บทที่ 962 โจมตีใคร?
ถึงแม้จ้าวเฟิงจะไม่ได้เข้าใจ ‘การทดสอบคัดเลือกรัชทายาท’ อย่างละเอียด แต่องค์ชายสามารถใช้ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ เพื่อติดต่อกับตำหนักไท่หวงได้ และสามารถส่งสมาชิกในกองกำลังของตนจากไปได้
นี่เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าตำหนักไท่หวงมีอำนาจควบคุมมิติแห่งนี้อยู่มาก
จ้าวเฟิงก็สัมผัสได้ มีเสวียนอ้าวค่ายกลจำนวนมากใน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ขององค์ชายเก้า จะต้องมีประโยชน์อื่นๆ อีกแน่
“เรื่องราวทั้งหมดของพวกเราที่นี่ บางทีอาจอยู่ในการควบคุมของราชวงศ์ก็เป็นได้!”
จ้าวเฟิงเอ่ยบอกทางประสาทสัมผัสจิตวิญญาณ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวซู่เอ๋อร์ปิดปากในทันใด มองไปที่จ้าวเฟิงอย่างกระดากอาย
หากทั้งหมดที่จ้าวเฟิงพูดออกมาเป็นความจริง จ้าวเฟิงอาจจะตายเพราะประโยคเมื่อครู่ของนาง นั่นเป็นถึงความผิดฐานสังหารองค์ชาย ถึงจะเป็นการพูดลอยๆ ก็ไม่ได้เด็ดขาด ทั้งราชวงศ์ต้าเฉียน สิบแปดมณฑล รวมไปถึงชางไห่ที่กว้างใหญ่ไพศาล ต่างก็อยู่ใต้อาณัติของราชวงศ์ทั้งสิ้น ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสิบสามยังเป็นบุตรคนโปรดของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์องค์ปัจจุบันด้วย
“ท่านกลับไปเถอะ ต่อไปอาจไม่มีโอกาสได้พักอีกเลย!”
‘บุกเมืองชิงอาณาเขต’ ที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ โจวซู่เอ๋อร์จะได้เข้าร่วมด้วย
จ้าวเฟิงไม่ตำหนิโจวซู่เอ๋อร์ เขาเองก็คาดไม่ถึงเช่นกันที่การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจะกลายเป็นการแข่งขันเช่นนี้ คิดจะสังหารองค์ชายสิบสามที่นี่ แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
โจวซู่เอ๋อร์ไม่สนใจใยดีอะไรกับการทดสอบคัดเลือกรัชทายาทมากนัก จึงไม่ทำความเข้าใจรายละเอียดของการทดสอบเช่นเดียวกันกับจ้าวเฟิง
แต่การกระทำเมื่อครู่ของทั้งสองคน กลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับทางพระราชวังต้าเฉียน ทั้งสองอยู่ในตำแหน่งสุดขอบสายตาขององค์ชายเก้า อากัปกิริยาจึงปรากฏบนม่านแสงที่โลกภายนอกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์
“นี่ องค์หญิงซู่เอ๋อร์และจ้าวเฟิงมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?”
“จ้าวเฟิงล่วงเกินองค์หญิง!”
“เหตุใดองค์หญิงซู่เอ๋อร์จึงไปชื่นชอบจ้าวเฟิงได้?”
ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่โลกภายนอกต่างมีสีหน้าตกตะลึง
จะต้องรู้ว่า ถึงโจวซู่เอ๋อร์จะออกจากพระราชวังแล้วแต่ก็ยังเป็นองค์หญิงของราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ที่แอบพึงใจนางก็มีไม่น้อย
“ดี คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กจ้าวเฟิงนี่จะเปลี่ยนใจเสียแล้ว!”
ลุงขององค์ชายสิบสามรวมไปถึงเหล่าญาติผู้ใหญ่ที่สนับสนุนองค์ชายสิบสามต่างตื่นเต้นยินดี หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่ต้องสรรหาวิธีการต่างๆ นานามาลงมือกำจัดจ้าวเฟิง แค่ทำให้จ้าวหยูเฟยล่วงรู้เรื่องนี้ นางย่อมสะบั้นสัมพันธ์กับจ้าวเฟิงไปเอง
‘จ้าวเฟิงความสามารถล้ำเลิศนัก…!’
ในตำหนักองค์ชายเก้า เฒ่าประหลาดสวีนับถือในใจ
“จ้าวเฟิง? เป็นไปไม่ได้!”
ตวนมู่ชิงส่ายศีรษะ เพียงแค่การกระทำเดียวนี้ไม่อาจพิสูจน์อะไรได้!
ถึงแม้ว่าการกระทำของจ้าวเฟิงและโจวซู่เอ๋อร์สร้างความตกใจให้กับกลุ่มอำนาจและยอดฝีมือมากมาย ณ โลกภายนอก แต่ทั้งหมดก็สงบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
สิ่งที่ทุกคนจับตามองมากกว่านั้นคือพลังของจ้าวเฟิง!
การต่อสู้ระหว่างจ้าวเฟิงกับเถี่ยหลิงอวิ๋นในโลกมิติมรดกอยู่ในสายตาคนภายนอกทั้งสิ้น
การประกาศศักดาของสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ ไม่ด้อยไปกว่าการปรากฏขึ้นของสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทานแม้แต่น้อย
สายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดของสองตระกูลในแปดตระกูลใหญ่ปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน นี่จะบ่งบอกได้ถึงอะไรหรือไม่?
และยังมีพลังความสามารถที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา ทำให้กลุ่มอำนาจต่างๆ ตื่นตาตื่นใจ ดั่งเช่นวังเก้านิรย ตระกูลเถี่ย ตระกูลหยู และแน่นอนว่ารวมถึงกลุ่มอำนาจในตำหนักองค์ชายแปดด้วย
นอกจากศึกยึดครองเมือง คนจำนวนมากต่างจับตามองสถานการณ์ทางฝั่งขององค์ชายเก้า
ในเมื่อคนภายนอกทั้งหมดต่างก็เห็นขั้นตอนการฝึกสัตว์ของกองกำลังองค์ชายเก้า
พวกเขาจึงเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการปรากฏกายขึ้นของกลุ่มนี้จะทำให้ศึกยึดครองเมืองน่าสนใจขึ้น
แต่ปรมาจารย์นักฝึกสัตว์มากมายกลับคิดว่าจ้าวเฟิงเพียงแค่ฝึกจ่าฝูงของสัตว์อสูรเท่านั้น กควบคุมสัตว์อสูรทั้งฝูงได้ค่อนข้างต่ำ ไม่มากพอจะรับมือกับปรมาจารย์นักฝึกสัตว์ที่มากประสบการณ์กว่า
……
ในเวลานั้น บริเวณหน้ากำแพงเมืองเหล็กกล้าที่องค์ชายแปดอยู่ สัตว์อสูรและพลรบของสองฝั่งปะทะเข้าหากันอย่างดุเดือด
องค์ชายแปดอาศัยค่ายกลป้องกันคุ้มครองกองกำลังเอาไว้ชั่วคราวก็ยังพอไหว
แต่กำลังรบสูงส่งของเซียนไป่เลี่ยนและหยูเหลิ่งหวาข่มกำลังรบของเซียนผู้หนึ่งและปฐมเซียนนับสิบเอาไว้
ถึงจะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในขอบเขตเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่มเช่นเดียวกัน แต่เซียนเหลยหยา (เขี้ยวสายฟ้า) ในกองกำลังองค์ชายห้ากลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยูเหลิ่งหวาแต่อย่างใด
“น่ารังเกียจ มีความสามารถก็เอาออกมา!”
ปฐมเซียนผู้หนึ่งในฝั่งองค์ชายห้าสบถคำด่า
สมาชิกกองกำลังองค์ชายแปดเอาแต่วนเวียนไปมาแถวขอบค่ายกลป้องกัน และใช้ค่ายกลป้องกันลดทอนการโจมตีของพวกเขา บางคราวยังมีเวลาเหลือเฟือจะเก็บกวาดสัตว์อสูรด้านล่างเพื่อลดความกดดันให้กับจีไป๋ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปะทะเข้าไปได้จังๆ จะต้องทำลายค่ายกลป้องกันเสียก่อน
“จีไป๋ อดทนไว้ คุ้มกันเอาไว้ก็พอ!”
องค์ชายแปดมองจีไป๋ที่เหงื่อผุดเต็มวงหน้านวลอย่างกังวล
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักฝึกสัตว์สามคน ถึงจีไป๋จะมีเนตรดาราม่วง แต่หลังจากเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์แล้วต้องควบคุมสัตว์อสูรจำนวนมากขึ้นคงจะไม่ง่ายนัก
“รีบมาช่วยกัน กำลังรบของหยูเทียนฮ่าวผู้นี้ไม่เป็นรองเซียนทั่วไปเลย!”
ปฐมเซียนสองคนที่รับมือหยูเทียนฮ่าว ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งตื่นตกใจ
หยูเทียนฮ่าวอยู่ในระดับพลังขั้นจักรพรรดิเท่านั้น และยังอยู่ในสภาวะที่ไม่ได้กระตุ้นสายเลือดสวรรค์ไร้เทียมทาน แต่กลับต่อสู้กับพวกเขาได้
“เป็นโลกมิติส่วนตัวที่แปลกประหลาดนัก!”
ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิสองคนเห็นโลกมิติส่วนตัวเหมันต์อัคคีของลั่วจุนก็นึกหวาดกลัว
พลังของโลกมิติส่วนตัวจะถูกจำกัดไว้อย่างมากในสุสานราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ยอดฝีมือที่เข้ามาภายในน้อยคนนักที่จะใช้พลังโลกมิติส่วนตัว
“มาสิ!”
จิตกระหายการต่อสู้ของลั่วจุนพลุ่งพล่าน ก่อนจะเข้ามาในสุสานราชวงศ์ โลกมิติส่วนตัวเหมันต์อัคคีของเขาเพิ่งจะสร้างสำเร็จพอดี
ด้วยเหตุนี้ ยามที่เข้ามาในสุสานราชวงศ์ เขาก็เริ่มขัดเกลาโลกมิติส่วนตัวของตนเองไม่หยุดหย่อน ดังนั้นโลกมิติส่วนตัวเหมันต์อัคคีของเขาจึงคุ้นชินกับมิติแห่งนี้มาก
“พี่สอง ดูท่าจะไม่ชอบมาพากลแล้ว!”
องค์ชายห้ามองสถานการณ์รบเบื้องหน้าแล้วจึงขมวดคิ้วมุ่น
จากสภาพการณ์ตรงหน้า พวกเขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“หลังจากเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์แล้ว พลังของสมาชิกฝั่งองค์ชายแปดก็เพิ่มขึ้น!”
แววตาองค์ชายสองเป็นประกาย มองไปที่ยอดฝีมือมากมายที่ต่อสู้กันอยู่ด้านบน
สมาชิกในกองกำลังองค์ชายแปด ไม่ว่าจะศักยภาพหรือว่าพลังความสามารถก็อยู่เหนือพวกเขาทั้งสิ้น
“เช่นนั้นพวกเราก็ลงมือเถอะ!”
องค์ชายสิบสองมีสีหน้าร้อนรน กำหมัดแน่น ฮึกเหิมอยากลองดู
องค์ชายสามารถอาศัย ‘พลังชะตามังกร’ เพื่อเพิ่มกำลังรบได้โดยตรง ถ้าหากองค์ชายทั้งสามอย่างพวกเขาลงไปร่วมศึก บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไป
“ช้าก่อน!”
องค์ชายสองยืนเอามือไพล่หลัง
ยังเหลือเวลาอีกนานกว่า ‘บุกเมืองชิงอาณาเขต’ จะจบลง จะสิ้นเปลือง ‘พลังชะตามังกร’ ไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ไม่ได้
ครึ่งวันต่อมา องค์ชายทั้งสามจึงถอยไปก่อน
ฟากองค์ชายแปดเฝ้ากำแพงเมืองอย่างแข็งขัน องค์ชายทั้งสามก็ไม่กระจายตัวออกเป็นการชั่วคราว ด้านหลังก้อนหินใหญ่ องค์ชายทั้งสามรวมตัวอยู่กับเหล่าสมาชิกเพื่อวางแผนกลยุทธ์กัน
“ตัวแปรสำคัญอยู่ที่ค่ายกลป้องกันบนกำแพงเมือง!”
“ค่ายกลป้องกันขององค์ชายแปดได้มาจาก ‘หอตราค่ายกล’ ในเมืองความลับสวรรค์ ระดับสูงส่งอย่างยิ่ง!”
“พวกเรามีปรมาจารย์ค่ายกลเพียงคนเดียว ไม่สามารถทำลายลงได้!”
หลังจากที่ทุกคนหารือกันแล้ว จึงเจอตัวแปรสำคัญของศึกครั้งนี้ และในตอนนี้เอง ปรากฏเงาคนสี่คนโบยบินว่องไวมาจากที่ไกลๆ กลิ่นอายที่ร้อนแรงตกลงบนเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ทิศ จากนั้นเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์ด้านตะวันออก
“นั่นมันคนขององค์ชายสี่!”
“นั่นคือกองกำลังที่นำโดยเซียนเถี่ยอวิ๋นหั่ว!”
หลังตื่นตระหนกแล้ว ทุกคนก็ต้องทอดถอนใจ
ในเมืองความลับสวรรค์ที่องค์ชายสี่ยึดครอง มีเพียงคนสองกลุ่มที่คอยเฝ้าอยู่ แต่กลับไม่มีใครกล้าโจมตี
ไม่นานนัก กองกำลังที่เกิดจากความร่วมมือขององค์ชายทั้งสามจึงคิดวิธีหนึ่งได้
จะต้องใช้สัตว์อสูรประเภทพลังป้องกันเพื่อทำลายค่ายกลไปเรื่อยๆ ก่อน ปรมาจารย์ค่ายกลในกลุ่มถึงจะมีโอกาสทำลายค่ายกลทิ้ง ด้วยเหตุนี้องค์ชายทั้งสามจึงส่งนักฝึกสัตว์และพลรบส่วนหนึ่งไปยังสถานที่ที่มีสัตว์อสูรรวมตัว เพื่อกำราบสัตว์อสูรประเภทพลังป้องกันมา
สองวันต่อมา
กองกำลังกลุ่มหนึ่งก็มาถึงเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ แต่ไม่ใช่กองกำลังที่องค์ชายทั้งสามส่งออกไป
“เมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่!”
สืออวี่เหลยตื่นเต้นอย่างมาก
“ดูจากสถานการณ์แล้ว จนถึงตอนนี้มีเพียงฝั่งขององค์ชายแปดเท่านั้นที่เคยเกิดการต่อสู้ขึ้น!”
ตาเฒ่าอิงมองเบื้องล่าง เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ทันที
“อารยธรรมความลับสวรรค์!” วงหน้างามที่เย็นชาของซูชิงหลิงเปลี่ยนสีเล็กน้อย
“เป็นเมืองความลับสวรรค์จริงด้วย!” แววตาของจ้าวเฟิงทอประกายยินดี
จำได้ว่าตอนนั้นจ้าวเฟิงโชคดีได้เข้าเมืองเก่าของเผ่าพันธุ์ความลับสวรรค์ซึ่งซุกซ่อนอยู่ใต้ทะเลในดินแดนศักดิ์สิทธิ์โจรสลัดสิบแปดยอด ตอนนั้นจ้าวเฟิงใช้สมบัติทั้งหมดที่สะสมมาจนหมด แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อยเต็มอิ่ม คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอเมืองความลับสวรรค์อีก
จ้าวเฟิงยิ้มน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ ด้วยทรัพยากรที่เขามีในตอนนี้ เกรงว่าจะสามารถใช้จ่ายตามต้องการได้สบายๆ
“องค์ชายเก้า!”
องค์ชายสองมององค์ชายเก้าแล้วตกอยู่ในภวังค์ความคิด
“พี่สอง พวกเราสามฝ่ายน่าจะมากพอโจมตีเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้แล้ว!”
องค์ชายห้าเอ่ยขึ้นทันที
เขารู้ว่าองค์ชายสองกำลังครุ่นคิดว่าจำเป็นต้องร่วมมือกับองค์ชายเก้าหรือไม่
“จ้าวเฟิง!” เซวียนหย่วนและสมาชิกสามคนฝั่งองค์ชายห้าตะโกนพลันร้องตกใจ
ในเวลาเดียวกัน ผู้เฒ่าชุดขาวและสมาชิกอีกสามคนฟากองค์ชายสิบสองก็ตะโกนชื่อจ้าวเฟิงอย่างตื่นตระหนก
“จ้าวเฟิง ตาเฒ่าอิง และจิงข่าย ยังไม่ตายกันหรอกหรือนี่!”
ผู้เฒ่าเคราแพะและสมาชิกอีกคนหนึ่งในกองกำลังองค์ชายสองต่างคาดคิดไม่ถึง
กองกำลังทั้งหมดที่เข้าไปในใต้ดินหุบเขาวายุทมิฬในตอนนั้น แทบจะสูญเสียสมาชิกไปหลายคน คิดไม่ถึงว่าสมาชิกฝ่ายจ้าวเฟิงจะรอดชีวิตครบทุกคน!
“เป็นอะไรไป เซวียนหย่วน?” องค์ชายห้าเอ่ยถามอย่างสงสัย
“องค์ชายห้า ตอนที่พวกเรารุกล้ำมรดกจักรพรรดิถูกเซียนไป่เลี่ยนขับไล่จนมาเจอกับจ้าวเฟิง และถูกเขาปล้นหยกมังกรคุ้มกันไปชิ้นหนึ่ง!”
ใบหน้าชราของเซวียนหย่วนขึ้นสีแดงระเรื่อ ด้วยรู้สึกกระดายอายเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนฟากองค์ชายห้าที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางต่างแค้นใจ
ในเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ด้าน พลันมีประสาทสัมผัสมากมายกวาดตรวจตรา
“จ้าวเฟิง!” หยูเทียนฮ่าวโบยบินมาบนกำแพงเมือง จิตต่อสู้ในดวงตาสองข้างพวยพุ่ง
“หยูเทียนฮ่าว กลับมา!”
เสียงของหยูเหลิ่งหวาดังขึ้นในหัวของหยูเทียนฮ่าวทันที
หยูเทียนฮ่าวลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็รั้งอยู่บนกำแพงเมืองเช่นเดิม
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ขององค์ชายแปดในตอนนี้ไม่ดีนัก เขาไม่อาจออกไปจากเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ได้
“หากพวกองค์ชายเก้ามาโจมตีที่นี่เหมือนกัน ก็ยกจ้าวเฟิงให้ข้าจัดการ!”
จู่ๆ หยูเทียนฮ่าวก็เอ่ยขึ้น
องค์ชายแปดและสมาชิกคนอื่นๆ อึ้งไปเล็กน้อย ทำไมรู้สึกราวกับว่าหยูเทียนฮ่าวคาดหวังจะให้องค์ชายเก้ามาโจมตีพวกเขาอย่างนั้น
กองกำลังขององค์ชายเก้าที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆ ร่อนลงบนพื้น
“เฒ่าอิง พวกเราควรจะโจมตีใคร?”
สืออวี่เหลยถาม ขณะหันไปมองฟากขององค์ชายแปด
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ องค์ชายแปดเผชิญหน้ากับความร่วมมือขององค์ชายทั้งสามอยู่ สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานไม่น้อย ส่วนเมืองความลับสวรรค์ทั้งสามแห่งไม่มีแม้แต่ร่องรอยการต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าพลังยังครบสมบูรณ์
“เฉินจีจื่อ จ้าวเฟิง พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ตาเฒ่าอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถาม
เฉินจีจื่อปิดเปลือกตาลงคำนวณอยู่พักหนึ่ง จ้าวเฟิงเองก็ดำดิ่งลงไปในห้วงความคิดเช่นกัน
“องค์ชายเจ็ด!” จ้าวเฟิงและเฉินจีจื่อเอ่ยพร้อมกัน