู่ร่าง แล้วทำให้แหล่งกำเนิดพลังของตนเสถียรโดยเร็ว

ไม่นาน พลังจาก ‘ลายเส้นเทพโลหิตม่วง’ ที่กระจายตัวออกไปก็สงบลง ภายในกายหนานกงเซิ่ง โลกมิติส่วนตัวที่สร้างรากฐานจากแหล่งกำเนิดพลังมั่นคงขึ้นทีละน้อย

ชั่วเวลานี้ ร่างจิตเทพปีศาจที่สลายตัวไม่เพียงไม่ต่อต้าน แต่ยังหลอมรวมในเส้นสายเทพ ก่อนช่วยหนานกงเซิ่งทำให้พลังที่รั่วไหลอยู่ตัว

เวลาเต็มครึ่งวันผ่านไป

เสี้ยวพลังเทพปีศาจทั้งหอคอยจางหายหมด บางส่วนหลุดรอดออกไป ส่วนใหญ่รวมอยู่ในโลกมิติส่วนตัวและแหล่งกำเนิดพลังของหนานกงเซิ่งร่วมกับร่างจิตเทพปีศาจ ต่อมา กลิ่นอายของ ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’ เหลือน้อยจนไม่รู้สึก คล้ายสูญสลายไปจนหมด และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแหล่งกำเนิดพลังของเขา

จ้าวเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองจุดประสงค์ของร่างจิตใจนั่นได้คร่าวๆ

ดูเหมือนจะเป็นความกังวลของจ้าวเฟิงกับ ‘เซียนกระบี่’ ผู้หลอมรวมกับอาวุธเทพ ร่างจิตเทพปีศาจไม่กล้ากำเริบเสิบสานกลืนกินหนานกงเซิ่ง ทว่ารวมเป็นหนึ่งกับพลังของอีกฝ่าย

ในตอนนี้ ทุกครั้งที่หนานกงเซิ่งใช้พลังจากแหล่งกำเนิดและโลกมิติส่วนตัว สภาพจิตใจกับพลังจะได้รับผลการผสานกลืนของ ‘ร่างจิตเทพปีศาจ’

นี่คือกระบวนการ ‘รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว’

พลังที่หนานกงเซิ่งได้จากมันยิ่งแข็งแกร่ง อุปนิสัยและสภาพจิตใจยิ่งได้รับผลกระทบ

ทว่าสถานการณ์นี้ จ้าวเฟิงและเซียนกระบี่ไม่อาจคัดค้าน…นอกเสียจากจะร่วมกันฆ่าหนานกงเซิ่งเสีย

ยามนี้ ดวงตาทั้งสองของหนานกงเซิ่งเปล่งแสงสีเงินม่วง ตราโลหิตม่วงกลางหว่างคิ้วยิ่งงดงามและชั่วร้าย เขาเลียริมฝีปากตามจิตใต้สำนึก จากนั้นยกยิ้มร้ายกาจเย็นชา

“หนานกงเซิ่ง นี่คือสิ่งที่เจ้าเลือก ราคาที่ต้องจ่ายเพื่อพลัง!”

จ้าวเฟิงกล่าวพึมพำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version