Skip to content

King of Gods 883

King Of Gods

บทที่ 883 ชื่อเสียงของเทพราชาดวงตาซ้าย

ในส่วนกลางของดินแดนทวีปที่อยู่ห่างไกล

หอคอยของราชสำนักที่สง่างามน่าเกรงขามหลายต่อหลายหลังถูกปกคลุมด้วยชะตาราชวงศ์ ที่หนาแน่นมหาศาล

ภายในตำหนักรองของจวนแห่งหนึ่งในนั้น

พรึ่บ!

บุรุษหนุ่มคิ้วเข้มรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่งพลันลอยเข้าไปภายในตำหนักรอง ใบหน้าฉายแววตึงเครียด

“ลั่วจุน มีข่าวคราวอะไรอีก?”

องค์ชายแปดนั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะที่มีควันลอยอบอวล ระลอกพลังวิญญาณปราณแท้จริงที่กระเพื่อมเลือนรางบนร่าง ทำให้เห็นว่าอยู่ในขั้นราชันระดับสุดยอดแล้ว

มิติเทพลวงตาสิ้นสุดลงสองเดือนแล้ว

หลังจากจบเรื่องที่คฤหาสน์เสียหยาง องค์ชายทั้งสามร่วมมือกันเก็บเกี่ยวมาได้มากมาย เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดเช่นกัน

ลั่วจุนผู้อยู่ใต้อาณัติขององค์ชายแปดได้รับความสำคัญ มีรายชื่อได้เข้าไปในมิติเทพลวงตาก็มีผลงานดีเยี่ยม

“องค์ชายแปด ข่าวคราวที่ได้มาอย่างลับๆ จาก ‘โครงข่ายราชวงศ์’ มังกรวารีล้างโลกาเข้าไปในดินแดนทวีปแล้วจริงๆ ทว่าครึ่งเทพหลายคนของตำหนักไท่หวงแและวังลอยฟ้ากำลังร่วมมือกันคิดหาวิธีไล่โจมตี ด้วยต้องการผนึกมังกรวารีทมิฬ…”

ลั่วจุนเอ่ยออกมาในคราวเดียว

ข่าวคราวนี้หากว่าได้ยินถึงโลกภายนอกจะน่าตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

“ในใต้หล้านี้ยังมีผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นอีก เรื่องของมังกรวารีล้างโลกา ไม่จำเป็นต้องให้พวกเราเดือดเนื้อร้อนใจ แต่เรื่องของ ‘มารคู่ผมม่วง’ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

สีหน้าองค์ชายแปดนิ่งสงบ

ระดับขั้นอย่างมังกรวารีทมิฬหรือครึ่งเทพเซียน สำหรับเขาแล้วยังห่างไกลอย่างยิ่ง

ที่คฤหาสน์เสียหยาง เขาหวาดหวั่นพรั่นพรึงในมังกรวารีทมิฬ แต่ที่นี่คือดินแดนทวีป คนมากความสามารถมีอยู่อีกมาก ย่อมต้องมีคนสามารถจัดการมังกรวารีทมิฬได้

แต่ ‘มารคู่ผมม่วง’ เป็นผู้ที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดในคฤหาสน์เสียหยาง ได้รับความสนใจจากกลุ่มขั้วอำนาจต่างๆ

“มารคู่ผมม่วง จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่ง ข่าวคราวที่เกี่ยวกับพวกเขาตรวจสอบเสร็จแล้ว”

ลั่วจุนสูดลมหายใจเข้าลึก

ในหมู่เชื้อพระวงศ์ เขาไม่เพียงแต่เป็นคนสนิทและมือซ้ายขวาคนสำคัญขององค์ชายแปด แต่โดยส่วนตัวคนทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ในฐานะสหายที่รู้ใจกันอีกด้วย

“อ้อ?”

องค์ชายแปดแสดงความสนใจอย่างยิ่ง

มารคู่ผมม่วงที่ไม่อาจคาดเดาได้ มีจ้าวเฟิงเป็นจุดที่สับสนที่สุด องค์ชายแปดไม่สามารถอ่านจ้าวเฟิงได้เลย ถึงขั้นที่ว่าอับอายต่อหน้าอีกฝ่ายหลายต่อหลายครั้ง

“อันดับแรก จ้าวเฟิงและหนานกงเซิ่งต่างก็เป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ในชางไห่ที่ไกลโพ้น มาจากสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินที่เป็นสำนักสามดาว”

ลั่วจุนชะงักไป

ชางไห่…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่?

องค์ชายแปดขมวดคิ้วน้อยๆ ความสามารถในการควบคุมเขตการปกครองของเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนในวันนี้ไม่แข็งแกร่งเท่าเมื่อก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ชางไห่ ราชวงศ์ต้าเฉียนยิ่งไม่อาจขยายอิทธิพลไปถึง

ขณะนี้ภัยอันตรายใหญ่หลวงที่สุดของเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนคือราชวงศ์จันทราทมิฬทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่ถึงขั้นรับมือไม่ค่อยไหว

อีกทั้งสำนักสามดาวใดๆ ในใต้หล้านี้ก็มิได้จะล่วงเกินได้โดยง่ายเช่นนั้น

“หนานกงเซิ่งเคยเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจิน แต่จ้าวเฟิงผู้นี้เป็นศิษย์ของ ‘ตวนมู่ชิง’ แห่งตระกูลตวนมู่”

ลั่วจุนเอ่ยต่อ

“นี่เหมือนไม่มีอะไรแปลกประหลาดมากนัก ด้วยความแข็งแกร่งของคนทั้งสองนี้ พวกเขาเป็นถึงลูกศิษย์ของจักรพรรดิก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว” องค์ชายแปดเอ่ย

“ไม่!”

ลั่วจุนรีบส่ายศีรษะ “ที่สำคัญก็คือจ้าวเฟิงผู้นี้เป็น ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ที่มีชื่อเสียงกระเทือนไปทั่วชางไห่! ชื่อเสียงของเขายังไม่ทันกระจายมาถึงดินแดนทวีป แต่ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ผู้ศัตรูคู่อาฆาตของเขา องค์ชายแปดคงจะรู้จัก”

จักรพรรดิแห่งความตาย ? องค์ชายแปดตกลงสู่ห้วงความคิดไปครู่หนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปในฉับพลัน เหมือนกับว่าเขาระลึกถึงเรื่องราวบางอย่างของจักรพรรดิแห่งความตายขึ้นได้

“จักรพรรดิแห่งความตายคนที่ครอบครอง ‘เนตรมรณะ’ นั่นน่ะหรือ? หลายพันปี คนผู้นั้นยกพลรุกรานเข้าไปในดินแดนทวีป เคยทำให้เกิดเหตุนองเลือดครั้งหนึ่ง

เขาเป็นคนที่ยากจะรับมือด้วยในบรรดาจักรพรรดิ กระทั่งจักรพรรดิชั้นยอดส่วนหนึ่งก็ยังพ่ายแพ้ในเงื้อมมือของเขา…”

สีหน้าขององค์ชายแปดเคร่งเครียดขึ้น

ในสถานการณ์ทั่วไป เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับจะไม่ก้าวก่ายเรื่องทางโลก

เดาได้เลยว่า จักรพรรดิแห่งความตายรุกคืบเข้าไปในดินแดนทวีปเมื่อตอนนั้นจะมีพลังอำนาจอยู่ในระดับใด จักรพรรดิยังต้านทานไม่ไหว

“การดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ กลับเป็นคู่อาฆาตเทียบเท่าเทพราชาดวงตาซ้ายอย่างจ้าวเฟิง”

องค์ชายแปดยากจะจินตนาการได้ เด็กหนุ่มผู้ลึกลับเกินจะคาดเดาคนนี้ซุกซ่อนความสามารถเอาไว้อย่างลึกล้ำ

“ไม่! จักรพรรดิแห่งความตาย ตายในเงื้อมมือของเทพราชาดวงตาซ้าย”

ลั่วจุนเอ่ยสำทับ

เฮือก! องค์ชายแปดสูดลมหายใจเย็นเข้าลึก

เช่นนั้นแปลว่า เทพราชาดวงตาซ้ายในช่วงสุดยอดเอาชนะคนที่ต่ำกว่าขั้นเซียนได้ทุกคน กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถคุกคามเซียน

“ที่แท้ คิดไม่ถึงเลยว่าคู่ต่อสู้ของพวกเราจะแกร่งกล้าเช่นนี้ ดูไปแล้วในตอนนี้พลังที่พวกเรามีคงยากที่จะคุกคามมารคู่ผมม่วงได้”

ผ่านไปพักหนึ่ง องค์ชายแปดถอนหายใจยาว

ในราชวงศ์ของดินแดนทวีป จักรพรรดิชั้นยอดเรียกได้ว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของพลัง

ส่วนเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับไม่สามารถลงมือได้ตามอำเภอใจ ด้วยจะส่งผลกระทบต่อความสมดุลระหว่างขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ

ดินแดนเกาะเทียนเฟิง

ในตำหนักใต้ดินของจวนอ๋องโหว

“ยุคสมัยของจักรพรรดิแห่งความตายจบสิ้นลงในเงื้อมมือของเทพราชาดวงตาซ้าย จ้าวเฟิง ที่มาของเจ้าคงจะยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดา”

หนานเฟิงอ๋องถอนหายใจยาว สีหน้าหวาดหวั่น

เรื่องของ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ หนานเฟิงอ๋องเองก็พอจะรู้มาบ้าง

ในยุคนั้น หนานเฟิงอ๋องยังไม่ถือกำเนิดขึ้น จึงเพียงแต่ได้ยินผู้อาวุโสในตระกูลเล่าถึงรางๆ

หนานเฟิงอ๋องย้อนคิดอย่างละเอียด แล้วจึงคิดถึงบางอย่างในฉับพลัน

“ใช่สิ เมื่อหลายพันปีก่อน คนที่ปรากฏขึ้นพร้อมกับจักรพรรดิแห่งความตายเหมือนจะมีมรดกสายเลือดดวงตาที่แข็งแกร่งอีกอย่างหนึ่ง”

หนานเฟิงอ๋องถาม

“ทูลท่านอ๋อง”

ราชันชุดดำเอ่ยอย่างนอบน้อม “อีกคนก็คือเนตรสังสารวัฏ”

“ใช่แล้ว เป็นเนตรสังสารวัฏ! ปีนั้นจักรพรรดิแห่งความตายบุกเข้ามาในดินแดนทวีป เพราะสนใจในเจ้าของ ‘เนตรสังสารวัฏ’ สุดท้ายแล้วจักรพรรดิแห่งความตายก็หยุดชะงักไป แล้วจึงถอยกลับไปที่ชางไห่”

หนานเฟิงอ๋องระลึกถึงตำนานบทเก่าแก่

สามารถพูดได้ว่า นั่นเป็นการประลองพลังระหว่าง ‘เนตรสังสารวัฏ’ และ ‘เนตรมรณะ’

ระหว่างการประลองพลังศึกนั้น ไม่มีใครล่วงรู้ได้

แต่ว่าหลังจากนั้นแล้ว จักรพรรดิแห่งความตายถอยกลับไปที่ชางไห่และไม่เคยปรากฏตัวที่ดินแดนทวีปอีก

เจ้าของเนตรสังสารวัฏกลายเป็นปริศนาอย่างหนึ่งที่ดินแดนทวีปแล้วหรือไม่

“เทพราชาดวงตาซ้าย?”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยพึมพำอย่างอดไม่ได้ “สายเลือดดวงตาของจ้าวเฟิงเหมือนจะเป็นความแข็งแกร่งลี้ลับที่เหนือสามัญ สามารถเอาชนะจักรพรรดิแห่งความตายผู้ครอบครอง ‘เนตรมรณะ’ หรือว่าเขาเองก็เป็นทายาทผู้สืบทอดมรดกของเนตรเทพเจ้า?”

ตามปกติแล้ว แปดเนตรเทพเจ้าเป็นจุดสูงสุดของสายเลือดดวงตาในใต้หล้า ถูกขนานนามว่า ต้นกำเนิดดวงตาทั้งแปด

แต่ในช่วงยุคสมัยนี้ ทายาทผู้สืบทอดมรดกของแปดเนตรเทพเจ้า สายเลือดดวงตาที่พวกเขาครอบครองก็แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน

ในใจของหนานเฟิงอ๋องอดรู้สึกคาดหวังรอคอยไม่ได้

การดำรงอยู่ของจ้าวเฟิงจะดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ครอบครอง ‘เนตรสังสารวัฏ’ จนทำให้ปรากฏกายขึ้นอีกครั้งหรือไม่ ?

หลายวันต่อมา

ในจวนอ๋องโหว ภายในหอคอยที่งดงามประณีตแห่งหนึ่ง

“พี่จ้าว ท่านมาถึงจวนอ๋องโหวแต่ไม่มาหาข้าเลย…”

ดรุณีใบหน้าสะสวยท่วงท่าสง่างามคนหนึ่งยื่นปากน้อยๆ ดึงแขนเสื้อของจ้าวเฟิงอย่างดื้อรั้น

จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ มองท่านหญิงอวี่ชิงที่กำลังออดอ้อนอยู่เบื้องหน้า ส่ายศีรษะยิ้มเฝื่อนอย่างอดไม่ได้

สำหรับจ้าวเฟิงซึ่งเป็นนักฝึกสัตว์รุ่นเยาว์ที่ครอบครองความสามารถลึกลับ ในใจของท่านหญิงอวี่ชิงเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ถึงขั้นมีท่าทีสนิทสนมอย่างยากจะอธิบาย

“พี่จ้าว ท่านเจออะไรบ้างในมิติเทพลวงตา? ท่านพ่อไม่ยอมให้ข้าเข้าไปเล่นข้างในนั้น”

“จริงสิ! เหมือนท่านพ่อจะให้เจ้าดูแลรักษา ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ น้อยครั้งนักที่จะเห็นท่านไว้ใจคนนอกเช่นนี้…”

ท่านหญิงอวี่ชิงถามนู่นนี่นั่น น้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

และในเวลานี้เอง เสียงที่เข้มงวดก็ดังเข้ามา

“อวี่ชิง อย่าได้วุ่นวาย!”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หนานเฟิงอ๋องปรากฏกายขึ้น พร้อมด้วยพลังแห่งชะตาและอานุภาพแกร่งกล้ามหาศาลกลุ่มหนึ่ง

ท่านหญิงอวี่ชิงสะดุ้งตกใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านพ่อทะนุถนอมนางมาโดยตลอด น้อยครั้งนักที่จะติเตียนตนอย่างเข้มงวดเช่นนี้

“จ้าวเฟิง อวี่ชิงเด็กคนนี้ไม่รู้ประสีประสา หวังว่าจะไม่รบกวนเจ้าจนเกินไปนัก”

หนานเฟิงอ๋องยิ้มแย้มน้อยๆ ลอบปาดเหงื่อในใจ

เมื่อนึกถึงว่าจักรพรรดิแห่งความตายที่แข็งแกร่งเกินจะเปรียบก็ยังถูกจ้าวเฟิงสังหาร เขาจึงเคารพและหวั่นเกรงเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างประหลาด

“อวี่ชิงเองก็ซุกซนตามประสา ท่านอ๋องอย่าตำหนินางเลย”

จ้าวเฟิงยิ้มบาง

เขาเองก็พอสัมผัสได้ว่าท่าทางของหนานเฟิงอ๋องที่มีต่อตนเองดูระแวดระวังด้วยเช่นกัน

“จ้าวเฟิง ข้ากำลังจะปิดผนึกฝึกตนครั้งสำคัญเพื่อทะลวงผ่านขอบเขตเทวาเร้นลับ ในหลายเดือนต่อจากนี้ หวังว่าเจ้าจะดูแลไหมเมฆาผีเสื้อเซียนให้ดีๆ หากว่าพอจะดูแลความเป็นไปในคฤหาสน์ได้ก็จะเป็นการดีที่สุด”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยอย่างจริงจัง

ความจริงแล้ว

ก่อนที่หนานเฟิงอ๋องจะปิดผนึกฝึกตน ก็เคยเชิญจักรพรรดิหลายคนมาดูแลจวนอ๋องโหว และในนั้นยังมีจักรพรรดิชั้นยอดคนหนึ่งด้วย ทุกคนล้วนแต่ไว้วางใจได้

เพราะระลึกได้ถึงสถานะเทพราชาดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิง หนานเฟิงอ๋องถึงเอ่ยขึ้น

“ตัวข้าอาศัยที่จวน ย่อมต้องรับผิดชอบด้วย”

จ้าวเฟิงชะงักไปเล็กน้อย ผงกศีรษะพลางเอ่ย

ขอแค่ตัวเขาอยู่ที่จวนอ๋องโหว อย่างน้อยๆ ขั้วอำนาจทั่วไปก็ย่อมไม่กล้าลงมือทำร้ายเขาอย่างอุกอาจแน่

แน่นอนว่าเขาเองก็ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากจวนอ๋องโหวด้วย

ต่อมา หนานเฟิงอ๋องแนะนำจ้าวเฟิงต่อจักรพรรดิหลายคนของจวนอ๋องโหว

แต่จักรพรรดิเหล่านี้ไม่เข้าใจเรื่องของจ้าวเฟิงมากนัก จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร

ก่อนที่จะปิดด่านฝึกตน หนานเฟิงอ๋องเอ่ยเตือนท่านหญิงอวี่ชิง ห้ามรบกวนจ้าวเฟิงโดยเด็ดขาด

“อวี่ชิง ข้ารับรู้ถึงความชอบพอที่เจ้ามีต่อจ้าวเฟิง แต่ว่าพวกเจ้าไม่อาจจะอยู่ด้วยกันได้”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยเตือนเสียงเข้ม

ท่านหญิงอวี่ชิงร้องห่มร้องไห้ไปฟ้องพระมารดา ซึ่งคำตอบที่นางได้มาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม

ในช่วงอายุอย่างนาง ความหลงใหลในชั่วขณะหนึ่งรวมไปถึงความเคารพศรัทธาในใจถือเป็นเรื่องปกติ

หลายวันต่อมา

หนานเฟิงอ๋องจัดแจงตระเตรียมทุกอย่างจนพร้อมสรรพ ที่สุดแล้วจึงเริ่มปิดด่านฝึกตนครั้งสำคัญ

จ้าวเฟิงค้นพบว่าทั่วทั้งจวนอ๋องโหวตัดขาดกับโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง บรรยากาศเงียบสงัดอึมครึมปกคลุมทั่วทั้งจวน

ว่ากันว่า ท่านหญิงอวี่ชิงถูกสั่งกักบริเวณ

ในที่สุดแล้วจ้าวเฟิงก็สามารถฝึกตนและจัดการภารกิจส่วนหนึ่งของตนเองได้อย่างสงบ

พรึ่บ! ห้วงความคิดของจ้าวเฟิงลอยเข้าไปในมนตราอากาศ

ภูเขาลำธารในมิติส่วนตัวของมนตราอากาศ เจ้าแมวขโมยตัวน้อยจัดการภารกิจต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเรียบร้อย

สมบัติล้ำค่าและทรัพยากรมหาศาลที่ได้มาจากคฤหาสน์เสียหยางในมิติเทพลวงตาถูกเพาะพันธุ์ในมนตราอากาศไปมากมาย

จ้าวเฟิงสำรวจสถานการณ์ของฝูงผึ้งเบญจพิษอยู่ครู่หนึ่ง

ระยะสองเดือนที่ผ่านมา ผึ้งเบญจพิษเหล่านั้นเติบโตอย่างรวดเร็วจากการให้พืชพรรณพฤกษาที่แปลกประหลาดจำนวนมาก

ที่จริงแล้ว

ผึ้งเบญจพิษที่เป็นทาสของจ้าวเฟิงมีผึ้งราชาสามตัว ผึ้งพิษระดับสูงจำนวนกว่าร้อยตัว ส่วนหลายร้อยตัวที่เหลืออยู่ในขอบเขตแก่นก่อกำเนิดระดับสูงช่วงปลาย

แต่ในวันนี้

ผึ้งราชาในสามตัวนั้น มีตัวหนึ่งเลื่อนขึ้นเป็นผึ้งจักรพรรดิแล้ว

ส่วนผึ้งพิษระดับสูงที่เหลือเทียบเท่าได้กับครึ่งก้าวสู่ราชัน มีสิบกว่าตัวเลื่อนขึ้นเป็นผึ้งราชา

ต้องรู้ว่า

ผึ้งเบญจพิษมีความสามารถในการลงมือสังหารศัตรูที่โดดเด่น โดยวิธีการตายตกพร้อมกัน

ผึ้งพิษระดับราชาจะลงมือสังหารด้วยการฆ่าตัวตาย และมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะตายพร้อมกับจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะ

ส่วนผึ้งพิษทั่วไปเลื่อนขึ้นเป็นพิษผึ้งระดับสูงแล้วครึ่งหนึ่ง

“ดีมาก ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี ผึ้งพิษทั้งหมดก็จะเลื่อนเป็นระดับสูง พอถึงเวลานั้น จำนวนของผึ้งราชาและผึ้งจักรพรรดิก็จะมากขึ้น…”

จ้าวเฟิงรู้สึกพออกพอใจ

เขาครอบครองทรัพยากรชั้นยอดจำนวนมหาศาล นี่เพิ่งจะเลื่อนระดับของฝูงผึ้งพิษได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ถ้าหากว่ายินดี จ้าวเฟิงเองก็สามารถสร้างกลุ่มอำนาจยิ่งใหญ่เป็นของตนเองได้

ทั้งหมดนี้ต้องดูว่าเขายินดีหรือไม่ จะมีเวลาหรือไม่ก็เท่านั้น

แต่ในตอนนี้

ตั้งแต่จ้าวเฟิงกลับมาจากมิติเทพลวงตา ด้านที่จะพัฒนาความสามารถได้มีมากมายอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version