Skip to content

King of Gods 961

King Of Gods

บทที่ 961 บุกยึดเมือง

“พี่ห้า ดูไปแล้วหากพึ่งเพียงเราสองคนคงจะไม่ไหว!”

องค์ชายรุ่นเยาว์ผู้หล่อเหลาเจ้าสำราญผู้หนึ่งทอดถอนใจ

“น้องสิบสอง ที่เจ้าพูดก็ถูก พวกเราถอยกันก่อน รอให้พี่สองมาแล้วกัน!”

สีหน้าขององค์ชายห้าเคร่งขรึม แววตาบึ้งตึง หากเขาและองค์ชายสิบสองร่วมมือกันจะสามารถพิชิตเมืองความลับสวรรค์แแห่งได้

ในบรรดาองค์ชายทั้งสิบคน องค์ชายสิบสองจัดอยู่ในลำดับที่สิบ ด้วยอายุที่ยังน้อยนักและข้างกายก็ไม่มีคนช่วยวางแผนอะไร ความร่วมมือเช่นนี้มีไว้เพียงเพื่อให้เขากดข่ม หลอกใช้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดมาเท่านั้น

เสียดายก็เพียงคนทั้งสองร่วมมือกัน ขนาดประตูเมืององค์ชายแปดยังเข้าไปใกล้ไม่ได้

ส่วนเมืองความลับสวรรค์อีกสามแห่ง เพียงแค่สัตว์อสูรที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเมืองก็ทำให้เขาหวาดกลัว ไม่มีใจอยากจะต่อสู้ ทว่าในกองทัพขององค์ชายแปดมีคนของตระกูลหยู เคล็ดวิชาจิตต่อสู้ของตระกูลหยูส่งผลอย่างมากต่อสัตว์อสูรในสุสานราชวงศ์

“หากไม่ใช่องค์ชายแปดใช้ทรัพยากรมาแลกสัตว์อสูรจำนวนมากในเมืองความลับสวรรค์ละก็…”

องค์ชายสิบสองโกรธเกรี้ยวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฟากที่บุกโจมตีเมืองสามารถร่วมมือกับผู้อื่นได้ ส่วนในฟากที่คอยป้องกันเมืองก็มีข้อได้เปรียบของพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่นองค์ชายแปด สามารถแลกเปลี่ยนสัตว์อสูรมากมายจาก ‘อุทยานสัตว์วิเศษ’ ในเมืองความลับสวรรค์ ถึงขั้นที่ว่าหากจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนได้มากพอ การแลกสัตว์อสูรบรรพกาลในตำนานออกมาก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

อีกทั้งองค์ชายแปดยังอยู่ใน ’หอตราค่ายกล’ แลกเอาค่ายกลป้องกันระดับสูงมา ต้องการเพียงปรมาจารย์ค่ายกลในกองกำลังคอยควบคุมเอาไว้ ก็จะทำให้เกิดการป้องกันที่ดีเยี่ยมได้

นี่เป็นสาเหตุให้องค์ชายที่เหลือที่ถึงแม้ไม่มีเจตนาช่วงชิงตำแหน่งรัชทยาท ก็ยังคิดจะครอบครองเมืองความลับสวรรค์

เมืองความลับสวรรค์สี่ทิศตรงในใจกลางสุสานราชวงศ์ ในตอนแรกสุดเป็นอารยธรรมความลับสวรรค์ของที่นี่ โอกาสในนี้ไม่ต้องพูดถึงก็เป็นอันรู้กัน เพียงแค่จ่ายไหว ต่อให้เป็นสายเลือดรายชื่อหมื่นเผ่าพันธุ์โบราณในตำนานก็ยังสามารถสร้างขึ้นได้

ในตอนนี้ เมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ทิศ องค์ชายสี่ องค์ชายเจ็ด องค์ชายแปด และองค์ชายสิบสามแบ่งกันยึดครองอยู่

องค์ชายแปดจัดอยู่ในลำดับสี่ และถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีพลังอ่อนด้อยที่สุดในองค์ชายทั้งสี่คน

“เหอะ ทรัพยากรในครอบครองของพวกเขามีจำกัด ไม่น่าจะแลกสัตว์อสูรจาก ‘อุทยานสัตว์วิเศษ’ ได้ไม่จำกัดหรอก!”

องค์ชายห้าแค่นเสียงเย็นออกมา

ยอดฝีมือที่เข้าไปในเมืองความลับสวรรค์ทั้งหมดใช้ต้นทุนส่วนใหญ่แลกผลประโยชน์ที่ตนเองต้องการ อย่างเช่นอาวุธที่ช่วยพลิกผลันสถานการณ์และอาวุธวิเศษต่างๆ

ปฐมเซียนจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท ก็เพื่อจะได้เข้าไปแลกเปลี่ยนเอาโอสถวิญญาณที่ช่วยทะลวงขั้นเซียนในเมืองความลับสวรรค์

บนกำแพงเมืองเหล็กกล้า ดวงตาที่ดำสนิทของหยูเทียนฮ่าวมองไปยังที่ไกลๆ โดยมองข้ามองค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองไป “จ้าวเฟิงยังไม่มา!”

“ฮึ ข้าเองก็อยากจะเห็น จ้าวเฟิงคนนี้มีความสามารถอะไร!”

หยูเหลิ่งหวาพอจะรู้เรื่องระหว่างหยูเทียนฮ่าวและจ้าวเฟิงอยู่บ้าง

อีกทั้งจ้าวเฟิงได้บีบคั้นให้จีไป๋ที่ติดตามเซียนไป่เลี่ยนใช้ค่ายกลใน ‘หยกมังกรคุ้มกัน’ หนีไป

“จ้าวเฟิง!”

ด้านหลังกำแพง เซียนไป่เลี่ยนเองก็ได้ยินการสนทนาของคนทั้งสอง จึงตื่นตระหนก เขาเพิ่งมาถึงเมืองความลับสวรรค์ ยังไม่ได้บอกสมาชิกคนอื่นถึงเรื่องสายเลือดของจ้าวเฟิง นอกจากนี้ เขาคิดไปว่าตระกูลหยูรู้เรื่องนี้แล้ว

“เซียนไป่เลี่ยน เจ้าประมาทศัตรูไปแล้วกระมัง ถึงขนาดโดนราชันผู้หนึ่งต้านทานได้!”

หยูเหลิ่งหวาเอ่ยสัพยอก ในขณะที่จีไป๋กลับไปข้างกายขององค์ชายแปดก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง

“เรื่องที่จ้าวเฟิงมีสายเลือดเพลิงมารโลหิต พวกเจ้าคงจะรู้กันกระมัง!”

เซียนไป่เลี่ยนหน้าแดงก่ำ

“ข้าย่อมรู้เรื่องนี้ดี!”

แววตาของหยูเหลิ่งหวาเย็นชา ตระกูลเถี่ยและตระกูลหยูร่วมมือกันเฝ้าระวังพวกต่างเผ่าพันธุ์ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระหว่างสองตระกูลมักจะกระทบกระทั่งกันไม่หยุด ก่อนที่จะเกิดการแย่งชิงตำแหน่งรายชื่อ ระหว่างจ้าวเฟิงและตระกูลเถี่ยเหมือนจะเกิดเหตุการณ์อะไรบางอย่างขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจ้าวเฟิงจะมีสายเลือดเพลิงมารโลหิต ก็ไม่อาจเป็นข้ออ้างในกรณีที่เซียนไป่เลี่ยนเสียเปรียบใต้เงื้อมมือของจ้าวเฟิง

“นั่นไม่ใช่สายเลือดเพลิงมารโลหิตทั่วไป!”

เซียนไป่เลี่ยนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

หยูเหลิ่งหวาและหยูเทียนฮ่าวดำดิ่งลงไปห้วงความคิดอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น หยูเหลิ่งหวามีสีหน้าตื่นตะลึง แต่หยูเทียนฮ่าวกลับแผ่จิตต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึงออกมา

“หรือว่าจะเป็นเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบ?”

หยูเหลิ่งหวาเหมือนนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นได้ ถึงกับเสียกิริยาไปเล็กน้อย

“ไม่เสียทีที่เป็นจ้าวเฟิง!” แววตาสองข้างของหยูเทียนฮ่าวตื่นเต้น เลือดในกายสั่นสะท้านน้อยๆ คิดไม่ถึงว่าจ้าวเฟิงจะได้ครอบครองสายเลือดที่สมบูรณ์แบบของตระกูลเถี่ยโดยบังเอิญ แต่ตระกูลเถี่ยและตระกูลหยูมีความสัมพันธ์เป็นศัตรูกัน

“ผู้รักษาหลี่ รีบลงมือรักษาสัตว์อสูรเถอะ!”

เซียนไป่เลี่ยนไม่ได้เอ่ยตอบหยูเหลิ่งหวา ในตอนนี้เขาใส่ใจสถานการณ์การรบเพิ่มมากขึ้นแล้ว องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองร่วมมือกัน ทำให้พวกเขาสิ้นเปลืองพลังไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าตระกูลหยูจะใช้เคล็ดวิชาเพิ่มกำลังรบของสัตว์อสูร แต่หลังจากจบเรื่องแล้ว สัตว์อสูรเหล่านี้ก็จะอ่อนล้าเพิ่มขึ้น ต้องการพักฟื้นปรับสภาพ

ถ้าหากกองกำลังขององค์ชายเก้าที่จ้าวเฟิงสังกัดอยู่มาถึงที่นี่ ก็อาจจะโจมตีเมืองความลับสวรรค์ที่องค์ชายแปดยึดครองอยู่ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วก็คงจะแย่!

“นั่นคือ? องค์ชายสองมาแล้ว!”

เซียนไป่เลี่ยนมองไปไกลๆ ด้วยสายตาตื่นตะลึงเล็กน้อย

ทันใดนั้น ในสิ่งปลูกสร้างโลหะรอบๆ กำแพงเมือง องค์ชายแปดและสมาชิกคนอื่นๆ ต่างได้ยินเสียงที่ส่งมาของเซียนไป่เลี่ยนทั้งสิ้น

……

ตรงข้ามกำแพงโลหะ องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองมีสีหน้ายินดี

“พี่สอง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!” องค์ชายห้ายืนขึ้นทันที

“พี่สอง สมาชิกของท่านล่ะ?”

องค์ชายสิบสองเห็นสมาชิกในกองกำลังขององค์ชายสองที่เหลือเพียงเก้าคน

สีหน้าขององค์ชายสองเคร่งขรึมลงไป ไม่ได้พูดอะไรออกมา ผู้เฒ่าเคราแพะที่อยู่ในกลุ่มมีสีหน้าวางตัวไม่ถูก สมาชิกอีกสองคนที่หายไป เป็นเพราะติดตามเขาจึงต้องสูญเสียชีวิตไปในพื้นที่ต้องห้ามหุบเขาวายุทมิฬ

“ข้าเข้าในความหมายของพวกเจ้า ทั้งสามฝั่งร่วมมือกันใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

องค์ชายสองเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

“หืม? พี่สองมีเงื่อนไขอะไร ลองบอกพวกเราได้!”

องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองเผยสีหน้าตึงเครียด

ความแข็งแกร่งทั้งหมดขององค์ชายสองจัดอยู่ในลำดับที่ห้า กำลังรบที่แข็งแกร่งของเขาไม่อาจจะมองข้ามไปได้และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การรบทั้งหมดด้วย ด้วยเหตุนี้องค์ชายสองจึงมีคุณสมบัติยื่นเงื่อนไข

ขอแค่ไม่ยึดครองเอาผลประโยชน์ของพวกเขาทั้งสองคนมากเกินไป ก็พอจะยอมรับได้

“ในทันทีที่พวกเราร่วมมือกัน ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะรับปาก เมื่อถึงตอนที่การทดสอบคัดเลือกรัชทายาทจบลงไปจะไม่ลงมือทำร้ายกันเอง!”

เงื่อนไขที่องค์ชายสองเอ่ยขึ้น ทำให้องค์ชายอีกสองคนชะงักค้างไป

องค์ชายสิบสองยังดี รีบตกปากรับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้มในทันที “ย่อมเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!”

องค์ชายห้าหลุบตามองต่ำ องค์ชายสิบสองอยู่ลำดับที่สิบจากองค์ชายทั้งสิบ พลานุภาพเช่นนี้จะให้กำจัดศัตรูก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายโจมตีตนเองได้อย่างไร

ประโยคนี้ขององค์ชายสองเห็นได้ชัดว่าบอกเขากลายๆ

“พวกเราทั้งสามฝ่ายร่วมมือกัน ผลัดกันเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์!”

องค์ชายสองบอกวิธีการแบ่งผลประโยชน์ในเมืองความลับสวรรค์ ในท้ายที่สุดองค์ชายห้าก็ทำได้เพียงเห็นด้วย อย่างน้อยๆ เช่นนี้ก็ยังพอจะมีโอกาสเข้าไปในเมืองความลับสวรรค์

“เช่นนั้นก็ดี รอให้อาการบาดเจ็บของสัตว์อสูรพวกเจ้าฟื้นฟูไปพอประมาณแล้ว พวกเราจะเริ่มโจมตี!”

องค์ชายสองมองไปยังสัตว์อสูรที่พักผ่อนอยู่รอบบริเวณ และยังมีแพทย์ผู้รักษาที่กำลังสาละวนอยู่อีกสองคน

ครึ่งวันต่อมา

องค์ชายสอง องค์ชายห้า องค์ชายสิบสอง ทั้งสามฝ่ายร่วมมือกัน ตรงดิ่งไปยังเมืองความลับสวรรค์ที่องค์ชายแปดยึดครองอยู่และลงมือโจมตี

นักฝึกสัตว์ทั้งสามโจมตีสัตว์อสูรดุร้ายจำนวนเกือบพันตัว และพุ่งโจมตีไปที่กำแพงเมืองเหล็กกล้า สัตว์อสูรอีกครึ่งหนึ่งในนั้น เป็นสัตว์อสูรดั้งเดิมที่อยู่ในสุสานราชวงศ์ โหดเหี้ยมดุร้ายอย่างมาก สถานการณ์การรบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สัตว์อสูรในฟากขององค์ชายแปดตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ ถอยร่นไปยังขอบของค่ายกลป้องกันอย่างรวดเร็ว

“ไป!” องค์ชายสองตะโกนเสียงดัง

จากนั้นสมาชิกที่เป็นกำลังรบหลักในกองกำลังทั้งสามก็พลันบุกทะลวงออกมา

ตอนนี้บนกำแพงเมืองเหล็กกล้า สมาชิกทั้งหมดขององค์ชายแปดมาถึงครบทั้งหมดสิบเอ็ดคน

“ตั้งรับเท่านั้น ห้ามโจมตี!”

แววตาขององค์ชายแปดเคร่งขรึมลง ยังระแวดระวัง

ถึงแม้ฝ่ายที่บุกโจมตีเมืองมีจำนวนถึงสามสิบคน แต่จำนวนของสัตว์อสูรมีมากกว่าจำนวนคนของพวกเขา ทว่าองค์ชายแปดยังคงมีข้อได้เปรียบจากเซียนทั้งสองคน และยังมีค่ายกลป้องกันที่กำแพงเมือง

“เข้ามาเลย หยูเหลิ่งหวา!”

เซียนไป่เลี่ยนก้าวออกมาก่อน

“ขอข้าดูเคล็ดวิชาที่สมบูรณ์แบบร้อยอย่างของเซียนไป่เลี่ยนสักหน่อย!”

หยูเหลิ่งหวาทะยานออกมา จิตต่อสู้ปั่นป่วนพลุ่งพล่านบนร่างของเขา

ในเวลาเดียวกัน ณ ใจกลางผืนป่า

โครม! วานรทองสะท้านฟ้าสองตัวปะทะเข้าหากัน เข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด!

สมาชิกคนอื่นขององค์ชายเก้านั่งฌานฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างๆ ทุกคนที่เข้าไปในสุสานราชวงศ์ได้ผลประโยชน์มากมาย อย่างเช่นสืออวี่เหลยได้รับมรดกที่สมบูรณ์มาหนึ่ง รวมไปถึงมรดกอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชา ต่างก็ต้องอาศัยเวลาเพื่อควบคุม

จ้าวเฟิงรู้ว่าต่อจากนี้ได้เวลาที่นักฝึกสัตว์ต้องแสดงฝีมือ ด้วยเหตุนี้เขาจึงขุดค้นเอาความรู้และกลยุทธ์เกี่ยวกับนักฝึกสัตว์ในความทรงจำของตนออกมาฝึกฝนสัตว์อสูรในโลกมิติส่วนตัว ตัวของนักฝึกสัตว์จะอ่อนแออย่างมาก แต่สามารถสำแดงกำลังรบที่แข็งแกร่งจากการควบคุมสัตว์อสูร

ใช้ฝูงสัตว์อสูรขั้นราชันล้อมจักรพรรดิหลายคนก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“ทำได้เพียงกำราบผู้นำของฝูงสัตว์อสูรมาเป็นทาส แต่ไม่สามารถควบคุมฝูงอสูรได้อย่างละเอียด!”

จ้าวเฟิงตระหนักรู้ได้จากการทดลอง ถึงเขาจะถ่ายทอดคำสั่งไปถึงผู้นำของฝูงอสูร ก็ต้องอาศัยเวลาครู่หนึ่ สัตว์อสูรตัวอื่นในฝูงถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงลองผนวก ‘วิชาหมื่นห้วงคิดเซียน’ ลองเอาห้วงความคิดเชื่อมโยงเข้าไปในร่างของสัตว์อสูรทุกตัว

โดยเริ่มทดลองจำนวนหนึ่งร้อยตัวก่อน

สองร้อย…สามร้อย…ห้าร้อย

‘ขีดจำกัดของข้าอยู่ที่สัตว์อสูรจำนวนห้าร้อยตัว!’

จิตใจของจ้าวเฟิงอ่อนล้าเล็กน้อย

เขาควบคุมสัตว์อสูรได้อย่างสมบูรณ์เต็มที่เป็นจำนวนห้าร้อยตัว

สัตว์อสูรห้าร้อยตัวนี้เป็นเหมือนมือเท้าของจ้าวเฟิง ทำทุกอย่างได้ตามที่เขาปรารถนา จะโจมตีหรือป้องกันล้วนขึ้นอยู่กับเขาจะควบคุม ถ้าหากเป็นนักฝึกสัตว์ที่เข้าใจในกลยุทธ์การรบ สัตว์อสูรขั้นราชันห้าร้อยตัวจะสามารถล้อมจักรพรรดิได้สิบคนเป็นอย่างน้อย หนำซ้ำสัตว์อสูรในอาณัติของจ้าวเฟิงต่างเป็นอสูรดั้งเดิมในสุสานราชวงศ์ กำลังรบแข็งแกร่งมากกว่า

ครืน! การต่อสู้ของสองวานรทองจบลงในที่สุด ย่อมเป็นวานรทองสะท้านฟ้าของจ้าวเฟิงที่เป็นฝ่ายมีชัย

จ้าวเฟิงโผทะยานออกไป แล้วเก็บวานรทองสะท้านฟ้าเข้าไปในมนตราอากาศ และประทับตรา ‘ตราผนึกดวงใจทมิฬ’ ไปในเวลาเดียวกัน

“ยังขาดวานรทองสะท้านฟ้าอีกสองตัว ข้าไปเพียงครู่เดียวจะกลับมา!”

จ้าวเฟิงมองไปที่สมาชิกคนอื่นขององค์ชายเก้า ในนั้นมีสืออวี่เหลย ซูชิงหลิง และองค์ชายเก้าที่ตกอยู่ในสภาวะรับรู้อย่างลึกล้ำ จึงไม่อาจรบกวนได้

“ได้!”

ตาเฒ่าอิงเชื่อมั่นในพลังของจ้าวเฟิง และยิ่งไปกว่านั้น ฝูงสัตว์อสูรของจ้าวเฟิงก็อยู่ในขั้นที่น่ากลัวอย่างยิ่งแล้ว อีกประการหนึ่ง องค์ชายเก้าและพวกต่างก็ดำดิ่งลงไปในสภาวะเข้าฌานอย่างลึกล้ำ ต้องการคนคอยปกป้องอยู่ตลอด

ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงกวาดผ่าน เข้าใจสถานการณ์รอบบริเวณอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เขาหลบหลีกจากพวกสัตว์อสูร ตรงดิ่งไปหาวานรทองสะท้านฟ้าที่อยู่เพียงลำพัง

“ท่านตามมาทำไม?” จ้าวเฟิงขมวดคิ้วมองโจวซู่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง

“จ้าวเฟิง ข้าถามเจ้าหน่อย เมื่อไหร่กันที่เจ้าฆ่า…”

โจวซู่เอ๋อร์ยังไม่ทันพูดจนจบ จ้าวเฟิงก็ปิดปากอีกฝ่ายแน่น

“เจ้า เจ้าทำอะไร?” วงหน้านวลของโจวซู่เอ๋อร์แดงระเรื่อ ดึงมือจ้าวเฟิงออก ตำหนิอย่างกระดากอายและไม่พอใจนัก นางเติบโตมาจนถึงขนาดนี้ ยังไม่เคยมีเพศตรงข้ามสัมผัสหน้าหรือปากของนางมาก่อน หรือว่าจ้าวเฟิงผู้นี้จงใจเอาเปรียบนาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version