Skip to content

King of Gods 982

King Of Gods

บทที่ 982 รอบที่สาม

องค์ชายทั้งสามมีสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าท้ายที่สุดแล้วสถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นเช่นนี้

ในยามนี้พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะโจมตีก็บุกไปไม่ได้ ถ้าหากถอยละก็ สมาชิกที่ถูกขังเอาไว้จะตายทั้งหมด อีกทั้งข้างหลังยังมีองค์ชายเจ็ดที่ซุ่มดูอยู่

ต่อให้องค์ชายทั้งสามยอมจ่ายด้วยราคามหาศาล โจมตีจนกลุ่มองค์ชายเก้าพ่ายแพ้ ก็ไม่มีทางต้านทานการจู่โจมจากกลุ่มองค์ชายเจ็ดได้

สุดท้ายแล้วก็ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น[1]

“ท่านทั้งสาม หากไม่อยากส่งตรารัชทายาทจำลองมา ก็ยังมีอีกวิธีที่จะช่วยสมาชิกของพวกท่านได้!”

เสียงเย็นชาก้องกังวานของจ้าวเฟิงดังขึ้นอีกครั้ง

บนสนามรบ ทั้งสองฝ่ายย่อมรู้ดีว่าวิธีนั้นคืออะไร

“ได้ ข้ายอมแพ้!”

องค์ชายสองจ้องไปที่จ้าวเฟิง สายตาเย็นเยือก เขายกตรารัชทายาทจำลองขึ้น พลังกลุ่มหนึ่งทะลักเข้าไปข้างใน

สถานการณ์ในยามนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาล้วนแพ้แล้ว

องค์ชายสองไม่อยากตัดชุดแต่งงานให้องค์ชายเจ็ด และยิ่งไม่อยากมอบพลังชะตามังกรให้แก่จ้าวเฟิง นอกจากนั้น เดิมทีเขาก็ไม่มีใจอยากจะชิงตำแหน่งรัชทายาทอยู่แล้ว

หากสมาชิกในกองกำลังของเขาล้วนตายอยู่ที่นี่ เช่นนั้นขั้วอำนาจเบื้องหลังที่สนับสนุน เกรงว่าจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน

“พี่สอง อย่าได้บุ่มบ่ามไป!” สีหน้าขององค์ชายห้าตื่นตกใจ

เขาก็รู้ว่าวิธีที่จ้าวเฟิงพูดถึงคืออะไร แต่หากจะให้เขายอมแพ้ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาทำไม่ได้ เขารู้ว่าองค์ชายสองเป็นคนรอบคอบ เป็นคนที่ไม่เลือกเดินทางเสี่ยง แต่เพียงองค์ชายสองจากไปเมื่อใด เขาและองค์ชายสิบสองควรจะทำเช่นไร องค์ชายห้ารีบโน้มน้าวองค์ชายสอง

องค์ชายสองไม่สนใจองค์ชายห้า ใช้ตรารัชทายาทจำลองขอความช่วยเหลือทันที

วู้ม! ในตรารัชทายาทจำลอง ค่ายกลซับซ้อนที่มีเสวียนอ้าวลึกลับคลุมเครือแผ่ออกมาในทันใด

ขณะเดียวกันบนสนามรบ หยกมังกรคุ้มกันที่เชื่อมกับตรารัชทายาทจำลองขององค์ชายสองก็พลันส่องประกาย ค่อยๆ เปล่งแสงออกมาเช่นเดียวกับแสงค่ายกล

ฟู่! องค์ชายสองกับสมาชิกของเขาออกไปจากสนามรบทันที

“พี่ห้า พวกเราจะทำยังไงกันดี?”

องค์ชายสิบสองมององค์ชายสองที่จากไป พลันไม่รู้จะทำเช่นไร

พวกเขาสามองค์ชายร่วมมือกันก็ไม่ใช่คู่มือของสมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้า ในยามนี้องค์ชายสองจากไป พวกเขาควรจะทำเช่นไรดี

ใบหน้าขององค์ชายห้าเปรียบดั่งน้ำนิ่ง เขารู้สึกเจ็บใจนัก หากแต่ในยามนี้ก็คิดหาวิธีไม่ออก

ขณะที่องค์ชายทั้งสองกำลังลังเล

ในมิติส่วนตัววายุอัสนี

“ในเมื่อองค์ชายของพวกเจ้าไม่ยินดีช่วยพวกเจ้า เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจแล้ว!”

เสียงของจ้าวเฟิงดังก้องไปทั่วทั้งมิติส่วนตัว

หลายคนที่อยู่ในนั้นเผยสีหน้าหวาดกลัวขึ้นทันใด ทั่วทั้งร่างอ่อนปวกเปียกลงไปกองอยู่บนพื้น

“อย่าฆ่าข้า องค์ชายห้า ช่วยข้าด้วย!”

“ข้ายินดีมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมด อย่าฆ่าข้าเลย!”

“หากเจ้าฆ่าข้า ตำหนักสะเทือนสมุทรจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน”

ครืน ฟู่ ฟู่! โลกมิติส่วนตัววายุอัสนีของจ้าวเฟิงพลันหดตัวลง แรงกดดันมิติที่ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งห้อมล้อมไปที่พวกเขา ในโลกมิติส่วนตัว พลังวายุอัสนีนับไม่ถ้วนฟาดลงไม่ขาดสาย

ครืน ฟู่ ฟู่! ปีกเพลิงอัสนีสีชาดที่หลังของจ้าวเฟิงโบกสะบัด ในขณะที่ร่อนทะยานบินกลับไปมาก็ปลิดชีวิตของคนที่เหลือ

ฟู่! จัดการทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย โลกมิติส่วนตัวของจ้าวเฟิงก็เลือนหายไป

จ้าวเฟิงยืนอยู่บนกำแพงเมืองเหล็กกล้า เผยรอยยิ้มบางพลางมองไปยังที่ไกล

ในป่าที่ไกลออกไปร้อยลี้ สมาชิกกองกำลังองค์ชายเจ็ดใจสั่นไหว

พวกเขาเตรียมจะไปเชื้อเชิญองค์ชายสองและองค์ชายสิบสองมารวมกลุ่ม

ผลสุดท้าย จ้าวเฟิงก็จัดการจักรพรรดิและปฐมเซียนหลายคนได้ภายในพริบตา

“ฆ่าทั้งหมดเลยรึ!” เจียงฮ่าวจิตใจสั่นระริก

“จ้าวเฟิงคนนี้ ราวกับวางแผนโดยนับพวกเราไปด้วยตั้งแต่แรก!”

บัณฑิตหน้าหยกตื่นตกใจ เหมือนว่าคิดอะไรได้

“เป็นไปได้อย่างไร?” องค์ชายเจ็ดไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

การกระทำเมื่อครู่ของจ้าวเฟิงทำให้พวกเขาเกิดความหวาดหวั่นขึ้นพอสมควรก็จริง

แต่บัณฑิตหน้าหยกพูดว่าจ้าวเฟิงวางแผนรวมพวกเขาเข้าไปด้วยมาตั้งแต่แรก นี่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ

“ข้าเข้าใจแล้ว เหตุที่จ้าวเฟิงทะลวงขั้นในเวลานี้ เป้าหมายที่แท้จริงก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเราและองค์ชายทั้งสามร่วมมือกัน!”

บัณฑิตหน้าหยกพลันกระจ่างแจ้ง

จ้าวเฟิงปิดด่านทะลวงขั้น เผยจุดอ่อนออกมา ทำให้องค์ชายทั้งสามอดใจไม่ไหวลงมือ

อีกทั้งองค์ชายเจ็ดอยากฉวยโอกาส ดังนั้นจึงซุ่มรอโจมตี คอยดูจังหวะที่เหมาะสม

“เป็นไปได้อย่างไร?” เจียงฮ่าวได้ยินคำพูดของบัณฑิตหน้าหยกก็อึ้งงันไปทันที

แต่บัณฑิตหน้าหยกพูดไม่ผิดเลย

วันสุดท้าย หากไม่มีทางอื่นแล้วละก็ พวกเขาก็อาจจะไปร่วมมือกับองค์ชายทั้งสามจริงๆ และในยามนี้องค์ชายทั้งสามพ่ายแพ้ย่อยยับ กำลังรบเสียหายอย่างใหญ่หลวง องค์ชายสองยอมแพ้ทันที

เหลือเพียงองค์ชายสองคน ถึงแม้องค์ชายเจ็ดจะร่วมมือกับพวกเขา กองกำลังองค์ชายเก้าก็มีพลังต้านทาน

“พวกเรายังไม่ทันรบก็แพ้แล้ว!”

บัณฑิตหน้าหยกถอนหายใจ

บนกำแพงเมืองเหล็กกล้า

สมาชิกฝั่งศัตรูที่ยังคงยืดเยื้ออยู่กับวานรทองสะท้านฟ้าและพวกองค์ชายเก้า เมื่อเห็นจ้าวเฟิงสังหารจักรพรรดิกับปฐมเซียนหลายคนก็พลันรู้สึกหวาดหวั่น ขาทั้งสองสั่นเทา

“หนีเร็ว!” องค์ชายห้าร้องขึ้นโดยพลัน ในยามนี้เขาก็วางมือจากเรื่องยึดเมืองเช่นกัน แต่เขาจะไม่ยอมแพ้ ขอเพียงแค่รอจนถึงคืนนี้ที่รอบสองสิ้นสุด พวกเขาก็จะถูกส่งออกไปแน่นอน

“รีบถอยเร็ว!” องค์ชายสิบสองก็ร้องอย่างตกใจเช่นกัน

ทันใดนั้น สมาชิกฝ่ายศัตรูที่อยู่บนกำแพงเมืองเหล็กกล้าแต่ละคนใช้เคล็ดวิชาหลบหนีของตนจากไปอย่างรวดเร็ว

ภายใต้การควบคุมจากนักฝึกสัตว์ ฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ด้านล่างก็รีบถอยร่นเช่นกัน

“คิดหนีรึ!” สืออวี่เหลยเบิกบานใจ เตรียมเป็นตัวนำโจมตีศัตรูเต็มที่!

“ไม่ต้องตามแล้ว!” จ้าวเฟิงหยุดยั้งสืออวี่เหลย

ในขณะเดียวกัน ตาซ้ายของเขาส่องประกายคลื่นจิตวิญญาณรางเลือน ปรากฏวูบวาบในอากาศแล้วหายไป

ดวงตาเทพเจ้าจับเป้าหมายเสร็จสิ้น!

“ฮ่าๆ พวกเราชนะแล้ว!” สืออวี่เหลยรู้ดีถึงหลักเหตุผลที่ว่า คนล้มอย่าข้าม

สมาชิกกลุ่มองค์ชายเก้าถอนหายใจยาวทันที รู้สึกว่าศึกนี้ไม่ได้ยากลำบากอย่างที่คิดไว้

“จ้าวเฟิง เจ้าตั้งใจทะลวงขั้นในยามนี้ล่ะสิ!”

ตาเฒ่าอิงคิดอย่างละเอียด คล้ายว่าจะเข้าใจแล้ว เหตุผลที่จ้าวเฟิงเผยช่องโหว่ทะลวงขั้นในยามนี้

เพียงแค่องค์ชายเจ็ดกับองค์ชายทั้งสามร่วมมือกัน ต่อให้เป็นจ้าวเฟิงก็อับจนหนทาง

ดังนั้นจ้าวเฟิงจึงตั้งใจเผยช่องโหว่นี้ ทำให้กองกำลังองค์ชายเก้ามีจุดอ่อน

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่มือที่เผยช่องโหว่ออกมาเต็มไปหมด คนของทั้งสองฝั่งต่างเห็นแก่ตน แน่นอนว่าไม่มีทางร่วมมือกันแน่

ทุกคนฟังประโยคนี้ของตาเฒ่าอิง ก็คล้ายกับว่าเข้าใจอะไรแล้วเช่นกัน

ศึกนี้ไม่เพียงแต่ตีองค์ชายทั้งสามจนแตกพ่าย ในขณะเดียวกันก็บีบให้กลุ่มขององค์ชายเจ็ดที่แอบซ่อนตัวตกอยู่ในความสิ้นหวัง เรียกได้ว่าหินก้อนเดียวได้นกสองตัว

ต่อให้องค์ชายทั้งสองคนที่เหลือกับองค์ชายเจ็ดจับมือกัน ก็ไม่อาจยึดเมืองความลับสวรรค์ขององค์ชายเก้าได้

ยามนี้ กลุ่มขององค์ชายเก้าสามารถยึดครองเมืองความลับสวรรค์แห่งนี้ได้อย่างมั่นคงแล้ว

“ฮ่าๆ ยังไม่จบหรอก!” จ้าวเฟิงเผยรอยยิ้มมีเลศนัย

ฟู่! ในมือของจ้าวเฟิงมีคันธนูโบราณสีเงินหม่นปรากฏขึ้น พื้นผิวของตัวธนูสลักอักขระฉลุลายลึกลับ ประกายแสงเงินสว่างไสว ก่อเป็นลวดลายคล้ายลูกอ๊อดหลายต่อหลายตัวขึ้นมา

สมาชิกที่เหลือขององค์ชายเก้ามองมายังจ้าวเฟิง ใบหน้าฉายแววสงสัย

องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองหนีไปไกลมากแล้ว จ้าวเฟิงคิดจะทำอะไร?

จ้าวเฟิงปิดตาทั้งสองข้างเล็กน้อย ใช้ดวงตาเทพจับเป้าหมาย สัมผัสถึงตำแหน่งขององค์ชายห้า

ตึง วู้ม! จ้าวเฟิงดึงสายธนู เชื่อมวายุอัสนีธาตุไฟเข้าไป ธนูแสงอัสนีสีชาดดอกหนึ่งก่อตัวอยู่บนธนูเหนือนภา

ฟิ้ว ฟู่ ฟู่! จ้าวเฟิงยิงธนูออกไปตามอารมณ์

“หืม?” องค์ชายห้าที่หนีไปไกลมากแล้วสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ ท่ามกลางความวิเวก ราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่

องค์ชายห้าหมุนตัวทันใด เห็นธนูแสงอัสนีสีชาดสายหนึ่งพุ่งมายังเขา

“ลอบโจมตี?”

องค์ชายห้าเผยสีหน้าท่าทางตื่นตกใจ รีบโคจรปราณที่แท้จริงและสำแดงเคล็ดวิชาป้องกันทันที

ตูม! ฝุ่นควันเลือนหายไป ทั่วทั้งร่างองค์ชายห้าดำเกรียม

เขาที่เป็นเพียงขอบเขตจักรพรรดิ ย่อมไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากจ้าวเฟิงได้

หากจ้าวเฟิงใช้พลังทั้งหมดขับเคลื่อนธนูเหนือนภา ธนูดอกนี้จะสามารถปลิดชีวิตขององค์ชายห้าได้

“เป็นไปได้อย่างไรกัน? ห่างกันตั้งมากขนาดนี้ จ้าวเฟิงยังโจมตีมาถึงพวกเราได้?”

องค์ชายสิบสองหรี่ตามอง เห็นจ้าวเฟิงถือคันธนูสีเงินอยู่บนกำแพง

“ไปเร็ว นี่มันผิดปกติแล้ว!” องค์ชายห้าคับแค้นใจเหลือคณนา เพลิงพิโรธพุ่งสู่ฟ้า หากแต่จนปัญญาจะทำอะไร

ฟิ้ว! ธนูอีกดอกมาเยือน ครั้งนี้เป้าหมายคือองค์ชายสิบสอง

ฟิ้ว!

“จ้าวเฟิง!”

องค์ชายสิบสองเบิ่งตากราดเกรี้ยว กระทืบเท้าคำรามก้อง จากนั้นองค์ชายทั้งสองก็ถอยหนีไปหลายร้อยลี้อีกครั้ง แต่ธนูแสงลึกลับแต่ละสายยังคงพุ่งมาไม่ขาดสาย และยิงถูกองค์ชายห้าและองค์ชายสิบสอง!

สมาชิกที่ติดตามองค์ชายทั้งสอง แต่ละคนใจเต้นระส่ำระส่าย

ไม่ว่าองค์ชายทั้งสองจะหนีไปที่ไหน ธนูที่จ้าวเฟิงยิงออกมาก็ราวกับมีตา สามารถหาสององค์ชายเจออยู่ร่ำไป

สุดท้าย พลังชะตามังกรใน ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ขององค์ชายทั้งสองก็หมดสิ้น ถูกบังคับให้ต้องร้องขอความช่วยเหลือ คนทั้งหมดถูกส่งออกไป

ส่วนบนกำแพงเมืองขององค์ชายเก้า สมาชิกทั้งหมดล้วนไม่เข้าใจว่าจ้าวเฟิงทำอะไร

รู้เพียงแต่ว่าเขาดึงสายธนูไม่หยุด ธนูแสงก็พุ่งไปยังที่ไกลซึ่งไม่รู้ทิศทาง แต่นอกวังหลวงต้าเฉียน คนทั้งหมดกลับเห็นทุกสิ่งอย่างชัดแจ้ง

จ้าวเฟิงดึงสายธนูตามอารมณ์ทุกระยะห่างสองสามพันลี้ ก็สามารถยิงโดนองค์ชายทั้งสองคน ต่อให้เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญตนสายยิงธนูของราชสำนักโดยเฉพาะก็ไม่อาจทำได้ถึงเพียงนี้

องค์ชายสองก็มองอย่างตกตะลึง เขารู้สึกขึ้นมาทันใดว่าตนเองยอมแพ้จากมาเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

ในยามนี้ องค์ชายห้าและองค์ชายสิบสองทุลักทุเลอย่างยิ่ง ถูกบีบให้ใช้ ‘ตรารัชทายาทจำลอง’ ขอความช่วยเหลือ ทั้งสองน่าอับอายยิ่งกว่าเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ศึกนี้ผู้ครองเมืองความลับสวรรค์ทั้งสี่ โดยพื้นฐานก็ตั้งขึ้นแน่นอนแล้ว

ส่วนจ้าวเฟิง ยอดฝีมือขั้วอำนาจหลายคนยิ่งจดจำไว้ลึกในใจ

ความคิดที่ละเอียดเยือกเย็น พลังที่แข็งแกร่ง กลอุบายที่มีไม่ขาดสาย ทำให้ผู้คนตกใจและนับถือ

ในตำหนักองค์ชายแปด ยอดฝีมือขั้วอำนาจทั้งหลายหน้าแดงก่ำ

พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสุดท้ายแล้วองค์ชายเก้าจะสามารถยึดครองเมืองความลับสวรรค์ได้ และผ่านเข้าไปรอบที่สามของการทดสอบคัดเลือกรัชทายาท

“นายท่าน!”

ดวงตาสุกสกาวของปี้ชิงเยวี่ยมองไปยังม่านแสงที่มีองค์ชายเก้าอยู่ ใบหน้าเลื่อมใสบูชา

“สมกับที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุด!”

ในใจของจานเจี๋ยเอ๋อร์ก็เลื่อมใสบูชาจ้าวเฟิงอย่างที่สุด

พลังฝึกตนขั้นราชันก็สามารถชนะชั้นเซียน เรื่องราวน่าอัศจรรย์เช่นนี้ ทั่วทั้งประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาของราชวงศ์เกรงว่าจะมีเพียงจ้าวเฟิงแค่คนเดียว

“จ้าวเฟิง!” เถี่ยหงหนานสีหน้าเคร่งเครียด

ความสามารถด้านการรบของจ้าวเฟิง ทำให้เขาอดใจไม่ไหวอยากรับไว้เป็นศิษย์ แต่น่าเสียดายที่จ้าวเฟิงไม่ยอมกลับตระกูลเถี่ย วิญญาณยิ่งไม่ใช่คนของตระกูลเถี่ย

“ผู้อาวุโสหงหนาน เรื่องของจ้าวเฟิงควรจะทำเช่นไรดี!”

เถี่ยหลีเทียนถามขึ้น

เถี่ยหงหนานไม่ได้พูดอะไร แต่เดิมพวกเขาต้องใช้ไม้แข็งแน่นอน แต่ในยามนี้เขาต้องกลับไปปรึกษากับผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูล

ในตำหนักองค์ชายสิบสาม

“เจ้าจ้าวเฟิงผู้นี้!”

เซียนโม๋ยวนแห่งวังเก้านิรยมีสีหน้าเคร่งเครียด ศักยภาพของจ้าวเฟิงทำให้ใจเขาไม่สงบ อีกทั้งเรื่องที่จ้าวเฟิงมีสายเลือดเพลิงมารโลหิตที่สมบูรณ์แบบในตัว ก็ทำให้เซียนโม๋ยวนรู้สึกปวดหัว

ตามม่านราตรีที่มาเยือน สมาชิกขององค์ชายเจ็ดถูกส่งออกมาผ่านแผ่นหินที่อยู่ด้านบน

การทดสอบรัชทายาทดำเนินมาถึงรอบที่สามแล้ว…องค์ชายวางกลยุทธ์

[1] ทำชุดแต่งงานให้คนอื่น หมายถึง ลำบากทำเพื่อคนอื่น คนอื่นได้ประโยชน์ แต่ตนเสียเปล่า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version