Skip to content

King of Gods 890

King Of Gods

บทที่ 890 เทพราตรีทมิฬ

“รีบไปช่วยหนานเฟิงอ๋องสิ!”

ผู้เฒ่าผมสีเงินยวงและคนอื่นมีสีหน้าตื่นตระหนกและเคียดแค้น รีบโผกลับไปยังสถานที่ซึ่งหนานเฟิงอ๋อง ปิดผนึกฝึกตนอยู่

ก่อนหน้านี้

จากการลอบโจมตีของจักรพรรดิชั้นยอดของวังเก้านิรย ท่ามกลางภยันอันตรายที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ทุกคนมองข้ามคนสำคัญที่ทำลังทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับอย่างหนานเฟิงอ๋อง

ใครก็คาดคิดไม่ถึงว่านอกเหนือจากจักรพรรดิมารเสวียนหลัวแห่งวังเก้านิรย ยังมีมือสังหารที่มุ่งเป้ายัง

หนานเฟิงอ๋องด้วย

“ไม่ทันแล้ว…”

ในขณะที่ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงหดเกร็ง สำรวจภาพเหตุการณ์ภายในห้องลับใต้ดินที่อยู่ไกลออกไป ใจก็สั่นเต้นระรัว

ยามนี้

บุรุษในระลอกเงาดำลึกลับผู้นั้น ดึงกระบี่เงาทมิฬที่กระเพื่อมไหวในมือออกมาจากร่างของหนานเฟิงอ๋องแรงทำลายและอาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้นอีกขั้น

บาดแผลของหนานเฟิงอ๋องไม่มีเลือดไหล แต่กลับมีควันเทาเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งขึ้นมา

เห็นได้ชัดว่า บนกระบี่ที่มีรูปลักษณ์ไม่ธรรมดาถูกทาเคลือบด้วยพิษรุนแรงถึงแก่ชีวิตอันหายากยิ่ง

ในใจของจ้าวเฟิงรู้สึกผิดและตำหนิตนเอง ก่อนที่หนานเฟิงอ๋องจะปิดผนึกฝึกตน ได้มอบธุระบางเรื่องให้แก่ตนเอง และยังมอบไหมเมฆาผีเสื้อเซียนให้ดูแลและเก็บรักษา

ในความเป็นจริงแล้ว

ก่อนนี้หนานเฟิงอ๋องได้ให้จ้าวเฟิงทำความรู้จักกับพวกผู้เฒ่าผมเงินยวงทั้งสามคน ก็เพื่อให้ช่วยกันดูแลจวนอ๋องโหว ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจจะเกิดขึ้น

ในสถานการณ์ทั่วไป ไม่มีคนทรงอำนาจผู้ใดจะกล้าลงมือทำร้ายหนานเฟิงอ๋องอย่างอุกอาจเช่นนี้

ทว่าไม่กลัวเรื่องที่คาดเดาได้ กลัวเพียงเรื่องเหนือความคาดหมาย

แล้ว ‘เรื่องเหนือความคาดหมาย’ นี้ ที่สุดแล้วก็เกิดขึ้นจริงๆ

ในห้องลับใต้ดิน

“เจ้าคือ ‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้เป็นมือสังหารลำดับที่ยี่สิบเก้าของ ‘มุมมืดทมิฬ’…”

ร่างของหนานเฟิงอ๋องโคลงเคลงไปมา ใบหน้าของเขาซีดขาว ดวงตาฉายแววสิ้นหวังและขมขื่น

“ถูกต้อง ข้าคือ ‘เทพราตรีทมิฬ’ แต่ลำดับของข้าในตอนนี้คือยี่สิบห้า ก่อนนี้ครึ่งปีเข้าร่วมการลอบสังหารเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับที่บาดเจ็บหนักผู้หนึ่ง จึงได้เลื่อนลำดับขึ้น”

บุรุษในระลอกเงาสีดำผู้นั้นระบายยิ้ม ดูเชื่อมั่นในตนเองยิ่ง

เหมือนเขาจะได้ชัยชนะไว้ในกำมือแล้ว หลังจากที่ดึงกระบี่เงาทมิฬออกมา ก็เหลือบมองมาทางจ้าวเฟิงคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจ ท่าทีดูสนอกสนใจ

ในดวงตาคู่นั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึอันตรายและความเย็นยะเยือกที่แปลกประหลาด

“หามือสังหารมา!”

ผู้เฒ่าผมเงินยวงและจักรพรรดิอีกคนหนึ่งมาถึงก่อน ทะยานไปยังห้องลับที่หนานเฟิงอ๋องปิดผนึกฝึกตน

แต่ยังไม่รอในคนทั้งสองลงมือ การโจมตีก็มาถึง

โครม!

เพลิงเนตรสีม่วงเข้มกึ่งโปร่งแสงหอบกลิ่นอายอัสนีเทวะทำลายล้างกลุ่มหนึ่งลากเสียงยาวมา และระเบิดไปบนร่างของ ‘เทพราตรีทมิฬ’

“อ๊าก…”

บุรุษในระลอกเงาสีดำกรีดร้องโหยหวน ร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเพียงความว่างเปล่า

“เป็นเคล็ดวิชาเพลิงเนตรที่แก่กล้ายิ่งนัก!”

ผู้เฒ่าผมเงินยวงและพวกสูดลมหายใจเย็นยะเยียบเข้าปอด อดมองจ้าวเฟิงที่ยังมาไม่ถึงทางด้านหลังไม่ได้

เพลิงเนตรกระบวนท่าเมื่อครู่ส่งผลให้จักรพรรดิทั้งสองรู้สึกกดดันจนยากจะหายใจ

“เพลิงอัสนีวายุเทพเจ้า!”

สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงโจมตีเสร็จแล้วกลับหดเกร็ง หน้าเปลี่ยนสีไป

แรงกดดันจากอันตรายที่ ‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้นั้นนำมาให้เขา ยังอยู่เหนือจักรพรรดิมารเสวียนหลัว เสียอีก จะโดนสังหารอย่างง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร?

โครม!

ขอบฟ้าที่อยู่ไกลๆ จวนอ๋องโหว ปรากฏบุรุษผู้มีปีกค้างคาวสีเทาเข้มที่ด้านหลัง ทั่วร่างอยู่ในระลอกเงาสีดำ ดวงตาฉายแววประหลาดใจ

“เทพราตรีทมิฬ!”

ณ จวนอ๋องโหว พวกผู้แข็งแกร่งอย่างเช่นผู้เฒ่าผมสีเงินยวงที่ทะยานขึ้นไปมีสีหน้าตื่นตะลึง

แทบไม่มีใครดูออกเลยว่าเทพราตรีทมิฬโจมตีสำเร็จเมื่อไหร่ และถอยไปเมื่อใดกันแน่

“ ‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้นี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาสายเลือด ‘ร่างแยกแปดเงาทมิฬ’ ร่างแยกและร่างจริงสามารถทับซ้อนและแยกกันได้ อีกทั้งร่างแยกยังมีพลังสามสี่ส่วนของร่างจริง บางทีที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้อาจเป็นร่างแยกของเขาก็ได้”

ในขณะที่หนานเฟิงอ๋องไอ สีหน้าก็ยิ่งซีดขาวไปเรื่อยๆ

เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักตำนานเรื่องเล่าของ ‘เทพราตรีทมิฬ’ เป็นอย่างดี

“ฮี่ๆ ไม่เสียทีที่เป็น ‘เทพราชาดวงตาซ้าย’ ผู้มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วชางไห่ เจ้าเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกบนรายนามนักฆ่าของ ‘มุมมืดทมิฬ’ บางทีเป้าหมายต่อไปของข้าอาจเป็นเจ้า…”

‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้มีปีกค้างคาวมองดูจ้าวเฟิงด้วยท่าทียั่วเย้านึกสนุก

เปรี๊ยะ ฟุ่บ!

เงาสีดำสั่นไหว เงาของบุรุษปีกค้างคาวกลืนไปในอากาศและหายวับไป

หากจะพูดเรื่องความเร็ว ‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้นี้เกือบไม่ด้อยไปกว่าจ้าวเฟิงในช่วงสุดยอดแม้แต่น้อย แต่หากพูดเรื่องตัวตนที่แปลกประหลาดเหมือนว่าจะอยู่เหนือกว่าเขาด้วยซ้ำไป

“เป็นมือสังหารที่น่ากลัวนัก! มุมมืดทมิฬเป็นที่อย่างไรกันแน่?”

จ้าวเฟิงมีสีหน้าเคร่งเครียด

เทพราตรีทมิฬที่ปรากฏกกายขึ้นเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าไม่ใช่เซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับ แต่สายเลือดและวิชาของเขาแตะขีดจำกัดของจักรพรรดิชั้นยอดแล้ว เรียกได้ว่ามีกำลังรบของปฐมเซียน

นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยอีกจุดหนึ่ง เหตุใดหลังจากที่ ‘เทพราตรีทมิฬ’ โจมตีแล้วก็หายตัวไป ไม่ลงมือสังหารหนานเฟิงอ๋องให้สิ้น

“ ‘เทพราตรีทมิฬ’ ผู้นี้ ในฐานะที่เป็นมือสังหารชั้นยอดของ ‘มุมมืดทมิฬ’ แต่ไหนแต่ไรมาโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้วจึงจากไป ข้าคาดเดาว่าภารกิจของเขาในครั้งนี้ทำไปเพียงขัดขวางการทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับของข้า มิฉะนั้นแล้วคงไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอดเป็นแน่”

หนานเฟิงอ๋องถอนใจอย่างเศร้าสลด

“ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

ทหารที่เฝ้าอยู่และผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งต่างก็เร่งรุดมาถึง และเอ่ยตำหนิตนเอง

จ้าวเฟิงเพ่งมองบาดแผลของหนานเฟิงอ๋อง แล้วจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ตอนนี้ข้าอยู่ในสถานการณ์ ‘เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย’ บางทีอาจต้องมอบหมายเรื่องราวต่างๆ ในภายภาคหน้าเสียแล้ว…”

หนานเฟิงอ๋องยิ้มอย่างขมขื่น กลิ่นอายพลังบนร่างอ่อนแอลงไปทุกที

“ท่านอ๋อง!”

จิตใจของทุกคนในที่นั้นสั่นระรัว เผยอาการอดรนทนไม่ไหว

เห็นก็แต่บาดแผลของหนานเฟิงอ๋องกำลังขยายออกและเน่าเฟะไม่หยุด ควันสีเทามีกลิ่นเหม็นลอยออกจากร่างมากยิ่งขึ้น

ฤทธิ์ของพิษนั้น ด้วยพลังที่แกร่งกล้าของหนานเฟิงอ๋องก็ยังไม่สามารถยับยั้งเอาไว้ได้

“ข้าถูกลอบทำร้ายด้วย ‘กระบี่เงานภา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ศาสตร์เงาสังหาร อีกทั้งในนั้นยังมี ‘พิษวารีทมิฬ’ ที่ปรากฏในมุมมืดทมิฬเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ความเร็วในการแพร่กระจายของพิษนี้ ต่ำกว่าเซียนในขอบเขตเทวาเร้นลับลงไป มีจำนวนน้อยนักที่จะต้านทานได้ นอกเสียจากว่าฝึกตนจนดำรงอยู่ด้วยกายที่เป็นอมตะแล้ว ถึงพอจะยืดเวลาต่อไปได้อีกหลายวัน”

กลิ่นอายชีวิตบนร่างของหนานเฟิงอ๋องกำลังหลุดลอยออกไปไม่หยุด ถึงขั้นแววตาเลื่อนลอยว่างเปล่า

จากการสำรวจของดวงตาเทพเจ้า จ้าวเฟิงจึงค้นพบว่าพิษนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกายเนื้อเท่านั้น แต่ยังลุกลามกัดกร่อนไปจนถึงดวงวิญญาณด้วย

สำหรับฤทธิ์รุนแรงของ ‘พิษวารีทมิฬ’ ประเภทนี้ แม้กระทั่งจ้าวเฟิงยังรู้สึกรับมือยาก ด้วยเพราะเขาเองก็ไม่ใช่หมอยาเสียด้วย

คนอื่นๆ ที่อยู่ ณ ตรงนั้นต่างก็เตรียมตัวรับมือไม่ทัน

ในจวนอ๋องโหวเองก็มีหมอมากฝีมือ แต่กับบาดแผลของหนานเฟิงอ๋องก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“ให้ข้าเอง”

จ้าวเฟิงยืนขึ้น ในสายเลือดดวงตาซ้ายปรากฏบ่อน้ำเย็นเยียบสีฟ้าหม่นขึ้นรางๆ สาดซัดพลังเหมันต์อันหนาวเหน็บถึงกระดูกออกมา

“เนตรจิตวิญญาณเหมันต์!”

สายเลือดดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงปลดปล่อยพลังเหมันต์วิญญาณที่แปลกประหลาดออกมาสายหนึ่ง แช่แข็งและปกคลุมไปบนดวงวิญญาณของหนานเฟิงอ๋องอย่างรวดเร็ว

หนานเฟิงอ๋องยังคงมีสติกระจ่างแจ้งอยู่บ้าง รู้ว่าจ้าวเฟิงกำลังช่วยเหลือเขา จึงไม่ขัดขวาง

แซ่ด! ดวงวิญญาณของหนานเฟิงอ๋องถูกพลังเหมันต์ที่หนาวเหน็บแช่แข็งเอาไว้อย่างรวดเร็ว ความเร็วในการกัดกร่อนของ ‘พิษวารีทมิฬ’ ลดลงไปมาก เป้าหมายของจ้าวเฟิงชัดเจนอย่างยิ่ง ก็คือ รักษาดวงวิญญาณของหนานเฟิงอ๋องเอาไว้ก่อน!

ถึงอย่างไรดวงวิญญาณต่างหากถึงจะเป็นส่วนสำคัญ

ไม่มีกายเนื้อ ขั้นจักรพรรดิราชันปราณเทวะยังสามารถเปลี่ยนร่างถือกำเนิดใหม่ ถึงขั้นที่หยิบยืมเอาสมบัติล้ำค่าสร้างกายเนื้อขึ้นได้

ถัดจากนั้น

จ้าวเฟิงสงบจิตใจ และเริ่มวิเคราะห์ ‘พิษวารีทมิฬ’ ที่อยู่ในร่างหนานเฟิงอ๋อง

‘พิษวารีทมิฬ’ นี้พิเศษอย่างยิ่ง ด้วยเพราะอยู่ตรงกลางระหว่างรูปธรรมกับนามธรรม และจะไม่ส่งผลกระทบต่อกายเนื้อกับปราณแท้จริงปกติทั่วไป แต่จะส่งผลกัดกร่อนอันตรายต่อชีวิตและดวงวิญญาณ

เมื่อโดนพิษดังกล่าว ดวงวิญญาณและกายเนื้อจะเน่าเฟะไม่หยุด กระทั่งอาจจะลุกไหม้หลุดลอยออกไป

เพื่อที่จะขัดขวางการกัดกร่อนไม่หยุดของพิษวารี จ้าวเฟิงโคจรสายเลือดวารีเหมันต์ กระตุ้นตราผนึกจักรพรรดิเหมันต์เพื่อแช่แข็งร่างของหนานเฟิงอ๋องทีละน้อยๆ

“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียน…”

ก่อนที่หนานเฟิงอ๋องสลบไสลไป ก็ฝืนเอ่ยคำพูดออกมากระท่อนกระแท่น

จ้าวเฟิงได้สติกลับมา ประสิทธิภาพในการให้ความช่วยเหลือประเภทต่างๆ ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียน ละอองเกสรของมันสามารถต่อสู้โจมตีได้ ในเวลาเดียวกันยังมีผลลัพธ์ที่แปลกประหลาดในการช่วยสลายพิษบางส่วนอีกด้วย

สัตว์วิเศษทั้งสองตัวอย่างเจ้าแมวขโมยตัวน้อยและไหมเมฆาผีเสื้อเซียนก็มาถึงอย่างรวดเร็ว

วูบ!

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเฉลียวฉลาด เมื่อมองเห็นสถานการณ์โดนพิษของผู้เป็นนาย มันก็รีบพ่นละอองเกสรที่ขาวสะอาดออกมาปกคลุมไปบนร่างของหนานเฟิงอ๋อง

จ้าวเฟิงโคจรสายเลือดวารีเหมันต์ในทันที ทำให้ละอองเกสรที่ขาวสะอาดหลอมรวมเข้าไปในร่างกายหรือกระทั่งดวงวิญญาณของหนานเฟิงอ๋อง

ละอองเกสรของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนส่งผลต่อร่างกายและดวงวิญญาณ แต่ใยไหมเมฆาที่มันพ่นออกมามีผลต่อระดับขั้นกายเนื้อเท่านั้น

จากนั้นไม่นานนัก

จ้าวเฟิงค้นพบว่าพิษบนร่างของหนานเฟิงอ๋องทำได้เพียงค่อยๆ เจือจางและควบคุมเอาไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดูไปแล้ว ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเองก็ทำได้เพียงยืดความตายของหนานเฟิงอ๋องให้ช้าลงไป

เมี้ยว เมี้ยว!

เจ้าแมวขโมยตัวน้อยโบกกรงเล็บไปมา ทำท่าทางบอกจ้าวเฟิง

“หืม?”

จ้าวเฟิงเข้าใจในความหมาย จึงโบกมือเรียกผึ้งเบญจพิษสิบกว่าตัวออกมาจากมนตราอากาศ

ผึ้งเบญจพิษสามารถเก็บสะสมละอองเกสรประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพิษหรือไม่มีพิษ

นอกจากนี้แล้ว เหล็กในบนตัวของผึ้งเบญจพิษยังแฝงไปด้วยพิษด้วย

ไป! จ้าวเฟิงโบกมือ ชั้นน้ำแข็งกลายเป็นก้อนน้ำในทันที และให้ผึ้งเบญจพิษระดับสูงสิบกว่าตัว ‘เก็บสะสม’ จากบนร่างของหนานเฟิงอ๋อง

หลายช่วงลมหายใจต่อมา

พรึ่บ!

ผึ้งเบญจพิษตัวหนึ่งในนั้นเก็บสะสมไปได้ครู่หนึ่งก็กลายเป็นน้ำสีดำสนิท ควันพิษสีดำลอยกรุ่นจากร่าง ตายไปในทันที

“เอ๊ะ! เหมือนว่าจะได้ผล”

จ้าวเฟิงหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนรวมไปถึงผนึกเหมันต์ของเขาส่งผลกดข่มเอาไว้ได้

อีกทั้งหลังจากที่ผึ้งตัวหนึ่งในผึ้งเบญจพิษได้ตายลงไปแล้ว จ้าวเฟิงก็พบว่าพลัง ‘พิษวารีทมิฬ’ ในร่างของหนานเฟิงอ๋องลดน้อยลงไปหลายส่วน ซึ่งก็คือการแก้ไขปรับปรุงของแก่นแท้

หลังจากนั้น ผึ้งเบญจพิษหลายสิบตัวที่เก็บพิษจากบนร่างของหนานเฟิงอ๋อง แต่ละตัวก็ค่อยๆ ตายจากไป

เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น จ้าวเฟิงถึงขั้นใช้ผึ้งราชาตัวหนึ่งนำเอาผึ้งพิษระดับสู.หลายตัวเข้าไปเก็บพิษยังในร่างของหนานเฟิงอ๋อง

เวลาก็ค่อยๆ เคลื่อนคล้อยไป

ผึ้งเบญจพิษล้มหายตายจากไปทีละตัว สีหน้าของหนานเฟิงอ๋องกลับดีขึ้นทีละน้อย

สามารถพูดได้ว่า นี่คือการใช้ชีวิตแลกชีวิต

อีกทั้งยังเป็นการใช้หลายชีวิตแลกกับเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น

จ้าวเฟิงคาดคิดไม่ถึงเลยว่า วิธีการ ‘ตายไปพร้อมกัน’ ของผึ้งเบญจพิษยังสามารถปรากฏขึ้นที่นี่ได้

หลังจากนั้น จ้าวเฟิงก็นึกถึงอะไรบางอย่างออก เขาหยิบเอาบัวฟ้าวารีครามชิ้นหนึ่งออกมาจากภายในมนตราอากาศ เด็ดเอากลีบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์หลายชิ้นออกมา

โครม!

พื้นผิวของกลีบดอกไม้ที่หมุนวนด้วยระลอกลำแสงสีขาวกระจ่าง ถูกจ้าวเฟิงบีบจนละเอียด กลายเป็นของเหลวให้หนานเฟิงอ๋องดื่มลงไป

“กลีบดอกของบัวฟ้าวารีครามงั้นหรือ?”

บนใบหน้าของหนานเฟิงอ๋องเผยแววประหลาดใจ

วิธีการใช้และชื่อเสียงของบัวฟ้าวารีคราม เขาย่อมรู้จักอยู่บ้างบางส่วน

กลีบดอกไม้ของบัวนี้มีคุณประโยชน์มากมายอย่างยิ่ง ไม่เพียงสามารชะล้างร่างกายและจิตวิญญาณ ยังสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับขั้นชีวิต ทั้งยังส่งผลขจัดโรคและพิษอีกด้วย

หลังจากที่ดื่มกลีบดอกไม้ลงไปแล้ว ภายในร่างของหนานเฟิงอ๋องก็ปรากฏลำแสงสีขาวหลายสาย ราวกับกลีบดอกไม้บานออกปกคลุมไปทั่วร่าง

บวกกับผลลัพธ์ในการ ‘เก็บเกี่ยวพิษ’ ของผึ้งเบญจพิษ ‘พิษวารีทมิฬ’ ภายในร่างของหนานเฟิงอ๋อง ก็เหมือนได้รับการแก้ไขและคลี่คลายอย่างเหนือความคาดหมาย

พู่ว! จ้าวเฟิงผ่อนลมหายใจออกมายาว

หนานเฟิงอ๋องไม่ได้ตายจากไป ความรู้สึกผิดในใจของเขาถึงจะดีขึ้นไปหลายส่วน

ก็ด้วยเพราะเขาเองก็เป็นคนดึงดูดให้จักรพรรดิชั้นยอดทั้งห้าของวังเก้านิรยมาที่จวนอ๋อง หนำซ้ำจ้าวเฟิงยังมัวแต่สู้รบอยู่กับจักรพรรดิมารเสวียนหลัว

หากไม่เช่นนั้นแล้ว แรงช่วยกันขัดขวาง ‘เทพราตรีทมิฬ’ ก็จะเพิ่มขึ้นไปอย่างมาก

“จ้าวเฟิง ครั้งนี้ลำบากเจ้าลงมือแล้ว หนำซ้ำเจ้าเองก็ต้องระมัดระวังด้วย ในตอนนี้เจ้าเองเป็นเป้าหมายในรายชื่อสังหารของ ‘มุมมืดทมิฬ’ เสียแล้ว”

แววตาของหนานเฟิงอ๋องจ้องจ้าวเฟิงเขม็ง

สุดท้าย เสียงของเขาค่อยๆ เบาบางหายไป และใช้ห้วงคิดเซียนเอ่ยบอก

“ระวัง! เทพราตรีทมิฬมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะย้อนกลับมาอีกครั้ง และฉวยโอกาสลงมือลอบสังหารเจ้าเป็นครั้งที่สอง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version