บทที่ 886 การรับมือของจ้าวเฟิง
บริเวณกลางอากาศเหนือจวนอ๋องโหว ลำแสงสีม่วงทองที่บิดโค้งสาดลำแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าแพรวพราวทั่วทั้งฟ้าดิน
กลิ่นอายมหาศาลที่ใกล้แตะขั้นเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับกดดันสรรพชีวิตและพลังรอบจวนอ๋องโหว
พลังภายในร่างของผู้แข็งแกร่งจำนวนมากในจวนถูกกดข่มจนยากจะขยับเขยื้อนได้
แรงกดดันบีบคั้นดังกล่าวไม่เพียงแต่ส่งผลต่อพลังของกายเนื้อ แต่ยังรวมไปถึงพลังไร้ลักษณ์ประเภทต่างๆ เช่นพลังในชั้นวิญญาณหรือจิตกระบี่ด้วย
คนที่สามารถฝืนควบคุมพลังของตนเองได้ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็มีเพียงจักรพรรดิและราชันปราณเทวะจำนวนไม่มากนัก
“ดูไปแล้ว หนานเฟิงอ๋องทะลวง ‘ขอบเขตเทวาเร้นลับ’ ได้อย่างราบรื่นนัก” จ้าวเฟิงเดินออกจากหอที่พักของตนเอง
ขั้นตอนและสำนึกรู้ในการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ เขายังต้องสังเกตและทำความเข้าใจอีกสักเล็กน้อย
ในความเป็นจริง คนที่คิดเช่นนี้ไม่ได้มีเพียงจ้าวเฟิงคนเดียวเท่านั้น ยังมีผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งของจวนด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะแล้ว โอกาสเช่นนี้ยากที่จะพานพบนัก
ในเวลาดังกล่าว จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะสามของจวนอ๋องโหวต่างเดินออกมากันหมด
“คิดไม่ถึงเลยว่าหนานเฟิงอ๋องจะสามารถเดินมาถึงขั้นนี้ได้ ละอองเกสรเปิ่นหยวนของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีผลลัพธ์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…”
“ถ้าหากว่าหนานเฟิงอ๋องเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ เขาจะเป็นลำดับต้นๆ ที่ราชสำนักต้าเฉียน อำนาจอิทธิพลจะเพิ่มมากขึ้นอย่างยิ่ง” จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะชายสองหญิงหนึ่งระบายยิ้มบนใบหน้า
‘ผู้เฒ่าผมเงินนยวง’ หนึ่งในนั้นมีกลิ่นอายมหาศาล อยู่เหนือกว่าจักรพรรดิทั่วไปอย่างมาก เป็นจักรพรรดิชั้นยอดผู้หนึ่ง
ก่อนที่หนานเฟิงอ๋องจะปิดผนึกฝึกตน เคยแนะนำจักรพรรดิทั้งสามคนนี้กับจ้าวเฟิง
เพียงแต่จักรพรรดิทั้งสามไม่ให้ความสำคัญอะไรกับจ้าวเฟิงที่เพิ่งเลื่อนขึ้นเป็นราชัน
“หืม? กลิ่นอายอะไรกัน…” ‘ผู้เฒ่าผมสีเงินยวง’ ผู้เป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างในฉับพลัน จึงมองเหม่อไปยังทิศทางหนึ่ง
และอีกคนที่สัมผัสได้คือจ้าวเฟิงที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหอ
“เอ๊ะ!”
จ้าวเฟิงยืนอยู่บนลานที่พักหน้าหอ สัมผัสได้ถึงการคืบคลานเข้ามาใกล้ของกลิ่นอายเลือนรางสี่ถึงห้ากลุ่ม
ถึงแม้ว่ากลิ่นอายหลายกลุ่มเหล่านั้น เก็บงำเอาไว้อย่างตั้งใจ แต่ว่าตัวของพวกมันเองแกร่งกล้าอย่างยิ่ง ความเร็วก็ยิ่งชวนให้ตื่นตะลึง ไม่สามารถจะปกปิดได้หมด
สิ่งที่สำคัญคือ หนานเฟิงอ๋องอยู่ในช่วงเวลาสำคัญสุดท้ายของการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งของจวนต่างก็เดินออกมา
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ!
กลิ่นอายที่รางเลือนทั้งหมดสี่ห้าสายพลันทะยานเข้ามาภายในจวนอ๋องโหว
จ้าวเฟิงและ ‘ผู้เฒ่าผมเงินยวง’ ผู้เป็นจักรพรรดิชั้นยอดกวาดห้วงคิดเซียนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างมาก
“จักรพรรดิห้าคน…เหมือนจะมีแต่จักรพรรดิชั้นยอด!” ผู้เฒ่าผมเงินยวงผู้นั้นร่างกายและจิตใจสั่นเทา
สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหรี่ลงเพ่งมอง สำรวจกลิ่นอายวิชาและรูปลักษณ์ของผู้มาเยือนทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
จักรพรรดิชั้นยอดห้าคน!
จ้าวเฟิงเองก็ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ปกติสำนักสามดาวยากจะส่งขบวนพลที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาในครั้งเดียว
“นายท่านผู้คุ้มครอง ตำแหน่งของสถานที่ที่จ้าวเฟิงปิดผนึกฝึกตนถูกเล็งเป้าหมายเอาไว้แล้ว”
สตรีชุดดำผู้เยือกเย็นสง่างามราวดวงจันทร์เอ่ยอย่างนอบน้อม
‘จ้าวเฟิงเอ๋ยจ้าวเฟิงวันนี้ เจ้าตกอยู่ในเคราะห์ที่ยากจะหนีไปได้แล้ว’
ปี้ชิงเยวี่ยอุทานในใจ ห้วงความคิดเซียนที่แกร่งกล้าทะลวงผ่านทั่วทั้งจวนอ๋องโหว เล็งเป้าหมายไปยังตำแหน่งที่จ้าวเฟิงอยู่
ในขณะที่วางแผนการครั้งนี้อย่างลับๆ หน่วยข่าวสารใต้บังคับบัญชาของนางได้คลำหาตำแหน่งลักษณะต่างๆ ของจวนอ๋องโหว กระทั่งได้ซื้อสายเอาไว้แล้วในจวนเพื่อยืนยันที่อยู่ของจ้าวเฟิง
และด้วยเหตุนี้
จักรพรรดิชั้นยอดห้าคนจึงสามารถหาที่พักของจ้าวเฟิงเจอได้อย่างรวดเร็วหลังจากที่เข้ามาภายในจวนอ๋องโหว
“ล้อมสังหารเด็กนั่นเร็ว!”
เสียงแหบพร่าของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวเหมือนดังมาจากหุบเหวเก้าขุมนรกอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้น
กลิ่นอายแกร่งกล้าของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้าก็สาดซัดออกไปเต็มที่โดยไม่เก็บงำเอาไว้และล้อมหอคอยที่จ้าวเฟิงอยู่อย่างรวดเร็วจากหลายทิศทาง
ถึงแม้ว่าจวนอ๋องโหวจะมีขนาดใหญ่ แต่สำหรับพลังทั้งหมดที่จักรพรรดิชั้นยอดมีก็เท่ากับระยะสิบกว่าก้าวเท่านั้น
จ้าวเฟิงอยู่ในจวน ไม่มีที่ใดให้หลบซ่อนอยู่แล้ว
“ขวางพวกเขาเอาไว้!”
จักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะสามคนที่ดูแลจวนอ๋องโหวตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
ผู้เฒ่าผมเงินสียวงมีปฏิกิริยารวดเร็วที่สุด รีบนำจักรพรรดิหญิงหนึ่งชายหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือจ้าวเฟิง ด้วยเพราะก่อนนี้หนานเฟิงอ๋องเคยทักทายและให้จ้าวเฟิงทำความรู้จักกับคนทั้งสาม
ตอนนี้จ้าวเฟิงตกอยู่ในอันตราย ด้วยสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของคนเหล่านี้กับหนานเฟิงอ๋องจึงไม่อาจทำเป็นทองไม่รู้ร้อนได้
“มีศัตรูบุกเข้ามา! ทั้งจวนเตรียมพร้อม!”
“ปกป้องท่านอ๋อง สังหารศัตรู!”
เหล่าราชันในขอบเขตปราณเทวะของจวนอ๋องโหวแต่ละคนพากันเตรียมตัว
ดีที่จักรพรรดิชั้นยอดห้าคนนี้ไม่ได้จะลงมือทำร้ายท่านอ๋องที่กำลังปิดผนึกฝึกตน แต่หมายตาแขกของจวนอ๋องโหว
“นอกเหนือจากหนานเฟิงอ๋องกับท่านหญิงน้อย คนอื่นๆ ของจวนที่เข้ามาขัดขวางลงมือสังหารอย่าได้ปรานี”
จักรพรรดิมารเสวียนหลัวเอ่ยสั่งเสียงเย็น
ขอแค่ไม่ทำร้ายสมาชิกที่สำคัญของเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน พวกเขาจะลงมือสังหาจ้าวเฟิงต่อหน้าสาธารณะชน แต่ก็ไม่กล้าละเมิดล้ำเส้นของเชื้อพระวงศ์
ในตอนนี้ พวกจักรพรรดิมารเสวียนหลัวทั้งห้าประสบความสำเร็จในการล้อมจับจ้าวเฟิงแล้ว
“หยุดเสีย!”
เวลานี้เอง ผู้เฒ่าผมสีเงินยวงนำจักรพรรดิชายหนึ่งหญิงหนึ่งสองคนเข้ามาขัดขวาง
จักรพรรดิทั้งสามไม่ต้องการจะเอาชนะ พวกจักรพรรดิมารเสวียนหลัว เพียงแค่ต้องการสร้างจุดบอดขึ้นมาเท่านั้น จ้าวเฟิงจะได้สบโอกาสหนีไปได้
ด้วยความเร็วของจ้าวเฟิง หากทุ่มเทพลังทั้งหมดหนีไปละก็ จักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้าย่อมไล่ตามเขาไม่ทัน
“ห้ามทิ้งช่องโหว่ให้จ้าวเฟิง”
วงหน้างามของปี้ชิงเยวี่ยตึงเครียด นางเข้าใจในรายงานเรื่องพลังของจ้าวเฟิงอย่างกระจ่างแจ้ง
คราวก่อนที่จ้าวเฟิงสามารถสังหารเหล่าจักรพรรดิราชันส่วนหนึ่งของตำหนักวิญญาณปฐพี ที่พึ่งสำคัญที่สุดคือความเร็วและสายเลือดดวงตาของเขา หากจะโจมตีจ้าวเฟิงต้องล้อมอีกฝ่ายเอาไว้ เพื่อทำให้เขาไม่มีทางหนีรอด และจะทำให้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็ต้องให้จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่ร่วมมือและช่วยเหลือกัน
“ข้าเอง!”
สีหน้าของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวเคร่งขึ้น มองจักรพรรดิในขอบเขตปราณเทวะทั้งสามซึ่งนำโดยผู้เฒ่าผมเงินยวงที่เข้ามาขัดขวางด้วยแววตาเย็นชา
“กายจิตมารยักษ์!”
ในวินาทีนั้น ทั่วร่างของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวอาบด้วยแสงเพลิงสีดำสนิทชั้นหนึ่ง ทั่วทั้งร่างขยายออกด้วยความเร็วที่ชวนขนหัวลุก ถึงขั้นละลายกลายเป็น ‘จอมมารเพลิงทมิฬ’ ตัวใหญ่ยักษ์ สาดซัดไอเพลิงทรงพลังของศาสตร์มารจำนวนมากออกมา
โครม! ครึ่งหนึ่งของจวนอ๋องโหวสั่นสะเทือนไปเล็กน้อย ตกอยู่ภายใต้การปกคลุมของเงาเพลิงมารอันมืดมิด
นี่เป็นเพราะหนานเฟิงอ๋องกำลังทะลวงขอบเขตในช่วงสำคัญสุดท้าย ระลอกกลิ่นอายของพลังศักดิ์สิทธิ์ในขอบเขตเทวาเร้นลับจึงข่มการสำแดงฤทธิ์เดชของอีกฝ่ายไปกว่าครึ่ง
“อะไรกัน!”
พวกผู้เฒ่าผมสีเงินยวงทั้งสามที่เพิ่งจะรุดมาถึงหน้าถอดสีไปในทันที เมื่ออยู่ต่อหน้ากายจิตมารจากเพลิงดำมืด ใจกายก็พลันสั่นสะท้านหวาดกลัว เกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงราวเผชิญหน้ากับจอมมารบรรพกาล
“ไสหัวไป!”
‘จอมมารเพลิงทมิฬ’ จากร่างจักรพรรดิมารเสวียนหลัวโบกมือเพลิงขนาดยักษ์ครั้งหนึ่ง เงาเพลิงสีดำสนิทมากมายราวกับทะลวงผ่านอากาศตรงมากวาดผ่านผู้เฒ่าผมสีเงินยวงและพวก
“ไอทองเทียนฮวา!”
ผู้เฒ่าผมเงินยวงที่บุกขึ้นไปเป็นคนแรก บนร่างปลดปล่อยลำแสงสีทองช่วงโชติทะยานขึ้นนภา เกิดเป็นพลังไร้ขอบเขตที่ทะลวงผ่านเก้าชั้นฟ้า
จักรพรรดิทั้งสองชายหนึ่งหญิงหนึ่งข้างกายเขารีบลงมืออย่างสุดแรงในสถานการณ์อันตรายได้อย่างทันท่วงที
แต่ทว่า
เมื่อเงามืดของมือเพลิงมารยักษ์มาถึง ในวินาทีที่ปะทะลงมา จักรพรรดิชายหญิงสองคนหน้าแดงก่ำ เกือบจะกระอักเลือดออกมา
โครม!
แท่งแสงสีทองจากผู้เฒ่าผมเงินยวงถูกฉีกทึ้งอย่างไร้ความปรานี แสงสีทองบนร่างก็อับแสงลงไปกว่าครึ่ง ก่อนถูกกระแทกจนกระเด็นถอยร่นไปเป็นร้อยจั้ง
“อ๊าก!”
จักรพรรดิหญิงผู้มีวงหน้างดงามกรีดร้องโหยหวน ถูกมือมารยักษ์คว้าไปบีบจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นฝุ่นธุลีในทันใด
ผัวะ!
ส่วนจักรพรรดิชายอีกคนหนึ่งผู้ที่ไม่ใช่จักรพรรดิชั้นยอด ถูกมือยักษ์เพลิงมารตบจนกระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมาในทันที
เพียงชั่วครู่
จักรพรรดิทั้งสามนี้ก็ตายหนึ่ง เจ็บหนักหนึ่ง และบาดเจ็บเล็กน้อยหนึ่ง
พรึ่บ!
ทั้งจวนอ๋องโหว เหล่าราชันที่กำลังจะเข้ามาร่วมคนอื่นๆ หน้าถอดสีไปในฉับพลัน และชะงักค้างอยู่กับที่
ผู้เฒ่าผมเงินยวงเป็นถึงจักรพรรดิชั้นยอด เทียบเท่าได้กับ ‘จางเสวียนต้ง’ จักรพรรดิชุดทองที่ปรากฏกายขึ้นที่สำนักศักดิ์สิทธิ์วั่น มีพลังใกล้เคียงกับตวนมู่ชิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ในยามก่อน
“จักรพรรดิมารเสวียนหลัว ที่แท้ก็เป็นเจ้า…”
ผู้เฒ่าผมสีเงินยวงเอ่ยย้อน ปาดคราบเลือดบริเวณมุมปาก สีหน้าตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
เมื่อครู่เขาลงมืออย่างสุดแรง แต่กลับไม่เรียกว่าเป็นการโจมตีด้วยซ้ำเมื่ออยู่ต่อหน้า ‘กายจิตมาร’ ของจักรพรรดิมารเสวียนหลัว
ไม่เสียทีที่จักรพรรดิมารเสวียนหลัวเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดาจักรพรรดิ มีความสามารถคุกคามเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับได้
“พลังของหนึ่งในจักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้า เกือบอยู่เหนือกว่าจักรพรรดิแห่งความตายในคราก่อนเล็กน้อย…”
จ้าวเฟิงยืนอยู่ด้านหน้าของหอคอย ยากจะควบคุมความตื่นตกใจบนใบหน้าได้
พลังของผู้เฒ่าผมสีเงินยวง ใกล้เคียงกับตวนมู่ชิงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่อาจารย์ของเขาในยามก่อน
หากจะพูดเรื่องพลัง จักรพรรดิมารเสวียนหลัวโจมตีอย่างจัง บางอาจจะกดข่มจักรพรรดิแห่งความตายได้ แต่การสู้รบอย่างเอาเป็นเอาตายยังไม่เกิดขึ้น
ในสถานการณ์ที่ต่อสู้ตัวต่อตัว
ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงมีโอกาสชนะจักรพรรดิมารเสวียนหลัวไม่มาก แต่ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจักรพรรดิชั้นยอดอีกสี่คนที่มีพลังประเภทต่างๆ รวมกันแล้วพลังคุกคามเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!
ในเวลาเดียวกันกับที่จักรพรรดิมารเสวียนหลัวลงมือ ปี้ชิงเยวี่ยและจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่ก็ล้อมจ้าวเฟิงได้สำเร็จ
“จ้าวเฟิง! หนานกงเซิ่งที่เป็นพวกเดียวกับเจ้าลงมือสังหารกองกำลังหัวกะทิของวังเก้านิรยของข้าที่คฤหาสน์เสียหยาง! วันนี้จะต้องถามเจ้าให้รู้ความ”
“ฮ่าๆ พวกข้าสิต้องขอคำชมพลังของ ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ แห่งดินแดนชางไห่”
นอกเสียจากปี้ชิงเยวี่ย อีกสามคนแบ่งเป็นผู้เฒ่าหน้าม่วงคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนหน้าดำ และบุรุษหนุ่มเกราะดำ
คนทั้งสามเป็นจักรพรรดิชั้นยอดของวังเก้านิรย
บวกกับมีปี้ชิงเยวี่ย จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่จึงลงมือล้อมสังหารจ้าวเฟิงได้สำเร็จ
“ภายในสามช่วงลมหายใจ จับเจ้าเด็กนี่ให้ได้!”
‘กายจิตมารยักษ์’ ที่เกิดจาก ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ผู้นั้นหอบเอาอานุภาพมารที่กดดันทั่วทั้งบริเวณบีบคั้นเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
ผู้เฒ่าผมเงินยวงและพวกราชันในจวนอ๋องโหวมีสีหน้าขมขื่น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พวกเขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกแล้ว
ลำพังเพียง ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ คนเดียว ก็สามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้
ตอนนี้จ้าวเฟิงอยู่ท่ามกลางวงล้อมของจักรพรรดิชั้นยอดสี่ห้าคน พวกเขาทำได้เพียงยืนไว้อาลัยเงียบๆ เท่านั้น
“ภายในสามช่วงลมหายใจ?”
จ้าวเฟิงยืนอยู่ที่เดิม ไม่รุกไม่ถอย แค่นเสียงเย็นออกมา “มาได้ก็ดี! ข้ากำลังจะทำให้พวกเจ้า…ไปแล้วไปลับพอดี!”
เด็กหนุ่มคนนั้นสุขุม ยิ้มเย็นยะเยือก ทำท่าทางเยาะเย้ย ทำให้ปี้ชิงเยวี่ยและจักรพรรดิทั้งสี่ที่เข้าร่วมสังหารใจสั่นไหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจของปี้ชิงเยวี่ยที่กระวนกระวายอย่างยิ่ง
นางเคยแยกแยะข้อมูลของจ้าวเฟิงมาก่อน ดังนั้นนางจึงพอเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ของเด็กหนุ่มผู้นั้น รวมไปถึงสถานการณ์ของมิติเทพลวงตาด้วย
หืม? ผู้เฒ่าผมสีเงินยวงและคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปเผยความแปลกใจออกมา
หากเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิคนใดก็ตามเมื่ออยู่ในเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากที่ไม่อาจพลิกผันได้
“สังหาร!”
“อย่าคิดจะหลอกกันเสียให้ยาก!”
‘ชายวัยกลางคนหน้าดำ’ และ ‘บุรุษหนุ่มเกราะดำ’ ในกลุ่มจักรพรรดิชั้นยอดหลายคนรุมโจมตีจากทั้งซ้ายและขวา พุ่งมาหาจ้าวเฟิง
“ด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ เมื่อถูกล้อมโดยจักรพรรดิชั้นยอดสี่คนและจักรพรรดิไร้เทียมทานผู้หนึ่งอาจจะไม่ใช่คู่มือของพวกเขา แต่ว่า…”
จ้าวเฟิงที่ยืนนิ่ง สีหน้ากลับสงบราบเรียบอย่างผิดปกติ
ทันใดนั้น
เขายื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ด้านบนปรากฏหนอนตัวเล็กเหมือนหยกที่เปราะปราง ร่างของมันอวบอ้วน มีขนาดเท่ากับหัวแม่โป้ง สะบัดปีกที่โปร่งแสงอย่างเอาเป็นเอาตาย
นี่คือไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่ไอสวรรค์ฟื้นฟูไปมากกว่าครึ่งตัวนั้นนั่นเอง
เปรี๊ยะ
ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอ้าปากกว้างพ่นใยไหมสีสันต่างๆ ไปในอากาศ ปกคลุมพื้นที่เป็นรัศมีหลายร้อยจั้ง
“อ๊าก! อะไรกัน”
จักรพรรดิชั้นยอดสองคนที่ลงมือร่างกายค้างแข็ง ถูกใยไหมสุกสกาวรัดร่างไว้
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน!”
“จ้าวเฟิงคนนี้เหตุใดจึงสามารถใช้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนได้”
ปี้ชิงเยวี่ยและผู้เฒ่าหน้าม่วงอีกคนหนึ่งหลบหลีกถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงโดนใยไหมรัดขาทั้งสองข้างเอาไว้