Skip to content

King of Gods 882

King Of Gods

บทที่ 882 ทิศทางของจ้าวเฟิง

“จ้าวเฟิง ฟังข้าก่อน!”

การเอ่ยตัดหน้าของเถี่ยหลีเทียนทำให้หนานเฟิงอ๋องชะงักค้างไป ถึงแม้ว่าในใจรู้สึกไม่ยินดีเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา

สำหรับจักรพรรดิผู้นี้แห่งตระกูลเถี่ย หนานเฟิงอ๋องก็พอรู้จัก

ตระกูลเถี่ยอยู่ในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของราชวงศ์ต้าเฉียน เป็นปราการที่ต้านทานการรุกรานของราชวงศ์จันทราทมิฬ ตระกูลนี้ทุ่มเทแรงสู้รบจนได้รับรางวัลจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์

“ท่านมีอะไรจะชี้แนะหรือ?”

คิ้วของจ้าวเฟิงขมวดน้อยๆ มองไปที่เถี่ยหลีเทียนอย่างประเมิน

ก่อนนี้เขาปิดผนึกฝึกตนเพื่อทะลวงขั้นราชัน ไม่ได้ใส่ใจเถี่ยหลีเทียนสักเท่าไหร่

คิดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีน้ำอดน้ำทนเช่นนี้ รอคอยอยู่แถวๆ สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นมาโดยตลอด

“จ้าวเฟิง ไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของเจ้าจะเป็นใคร สายเลือดในร่างกายนี้เป็นคนของตระกูลเถี่ย ยิ่งไปกว่านั้นมารดาที่ให้กำเนิดเจ้าก็ยังชีวิตอยู่บนโลกนี้ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดยากจะตัดให้ขาด”

เถี่ยหลีเทียนเอ่ยอย่างจริงจังและหนักแน่น

สายเลือดตระกูลเถี่ย? มารดาผู้ให้กำเนิด?

เมื่อหนานเฟิงอ๋องได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เรื่องราวเหมือนจะยุ่งเหยิงขึ้นแล้ว

ในการคาดเดาของเขา จ้าวเฟิงเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ หยิบยืมร่างเปลี่ยนดวงวิญญาณ และใช้ร่างนี้ ความจริงก็ได้เปิดเผยออกมา

แต่ที่อยู่เหนือความคาดหมายไปคือ

สายเลือดของร่างนี้ยังมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้

ตระกูลเถี่ยเป็นหนึ่งในแปดตระกูลชนชั้นสูง พลังอำนาจนับว่าชั้นยอด ต่อให้เป็นเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียนก็ยังต้องไว้หน้าอีกฝ่ายหลายส่วน

สายเลือดของทายาทตระกูลเถี่ยรวมไปถึงพรสวรรค์การต่อสู้โดดเด่นเป็นเลิศกว่าบรรดาตระกูลสูงศักดิ์ต่างๆ

ตามที่หนานเฟิงอ๋องล่วงรู้มา การควบคุมสายเลือดของตระกูลเถี่ยเข้มงวดอย่างยิ่ง

โดยปกติแล้ว นอกครั้งนักที่จะมีสายเลือดสืบทอดมานอกตระกูล ต่อให้มีก็จะโดนทำโทษอย่างรุนแรง

“จักรพรรดิจ้าว ถือว่าช่วยทำให้ความหวังของเฟิงเอ๋อร์เป็นความจริงด้วยเถอะ เขาคิดมาโดยตลอดว่าบิดามารดาของเขาล้มตายไปแล้วทั้งคู่ ไม่เคยได้ประสบพบหน้ากันมาก่อน”

ท่านปู่จ้าวค้อมกายลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นพร่า

จ้าวเฟิงไม่มีท่าทีใดๆ ทอดสายตาไปที่เถี่ยหลีเทียน “เจ้าอยากให้ข้าเข้าร่วมกับตระกูลเถี่ย?”

“ถูกต้อง!” เถี่ยหลีเทียนตื่นเต้น นี่เป็นเป้าหมายที่เขาเฝ้าวางแผนต่างๆ นานาเพื่อให้บรรลุผล

“จ้าวเฟิง ตอนนี้เจ้าล่วงเกินขั้วอำนาจที่แกร่งกล้าอย่างวังเก้านิรยไปแล้ว ขั้วอำนาจทั่วไปไม่สามารถคุ้มครองเจ้าได้ แต่ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับตระกูลเถี่ยแล้วล่ะก็ มีขั้วอำนาจไม่มากนักที่จะกล้าทำร้ายลูกหลานตระกูลเถี่ยของข้า”

น้ำเสียงของเถี่ยหลีเทียนเป็นจังหวะจะโคน ในคำพูดยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

ตระกูลเถี่ยเป็นขั้วอำนาจที่แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงที่ราชวงศ์ต้าเฉียน และยังอยู่ในขั้นสามดาวระดับสุดยอดเป็นอย่างน้อย ต่อให้เป็นสำนักสี่ดาวพวกเขาก็ไม่เกรงกลัว

ถ้าหากว่าจ้าวเฟิงเข้าร่วมตระกูลเถี่ย ย่อมต้องได้รับการคุ้มครองอย่างดีที่สุดแน่นอน

“ต้องขอบคุณในน้ำใจของท่าน แต่ข้าวางแผนเอาไว้แล้ว จึงไม่สามารถเข้าร่วมกับตระกูลเถี่ยได้”

จ้าวเฟิงส่ายหน้าเล็กน้อย ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด

ในกาลก่อน ยามที่อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่

จ้าวเฟิงเคยพูดกับปรมาจารย์ตวนมู่ชิงและจ้าวหยูเฟยว่า รอให้ยืนยันความเป็นความตายของผู้เป็นคู่หมั้นอย่าง ‘หลิวฉินซิน’ เรียบร้อยแล้วจะไปยังตระกูลตวนมู่

ตวนมู่ชิง เศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิง จ้าวหยูเฟย ล้วนแต่มีความหวังว่าจะฟื้นฟูตระกูลตวนมู่ขึ้นมาอีกครั้ง

จ้าวเฟิงเองก็พร้อมจะช่วยเหลือโดยไร้ซึ่งเหตุผลใดๆ

อย่างไรเสียตอนนั้นเศษเสี้ยววิญญาณสือเฉิงและตวนมู่ชิงก็เคยช่วยเหลือจ้าวเฟิงเอาไว้ไม่น้อย

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะ…”

เถี่ยหลีเทียนมีสีหน้าผิดหวัง ในใจท้อแท้ หดหู่และกราดเกรี้ยว

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋อง เขาก็ไม่กล้าโวยวายออกมา

เถี่ยหลีเทียนและหนานเฟิงอ๋องออกจะประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเฟิงจะมีแนวทางในราชวงศ์แห่งทวีปของตนเองเรียบร้อยแล้ว

หนานเฟิงอ๋องลอบครุ่นคิด เขาต้องสืบเสาะเรื่องสถานะ ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ของจ้าวเฟิงให้ละเอียด

ถึงแม้ว่าชางไห่จะอยู่ไกลจากราชวงศ์แห่งดินแดนทวีป แต่หน่วยข่าวสารต่างๆ จะต้องมีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ อย่างแน่นอน

“ต้องขอโทษด้วยอย่างยิ่ง”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างเสียดายเล็กน้อย แล้วชะงักไป “ข้าไม่ใช่ ‘จ้าวเฟิง’ คนก่อนอีกต่อไปแล้ว บุญคุณความแค้นทั้งหมดที่ผ่านมาขอให้ตัดขาดความสัมพันธ์นับจากนี้ไป”

วินาทีที่เขา ‘ประกาศชื่อ’ ให้กับตนเองก็เพื่อเหตุนี้

นับจากนี้ ไปเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับจ้าวเฟิงจะกลายเป็นเพียงอดีตที่จบลงไปแล้ว

“ตัดขาดความสัมพันธ์?”

เถี่ยหลีเทียนมองจ้าวเฟิงที่อยู่ไกลออกไป ส่ายหน้ายิ้มแย้มพลางเอ่ยพึมพำ

“จ้าวเฟิง เจ้าคิดน้อยเกินไปแล้ว ด้วยการควบคุมสายเลือดที่เข้มงวดของตระกูลในทวีป ตระกูลเถี่ยจะยอมปล่อยไปอย่างง่ายดาย ปล่อยให้สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดออกไปภายนอกได้อย่างไรกัน?”

อันที่จริง

จ้าวเฟิงเองก็คิดเรื่องนี้น้อยเกินไป

จะราชวงศ์แห่งดินแดนทวีป เชื้อพระวงศ์ หรือแปดตระกูลชนชั้นสูงก็ตามแต่ ต่างให้ความสำคัญกับสายเลือดอย่างยิ่ง

สวบ! จ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องโบยบินไปจากสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นพร้อมกัน

ก่อนที่เขาจะไป จ้าวเฟิงขยับเกราะแขนเบาๆ โดยไม่มีสัญญาณใดๆ ในละแวกของสำนักศักดิ์สิทธิ์วั่นปรากฏสัญลักษณ์มิติอันหนึ่งขึ้น

เมื่อครอบครอง ‘มนตราอากาศ’ ที่เป็นอาวุธเทพชั้นรอง ขอเพียงจ้าวเฟิงแข็งแกร่งขึ้นในภายหน้า ต่อให้อยู่ไกลมากเท่าไหร่ก็สามารถมาถึงที่นี่ได้ในเพียงชั่วลมหายใจ

“จ้าวเฟิง ครั้งนี้ต้องขอแรงเจ้าอีกครั้ง ช่วยดูแล ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ สักหน่อย”

ใบหน้าของหนานเฟิงอ๋องเต็มไปด้วยความขอบคุณ

ที่แท้แล้วเมื่อครู่จ้าวเฟิงใช้ห้วงคิดเซียนแจ้งหนานเฟิงอ๋อง ตอบรับว่าจะไปที่จวนของอีกฝ่าย

ครึ่งเดือนก่อน

‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ของหนานเฟิงอ๋อง อาการบาดเจ็บและไอสวรรค์ฟื้นฟูจนเกือบสมบูรณ์แล้วภายใต้การถูกเลี้ยงดูจากทรัพยากรมหาศาล

เมื่อฟื้นฟูได้ไม่นานนัก

หนานเฟิงอ๋องก็อดรนทนไม่ไหว อยากให้มันหลั่ง ‘ละอองเกสรเปิ่นหยวน’ เพื่อช่วยให้ตนเองทะลวงผ่านขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

‘ละอองเกสรเปิ่นหยวน’ ที่ไหมเมฆาผีเสื้อ เซียนหลั่งออกมามีผลลัพธ์ประเภทเดียวกันกับวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน ส่งผลอัศจรรย์ทำให้ดวงวิญญาณและกายเนื้อรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการสร้างกายศักดิ์สิทธิ์เทวาเร้นลับ

หนำซ้ำการได้รับละอองเกสรเปิ่นหยวนประเภทนี้ยังยากลำบากอย่างมาก ทั้งชีวิตของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนทุกตัวหลั่งออกมาได้เพียงแค่สองสามครั้งเท่านั้น

ทุกครั้งที่หลั่งออกมาจะทำให้ไอสวรรค์ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนบาดเจ็บหนัก

“ก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ”

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย

ในเวลานี้ เขายิ่งเข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนานเฟิงอ๋องจึงให้ความสำคัญกับ ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ เช่นนี้

ตัวของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเป็นเผ่าพันธุ์สายเลือดในรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณ มีความเป็นมาที่เก่าแก่ กำลังรบสูงส่ง ความสามารถพิเศษอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถด้านการช่วยเหลือ

‘ใยไหมเมฆา’ ที่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพ่นออกมาพิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นทรัพยากรล้ำค่าในการสร้างเกราะอ่อนป้องกันชั้นยอด

รวมไปถึงชุดผ้าไหมเมฆาที่หนานกงเซิ่งได้มาจากมิติเทพลวงตา วัสดุหลักของมันก็คือใยไหมเมฆาที่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพ่นออกมานี่เอง

“จ้าวเฟิง มีบางเรื่องที่ข้าจำเป็นต้องเตือนเจ้า”

ในระหว่างทางกลับ หนานเฟิงอ๋องเปิดปากเอ่ย

“ท่านอ๋องเชิญเอ่ย?”

จ้าวเฟิงเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

“เจ้าสังหารจักรพรรดิราชันจำนวนมากของ ‘ตำหนักวิญญาณปฐพี’ สำนักดังกล่าวเป็นถึงสำนักสามดาว พลังและเส้นสนกลในแข็งแกร่งอย่างมาก เบื้องหลังยังมีเซียน ‘ขอบเขตเทวาเร้นลับ’ ดูแลอยู่ เกรงว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยเตือนอย่างตึงเครียด

สำนักสามดาว ถึงจะเป็นที่ราชวงศ์แห่งดินแดนทวีปก็เป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลสูงส่ง อย่างน้อยก็สามารถคุกคามและส่งผลกระทบต่อชะตาชีวิตของพื้นที่แห่งหนึ่ง

ด้วยเพราะขั้วอำนาจที่ไปแตะระดับสี่ดาวมีน้อยนิดอย่างยิ่งจนสามารถนับนิ้วได้

“ข้าเข้าใจ”

ใจของจ้าวเฟิงเย็นวาบเล็กน้อย เรื่องนี้เขาเองก็เตรียมใจไว้แล้วในระดับหนึ่ง

สำนักสามดาวแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ จ้าวเฟิงเข้าใจพอสมควร ด้วยเพราะเขาเองก็เคยอยู่ที่สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเจินซึ่งเป็นสำนักสามดาวมาก่อน

ไม่ว่าจ้าวเฟิงจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน ที่สุดแล้วก็ยังอยู่ในขอบเขตปราณเทวะเท่านั้น

โดยมากแล้วเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่สูงส่งกว่ามักจะปิดด่านฌานฝึกตน ไม่สนใจเรื่องภายนอกเท่าไหร่นัก

แต่ทว่า

ทันทีที่เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องทางโลกแล้วละก็ ทุกครั้งก็ล้วนใช้พลังที่เกรียงไกรไร้เทียมทาน กำราบกดดันทั้งหมด

สำหรับสำนักสามดาวแล้ว เรื่องยุ่งยากที่จักรพรรดิชั้นยอดในขอบเขตปราณเทวะไม่สามารถแก้ไขได้ ก็จะรอให้เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับออกจากปิดด่านฌานมาจัดการ

‘ ‘จักรพรรดิวายุอัสนี’ และ ‘จักรพรรดิโจรสลัด’ ต่างตายลงจากการไล่ล่าสังหารของเซียนขอบเขตเทวาเร้นลับเช่นกัน’ จ้าวเฟิงนึกสะท้อนในอก

จักรพรรดิวายุอัสนีเป็นถึงจักรพรรดิชั้นยอด เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความเร็วเป็นหนึ่งในบรรดาจักรพรรดิด้วยกัน

จักรพรรดิโจรสลัดยิ่งเป็นปรมาจารย์ค่ายกลและกลไก เคยค้นพบพื้นที่ลึกลับแห่งเมืองความลับสวรรค์ และครอบครองสมบัติล้ำค่าที่น่าตื่นตะลึง

จักรพรรดิในตำนานสองคนนี้เป็นตำนานที่รุ่งโรจน์แห่งยุค แต่สุดท้ายแล้วก็ตายด้วยน้ำมือของเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

จากจุดนี้จึงเห็นได้ว่า เซียนขอบเขตเทวาเร้นลับดำรงอยู่ในโลกนี้อย่างไร้เทียมทาน

ต่อให้เป็นครึ่งเทพก็ตาม ในด้านแก่นแท้ก็ยังอยู่ในระดับของขอบเขตเทวาเร้นลับ เพียงแต่ว่าใกล้เคียงขั้นเทพมากกว่าเซียนทั่วไปเล็กน้อย “อย่างไรก็ตาม จ้าวเฟิงเจ้าวางใจได้ในช่วงนี้ ขอแค่เจ้าอยู่ในจวนของข้า สำนักสามดาวทั่วไปก็ไม่กล้าบังอาจมายุ่งกับเจ้า”

หนานเฟิงอ๋องเอ่ยพลางยิ้มแย้มน้อยๆ

สถานะของเขาสูงส่งเป็นพิเศษ มีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ต้าเฉียนองค์ปัจจุบัน

อีกทั้งพลังของหนานเฟิงอ๋องก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง และยังมีชะตาราชวงศ์อยู่ในร่าง ได้เหยียบเข้าไปในขอบเขตเทวาเร้นลับครึ่งก้าวแล้ว

หนานเฟิงอ๋องกลับไปที่จวนอ๋องโหวในครั้งนี้ ด้วยต้องการจะใช้ ‘ละอองเกสรเปิ่นหยวน’ ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนทะลวงผ่านขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

แต่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อ่อนแอตัวนั้นต้องให้จ้าวเฟิงช่วยดูแล

‘เช่นนั้นข้าจะพักอยู่ที่จวนอ๋องโหวช่วงหนึ่งก่อนแล้วกัน’

จ้าวเฟิงตัดสินใจ

หากในตอนนี้เขาผลีผลามไปที่ตระกูลตวนมู่ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

จ้าวเฟิงลองสืบหาข่าวคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ของ ‘ตระกูลตวนมู่’ มาแล้ว ในแปดตระกูลชนชั้นสูงนับว่าได้เป็นตระกูลที่กำลังถดถอย ถ้าหากถดถอยลงไปอีกก้าวหนึ่ง บางทีตระกูลตวนมู่อาจถูกลบออกจากรายชื่อของ แปดตระกูลชนชั้นสูง

จ้าวเฟิงเชื่อว่า การผลีผลามไปของตนเองจะนำภยันอันตรายไปสู่ตระกูลตวนมู่

ครึ่งชั่วยามต่อมา

จ้าวเฟิงและหนานเฟิงอ๋องก็มาถึงจวนอ๋องโหวด้วยกัน

“คารวะท่านอ๋องโหว”

ในระหว่างที่คนทั้งสองเดินในจวน จะมีเสียงเอ่ยทำความเคารพลอยมา

จ้าวเฟิงจึงเห็นเรื่องดังกล่าวจนชินตา

ไม่นานนัก

หนานเฟิงอ๋องนำจ้าวเฟิงมาถึงตำหนักลับที่ลับตาคนแห่งหนึ่ง ก่อนหยิบขวดกระเบื้องโปร่งแสงใสออกมา

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเป็นสมบัติล้ำค่าเปราะบางที่ราวกับมีชิวิต นอนอยู่ในขวดเงียบๆ กลิ่นอายอ่อนแอ บางคราวจะโบกปีกกึ่งโปร่งแสงน้อยๆ กำลังพักผ่อนในห้วงนิทรา

จ้าวเฟิงสำรวจเล็กน้อย ระดับความอ่อนแอในครั้งนี้ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนน้อยกว่าคราวก่อน กลิ่นอายพลังชีวิตอ่อนแรงเล็กน้อย

ถ้าหากว่าเป็นวิธีการของนักฝึกสัตว์ทั่วไป คิดจะปลุกไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ถึงใช้ทรัพยากรของจวนอ๋องที่มีอยู่ไม่จำกัด ก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีเป็นอย่างน้อย

เมี้ยว เมี้ยว!

จ้าวเฟิงยื่นมือขยับเกราะแขนน้อยๆ ปรากฏเจ้าแมวขโมยตัวน้อยสีเทาเงินขึ้นที่ด้านข้างของขวดกระเบื้อง

เหมียว ~ ตุบ ตุบ!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกกรงเล็บแมว เคาะขวดดังกล่าวอยู่หลายครั้ง

เปรี๊ยะ!

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนขยับปีกและร่างอุ้ยอ้ายของมันเล็กน้อย เบิกดวงตาที่เป็นดังเพชรสีเขียวคู่หนึ่งขึ้น

ทันใดนั้น กลิ่นอายที่น่ากลัวอันถือกำเนิดมาจากยุคบรรพกาลก็สาดซัดออกมา ทำให้สายเลือดและร่างกายของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนกระวนกระวายโดยสัญชาตญาณ

จ้าวเฟิงผู้แข็งแกร่งในตอนนี้ยังรู้สึกได้ถึงความกดดันไม่น้อย

ในทันทีที่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้ฟื้นฟูไปจนถึงระดับสุดยอด จะมีกำลังรบใกล้เคียงกับเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ

สามารถพูดได้ว่า ผีเสื้อเซียนตัวนี้คือผู้ช่วยมากความสามารถของหนานเฟิงอ๋อง

ไม่แปลกใจเลยที่หนานเฟิงอ๋องต้องการรีบปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาโดยไวที่สุด

ทันทีที่หนานเฟิงอ๋องเลื่อนขึ้นเป็นเซียนได้สำเร็จ แล้วบวกกับความช่วยเหลือของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน พลังจะเพิ่มพรวดขึ้นหลายเท่าตัว และจะมีสิทธิ์มีเสียงที่ทรงอิทธิพลมากขึ้นในราชสำนักต้าเฉียน

“หากว่าท่านอ๋องไว้ใจ ผีเสื้อเซียนตัวนี้ก็มอบให้ข้าจัดการเป็นการชั่วคราว…”

จ้าวเฟิงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

“ได้”

หนานเฟิงอ๋องมองจ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง

ในสถานการณ์ทั่วไป เขาย่อมไม่วางใจ และไม่อาจมอบไหมเมฆาผีเสื้อเซียนให้คนอื่นดูแล

แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าผู้นี้กลับไม่รวมอยู่ในนั้น ร่างของเขาเหมือนมีพลังที่ทำให้คนอื่นเชื่อมั่นและมั่นใจ

“ขอบคุณในความเชื่อมั่นของท่านอ๋อง”

จ้าวเฟิงยิ้มแย้มเล็กน้อย แล้วจึงรีบเก็บไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเข้าไปภายในอาวุธเทพชั้นรอง ‘มนตราอากาศ’

เหมียว!

สิ่งที่เข้าไปด้วยก็ยังมีเจ้าแมวขโมยตัวน้อย

สำหรับภารกิจดูและและฟื้นฟูไหมเมฆาผีเสื้อเซียน จ้าวเฟิงมอบให้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยจัดการ

กลางดึกของวันนั้น

ณ จวนอ๋องโหว ในตำหนักใต้ดินที่หนานเฟิงอ๋องเข้าฌานฝึกตน

“เรียนท่านอ๋อง ข้าหาข่าวคราวเกี่ยวกับ ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ แห่งดินแดนชางไห่ได้แล้ว!”

ราชันชุดดำผู้หนึ่งคกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้น ในแววตาเผยแววตื่นตระหนกอยู่ลึกๆ น้ำเสียงผิดปกติไปเล็กน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version