Skip to content

King of Gods 887

King Of Gods

บทที่ 887 จัดการในคราวเดียว

เปรี๊ยะ ฟึ่บ ฟึ่บ

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนพ่นใยไหมหลากสีออกมา มันสว่างวิจิตรตระการตา ละเอียดแน่นหนา ความรวดเร็วในการพ่นที่น่าตื่นตะลึงโจมตีจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคน คนหนึ่งยังไม่ทันได้รับมือ

“แย่แล้ว! คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นใยไหมเมฆา…”

บุรุษหนุ่มชุดเกราะดำและชายวัยกลางคนหน้าดำที่ลงมือจู่โจมก็ถูกใยไหมที่ยืดยาวไม่สิ้นสุดรัดตรึงอย่างแน่นหนา

ใยไหมนี้คงทนแข็งแกร่ง ทั้งยังมีความเหนียวแน่นที่ประหลาดอยู่ด้วย ยากที่จะสลัดออกได้

เวลาเพียงพริบตาเดียว จักรพรรดิชั้นยอดสองคนนี้ถูกใยไหมรัดร่างเอาไว้แน่น จนกลายเป็นขนมบ๊ะจ่างหลากสีสันสองชิ้นใหญ่

ตูม!

ปี้ชิงเยวี่ยและผู้เฒ่าหน้าม่วงอีกคนหนึ่งได้รับระลอกพลังดังกล่าวด้วย แต่ระยะของคนทั้งสองค่อนข้างไกล พลานุภาพปราณที่แท้จริงที่ทะลักออกมาทั้งหมดฉีกทึ้งใยไหมที่อยู่ใกล้ตัวออกไป

ในความเป็นจริง

จ้าวเฟิงเองไม่หวังจะจับจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่ในคราเดียว เช่นนั้นแล้วแรงช่วยเหลือของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็จะถูกแบ่งออกไปด้วย

ขั้นแรกของเขาคือจับจักรพรรดิชั้นยอดสองคนที่อยู่ใกล้ตัวก่อน และเป้าหมายก็สำเร็จลุล่วงแล้ว

“แรงโจมตีของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่แข็งแกร่ง แต่ความสามารถในการช่วยเหลือกลับทรงพลังเกินจะเปรียบ…”

หลังจากจ้าวเฟิงโจมตีกระบวนท่าเดียวแล้ว ในใจก็มั่นคง

ก่อนอื่นต้องทำให้จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนไม่สามารถสู้ได้ แรงกดดันของเขาก็จะลดลงไปมาก

“ออกจะยุ่งยากเสียแล้ว คาดคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กคนนี้จะสามารถควบคุม ‘ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน’ ได้…”

ผู้เฒ่าหน้าม่วงที่กำลังล่าถอยไปสีหน้าหวาดหวั่นเล็กน้อย

คนทั้งสองไม่ชิงลงมือก่อน ถึงไม่ถูกไหมเมฆาผีเสื้อเซียนรัดร่างเอาไว้

ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นปี้ชิงเยวี่ยและผู้เฒ่าหน้าม่วงมาอยู่ที่นี่ ผลลัพธ์ของมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ไม่จำเป็นต้องกังวล”

แววตาของปี้ชิงเยวี่ยมองที่ก้อนบ๊ะจ่างหลากสีสองก้อนที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีเพียงพลังช่วยเหลือที่แกร่งกล้าเท่านั้น ยังสังหารจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนนี้ในเวลาอันสั้นไม่ได้ ขอแค่พวกเราเพิ่มแรงกดดันต่อจ้าวเฟิงและไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ผู้อาวุโสทั้งสองก็จะดิ้นรนหนีออกมาได้ ”

ได้ยินเช่นนั้นผู้เฒ่าหน้าม่วงก็ถอนหายใจโล่งอก เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้ว

ก้อนบ๊ะจ่างหลากสีสองก้อนนั้นทะลักระลอกพลังที่เขย่าขวัญออกมา ใยไหมเมฆาภายในส่งเสียงปริแตกเป็นบางครั้ง

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนที่ถูกรัดร่างปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา ก็อาจจะมีโอกาสหนีออกจากพันธนาการได้

เวลาไม่ถึงหนึ่งช่วงลมหายใจต่อมา

โครม แกรก แกรก!

พื้นผิวของบ๊ะจ่างหลากสีสองชิ้นเกิดรอยปริร้าวขึ้นบางส่วน เสียงระเบิดโทสะของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองดังลอดออกมา

“เอาเลย!ความสามารถของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่ได้แกร่งกล้าอย่างที่ในตำนานเล่าไว้ว่าคุกคามเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับได้…”

ผู้เฒ่าหน้าม่วงตะโกนเสียงดัง แล้วมุ่งไปจะสังหารจ้าวเฟิงป็นคนแรก

ขอแค่เขาเพิ่มแรงกดดันให้กับจ้าวเฟิงอีกสักนิด จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองที่ถูกจับอยู่ก็จะสามารถหนีรอดออกมาได้อย่างราบรื่น

ปี้ชิงเยวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนสงสัยอยู่บ้างแต่ก็จำต้องตามไป

นางแอบรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง การดิ้นรนหนีของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองรวดเร็วกว่าที่คิดไว้ไม่น้อย

จากความสามารถของมันตามตำนาน ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนรัดตรึงจักรพรรดิหลายคนได้อย่างสบายๆ นัก ว่ากันว่าไหมเมฆาผีเสื้อเซียนยังเคยเข้าร่วมการล้อมสังหารปีศาจในขอบเขตเทวาเร้นลับด้วย

แต่บางทีอาจเป็นเพราะไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนี้ยังอ่อนแอ จึงไม่สามารถปลดปล่อยกำลังรบในระดับสุดยอดออกมาได้

แกรก แกรก!

ในตอนนี้ จักรพรรดิทั้งสองกำลังจะทะลวงขนมบ๊ะจ่างหลากสีสันออกมา

“สังหาร!”

เวลาเดียวกัน ผู้เฒ่าหน้าม่วงและปี้ชิงเยวี่ยต่างทยอยกันพุ่งเข้าโจมตีจ้าวเฟิง

บรรดาผู้แข็งแกร่งอย่างพวกผู้เฒ่าผมสีเงินยวงของจวนอ๋องโหวที่อยู่ไกลๆ หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

คนทั้งหมดลอบถอนหายใจกันอย่างอดไม่ได้ ถึงจ้าวเฟิงจะเหนือกว่าที่คาดคิดเอาไว้ สามารถควบคุมไหมเมฆาผีเสื้อเซียนได้ แต่คิดจะจัดการจักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้าเกรงว่ายังห่างชั้นนัก

อีกทั้ง ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็กำลังจะบุกมาสังหาร

เมื่ออยู่ในจุดสำคัญของเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน สีหน้าที่สงบราบเรียบของจ้าวเฟิงก็ปรากฏความเคร่งเครียดขึ้น

“จะชนะหรือพ่ายแพ้ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนท่านี้”

จ้าวเฟิงโบกมือทันใด ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่อยู่ด้านหน้าโบกสะบัดปีกโปร่งแสงของมันอย่างรวดเร็ว

คนที่สังเกตดูจะเห็นว่า หลังจากที่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนรัดตรึงจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนได้ก็แทบไม่ได้ใส่ใจอะไร

เหมือนว่าจ้าวเฟิงไม่ได้เตรียมจะลงมือสังหารจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนนี้เช่นกัน

วูบ!

ยามนี้ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนสะบัดปีกโบยบินอย่างรวดเร็ว ละอองเกสรหลากสีที่โปร่งแสงกลายเป็นลมพายุวิจิตร หมุนกวาดพื้นที่รัศมีหลายร้อยจั้งไปทันใด

“ระวัง! นั่นมัน ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน!”

ระหว่างที่ปี้ชิงเยวี่ยกำลังรุกคืบเข้ามา เดิมทีก็ระแวดระวังและสงสัยอยู่แล้ว ขณะลมพายุที่เกิดจากละอองเรณูหลากสีหมุนคว้างมาจึงตื่นตกใจอย่างยิ่ง

วิธีช่วยเหลือของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่ได้มีเพียงแค่ใยไหมเท่านั้น

ละอองเกสรที่สาดซัดออกมาแปลกประหลาดยิ่งกว่า

ฟู่ วูบ วูบ!

ผู้เฒ่าหน้าม่วงและปี้ชิงเยวี่ยยากที่จะหนีทัน จึงตกอยู่ภายใต้การปกคลุมของละอองเกสรไฉ่เมิ่ง

ปฏิกิริยาตอบสนองของปี้ชิงเยวี่ยไวกว่าเล็กน้อย นางเรียกแสงจันทร์ราวผลึกวารีดังเนื้อหยกขึ้นปกคลุมร่างกาย เหมือนเป็นชั้นกำบังร่างโดยธรรมชาติ ซึ่งยังสามารถปิดกั้นประสาทสัมผัสจำพวกการได้ยินหรือดมกลิ่นอื่นๆ ได้ด้วย

ต่อให้เป็นเช่นนั้น

ในวินาทีที่ถูก ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ หมุนวนปกคลุม เรือนร่างแบบบางของปี้ชิงเยวี่ยรู้สึกอ่อนแรง จิตใต้สำนึกจึงไม่กล้ารุกคืบเข้าไปอีก

ปี้ชิงเยวี่ยไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ความสงสัยของนางในก่อนหน้านี้ และการหยุดชะงักค้างในตอนนี้ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของนางไป

“แย่แล้ว! ปราณที่แท้จริงในร่างของข้า…”

ผู้เฒ่าหน้าม่วงที่ทะลวงไปก่อนหน้าถูก ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ ปะทะเข้าอย่างจัง แบกรับเอาพลังใจกลางของละอองเกสรพวกนั้นไว้

จากนั้นทั่วร่างเขาจึงอ่อนเปลี้ยเพลียแรง สายเลือดปราณที่แท้จริงสูญเสียการควบคุมไปเล็กน้อย ใบหน้าเผยแววหวาดกลัว

ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิชั้นยอด เขากระตุ้นเคล็ดวิชาและปราณที่แท้จริงสุดแรงเกิด ไม่อาจถูกล้มได้อย่างจริงจัง แต่พลังของเขาโดยเฉพาะแรงเคลื่อนไหวตกลงไปมากกว่าหนึ่งขั้นแล้ว

“พลังประหลาดของละอองเกสรไฉ่เมิ่งสามารถทะลวงผ่านชั้นวิญญาณและกายเนื้อได้ ต่อให้ลงมือกับเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับก็ได้ผลพอสมควร”

จ้าวเฟิงระบายยิ้มบนใบหน้าพลางผงกศีรษะน้อยๆ

เขากล้าต่อสู้กับราชันชั้นยอดทั้งห้า ย่อมต้องมีที่พึ่งและแผนสำรองเอาไว้อยู่แล้ว

ในเวลานี้ อานุภาพของละอองเกสรไฉ่เมิ่งทำให้พลังของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนร่วงหล่นลงไปครึ่งขั้นและหนึ่งขั้นแล้ว

โดยเฉพาะผู้เฒ่าหน้าม่วงที่ยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ บนหน้าผากผุดเหงื่อเย็นออกมา กำลังใช้พลังทั้งหมดที่มีต้านทานพลังของละอองเกสรไฉ่เมิ่ง ไม่มีแรงต้านทานการโจมตีของจ้าวเฟิง

แกรก แกรก!

และในเวลานี้เอง พื้นผิวของขนมบ๊ะจ่างหลากสีทั้งสองชิ้นปรากฏกรอยปริร้าวขนาดใหญ่ จนทำให้ส่วนศีรษะของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนเผยออกมา

จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองระเบิดพลังออกมาจนหมด ตอนนี้กำลังจะดิ้นรนออกจากรัดตรึงได้ ใบหน้าคล้ำเขียว อาฆาตแค้นอย่างที่สุด

รอให้ทะลวงออกไปได้ก่อน คนทั้งสองจะโจมตีจ้าวเฟิงให้ถึงที่สุด

แววตาของปี้ชิงเยวี่ยและพวกที่โดนผลกระทบจาก ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ เกิดประกายความหวังขึ้นมาน้อยๆ

“เหอะๆ ในวินาทีที่ทำลายรังดักแด้นั่นอกมา ก็คือการเริ่มต้นของ ‘ชีวิตใหม่’ ของพวกเจ้า…”

จ้าวเฟิงไม่ตกใจ แต่กลับส่งยิ้ม

เสียงหัวเราะเบาๆ ของเด็กหนุ่ม ทำให้ใจของปี้ชิงเยวี่ยหนักอึ้งไปอย่างประหลาด

ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ เด็กหนุ่มผมม่วงผู้นี้สงบนิ่งจนลึกลับเกินจะคาดเดา

สิ่งนี้เหมือนกับในรายงานสรุปเกี่ยวกับเขาพอดี

ขวับ! หึ่ง หึ่ง!

จ้าวเฟิงโบกมือในทันที แล้วจึงมีเสียงหึ่งๆ ของผึ้งดังขึ้นที่ริมหู

“นั่นคือ…”

ปี้ชิงเยวี่ยใจสั่นไหว เห็นเพียงมือของจ้าวเฟิงโบกเอาผึ้งพิษระยิบระยับแปดตัวออกมา

ระลอกกลิ่นอายในผึ้งพิษทุกตัวเทียบเท่าได้กับราชัน หรือกระทั่งราชันระดับสุดยอด อีกทั้งยังมีความอันตรายที่น่าสะพรึงกลัวสั่งสมอยู่ด้วย

“ผึ้งเบญจพิษราชา! ระวัง”

ปี้ชิงเยวี่ยเหมือนพอจะจำประวัติความเป็นมาของผึ้งพิษเหล่านั้นได้ ในใจเย็นวาบอย่างประหลาด

เสียดายที่การเตือนของนางสายเกินไปเสียแล้ว

จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนทุ่มเทแรงทั้งหมด ร่างกายจึงค่อยออกมาจากบ๊ะจ่างหลากสีได้ครึ่งตัวอย่างทุลักทุเล

แต่ทว่า

ในวินาทีที่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง กลับเป็นบทสรุปฝันร้ายของพวกเขา

หึ่ง หึ่ง หึ่ง! ฟึ่บ ฟึ่บ!

จักรพรรดิชั้นยอดหนึ่งคนในนั้นถูกผึ้งพิษเปล่งแสงสี่ตัวที่กำลังเผาไหม้ตนเองแทงทะลุราวกับมีด

เผ่าพันธุ์อย่างผึ้งเบญจพิษ ตัวของมันเองไม่นับว่าแข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่การโจมตีโดย ‘การฆ่าตัวตาย’ ของมันใช้ชีวิตและวิญญาณเป็นการแลกเปลี่ยน เป็นวิธีการลงมือสังหารศัตรูที่เหนือชั้นยิ่ง

ตามทฤษฎีแล้ว ผึ้งราชาเหล่านี้แต่ละตัวต่างครอบครองความสามารถที่จะสังหารและทำร้ายจักรพรรดิได้

เพื่อเป็นการป้องกันข้อผิดพลาด จ้าวเฟิงจึงใช้ผึ้งราชาสี่ตัวต่อจักรพรรดิสองคน อีกทั้งยังเลือกใช้เวลาที่พวกเขาเพิ่งจะทะลวง ‘รังดักแด้’ หลากสีออกมา ซึ่งเป็นตอนที่การป้องกันตัวมีอยู่อย่างจำกัด

ถ้าหากเร็วไปกว่านี้ก็ไม่ได้

เพราะความแข็งแกร่งทนทานและพลังป้องกันของตัวใยไหมเมฆาแข็งแกร่ง จักรพรรดิทั่วไปยากจะทำลายลงได้

โครม! ตูม!

ในวินาทีนั้น ร่างของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนก็ระเบิดออกภายใต้การโจมตีด้วยวิธีฆ่าตัวตายจากผึ้งพิษที่ลุกไหม้สว่างไสวแปดตัว เลือดเนื้อของพวกเขากลายเป็นสีเขียวสว่างอย่างน่าอนาถ

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ปี้ชิงเยวี่ยและผู้เฒ่าหน้าม่วงตื่นตะลึง

เพียงแค่ช่วงพริบตาเดียว จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองก็ตายลงจากการลอบโจมตีของ ‘ผึ้งเบญจพิษราชา’ ทั้งแปดตัว

การตายตกเช่นนี้ไม่ได้อึกทึกครึกโครม แต่ตายแบบไม่ได้ป้องกันตัว แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

‘การโจมตีโดยฆ่าตัวตายของผึ้งเบญจพิษ เหมาะกับการลอบโจมตีและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ถ้าหากเป้าหมายเตรียมการป้องกัน ผลลัพธ์ก็จะลดลงไปมาก’

ในใจของจ้าวเฟิงเกิดคลื่นความตื่นตระหนก

คนทั้งสองที่เพิ่งตายไปเป็นถึงจักรพรรดิชั้นยอดเลยเชียว

ในสถานการณ์ที่ต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว หากจ้าวเฟิงจะลงมือสังหารคนใดคนหนึ่งก็อาจต้องใช้เวลาเกือบสิบช่วงลมหายใจ

“ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง…แย่แล้ว! ผึ้งเบญจพิษ!”

เวลานี้เอง ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ที่กลายเป็นเงาเพลิงมารขนาดใหญ่ก็ทะลวงอากาศมา

ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้กับจักรพรรดิหลายคนของจวนอ๋องโหว ด้วยเหตุนี้จึงช้าไปก้าวหนึ่ง

ในระหว่างที่บีบเข้ามาใกล้ เขาเห็นจักรพรรดิทั้งสองถูกใยไหมรัดตรึงร่าง พวกปี้ชิงเยวี่ยทั้งสองถูกละอองเกสรไฉ่เมิ่งลอบโจมตี

ตอนที่เขามาถึง สองจักรพรรดิชั้นยอดก็ตายโดยการโจมตีในวิธีฆ่าตัวตายของผึ้งเบญจพิษแล้ว

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่ช่วงลมหายใจเท่านั้น

อีกทั้งยังไม่สิ้นสุด

ในวินาทีที่ผึ้งเบญจพิษทั้งแปดตัว ‘ตายตกไปพร้อมกัน’ แล้ว จ้าวเฟิงก็ลงมือ

“กายศักดิ์สิทธิ์อัสนี!”

จ้าวเฟิงก้าวออกมา ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้น ปลดปล่อยแก่นแท้ร่างกายที่มีริ้วสายฟ้าส่องแสงเป็นประกาย เป็นประหนึ่งยักษ์อัสนีทองตนหนึ่ง

ในก้าวหนึ่งๆ จ้าวเฟิงเข้าใกล้ ‘ผู้เฒ่าหน้าม่วง’ ผู้ที่กำลังรบถดถอยและร่างกายอ่อนแรงคนนั้น

โครม! ร่างกายที่แกร่งกล้าของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าระดับสูงเป็นประดุจขุนเขายักษ์ ปะทะเข้าใส่ร่างของผู้เฒ่าหน้าม่วง

อั๊ก! ร่างกายที่เดิมทีอ่อนแรงและปวกเปียกของผู้เฒ่าหน้าม่วงเหมือนโดนค้อนยักษ์ฟาดเข้าใส่ ทรุดลงกับพื้นและกระอักเลือดในทันที

ภายใต้ผลกระทบจากผลลัพธ์สูงสุดของ ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ กำลังรบของเขาไม่ได้ร่วงลงไปเพียงขั้นหนึ่ง แต่ยังสูญเสียความสามารถในการโคจรสายเลือดปราณที่แท้จริงตามใจนึกไปด้วย

“เขตแดนเมืองมายา!”

ในวินาทีที่จ้าวเฟิงส่งกำปั้นออกมา การโจมตีของเขตแดนศาสตร์วิญญาณก็ทำให้ผู้เฒ่าหน้าม่วงตกอยู่ในหุบเหวลึกหมดซึ่งความหวัง

“หยุดเดี๋ยวนี้”

‘จอมมารเพลิงทมิฬ’ ร่างยักษ์อันเกิดจากจักรพรรดิมารเสวียนหลัว หอบเอาเงาเพลิงมืดมิดมาอย่างเนืองแน่น แต่กลับมายับยั้งไม่ทัน

ตูม บึ้ม!

การลงมือของจ้าวเฟิงไม่ลังลแม้แต่น้อย ซัดผู้เฒ่าหน้าม่วงแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในหมัดหมัดเดียว

เมื่ออยู่ภายใต้อิทธิพลของ ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ และ ‘เขตแดนเมืองมายา’ ผู้เฒ่าหน้าม่วงแทบไม่ปกป้องตัวเองได้ จึงถูกหมัดจ้าวเฟิงโจมตีจนถึงแก่ความตาย

สังหารไปคนที่สาม!

ไม่กี่ช่วงลมหายใจ จักรพรรดิชั้นยอดคนที่สามก็ตายคาที่ไป

หลังจากที่สังหารคนผู้นี้สำเร็จแล้ว จ้าวเฟิงหันสายตาไปมองปี้ชิงเยวี่ยซึ่งอยู่อีกฝั่งคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้ตั้งใจ

‘ที่แท้ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่ถูกใยไหมรัดตรึงร่างเอาไว้เป็นแค่แผนล่อ เป้าหมายของจ้าวเฟิงคือจะลงมือสังหารพวกเราทั้งสี่คนในคราวเดียว…’

ปี้ชิงเยวี่ยสูดลมหายใจเย็นเยือก

การโจมตีครั้งแรกและการวางแผนลวงโจมตีครั้งที่สองของจ้าวเฟิงสอดประสานกันอย่างชาญฉลาด ล้วนเป็นไปเพื่อสังหารจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่คนที่รุดมาถึงก่อนทั้งสิ้น

เวลานี้

ท่ามกลางแววตาที่จ้องเขม็งของจ้าวเฟิง เรือนร่างแบบบางของปี้ชิงเยวี่ยสะท้านอย่างไร้สาเหตุ

นางตระหนักได้ในฉับพลันว่าตนเองก็เป็นเป้าหมายในแผนลวงครั้งที่สองของจ้าวเฟิงด้วยเช่นกัน

หรือว่า…จ้าวเฟิงมองข้ามตนเองไปแล้ว?

คำตอบเปิดเผยออกมาอย่างรวดเร็ว

เมี้ยว!

ในวินาทีที่จ้าวเฟิงสังหารจักรพรรดิอีกคนได้สำเร็จ เส้นแสงสีเทาเงินสายหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหลังปี้ชิงเยวี่ย

ฟุ่บ! กริชสีดำสนิทราวเงาเล่มนึ่งทะลุผ่านกลางหลังปี้ชิงเยวี่ย เลือดสดสาดกระจายไปทั่ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version