บทที่ 899 ข้อตกลงในการแลกเปลี่ยน
หนานเฟิงอ๋องทอดสายตาไปที่จ้าวเฟิงอย่างลึกซึ้ง
ฟังจากน้ำเสียงเขาพอสัมผัสได้ คำว่า ‘จัดการ’ เทพราตรีทมิฬไปแล้วของจ้าวเฟิงน่าจะไม่ง่ายดายอย่างที่พูด
ก่อนจะจากไป
จ้าวเฟิงใช้น้ำเสียงหยั่งเชิงเอ่ยขึ้น “สภาวะต่างๆ ของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนฟื้นฟูกลับไปสู่สภาวะสุดยอดหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าท่านอ๋องพอจะมีความคิดอยากแลกเปลี่ยนผีเสื้อตัวนี้กับโอกาสที่อาจทำให้ไปถึงขอบเขตเทวาเร้นลับหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของหนานเฟิงอ๋องเป็นประกายสว่างวาบ จ้องจ้าวเฟิงอยู่นาน
จ้าวเฟิงคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม กลับสงบนิ่งไม่ไหวติงภายใต้อานุภาพบางเบาจากระดับปฐมเซียน
คนที่คุ้นเคยกับหนานเฟิงอ๋องต่างรู้ดีว่า ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเป็นถึงของรักของหวงของเขา นอกเหนือจากความสามารถที่แกร่งกล้า ยังมีความสำคัญอย่างอื่นอีก
แต่จ้าวเฟิงเพียงหยั่งเชิงเท่านั้น
ความสามารถด้านช่วยเหลือที่แข็งแกร่งของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนถูกใจเขามาก
จุดที่สำคัญก็คือ เขายังมีวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนสิบส่วน สามารถเอาออกมาส่วนหนึ่งเพื่อช่วยไหมเมฆาผีเสื้อเซียนให้ทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ
“จ้าวเฟิง เรื่องนี้ข้าต้องพิจารณาก่อนสักพักหนึ่ง”
หนานเฟิงอ๋องครุ่นคิดเป็นเวลานาน ในที่สุดจึงเปิดปากเอ่ยตอบ
จ้าวเฟิงประหลาดใจอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าหนานเฟิงอ๋องจะปฏิเสธในทันที
“แน่นอนว่าเจ้าต้องเผื่อใจเอาไว้ ความเป็นไปได้ที่ข้าจะตอบรับมีไม่มากนัก ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นเอ่ยปาก หรือเปลี่ยนเป็นเงื่อนไขอื่นละก็ ข้าไม่มีทางพิจารณาอยู่แล้ว”
หนานเฟิงอ๋องเอ่ยสำทับ
“ข้าเข้าใจ”
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ แค่หนานเฟิงอ๋องพิจารณาเขาก็ค่อนข้างตกใจมากแล้ว
เห็นได้ชัดว่า หนานเฟิงอ๋องเองก็รู้ว่าจ้าวเฟิงมีวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน
อย่างไรเสียตั้งแต่มิติเทพลวงตาสิ้นสุดลงจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณครึ่งปีแล้ว
เลื่อนขึ้นเป็นขอบเขตเทวาเร้นลับ นั่นเป็นสิ่งที่หนานเฟิงอ๋องเฝ้าปรารถนา ถึงขั้นเป็นความใฝ่ฝันของทั้งชีวิต
ขอแค่ก้าวผ่านไปได้ จะส่งอิทธิพลต่อชะตาชีวิตของเขาอย่างใหญ่หลวง
แต่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีความหมายต่อเขาค่อนข้างลึกซึ้ง อีกทั้งมูลค่าของมันย่อมต้องมากกว่าวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนอยู่แล้ว
“ท่านอ๋องลองพิจารณาดูก่อนได้ นอกจากวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่ง ยังรวมถึงหินแร่ในตำนานหลายอย่างที่ใช้หลอมสร้างอาวุธเทพชั้นรอง มูลค่าจริงย่อมเกินไหมเมฆาผีเสื้อเซียน”
จ้าวเฟิงบอกเงื่อนไขของตนเองอย่างเยือกเย็น
เขาเองก็เข้าใจ มูลค่าของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนอยู่เหนือวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่งอยู่แล้ว
เพราะไหมเมฆาผีเสื้อเซียนสร้างละอองเกสรเปิ่นหยวนได้ และสามารถเพิ่มสัดส่วนความสำเร็จในการเลื่อนขึ้นเป็นเซียน
เพียงแต่ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนทุกตัว ตลอดช่วงชีวิตของมันขับละอองเกสรเปิ่นหยวนได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ถ้าขับออกมามากเกินไปจะส่งผลต่อศักยภาพในการเติบโตของมัน
การขับละอองเกสรครั้งต่อไปของไหมเมฆาผีเสื้อเซียนคือหนึ่งร้อยปีต่อจากนี้ อีกทั้งถ้าฝืนบังคับให้สร้างออกมา ภายหน้าแทบจะเสียโอกาสในการไปถึงขอบเขตเทวาเร้นลับ
“แร่ในตำนานที่หลอมอาวุธเทพชั้นรองงั้นรึ?”
หนานเฟิงอ๋องมองส่งเงาเบื้องหลังของจ้าวเฟิงที่จากไป ใจเต้นระรัวเล็กน้อย
ระดับปฐมเซียนของเขาในตอนนี้ ขอแค่ได้วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนส่วนหนึ่งมา จะมีหวังในการเลื่อนขึ้นเป็นขอบเขตเทวาเร้นลับอย่างยิ่ง
แต่หินแร่ในตำนานที่สร้างอาวุธเทพชั้นรองได้ ไม่แน่ว่าอาจสามารถช่วยเขาสร้างอาวุธเทพชั้นรองชิ้นหนึ่ง อย่างน้อยๆ ก็สร้างอาวุธวิเศษที่มีพลังเทียบเท่าหรือใกล้เคียงอาวุธเทพชั้นรองได้
สิ่งนี้สามารถเพิ่มพลังในการต่อสู้และอานุภาพต่างๆ ของเขาได้อย่างไม่รู้ตัว และทดแทนผลเสียที่เกิดจากการสูญเสียไหมเมฆาผีเสื้อเซียนได้
อีกฟากหนึ่ง ก่อนที่จ้าวเฟิงกลับไปถึงหอข้างสวนดอกไม้
“พี่จ้าว”
เสียงสดใสราวกระดิ่งดังมาจากด้านหน้าสวนดอกไม้
“ท่านหญิงน้อย”
จ้าวเฟิงตกใจ มองท่านหญิงอวี่ชิงที่ทำท่าลับๆ ล่อๆ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่หนานเฟิงอ๋องสั่งสอนท่านหญิงอวี่ชิง นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาหาจ้าวเฟิง
เมื่อเห็นท่านหญิงผู้นี้ จ้าวเฟิงปวดหัวอยู่บ้าง
“พี่จ้าว ข้าไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายให้กับท่าน ครั้งนี้ที่มาเพราะอยากให้ท่านช่วยฝึกลิงปีศาจตัวหนึ่งให้ข้าหน่อย”
ท่านหญิงอวี่ชิงเอ่ย และบอกเจตนาที่นางมาอย่างรวดเร็ว
ที่แท้แล้วในพิธีบรรลุนิติภาวะเมื่อไม่นานมานี้ ท่านหญิงอวี่ชิงได้รับของขวัญชิ้นหนึ่งจากเชื้อพระวงศ์ต้าเฉียน
ของขวัญชิ้นนี้เป็นสัตว์ปีศาจระดับสูงประเภทลิงตัวหนึ่ง
“ได้ ข้าจะช่วยท่านจัดการเอง”
จ้าวเฟิงผงกศีรษะและตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว
ถึงขั้นที่ว่าเรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำด้วยตนเอง ให้เจ้าแมวขโมยตัวน้อยลงมือก็สำเร็จได้อย่างง่ายดาย
“ท่านหญิง ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนตัวนั้นมีความหมายอะไรต่อท่านพ่อของท่านงั้นหรือ?”
จ้าวเฟิงถาม
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาจะได้ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนที่เป็นสัตว์วิเศษในสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณตัวนี้หรือไม่
“ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนเป็นมรดกซึ่งท่านย่าที่ข้าไม่เคยเห็นหน้าฝากฝังให้ท่านพ่อก่อนตาย…”
ท่านหญิงอวี่ชิงตอบข้อสงสัยของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงเข้าใจกระจ่างแจ้งทันที
ที่แท้ ไหมเมฆาผีเสื้อเซียนมีความหมายที่สำคัญต่อหนานเฟิงอ๋องมากเพียงนี้ มิน่าเขาจึงระมัดระวังและตัดสินใจไม่ได้
‘เช่นนี้แล้ว ความเป็นไปได้ที่หนานเฟิงอ๋องจะตอบรับคงไม่มากเท่าไหร่…’
จ้าวเฟิงพึมพำในใจ
ภายในห้องฝึกบำเพ็ญตน
จ้าวเฟิงนั่งขัดสมาธิ และใช้ห้วงความคิดดำดิ่งเข้าไปในอาวุธเทพชั้นรอง ‘มนตราอากาศ’
โลกมิติส่วนตัวของมนตราอากาศกว้างใหญ่ไพศาลมาก มีขนาดเป็นหลายเท่าของแคว้นเมฆาคล้อย
ขณะนี้ เทพราตรีทมิฬกำลังสงบจิตฟื้นฟูพลังอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่ง
บาดแผลของเทพราตรีทมิฬอยู่ในชั้นวิญญาณเป็นหลัก สมบัติล้ำค่าและทรัพยากรจำพวกฟื้นฟูบาดแผลในวิญญาณ จ้าวเฟิงพอได้รับมาบ้างยามค้นคฤหาสน์เสียหยาง
เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากพลังอัสนีเทวะ ไม่อาจฟื้นฟูได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
“เทพราตรีทมิฬ รอให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูเกินครึ่ง ข้าต้องการให้เจ้าจัดตั้งกลุ่มมือสังหารชั้นยอดเหมือนมุมมืดทมิฬ”
จ้าวเฟิงส่งเสียงเอ่ย
“รายงานนายท่าน ข้ามีกองกำลังชั้นเยี่ยมที่เป็นลูกน้องของตนอยู่ที่มุมมืดทมิฬ รับผิดชอบเสาะหาข้อมูลเป็นหลัก รวมไปถึงรับลงมือสังหารเป็นต้น แต่หากคิดจะสร้างกลุ่มอำนาจอย่าง ‘มุมมืดทมิฬ’ ไม่ใช่ว่ามีแค่กองกำลังมือสังหารก็เพียงพอ”
เทพราตรีทมิฬตอบอย่างเคารพนบนอบ
ทว่าเขาเสนอแนะความเห็นตนต่อกลยุทธ์ของจ้าวเฟิง
จ้าวเฟิงไม่ประหลาดใจเรื่องนี้แต่อย่างใด หลังจากที่ ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ แก้ไขปรับปรุงไปแล้วหลายครั้ง ขณะที่ครอบงำเป้าหมาย มันจะยังรักษาความสามารถด้านความคิดที่เป็นอิสระเอาไว้
“ไหนลองพูดมา”
“มุมมืดทมิฬเป็นถึงหนี่งในสามของกลุ่มอำนาจในโลกใต้ดิน มันรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ลอบสังหาร ขายของเถื่อน เดินทางไปมาอยู่ระหว่างสำนักต่างๆ และราชวงศ์ หนำซ้ำกลุ่มนี้ยังรักษาความเป็นกลางมาตลอด ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลุ่มล่าสังหารนี้ไม่เพียงมาจากนักฆ่าที่ฟูมฟักกันภายใน แต่มือสังหารคนอื่นๆ ขอแค่มีพลังที่แก่กล้าก็สามารถเข้าร่วมด้วย และจะได้รับภารกิจสังหารต่างๆ…”
เทพราตรีทมิฬอธิบาย
จ้าวเฟิงผงกศีรษะคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง จุดเด่นของมุมมืดทมิฬอยู่ที่มันเป็นสถานที่เป็นกลางและเป็นอิสระ ไม่ต้องพึ่งพิงกลุ่มอำนาจใดๆ สามารถยืม ‘พลังจากภายนอก’ ที่ไม่มีขีดจำกัดมาได้
“เรื่องหน่วยข่าวสารเจ้าไม่ต้องสนใจ เจ้าแค่คอยรับผิดชอบหน่วยลอบสังหาร พวกทรัพยากรข้าจะเป็นคนหามาให้เอง”
จ้าวเฟิงเอ่ยกำชับ
จากที่ศึกษามา ขั้วอำนาจยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งต้องมีหน่วยที่แข็งแกร่งหลากหลายประเภท และมีคนที่ชำนาญในด้านดังกล่าวคอยรับผิดชอบ
เทพราตรีทมิฬยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกมือสังหารอย่างไร้ข้อกังขา จะสร้างหน่วยเช่นนี้ขึ้นมาเป็นจุดที่เขาชำนาญพอดี
จุดที่ทำให้จ้าวเฟิงแปลกใจอย่างมากก็คือ เทพราตรีทมิฬผู้นี้ทะเยอทะยานไม่น้อย บริหารจัดการกองกำลังชั้นยอดของตนเองที่โลกใต้ดิน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หน่วยลอบสังหารที่จ้าวเฟิงจะก่อตั้งขึ้นมา ในช่วงแรกๆ จะขาดสมาชิกหัวกะทิที่เป็นส่วนสำคัญไม่ได้
“นี่คือวารีศักดิ์สิทธิ์เปิ่นหยวนส่วนหนึ่ง รอให้จัดตั้งหน่วยพร้อมแล้ว เจ้าสามารถใช้มันทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับ คำสัญญาระหว่างพวกเรายังคงมีผลอยู่ ขอแค่เจ้ารับใช้ข้าเป็นเวลาร้อยปี ข้าจะปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”
ปรากฏขวดเล็กในมือของจ้าวเฟิง ภายในขวดบรรจุน้ำข้นคลั่กหลากสี
“ขอบคุณของรางวัลจากนายท่าน!”
เทพราตรีทมิฬรับวารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวนหนึ่งขวดเล็กๆ มา ในใจหวาดหวั่นและตื่นเต้นอยู่หลายส่วน ด้วยระดับความสามารถของเขาแล้ว ถ้าหากว่าได้ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ ช่วย สัดส่วนที่จะทะลวงขอบเขตเทวาเร้นลับสำเร็จจะเพิ่มขึ้นไปเป็นสี่ห้าส่วนขึ้นไป
แน่นอน ก่อนหน้านี้เขาจำเป็นต้องฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ และปรับให้อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด
ในอีกมุมหนึ่งของมนตราอากาศ จ้าวเฟิงตรวจสอบสถานการณ์ของฝูงผึ้งเบญจพิษ
ออกจากมิติเทพลวงตามานานขนาดนี้แล้ว เมื่อฝูงผึ้งเบญจพิษเหล่านี้ได้รับการฟูมฟักอย่างใส่ใจก็เติบโตครบทุกด้าน
จนมาถึงตอนนี้ ฝูงผึ้งเบญจพิษพวกนี้อยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น มีเจ็ดแปดร้อยตัวที่เทียบเท่าได้กับขั้นครึ่งก้าวสู่ราชัน
มีผึ้งราชาในนี้เกือบร้อยตัว
แต่จำนวนผึ้งจักรพรรดิยังมีไม่กี่ตัว มีเพียงเจ็ดแปดตัวเท่านั้น
ถึงจะเป็นเช่นนั้น จ้าวเฟิงก็แปลกประหลาดใจอย่างยิ่ง
เป้าหมายของเขาคือเก็บพวกผึ้งที่เก่งกาจ กำจัดตัวที่อ่อนแอในฝูงผึ้งพิษ และจะฟูมฟักให้เป็น ‘ราชา’ ทั้งหมด
ลองคิดดู หากมีผึ้งราชาเกินพันตัวร่วมแรงล้อมโจมตีแล้วละก็ จะเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวในระดับไหน แม้แต่เซียนก็ยังต้องถอยร่นอย่างหวาดกลัว
“จะไปถึงขั้นนั้นยังต้องการเวลาช่วงหนึ่ง ทั้งยังต้องสิ้นเปลืองพืชพรรณทรัพยากรล้ำค่าอีกมหาศาล…”
จ้าวเฟิงเก็บห้วงคิดกลับเข้ามา
เขายังคงรั้งอยู่ที่จวนอ๋องโหว รอคอยใครบางคนต่อไป คนที่เขารอจะมาหรือไม่ จ้าวเฟิงเองยากจะคาดเดาได้
ภายในห้องฝึกตน จ้าวเฟิงปิดดวงตาลงและเริ่มเข้าฌานฝึกตน
ก่อนที่เทพราตรีทมิฬจะลอบสังหาร จ้าวเฟิงกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการทะลวง ‘วิชาวายุอัสนี’ ขั้นที่แปดอยู่พอดี
ในตอนนี้ เขากำลังปิดผนึกฝึกตนต่อ
จากการหนุนนำของทรัพยากรมหาศาลและสำนึกรู้ที่แข็งแกร่ง การทะลวงขั้นของจ้าวเฟิงก็ไม่ได้มีอุปสรรคใดอีก
หลายวันต่อมา กลางอากาศเหนือหอที่จ้าวเฟิงอยู่ ปรากฏน้ำวนวายุอัสนีสีฟ้าสว่างแปลบปาบ กลิ่นอายที่น้ำวนวายุอัสนีสาดซัดออกมายิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที วายุอัสนีธาตุน้ำและวายุอัสนีธาตุไม้หมุนเวียนไปมาอย่างบ้าคลั่งไร้สิ้นสุด
สิบวันต่อมา
วิ้ง โครม!
ใจกลางของน้ำวนปรากฏจุดสีแดงอ่อนเย็นยะเยียบเขย่าขวัญ แผ่กลิ่นอายอัสนีธาตุไฟที่ทรงอำนาจออกมา
เวลาเดียวกัน
ในมิติปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิง วายุอัสนีธาตุน้ำขยายออกอีกขั้น กลืนวายุอัสนีห้าสายธาตุที่สามออกมา วายุอัสนีธาตุไฟ เพราะสิ่งที่เขาฝึกคือ ‘วิชาวายุอัสนีห้าสาย’ ในมิติปราณที่แท้จริงของจ้าวเฟิงจึงต่างจากขอบเขตปราณเทวะทั่วไป
ภายในแก่นผลึกของเขาเกิดเส้นแบ่งขึ้นชั้นหนึ่ง แยกวายุอัสนีธาตุน้ำที่เคยมีและวายุอัสนีธาตุไม้ออกไป
ในกลุ่มนี้ วายุอัสนีธาตุน้ำเป็นจุดเริ่มต้น จำนวนที่มีมากมายที่สุด
วายุอัสนีธาตุน้ำสามารถเปลี่ยนผันกลายเป็นวายุอัสนีธาตุไม้ได้
แต่ในตอนนี้ หลังจากมีวายุอัสนีธาตุไม้จึงเกิดเป็นเส้นแบ่งขึ้น และสร้างวายุอัสนีธาตุไฟออกมา
วายุอัสนีธาตุไฟนี้มีความเชื่อมโยงบางอย่างที่คล้ายคลึงกับวายุอัสนีพิฆาตสีชาดในช่วงชีวิตก่อน ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงสร้างพลังได้สำเร็จอย่างราบรื่น
“วายุอัสนีธาตุไฟมีพลานุภาพมหาศาล การโจมตีก็แข็งแกร่งกว่า ยังสามารถเสริมกับเคล็ดวิชาและกลยุทธ์เช่น ‘ปีกวายุอัสนี’ ได้อีกขั้น…”
จ้าวเฟิงสร้างวายุอัสนีธาตุไฟออกมาไม่หยุด
เวลาเดียวกัน เขาก็หยิบทรัพยากรล้ำค่าธาตุไฟส่วนหนึ่งออกมาใช้ ทำให้มันคงสภาพรวดเร็วยิ่งขึ้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาหนึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป
จ้าวเฟิงเหยียบเข้าไปถึง ‘วายุอัสนีธาตุไฟ’ ขั้นที่แปดของวิชาวายุอัสนีอย่างสมบูรณ์
ยามนี้ มีวายุอัสนีที่เป็นผลึกสีแดงยึดครองพื้นที่เกือบหนึ่งในสี่ส่วนของมิติปราณที่แท้จริง
จ้าวเฟิงรู้สึกได้ถึงพลังฝึกตนของตนเองที่ค่อยๆ เข้าใกล้ขอบเขตปราณเทวะช่วงปลายไปทุกที
ฟึ่บ ฟึ่บ วิ้ง!
เขาโคจร ‘วายุอัสนีธาตุไฟ’ เพิ่มพลังกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ และพบว่าวายุอัสนีห้าสายธาตุใหม่นี้มีผลไม่เลวต่อการฝึกฝนร่างกาย
‘กายสายฟ้าปฐพีทอง’ ที่พบอุปสรรคบางอย่าง เดิมอยู่ในขั้นที่ห้าระดับสูง ก็มีการพัฒนาอย่างช้าๆ และมีสัญญาณว่าจะเข้าใกล้ขั้นที่ห้าระดับสุดยอดด้วย
จ้าวเฟิงตระหนักได้ว่า ตอนนี้ตนเองอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่พลังเพิ่มขึ้นพุ่งพรวด
“พอได้แล้ว ใกล้ถึงเวลาที่จะได้ใช้ ‘วารีศักดิ์สิทธิ์ไป่หยวน’ แล้ว…”
แววตาของเขาเป็นประกาย ในมือปรากฏขวดของเหลวหลากสีขวดหนึ่ง