Skip to content

King of Gods 866

King Of Gods

บทที่ 866 ผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์

ณ รังนางพญาผึ้ง

ระลอกกลิ่นอายพลังเทพเซียนของหนานกงเซิ่งสกัดกั้นนางพญาผึ้งไว้ในชั่วขณะ

ด้านนอกรัง จ้าวหยูเฟยและโม่ตงเหยาก็สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ชั่วคราว

น้ำผึ้งสีรุ้งที่ก่อตัวกันส่องประกายยั่วยวนใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ มันจะช่วยให้ไปถึงพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับได้

ถึงกระนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จ้าวเฟิงก็ยังคงสงบเยือกเย็น

สายเลือดดวงตาซ้ายของเขาจับจ้อง ‘นางพญาผึ้ง’ ที่อยู่ตรงข้ามเขม็ง ราวกับจะมองร่างอีกฝ่ายให้ทะลุปรุโปร่ง

ทันใดนั้น ร่างกายของจ้าวเฟิงแข็งเกร็งไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะตั้งจิตรวบรวมสมาธิอย่างแน่วแน่

“จ้าวเฟิง รีบลงมือเร็วเข้า!”

ที่หน้าผากของหนานกงเซิ่งผุดเหงื่อเย็น แสงโลหิตม่วงบนร่างโหมซัดสั่นไหว เงาสีม่วงเงินกระจายออกเป็นชั้นๆ ถึงแม้เขาจะกระตุ้นพลังสะเทือนฟ้าดินของตนจนถึงขีดสุด แต่ก็ยังต้านเอาไว้ไม่ค่อยได้

ลำดับขั้นพลังของนางพญาผึ้ง โดยพื้นฐานจัดอยู่ในขั้นเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับ กลิ่นอายพลังที่เข้าปกคลุมกดดันอากาศฟากหนึ่งอยู่สูงกว่าพลังของขั้นราชันไม่รู้ต่อกี่เท่า

จ้าวเฟิงยังคงไม่ขยับ

สายเลือดดวงตาซ้ายของเขาจับจ้องประสานไปยังดวงตาสีทองหม่นคู่นั้นของนางพญาผึ้ง

ดวงตาของนางพญาผึ้งฉายแววตระหนกวูบหนึ่ง

มันรอเห็นชายหนุ่มผู้นี้เข้าไปเก็บวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนใจแทบขาด ทว่าอีกฝ่ายกลับสงบเยือกเย็นอย่างคาดไม่ถึง

จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงไอสังหารที่รวมตัวอยู่บนตัวนางพญาผึ้ง หากเพียงแค่เขาลงมือแตะ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ แล้วละก็ จะต้องถูกโจมตีด้วยพลังที่ถึงแก่ชีวิตเป็นแน่

การโจมตีจากขั้นเซียน ไม่ใช่พลังที่ขอบเขตปราณเทวะหรือจักรพรรดิจะสามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

ฟู่…. เวลา ณ ขณะนั้นราวกับหยุดนิ่ง

หนานกงเซิ่งและสตรีทั้งสองที่อยู่ด้านหลังของเขา เกรงว่าคงต้านทานได้อีกไม่กี่ลมหายใจ

“หึ่ง หึ่ง หึ่ง” ขณะเดียวกัน ผึ้งพิษนับหมื่นนับแสนในดินแดนรวมตัวกันบินมุ่งหน้าตรงมายังด้านในรัง พวกผึ้งพิษระดับสูงนับพันนับหมื่น พลังของพวกมันเทียมเท่ากับครึ่งก้าวสู่ราชัน อีกทั้งยังมีผึ้งพิษระดับราชาอีกเกินร้อย กำลังรบเฉลี่ยเทียบได้กับราชันระดับสุดยอด

นี่เท่ากับพวกจ้าวเฟิงทั้งสี่โดนพวกสำนักระดับสามดาวแห่งหนึ่งเข้าล้อมโจมตี สถานการณ์ล่อแหลมอันตรายเป็นอย่างมาก

หนานกงเซิ่งเข้าใจถึงความกดดันที่จ้าวเฟิงต้องเผชิญโดยทันที

จิตสังหารสั่งสมของขั้นเซียนไม่ใช่สิ่งที่สามารถรับมือกันได้ง่ายๆ นอกเสียจากเป็นเทพราชาดวงตาซ้ายในช่วงสุดยอดเท่านั้นจึงจะพอรับมือได้บ้าง

เมี้ยว เมี้ยว!

การปรากฏกายของเจ้าแมวขโมยสีเทาเงินทำลายความตึงเครียดในที่นั้นลง

เจ้าแมวขโมยมีขนาดตัวเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น มันแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่ดูแล้วก็ไร้ซึ่งพิษสงใดๆ

ทว่า การกระทำต่อมาของมันทำให้นางพญาผึ้งโกรธจนถึงขีดสุด

เมี้ยว~ ในมือของเจ้าแมวน้อยมีพลั่วโลหะปรากฏขึ้น มันขุดลงไปบริเวณที่มีน้ำหวานหลากสีอยู่อย่างดุดัน

ฟู่! เจ้าแมวน้อยเผยสีหน้าเบิกบานใจที่สามารถขุดเอาวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนออกมาได้สำเร็จ

ครืน ครืน ครืน!

เพราะการขุดนั้น ทำเอารังผึ้งพิษเริ่มสั่นขึ้นอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามันกำลังจะพังทะลายลง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพลั่วโลหะนั่นมีอะไรเป็นพิเศษ จึงก่อให้เกิดเหตุครั้งใหญ่ถึงเพียงนี้

นางพญาผึ้งทั้งโกรธเกรี้ยวทั้งตระหนก มันส่งเสียงคำรามดังก้องฟ้า จนคล้ายสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งผืนฟ้าและปฐพีฟากหนึ่ง

ฟุ่บ! นางพญาผึ้งอ้าปากพ่น ‘เพลิงกาฬ’ ที่น่าตกใจออกมา

เพียงแค่ ‘เพลิงกาฬ’ ถูกพ่นออกมา ชวนให้รู้สึกไปว่าอากาศบิดเบี้ยวและสั่นสะเทือน กลิ่นอายต้องห้ามที่แผ่ออกมา ทำให้พวกเขาทั้งหมดเย็นเยียบทั้งใจและกาย

และสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ ในขณะที่คลื่นเพลิงกาฬบิดโค้งเข้าโจมตี กลิ่นอายต้องห้ามก็พุ่งเข้าไปปกคลุมบริเวณที่เป้าหมายอยู่

จ้าวเฟิงและเจ้าแมวขโมยน้อยหยุดนิ่งราวกับถูกยึดตรึงอยู่กับที่ในชั่วพริบตา

“แย่แล้ว! หรือว่านี่คือ ‘เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด’ ของนางพญาผึ้ง!…”

หนานกงเซิ่งตื่นตระหนก

พลังสยบต้องห้ามนี้เป็นรองก็เพียงแค่มังกรวารีล้างโลกานอกคฤหาสน์เสียหยางเท่านั้น

สำหรับคนทั้งสี่ เพลิงศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อกรได้ ต่อให้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดมาเองก็ถูกสังหารได้ในชั่วพริบตา

มิน่าเล่า เมื่อครู่จ้าวเฟิงจึงมีท่าทีเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจเข้าให้แล้ว

เมี้ยว! เจ้าแมวขโมยน้อยร้องขึ้นอย่างตกใจ ราวกับสัมผัสได้ถึงอันตรายแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน

“เคลื่อนย้ายมิติ!”

ระลอกน้ำพลังดวงตาที่พร่าเลือนชั้นหนึ่ง ตรงกึงกลางปรากฏน้ำวนไร้รูป ตรงเข้าปกคลุมเจ้าแมวขโมยและเพลิงกาฬนั่นไว้ในเวลาเดียวกัน

พรึ่บ! ทั้งเจ้าแมวขโมยน้อยและเพลิงกาฬก็หายวับไปในชั่วพริบตา

“อะไรกัน!”

ดวงตาสีทองคู่นั้นของนางพญาผึ้งฉายแววประหลาดใจ

ทันใดนั้น สีหน้าของมันแปรเปลี่ยน มันแผดเสียงร้องเมื่อโดนสายน้ำวนไร้รูปจากพลังดวงตาเข้าปกคลุม

บึ้ม ตูม! เพลิงกาฬที่บิดเบี้ยวและเป็นของต้องห้ามพุ่งเข้าสู่ใบหน้าของนางพญาผึ้ง

“อ้ากกก” เสียงกรีดร้องแหลมดังสะเทือนไปทั่วผืนฟ้า ชั้นดวงวิญญาณและกายเนื้อภายนอกสั่นไหวอย่างรุนแรง

ครืน ครืน โครม!

ทั่วทั้งรังผึ้งสั่นไหว การสั่นไหวนั้นแฝงด้วยระลอกกลิ่นอายที่น่าหวั่นเกรง ทำให้คนของหอกระบี่ฟ้าและตระกูลตวนมู่ที่อยู่ด้านนอกสวนป่าประหวั่นพรั่นพรึง

“วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน รับเอาไว้!”

จ้าวเฟิงฉวยโอกาสตอนที่นางพญาผึ้งยังไม่คืนสติ รีบกางมนตราอากาศกักเก็บวารีศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ใกล้ๆ เอาไว้ทันที

แต่ในขณะเดียวกัน คลื่นพลังที่น่ากลัวของนางพญาผึ้งแทบจะแผ่ปกคลุมกดดันไปทั่วทั้งผืนฟ้าแล้ว

ใบหน้าของจ้าวเฟิงแดงก่ำ ชั้นวิญญาณดังแกรกกราก จิตสังหารถึงชีวิตของนางพญาผึ้งพุ่งเป้ามาที่เขา

“ถอยเร็ว!” หนานกงเซิ่งส่งเงาซ้อนสีม่วงเงินออกมาชั้นหนึ่ง คลื่นโลหิตตลบเข้าปกคลุมจ้าวเฟิงไว้

ฟุ่บ! จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งถอยออกมาจากรังนางพญาผึ้งอย่างทุลักทุเล

“ต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้ว!”

เวลาเดียวกัน โม่ตงเหยาและจ้าวหยูเฟยก็ถูกโจมตีจากผึ้งจักรพรรดิหลายตัว ผึ้งราชาหลายสิบตัว และหนอนผึ้งนับหมื่นนับพันตัว จนต้องล่าถอยมาถึงด้านข้างของรังนางพญาผึ้ง

ทั้งสี่คนมารวมตัวกันที่หน้ารังนางพญาผึ้ง

“ยอดมาก แผนการสำเร็จแล้ว”

จ้าวเฟิงยิ้มขึ้นบางๆ แล้วจึงยกแขนขึ้น

แต่ทว่า เหตุการณ์กลับตาลปัตรในยามนั้นเอง

ในรังนางพญาผึ้ง นางพญาผึ้งที่ใบหน้าเละจนไม่เป็นชิ้นดีฉายแววสังหารที่ช่างโหดเหี้ยม ก่อนที่มันจะอ้าปากขึ้น

“ระวัง!” จ้าวหยูเฟยและโม่ตงเหยาร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน

ตู้ม! คลื่นแสงหลากสีถูกพ่นออกมาจากปากของนางพญาผึ้ง ก่อเป็นพลังโจมตีแผ่เป็นวงกว้างเข้าปกคลุมเหล่าคนตรงทางออก

ในแววตาของนางพญาผึ้งปรากฏร่องรอยเยาะเย้ย

มันรู้ว่าการเคลื่อนย้ายมิติของจ้าวเฟิงมุ่งที่สิ่งของอย่างหนึ่ง

หากแต่ครั้งนี้มันใช้การโจมตีแบบวงกว้าง ประจวบเหมาะกับที่เป้าหมายมารวมตัวอยู่ที่เดียวกัน จะได้จัดการให้สิ้นซากเสียทีเดียว

คลื่นพลังต้องห้ามพุ่งเข้าปกคลุมคนทั้งสี่

“ฮ่าๆ ลาก่อน!”

จ้าวเฟิงยกแขนขึ้นโบกเสียก่อน

ซูม! รอบกายของทั้งสี่ปรากฏเงาสีเงินทับซ้อนขึ้นชั้นหนึ่ง เพียงแค่แสงสีเงินสว่างวาบ ห้วงอากาศกระเพื่อมเป็นระลอก

บึ้ม! คลื่นแสงหลากสีนั้นพุ่งเฉียดไปยังบริเวณทั้งสี่ยืนอยู่ทันใด

แต่ทว่า ในบริเวณเดิมเหลือทิ้งไว้เพียงเงาสีเงินจางๆ เท่านั้น คนทั้งสี่หายไปจากที่นั่นแล้ว

ด้านนอกสวนป่า

วู้ม! ฟุ่บ!

ในเงาสีเงินว่างเปล่าที่ปรากฏทับซ้อนขึ้นกลางอากาศ มีเงาของบุคคลทั้งสี่อยู่ในนั้น เงาเลือนรางปรากฎชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เงาทั้งสี่นั้นก็คือจ้าวเฟิง หนานกงเซิ่ง จ้าวหยูเฟย และโม่ตงเหยานั่นเอง

“อันตรายเกินไปแล้ว!”

จ้าวหยูเฟยและโม่ตงเหยายังมีท่าทีหวาดหวั่น

ยังดีที่จ้าวเฟิงคำนวณได้แม่นยำ ใช้อาวุธเทพชั้นรองอย่างมนตราอากาศเคลื่อนย้ายทุกคนออกมาได้ในตอนสุดท้าย

ก่อนจะออกเดินทาง จ้าวเฟิงได้ทิ้งสัญลักษณ์มิติเอาไว้ด้านนอกสวนป่า

สัญลักษณ์มิตินี้เป็นแผนที่เตรียมเอาไว้รับมือโดยเฉพาะ

ก่อนหน้านั้นจ้าวเฟิงคิดเอาไว้อยู่แล้ว หากจะไปนำวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้นางพญาผึ้งไม่รู้ตัวเลย

แต่เมื่อนางพญาผึ้งรู้ตัวแล้ว ก็เท่ากับทำให้ทั่วทั้งดินแดนผึ้งพิษแตกตื่น

หากไม่ใช่เพราะมีอาวุธเทพชั้นรองอย่างมนตราอากาศแล้วละก็ จ้าวเฟิงเองก็ไม่กล้าแตะต้อง ‘รังผึ้ง’ นี้

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว!”

ผู้เฒ่าชุดเขียวแห่งตระกูลตวนมู่ถอนหายใจโล่งอก

หลักๆ แล้วผู้เฒ่ากังวลถึงจ้าวหยูเฟยเสียมากกว่า เพราะนางมีสายเลือดของเผ่าพันธุ์วิญญาณ ในอนาคตหากจะข้ามผ่านเทวาเร้นลับก็ไร้อุปสรรค ต้องมาเสี่ยงอันตรายในเหตุการณ์นี้ช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย

“พี่เฟิง ได้วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนมาแล้วใช่หรือไม่?”

จ้าวหยูเฟยมีสีหน้าหวาดหวั่น ถอนหายใจยาว ก่อนจะยกพลเข้ามาในมิติเทพลวงตา นางเคยตัดสินใจแล้วว่าจะหาทรัพยากรที่ช่วยทะลวงถึงขั้นเซียนมาให้ศิษย์พี่ตวนมู่ให้ได้

“ได้มาแล้ว ปริมาณก็เพียงพออย่างแน่นอน”

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเผยรอยยิ้ม

ถึงแม้ว่าวารีศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้มาจากรังของนางพญาผึ้งจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ในนั้น แต่ปริมาณก็พอแบ่งสำหรับหลายสิบคน

ส่วนแบ่งก็เหมือนกับครั้งก่อน

จ้าวเฟิงสี่ส่วน อีกหกส่วนที่เหลือก็ให้จ้าวหยูเฟย หนานกงเซิ่ง โม่ตงเหยา คนละสองส่วนเท่าๆ กัน

“หึ่ง หึ่ง หึ่ง….”

ในขณะนั้นเอง ผึ้งพิษฝูงใหญ่ก็บินตามออกมาจากในสวนป่า

เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวโกรธของนางพญาผึ้งดังมาจากป่าลึก

“หนีเร็ว!”

คนของหอกระบี่ฟ้าและตระกูลตวนมู่ต่างตกใจกันยกใหญ่

“อย่าได้ตกใจไป นี่เป็น ‘ผึ้งรับใช้’ ของข้าเอง…”

จ้าวเฟิงยกมือขึ้นพูด

ผึ้งรับใช้?

ฝูงชนต่างพยายามสงบจิตใจ ได้ยินแต่เพียงเสียงของผึ้งพิษกว่าพันตัวบินออกมา

ในนั้นมีผึ้งพิษระดับราชาสามตัว ระดับสูงอีกนับร้อย ส่วนอีกหลายร้อยตัวที่เหลืออย่างน้อยๆ ก็อยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย

จ้าวเฟิงเพียงแค่นำทหารผึ้งพิษชั้นยอดออกมาบางส่วนเท่านั้น

พรึ่บ! จ้าวเฟิงเพียงโบกอาวุธเทพชั้นรองมนตราอากาศ โลกมิติส่วนตัวก็เปิดออกแล้วเก็บเหล่าผึ้งพิษไป

“ข้าว่าพวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ”

โม่ตงเหยารู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย

กลิ่นอายของ ‘นางพญาผึ้ง’ ที่แผ่กระจายออกมาจากรังในสวนป่า ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่น ควบคุมปราณที่แท้จริงไม่ได้อยู่บ้าง

ครึ่งวันหลังจากนั้น ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงลานเงียบสงบแห่งหนึ่งในกลุ่มเรือนพักของคฤหาสน์เสียหยาง

คนของตระกูลตวนมู่และหอกระบี่ฟ้าออกเดินทางไปสำรวจที่อื่นต่อ

เหลือเพียงจ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งที่ยังคงอยู่ที่นี่เพื่อนั่งสมาธิพักพื้นฟู

โอกาสในคฤหาสน์เสียหยางแห่งนี้มีมากมาย ไม่กลัวจะไม่มีโอกาส กลัวก็เพียงแต่มีกำลังไม่มากพอ

“น้ำผึ้งไป่หยวน”

จ้าวเฟิงหยิบน้ำผึ้งไป่หยวนที่มีสรรพคุณด้อยกว่าวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนอยู่หนึ่งขั้นออกมาก่อน แต่ถึงกระนั้น นี่ก็คือ ‘น้ำผึ้ง’ ชั้นเลิศที่เหล่าผึ้งเบญจพิษสะสมเอาไว้

‘น้ำผึ้งไป่หยวน’ นี้อย่างน้อยๆ ก็มีเกสรดอกไม้กว่าร้อยชนิดที่พวกผึ้งงานใช้เวลาเก็บสะสมวันละเล็กละน้อย

ดอกไม้ที่อยู่ในสวนป่ามีจำนวนไม่น้อยที่เหมือนกับบัวฟ้าวารีคราม มีมากมายที่ไม่รู้จักที่มา หากตอนนี้จ้าวเฟิงนำ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์’ ที่สูงค่ากว่ามาใช้ ก็ช่างสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว เพราะฉะนั้น เขาจึงเลือกใช้น้ำผึ้งไป่หยวนก่อน

เมื่อดื่มน้ำผึ้งศักดิ์สิทธิ์ จ้าวเฟิงก็พลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังหอมหวนลื่นไหล ที่แทรกซึมไปทั่วอวัยวะและเส้นเอ็นกระดูกภายในร่าง อาจเป็นเพราะสรรพคุณเฉพาะของน้ำผึ้ง หรืออาจเป็นเพราะกายอัสนีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งของจ้าวเฟิง เมื่อฤทธิ์ของหยาดน้ำผึ้งไหลเข้าสู่ภายใน ร่างกายเขาก็ดูดซับและแปรเปลี่ยนมันอย่างรวดเร็ว

เพียงแค่เวลาครึ่งถ้วยชา ร่างกายของจ้าวเฟิงสะท้าน นัยน์ตาแวววับเปล่งประกาย ระลอกแสงสีม่วงและฟ้าทั่วทั้งร่างขยับไหวไม่หยุด

“ผลของ ‘น้ำผึ้งไป่หยวน’ นี่ดีกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก แก่นแท้ชีวิตของข้าเพิ่มระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว…”

จ้าวเฟิงรีบโคจร ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘วิชาวายุอัสนี’

ถึงแม้น้ำผึ้งไป่หยวนจะด้อยกว่าขั้นหนึ่ง แต่ต่อให้จักรพรรดิเป็นผู้ใช้ ก็ช่วยสร้างรากฐานมั่นคงไว้เพื่อการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับได้

ส่วนวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนที่มีสรรพคุณสูงส่งกว่า จะเป็นประโยชน์ต่อการก้าวข้ามถึงขอบเขตเทวาเร้นลับได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

สามวันหลังจากนั้น

พลังกับร่างกายของจ้าวเฟิงนับวันยิ่งแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งค่อยๆ ขยับเข้าใกล้ระดับต่ำของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า อีกอย่าง น้ำผึ้งศักดิ์สิทธิ์ป่ายหยวนไม่เพียงแต่มีผลกับร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมพลังฝึกตนและปราณแท้จริงได้อย่างมากอีกด้วย

ไม่นานเท่าไรนัก

จ้าวเฟิงผสานแก่นผลึกวายุอัสนีขั้นราชันและน้ำผึ้งไป่หยวนเข้าด้วยกัน วายุอัสนีธาตุน้ำในกายตกผลึกถึงจุดสูงสุดที่สมบูรณ์ดังใจนึก จนถึงขั้นมีพลังชีวิตของพฤกษาแทรกซึมออกมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version