Skip to content

King of Gods 888

King Of Gods

บทที่ 888 อัสนีคุ้มกาย

“เจ้า…”

เรือนร่างแบบบางของปี้ชิวเยวี่ยแข็งค้างไป ทอดสายตามองไปยังจ้าวเฟิงที่คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

ในเวลาไม่กี่ช่วงลมหายใจ การโจมตีติดต่อกันของจ้าวเฟิงก่อให้เกิดการตายของจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามคน

หลังจากที่จ้าวเฟิงสังหารผู้เฒ่าหน้าม่วงแล้ว ปี้ชิวเยวี่ยก็โดนลอบโจมตีเช่นกัน

กริชที่ด้านหลังของนาง วัสดุที่ทำพิเศษอย่างยิ่ง แฝงไปด้วยเสวียนอ้าวที่ลึกล้ำของศาสตร์เงาสังหาร ทะลวงผ่านขั้วหัวใจนาง

ความรู้สึกชาวาบค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วร่างของปี้ชิวเยวี่ย

ในวินาทีนั้น นางเป็นดังรูปสลักโฉมสะคราญใต้แสงจันทร์ เหมือนถูกกลืนกินเข้าไป พูดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย

กริชจักรพรรดิเงาสังหารของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยเพิ่มระดับความแข็งแกร่งที่เมืองเก่าเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ เสริมความสามารถจำพวกที่ทำให้ชาอันหาได้ยากยิ่งเข้าไป

ทว่าในเวลานี้เอง

ในหัวของปี้ชิวเยวี่ยกลับปรากฏขั้นตอนทั้งหมดในการลอบโจมตีจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามของจ้าวเฟิงขึ้น

การจู่โจมในครั้งแรก

จ้าวเฟิงถือว่าอยู่ในสภาวะ ‘เสียเปรียบ’ อย่างที่สุด เขาใช้แผนที่อยู่เหนือความคาดหมายผ่านไหมเมฆาผีเสื้อเซียน จัดการรัดร่างของจักรพรรดิชั้นยอดสองคน

ในความเป็นจริงแล้ว

ถ้าหากไหมเมฆาผีเสื้อเซียนลงมือจนสุดแรง จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองคนก็ยากที่จะทะลวงหนีออกมาได้ในเวลาสั้นๆ นี่ขนาดว่าไหมเมฆาผีเสื้อเซียนไม่ได้อยู่ในสภาวะสุดยอด

ต่อมา

จ้าวเฟิงจงใจปล่อยให้จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสองดิ้นรน จนสามารถทำลายการรัดตรึงร่างได้อย่างรวดเร็ว และใช้เหตุการณ์นั้นหลอกล่อจักรพรรดิชั้นยอดอีกสองคนมาติดกับ

ปี้ชิวเยวี่ยและผู้เฒ่าหน้าม่วงพุ่งตรงเข้าไปให้จ้าวเฟิงจัดการเพื่อช่วยเหลือจักรพรรดิที่ถูกจับทั้งสอง ก็

แต่ในเวลานี้ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเก็บสะสมพลังรอจะปลดปล่อย แล้วจึงกระตุ้น ‘ละอองเกสรไฉ่เมิ่ง’ ลดทอนกำลังรบของทั้งสอง

การลอบโจมตีครั้งที่สอง ผู้เฒ่าหน้าม่วงติดกับเข้าอย่างจัง ถูกสังหารทันที

ปี้ชิวเยวี่ยเตรียมตัวป้องกันเอาไว้ในระดับหนึ่ง ล่าช้าไปครึ่งก้าว จึงโดนปะทะไม่หนักมากและรักษาชีวิตไว้ได้

ฟุ่บ! ในวินาทีที่กริชจักรพรรดิเงาสังหารของเจ้าแมวขโมยตัวน้อยแทงทะลุเข้าร่างปี้ชิวเยวี่ย นางฝืนพยายามเติมระลอกแสงจันทราชั้นหนึ่งไปยังอวัยวะภายในที่ถูกทำลาย

เพียงแต่ กำลังรบของนางถูกลดทอนไปครึ่งขั้น แล้วยังโดนกริชจักรพรรดิเงาสังหารที่พิเศษอย่างยิ่งโจมตีเข้าไป ย่อมต้องบาดเจ็บไม่น้อยอยู่ดี

วู้ม!

ปี้ชิวเยวี่ยร้องในลำคอ เรือนร่างแบบบางปลดปล่อยกลุ่มเงาแสงจันทร์ที่บิดเบี้ยวทับซ้อน กระแทกกริชจักรพรรดิเงาสังหารที่แทงทะลุร่างรวมไปถึงเจ้าแมวขโมยตัวน้อยออกไป

แต่อาการบาดเจ็บของนางก็หนักหนาเพิ่มขึ้น เหงื่อไหลอาบร่าง

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยพลิกตัว ลอยลงบนแขนของจ้าวเฟิง

“ที่เจ้าทำอยู่นับว่าดีมากแล้ว”

จ้าวเฟิงโบกมือข้างหนึ่ง เก็บเจ้าแมวขโมยตัวน้อยเข้าไปในมนตราอากาศ

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยไม่ถนัดการประมือกันอย่างซึ่งหน้า

และสตรีชุดคลุมดำ ‘ปี้ชิวเยวี่ย’ ระแวดระวังอย่างยิ่งจริงๆ ซ้ำยังมีพลังของจักรพรรดิชั้นยอดด้วย

เป้าหมายเดิมของจ้าวเฟิงคือการลงมือสังหารจักรพรรดิชั้นยอดสามสี่คนก่อนจักรพรรดิมารเสวียนหลัวจะมาถึง

เป้าหมายที่สมบูรณ์แบบคือสังหารจักรพรรดิทั้งสี่คนนี้

แต่แผนการของจ้าวเฟิงก็ได้คิดเผื่อเหตุไม่คาดฝันเอาไว้แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องจัดการจักรพรรดิชั้นยอดสองคน

จักรพรรดิชั้นยอดทั้งสี่คน ขณะนี้สามคนได้ล้มหายตายจากไป ส่วนอีกคนก็บาดเจ็บสาหัส สูญเสียกำลังรบไปมาก

“ผู้เยาว์! คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะใช้วิธีการน่าละอาย สังหารผู้อาวุโสสามคนแห่งวังเก้านิรยของข้า…”

‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ที่เพิ่งจะมาถึงแผดเสียงตะโกนขณะตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างมาก

ในจวนอ๋องโหว ผู้เฒ่าผมเงินยวงและพวกผู้แข็งแกร่งในขอบเขตปราณเทวะ แต่ละคนต่างเหม่อลอย

เพียงไม่กี่ช่วงลมหายใจ จ้าวเฟิงใช้วิธีการต่างๆ และการลอบโจมตีลงมือสังหารจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามอย่างรวดเร็ว และทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสไปคนหนึ่ง

ยามนี้

จักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้าที่เดิมจะล้อมสังหารจ้าวเฟิง เหลือเพียงแค่ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ คนเดียวเท่านั้นที่ยังเก็บงำกำลังรบที่สมบูรณ์พร้อมเอาไว้ได้

‘ความสามารถของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวผู้นี้ น่าจะอยู่ในขั้นเดียวกับจักรพรรดิแห่งความตาย ต่อให้อยู่เหนือกว่าครึ่งส่วนก็ไม่ชัดเจนมากนัก…’

จ้าวเฟิงใจเย็น ขณะมองประเมินผู้ไร้เทียมทานในบรรดาจักรพรรดิคนดังกล่าว

มองจากมุมมองต่างๆ กำลังรบของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวอาจมองเป็น ‘ครึ่งก้าวขั้นสู่เซียน’ ได้ แต่ในขอบเขตพลังไม่ได้กล่าวถึงขั้นครึ่งก้าวสู่เซียน เพราะขอบเขตเทวาเร้นลับ การก้าวกระโดดครั้งสำคัญอยู่ที่ชั้นปราณที่แท้จริงในกายเนื้อ หากไม่ประสบความสำเร็จ ก็คงเปลี่ยนงูให้เป็นมังกรในระยะเวลาอันสั้น

เบื้องหน้าของซากหอคอย

จ้าวเฟิงและจักรพรรดิมารเสวียนหลัวยืนประจันหน้ากัน ห่างในระยะไม่เกินสิบกว่าจั้ง

‘จอมมารเพลิงทมิฬ’ ร่างยักษ์ที่เกิดจากจักรพรรดิมารเสวียนหลัวใหญ่โตเท่ากับหอคอยสิบกว่าชั้น เงาเพลิงมารที่อยู่เบื้องหลังปกคลุมไปครึ่งฟ้า

ทั่วทั้งจวนอ๋องโหว มีเพียงระลอกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ กลิ่นอายถึงสามารถกดข่มจักรพรรดิมารเสวียนหลัวได้

จ้าวเฟิงก็เป็นเพียง ‘ยักษ์อัสนีทอง’ สูงหนึ่งสองจั้งจากเคล็ดวิชากายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออยู่เบื้องหน้า ‘กายจิตมารยักษ์’ ของจักรพรรดิมารเสวียนหลัว กลิ่นอายและพลังมีระยะห่างอยู่พอสมควร

แต่ถึงจะมีจุดเด่นในเรื่องพลังและขนาด ก็ไม่ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับจักรพรรดิมารเสวียนหลัวเท่าไหร่นัก

ร่างเพลิงขนาดยักษ์ของเขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ แต่กลับไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม ในดวงตาเผยแววหวั่นเกรงและหวาดระแวงออกมา

ก่อนหน้านี้

เขาเห็นจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามตายตกไปทีละคนเพราะแผนการของจ้าวเฟิงเต็มสองตา

พู่ว~

ในจวนอ๋องโหว พวกขอบเขตปราณเทวะที่ชมการต่อสู้เหล่านั้น แต่ละคนใจเต้นระรัว พากันกลั้นลมหายใจ

เด็กหนุ่มผมม่วงที่เดิมเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำสังหารจักรพรรดิชั้นยอดทั้งสามอย่างรวดเร็ว ทั้งยังทำให้กำลังรบของทั้งสี่ลดลงไปอย่างมากและบาดเจ็บสาหัส

แต่ในตอนนี้

เด็กหนุ่มในขั้นราชันผู้นี้ประจันหน้ากับ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ที่ว่ากันว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในบรรดาจักรพรรดิ

“จักรพรรดิมารเสวียนหลัว กล้าสู้กันสักครั้งหรือไม่?”

จ้าวเฟิงเปิดปากเอ่ยในฉับพลัน และสาดซัดกลิ่นอายแก่นแท้พลังของกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เพิ่มพูนรวมตัวกันไปจนถึงขีดสุด

ในระยะหลายเดือนมานี้ ‘กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์’ ของเขาก้าวหน้าเชื่องช้า แต่เมื่ออยู่เบื้องหน้าศัตรูที่แกร่งกล้า กลับถูกปลุกให้ตื่นขึ้นรางๆ

อันที่จริง

หลังจากที่จ้าวเฟิงฟื้นฟูพลังแล้ว ก็ไม่ได้เจอคู่ต่อสู้ที่จริงจังนัก โดยเฉพาะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้

“นายท่านผู้คุ้มครอง ไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นต่อสู้ กลอุบายของจ้าวเฟิงผู้นี้มีมากมายนัก มีความช่วยเหลือของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน และหนำซ้ำที่จวนอ๋องโหวยังมีจักรพรรดิคนอื่นๆ อีก…”

สีหน้าของปี้ชิวเยวี่ยตึงเครียด รีบส่งเสียงเอ่ย

ตอนนี้นางบาดเจ็บไม่น้อย กำลังรบลดลงไปอย่างมาก ตลอดเวลาล้วนแต่ระแวดระวังการลอบโจมตีและการสร้างความลำบากจากฟากจ้าวเฟิง

ยามนี้สิ่งที่นางกำลังพิจารณาอยู่ไม่ใช่ว่าจะสังหารจ้าวเฟิงอย่างไร แต่เป็นตนเองจะหนีเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไรต่างหาก

โอกาสเดียวที่ปี้ชิวเยวี่ยจะหนีรอดไปได้คือร่วมมือกับจักรพรรดิมารเสวียนหลัวฝ่าทะลวงออกไป

“ล่าถอย? ตัวข้ายังไม่เคยพ่ายแพ้จนไม่รู้เหนือรู้ใต้เช่นนี้มาก่อน…”

จักรพรรดิมารเสวียนหลัวสีหน้าบึ้งตึง

ความหยิ่งยโสและความแข็งแกร่งของเขาไม่ยอมให้เขายอมพ่ายแพ้แก่เด็กหนุ่มผู้นี้อย่างง่ายดาย

ถึงแม้เด็กหนุ่มผู้นี้เป็นเทพราชาดวงตาซ้ายแห่งชางไห่ที่เปลี่ยนร่างมาก็ตาม

ต่อให้ต้องหนี เขาก็ต้องแสดงชื่อเสียงอำนาจของตนเองให้อีกฝ่ายได้เห็นเสียก่อน

“กล้าสู้กันหรือไม่!”

จ้าวเฟิงตะโกนเสียงดัง แก่นแท้พลังอัสนีศักดิ์สิทธิ์โคจรไปจนถึงขีดสุด ร่างกายสว่างเรืองรองเป็นสีฟ้าทอง ค่อยๆ ขยายขนาดออกอีกครั้ง

ผัวะ!

ลำแสงเพลิงโลหิตมหาศาลระเบิดออกมาจากร่างของจ้าวเฟิงในฉับพลัน ภายใต้กระตุ้นของแก่นแท้กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง หมัดข้างหนึ่งปะทะไปบนร่างของ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ในพริบตา แรงที่ระเบิดออกมาและความเร็วในการโจมตี ทำให้ปี้ชิวเยวี่ยที่อยู่ข้างๆ ต้องตื่นตระหนก

ต่อให้เป็น ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ก็ยังตั้งรับไม่ทัน

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะกล้าลงมือทำร้ายผู้ไร้เทียมทานในบรรดาจักรพรรดิอย่างอหังการเช่นนี้

“เหอะ!”

หลุมมืดดำในดวงตาของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวสาดลำแสงเย็นยะเยียบออกมา ทั่วร่างอาบไปด้วยเพลิงทมิฬ เกิดระลอกมืดมิดต้องห้ามวงหนึ่งขึ้น

เขาไม่รุกคืบและไม่ถอยร่น แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง กายจิตมารที่เกิดจากเพลิงทมิฬมหาศาลต้านทานการโจมตีของจ้าวเฟิงไว้

แคร่ก โครม!

เสียงปริร้าวและเสียงดังกึกก้องฟ้าถล่มแผ่นดินทลายปกคลุมกายจิตเพลิงยักษ์ขนาดมหึมาของ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’

พลังเพลิงมารโลหิตที่ทะลักออกมาและแก่นแท้พลังที่น่ากลัวของหมัดนั้น ทำให้ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ เปลี่ยนสีหน้า เรือนร่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

โครม!

ชั่วพริบตา เพลิงโลหิตร้อนแรงก็เผาผลาญไปทั่วร่างของ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ กำลังกระจายไปทั่วร่างของเขา

สีหน้าของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวมืดทะมึน บนร่างกายมีเพลิงลุกโชนขึ้นชั้นหนึ่ง ภายในเสี้ยววินาทีก็กลืนกินเพลิงโลหิตไป

‘กายจิตมารยักษ์’ ที่เขาฝึกฝน เดิมเกิดขึ้นจากเพลิงมืดมิดไร้ขอบเขต ขัดแย้งกับคุณลักษณะร้อนแรงของเพลิงมารโลหิต

สิ่งที่ทำให้หวาดกลัวที่สุดก็คือ เพียงหมัดเดียวก็ยังชิงเลือดลมและพลังชีวิตหลายเส้นสายในร่างของเขาไป

ตุ้บ!

จ้าวเฟิงถูกระลอกต้องห้ามวงหนึ่งจากร่างจักรพรรดิมารเสวียนหลัวกระแทกจนกระเด็นออกไป

“ร่างอมตะ…”

จ้าวเฟิงจ้องไปยังร่างที่เกิดจากเพลิงว่างเปล่าของ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ร่างที่เดิมทีถูกกระแทกจนเกิดรอยโหว่ขนาดใหญ่ประสานกันในพริบตาเดียว

พูดได้ว่า

หมัดเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงสร้างการคุกคามที่เป็นชิ้นเป็นอันต่อจักรพรรดิมารเสวียนหลัวไม่ได้เลย

ไม่เพียงเท่านั้น

จ้าวเฟิงยังค้นพบว่าเพลิงมารโลหิตของตนเองและวิชาสายเลือดของฝ่ายตรงข้ามต่างกดข่มซึ่งกันและกัน จึงทำให้ความสามารถในการดูดเลือดคืนปราณของเพลิงมารโลหิตลดลงไปมาก

“กายจิตมารยักษ์ของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวผู้นี้แข็งแกร่งและพิเศษกว่า ‘ร่างศพอมตะ’ ของจักรพรรดิแห่งความตายเสียอีก”

ม่านตาของจ้าวเฟิงหดเล็กลง

ในกาลก่อน จักรพรรดิแห่งความตายพ่ายแพ้ต่อเขา เป็นเพราะวิชาดวงตาศาสตร์วิญญาณที่เชี่ยวชาญที่สุดถูกจ้าวเฟิงจำกัดอย่างถึงที่สุด

แต่ ‘จักรพรรดิมารเสวียนหลัว’ ที่อยู่ตรงหน้านี้ หากประมือกันเข้าจังๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก

“คุกเข่าให้ข้าซะ!”

จักรพรรดิมารเสวียนหลัวเอ่ยเสียงเย็น โบกมือใหญ่ยักษ์ แสงมืดมิดของเงาเพลิงทมิฬที่อยู่เบื้องหลังก็ขยายใหญ่ขึ้น

ขวับ!

ในเวลาอันรวดเร็ว เงามือยักษ์ของเพลิงว่างเปล่ามหาศาลประหนึ่งแหวกอากาศมา และยังหอบเอาพลังเพลิงมารที่รุนแรงปกคลุมไปบนร่างของจ้าวเฟิง

อานุภาพของกำปั้นดังกล่าวเรียกได้ว่ากระเทือนฟ้ากระเทือนดิน สำนึกรู้ของเขาล้ำลึกอย่างยิ่ง

อากาศบริเวณที่จ้าวเฟิงอยู่เหมือนถูกกักขังและตรึงเอาไว้ ความสามารถคล้ายคลึงกับพลังของธนูเหนือนภา

ในขณะที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นเอง

พื้นที่ที่จ้าวเฟิงอยู่ก็ถูกเงาเพลิงมืดมิดที่ไร้รูปร่างทะลวงผ่านและกักขังเอาไว้

ต้องยอมรับว่าวิชาการต่อสู้ สำนึกรู้ ร่างกาย และดวงวิญญาณของจักรพรรดิมารเสวียนหลัวแตะขีดจำกัดระดับสุดยอดของขอบเขตปราณเทวะ

ในบางด้านเขายังไปถึงขั้นขอบเขตเทวาเร้นลับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชำนาญในวิชาการต่อสู้ ลึกซึ้งในวิชาลับไปถึงจุดสูงสุด ศักยภาพลึกล้ำเกินจะเปรียบ

จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าได้รางๆ นี่เป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้น

ถ้าหากต้องการจะเอาชนะจักรพรรดิมารเสวียนหลัว สำหรับเขาแล้วไม่นับว่ายากเย็นอะไรนัก เพียงให้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนช่วยกระตุ้นสายเลือดดวงตาที่ตนเองชำนาญที่สุด รวมไปถึงพลังอัสนีเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย

แต่จ้าวเฟิงเองก็อยากจะประมือกับสายมารที่มีชื่อเสียงกระเทือนทั่วราชวงศ์ผู้นี้

“อัสนีคุ้มกาย!”

จ้าวเฟิงผสานแก่นแท้พลังสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และพลังวายุอัสนี ลวดลายอัสนีเก่าแก่เกาะกลุ่มกันขึ้นเป็นชั้นปกคลุมร่างในฉับพลัน ลำแสงอัสนีสีทองสว่างเรืองรองมาพร้อมเสียงกึกก้องกัมปนาท

โครม! แซ่ด~

มือยักษ์ของเงาเพลิงตบลงบนร่างของจ้าวเฟิง แต่กลับถูกโล่อัสนีต้านทานเอาไว้ได้ ในทันทีที่เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น ลำแสงก็เกี่ยวกระหวัดไปมา

ไม่เพียงเท่านั้น

แกรก!

บนโล่อัสนีคุ้มกายที่เก่าแก่ พื้นผิวสาดซัดริ้วอัสนีสีทองสว่างเจิดจ้า ฉีกทึ้งเงามือขนาดยักษ์อานุภาพมหาศาลนั้นไป

“การหลอมรวมของแก่นแท้พลังและโล่อัสนีงั้นหรือ? นี่เป็นเคล็ดวิชาป้องกันอะไรกัน!”

จักรพรรดิมารเสวียนหลัวหวาดหวั่นในใจ

การโจมตีที่อหังการและล้ำลึกของเขาปลดปล่อยออกไปโดยไม่มีผลใดๆ ถึงขั้นที่โดนตอบโต้กลับจากโล่อัสนีที่ปกป้องกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเฟิง

โครม เปรี้ยง เปรี้ยง

การประมืออย่างง่ายๆ ของจ้าวเฟิงและจักรพรรดิมารเสวียนหลัว ถึงแม้ว่าพลังย่อขนาดเล็กลงเกินจะเปรียบ แต่ก็ยังคงปรากฏรอยไหม้ขนาดยักษ์ที่มีรัศมีเป็นพันจั้งเกิดขึ้นรอบบริเวณ ละลานตาอย่างยิ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version