Skip to content

King of Gods 967

King Of Gods

บทที่ 967 ร่างวัฏสงสาร

“กระบวนท่านี้จะกระชากโฉมหน้าที่แท้จริงของเจ้าออกมา!”

การโจมตีนี้ของจ้าวเฟิงคือการโจมตีกายเนื้อที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยลงมือมา นำเอาวายุอัสนีธาตุไฟ กายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ เพลิงมารโลหิต โจมตีร่วมกับปีกอัสนีผ่านฟ้าและพลังอื่นๆ รวมกันเป็นหนึ่งเดียว

วุบ ฟู่!

ในชั่วพริบตา แสงอัสนีเจิดจ้าทรงพลังที่จ้าวเฟิงแปลงกายมาก็ฟาดลงตรงหน้าคนชุดดำ

พลังกายอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปยังสนามพลังแห่งความตายของคนชุดดำ ไม่ไยดีต่อเสวียนอ้าวกฎเกณฑ์ของสนามพลังนี้ หมัดหนึ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม

“จ้าวเฟิง หลังจากที่เจ้าถือกำเนิดใหม่ เจ้าละทิ้งเนตรเทพ แล้วเลือกฝึกพลังกายงั้นรึ?”

เมื่อหมัดของจ้าวเฟิงห่างจากร่างของคนชุดดำเพียงแค่ไม่กี่กงเฟิน (เซนติเมตร) คนชุดดำยิ้มเยาะ เสียงเยือกเย็นชวนขนลุกถามออกไป

สีหน้าของจ้าวเฟิงตื่นตกใจโดยพลัน ต่อให้หมัดนี้มีพลังมหาศาล สามารถกลบเกลื่อนร่องรอยทุกอย่าง แต่เขายังได้ยินคำพูดของคนชุดดำอย่างชัดเจน

จากประโยคนี้ จ้าวเฟิงยิ่งมั่นใจในฐานะที่แท้จริงของคนชุดดำ

สิ่งที่ทำให้จ้าวเฟิงตื่นตกใจไม่ใช่ประโยคนี้ แต่เป็นตัวตนของคนชุดดำ

แม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีอันทรงพลังจากจ้าวเฟิง แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ท่าทีราวกับรอให้เข้ามาฆ่า

สิ่งนี้ทำให้จ้าวเฟิงรู้สึกแปลกใจ

ครืน วู้ม วู้ม!

ร่างของคนชุดดำโดนพลังการโจมตีน่าสะพรึงจากจ้าวเฟิงกลบจนหมดสิ้น ทั้งร่างถูกการโจมตีอัสนีเพลิงผ่าออกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นผุยผงนับไม่ถ้วน

แต่วิญญาณดั้งเดิมของคนชุดดำยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เพราะจ้าวเฟิงใช้การโจมตีที่มุ่งกายเนื้อเท่านั้น แต่หลังจากนั้น พลังเนตรมรณะต้องห้ามเป็นระลอกเคลื่อนมาจากด้านหลัง ทำเอาวิญญาณของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน

เมื่อจ้าวเฟิงผ่าร่างกายของคนชุดดำออกเป็นชิ้นๆ แล้ว ก็รีบใช้ปีกแสงอัสนีสีชาดผละออกมาทันที เห็นแต่เพียงบนวิญญาณดำมืดกึ่งโปร่งแสง มีอักขระบิดเบี้ยวเลือนรางกระจายแน่นไปทั่ว ดูอัปลักษณ์น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง! อีกทั้งบนส่วนหัวของวิญญาณนั่น พลันมีดวงตาลึกล้ำดำมืดคู่หนึ่งปรากฏขึ้น ในนั้นมีคลื่นวนลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง ราวกับนำทางไปสู่หุบเหวแห่งความตายที่ไม่สิ้นสุด

“เนตรมรณะ!”

จ้าวเฟิงร้องออกมาทันที แล้วยังมีใบหน้าของวิญญาณดั้งเดิมนี่ เหมือนกับจักรพรรดิแห่งความตายไม่มีผิดเพี้ยน

จักรพรรดิแห่งความตาย นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

หลังจากที่เห็นด้วยตาตัวเองแล้ว ในใจของจ้าวเฟิงก็เกิดความหวาดกลัวขึ้น

จักรพรรดิแห่งความตายที่ยอมพลีชีพตนและลง ‘คำสาปมรณะ’ เอาไว้ ไยจึงฟื้นคืนกลับมาได้อีก?

แล้วไหนจะเนตรมรณะคู่นี้อีก!

“เพลิงมรณะหมิงถง!”

ภายในแววตาดำมืดบนวิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิแห่งความตาย พลังมรณะไม่มีสิ้นสุดกลายเป็นแสงต้องห้ามสีดำสายหนึ่ง เปลวไฟบิดเบี้ยว โจมตีไปข้างหน้าจ้าวเฟิงที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว

กายใจของจ้าวเฟิงสั่นสะท้าน ทั้งร่างกายและวิญญาณต่างรู้สึกถึงภัยแห่งความตาย

ฟู่ วู้ม วู้ม! การโจมตีซึ่งหน้าของเพลิงมรณะหมิงถง ฟาดลงมาบนร่างของจ้าวเฟิง แล้วเข้าปะปนกับกายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์และเพลิงมารโลหิต

ในขณะเดียวกัน! วิญญาณของจ้าวเฟิงก็ถูกเผาและกลืนกินจากคลื่นแสงสีดำ บนนั้นยังแฝงไว้ด้วยเสวียนอ้าวที่จะทำให้ทุกสิ่งเดินไปสู่ความตายด้วย

ตูม! ภายใน ‘กายวิญญาณอัสนี’ ของจ้าวเฟิง ตราอัสนีเทวะสองพันกว่าสายส่องประกายพร้อมกัน

ในวิญญาณของจ้าวเฟิงตอนนี้แฝงไว้ด้วยพลังอัสนีเทวะ มีประโยชน์ในการรวบรวมวิญญาณได้ในทุกที่ทุกเวลา แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ จ้าวเฟิงก็ยังเคยใช้ ‘กายวิญญาณอัสนี’ ดูดซึมพลังสายฟ้าบรรพกาล ทว่าเพลิงมรณะหมิงถงที่จักรพรรดิแห่งความตายเคยใช้กับที่ใช้ในตอนนี้เป็นคนละชั้นกันโดยสิ้นเชิง เสวียนอ้าวแห่งความตายในนั้นทำให้จ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองแก่ชราลง

ฟุ่บ วูบ! แสงอัสนีบาตนับไม่ถ้วนกับคลื่นเปลวเพลิงสีดำเข้าพันรัดกัน ต่างฝ่ายต่างกัดกินซึ่งกันและกัน แสงหนึ่งคือความตาย อีกแสงหนึ่งคือการทำลาย ทั้งสองล้วนเป็นพลังน่าหวาดกลัวอย่างที่ไม่มีอะไรเปรียบได้

ฟู่! ประกายอัสนีเทวะทำลายคลื่นเปลวเพลิงสีดำเส้นสุดท้ายจนย่อยยับ

ถึงอย่างไร การโจมตีของจักรพรรดิแห่งความตายก็เป็นแค่การโจมตีจากพลังดวงตา ส่วนวิญญาณของจ้าวเฟิงแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณอันไม่สิ้นสุด แต่พื้นผิววิญญาณของจ้าวเฟิง ก็ไม่ใช่ว่าจะมีตราอัสนีเทวะอยู่ทั่วทุกจุด

พลังวิญญาณจากเพลิงมรณะหมิงถงแทรกซึมเข้าไปทุกที่ ยังคงแผ่คลื่นกระจายไปบนวิญญาณของจ้าวเฟิง

“อายุขัยของวิญญาณลดลง!” ใจของจ้าวเฟิงหวาดกลัวไปชั่วขณะ

วิชาดวงตาวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายถูกพลังอัสนีเทวะของเขาทำลายไปแล้ว แต่กายวิญญาณอัสนีของเขายังคงถูกเสวียนอ้าวแห่งความตายที่ไร้รูปร่างส่งคลื่นพลังมาถึง

ต้องรู้ก่อนว่า พลังวิญญาณของจ้าวเฟิงถึงขั้นเซียนแล้ว

ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณ ในด้านแรงต้านทานต่อการโจมตีวิญญาณล้ำหน้าเซียนเทวาเร้นลับที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณไปไกลนัก หรือก็คือ หากเซียนทั่วไปรับการโจมตีจากพลังดวงตาขั้นสมบูรณ์แบบของจักรพรรดิแห่งความตาย อายุขัยวิญญาณจะลดลงอย่างน้อยเกือบพันปีตามระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณที่ต่างกันไป

ในขณะเดียวกัน คลื่นพลังเปลวเพลิงสีดำที่กระทบไปบนกายของจ้าวเฟิง ก็ชิงพลังชีวิตในตัวเขาไปบางส่วน

“พลังวิญญาณของเจ้า…”

ไม่เพียงแต่จ้าวเฟิงจะตกใจ จักรพรรดิแห่งความตายก็เผยร่องรอยของความตกใจเช่นกัน จากการต่อสู้กันในตอนแรก จ้าวเฟิงก็ไม่ค่อยเหมือนกับแต่ก่อน ใช้พลังเข้าโจมตีชั้นวัตถุตลอด จนจักรพรรดิแห่งความตายคิดว่าพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงพัฒนาค่อนข้างช้า แต่ในตอนนี้ จักรพรรดิแห่งความตายกระตุ้นเสวียนอ้าวแห่งความตายที่เขารับรู้มาใหม่ ใช้พลังดวงตาต้องห้าม แต่จ้าวเฟิงก็ยังป้องกันเอาไว้ได้ทั้งหมด

นี่หมายความว่าพลังวิญญาณของจ้าวเฟิงถึงขั้นเซียนแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย!

“ดูท่าข้าคงจะมองเจ้าต่ำไปหน่อย ยังไม่ถึงขอบเขตพลังจักรพรรดิ ก็มีพลังวิญญาณระดับเซียนเทวาเร้นลับชั้นแรกเริ่ม ไม่เสียทีที่เป็นผู้ครอบครองเนตรเทพเจ้า!”

วิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิแห่งความตายกลับหัวเราะชวนขนลุก ไม่ได้นึกเสียใจอะไรมากนัก

“จักรพรรดิแห่งความตาย ไยเจ้าจึงยังไม่ตายไปอีก?”

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกายวาววับ จ้องเขม็งไปยังวิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายพร้อมซักถาม

ฟู่ ฟู่… ทันใดนั้น รอบกายของจักรพรรดิแห่งความตายมีเถ้าสีดำนับไม่ถ้วนค่อยๆ ก่อเป็นรูปร่างกลายเป็นเศษผ้า เนื้อหนัง และกระดูก…

สุดท้ายก็ก่อเป็นกายชุดดำสมบูรณ์แบบ ห่อหุ้มวิญญาณดั้งเดิมของจักรพรรดิแห่งความตายไว้ภายใน

“นี่มัน….” ดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงจับได้อย่างชัดเจนว่า ร่างที่เขาทำให้เป็นเศษเนื้อและเป็นผงเถ้าค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม ราวกับเวลาหมุนย้อนกลับ

ในชั่วขณะนั้น จ้าวเฟิงสัมผัสได้ถึงเสวียนอ้าวน่ากลัวที่ไม่สามารถต้านทานได้จากร่างชุดดำ และไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่กลุ่มพลังเสวียนอ้าวนี้คล้ายกับเสวียนอ้าวสูงสุดในฟ้าดินจำพวกเวลา ความตาย การทำลายล้าง

“ใครว่าข้าไม่ตาย?” จักรพรรดิแห่งความตายไม่ได้ตอบคำถามของจ้าวเฟิง แต่เผยสีหน้าได้ใจออกมา

ความตระหนกตกใจและลนลานที่จ้าวเฟิงแสดงออกมา คือสิ่งที่เขาต้องการจะเห็น

ได้ยินคำตอบของจักรพรรดิแห่งความตาย จ้าวเฟิงนึกอยากจะสบถคำด่าเป็นชุด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แววตาและจิตใจของเขาถูกร่างของจักรพรรดิแห่งความตายดึงดูดไปสิ้น

กายของจักรพรรดิแห่งความตายในขณะนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง แข็งแกร่งกว่า ‘ร่างศพอมตะ’ ในตอนนั้นเสียอีก แกร่งจนคาดไม่ถึง

ร่างศพอมตะเป็นร่างอมตะชนิดหนึ่ง พลังในการมีชีวิตรอดอยู่ต่อสูง ตามทฤษฎีแล้วไม่มีข้อด้อยอะไร แต่วิญญาณของคน หากสูญเสียร่างกายไป พลังวิญญาณก็จะค่อยๆ อ่อนลง ด้วยเหตุนี้ ในตอนนั้นหลังจากที่จักรพรรดิแห่งความตายระเบิดตัวตายไปแล้ว เขาจึงรีบเปลี่ยนร่าง

แต่ร่างของจักรพรรดิแห่งความตายในวันนี้ แม้จะถูกจ้าวเฟิงฟาดฟันจนเละแล้ว กลับสามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

คุณสมบัติร่างกายชนิดนี้ จ้าวเฟิงไม่เคยได้ยินมาก่อน มันแทบจะเป็นอมตะ!

หรือก็คือ หากจ้าวเฟิงคิดอยากจะจัดการกับ ‘จักรพรรดิแห่งความตาย’ ที่อยู่ตรงหน้า จะต้องทำลายวิญญาณของมันเสีย เพราะร่างของมันไม่มีวันดับสลาย ถูกทำให้เละเป็นชิ้นๆ ก็สามารถคืนสภาพเดิมได้

ทว่าจ้าวเฟิงพลันนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งได้ คำสาปมรณะ

หากเขาฆ่าจักรพรรดิแห่งความตายอีกครั้ง คำสาปมรณะนั่นจะย้อนเข้าสู่ร่างของจ้าวเฟิงอีกหรือไม่ ในใจจ้าวเฟิงเกิดความรู้สึกหวาดระแวง แววตากระสับกระส่าย

ไม่สิ! ในที่สุด จ้าวเฟิงก็ค้นพบจุดไม่ชอบมาพากล

หากจักรพรรดิแห่งความตายสามารถทำให้ ‘คำสาปมารณะ’ กลับมาได้ เขาก็คงไม่โดนจักรพรรดิหรือเซียนตามไล่ฆ่า จนต้องเปลี่ยนร่างเกิดใหม่เสียสองครั้ง

หากมีวิธีเช่นนี้อยู่ จักรพรรดิแห่งความตายเมื่อกาลก่อนก็คงมีชื่อเสียงสะเทือนโลกาว่าไล่ล่าสังหารเซียน แต่ยามที่จ้าวเฟิงอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เจินอู่ ก็ไม่เคยได้ยินข่าว ‘คำสาปมารณะ’ ปรากฏขึ้นอีก

“หึ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำให้ ‘คำสาปมรณะ’ กลับมาได้อีก!”

ใจของจ้าวเฟิงกระจ่างแจ้ง ขจัดความหวาดกลัวที่ ‘คำสาปมรณะ’ นำมาให้ออกไป

“ไม่สนว่าเจ้าจะตายหรือไม่ตาย หากวันนี้ไม่ใช่เจ้าตาย ก็เป็นข้าตาย!”

วิญญาณของจ้าวเฟิงแจ่มชัดไปทั้งหมด พลังวิญญาณยิ่งบริสุทธิ์แข็งแกร่ง เป้าหมายชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง

ได้ยินคำของจ้าวเฟิง แววตาของจักรพรรดิแห่งความตายเหนื่อยหน่ายผิดหวัง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเคียดแค้นโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด

“จ้าวเฟิง ข้าเคยพูดเอาไว้ ไม่ว่าจะชาติไหนภพไหน ข้าก็จะไม่ให้เจ้าได้ตายดี!”

จักรพรรดิแห่งความตายพลันคำรามขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“เพลิงวายุอัสนีเนตรเทพเจ้า!”

จ้าวเฟิงขับเคลื่อนพลังวิญญาณ ตาซ้ายสีทองอ่อนส่องประกายสีทองอย่างน่าอัศจรรย์ ในขณะเดียวกัน พลังวิญญาณทั้งร่างก็ทะลักเข้าสู่ดวงตาซ้าย

ในดวงตาซ้ายของจ้าวเฟิงพลันมีเปลวเพลิงพลังดวงตาที่น่าตกใจปรากฏขึ้น บนนั้นมีแสงสีม่วงทองไหลวน ลายอัสนีเทวะเย็นเยือกแต่ละเส้นลอยเอ่อ

โดนพลัง ‘เพลิงมรณะหมิงถง’ ของจักรพรรดิแห่งความตายไป จ้าวเฟิงจะไม่เอาคืนได้อย่างไรกัน

ฉัวะ ตูม….

เพลิงอัสนีสีม่วงทองโปร่งแสงกลุ่มหนึ่ง พร้อมด้วยกลิ่นอายของอัสนีเทวะทำลายล้าง โจมตีไปยังหัวของจักรพรรดิแห่งความตาย ด้วยพลังวิญญาณขั้นเซียนของจ้าวเฟิง เมื่อใช้เคล็ดวิชาลับดวงตา รวมเข้ากับพลังอัสนีเทวะ แม้กระทั่งวิญญาณของเซียนชั้นต้นก็คุกคามได้

เมื่อจ้าวเฟิงเข้ามาในสุสานราชวงศ์ ก็ยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาดวงตาเต็มพลัง เพราะศัตรูที่เขาพบเจอ ไม่ใช่พวกที่ต้องฆ่าให้ตายพวกนั้น

“อ๊าก…” จักรพรรดิแห่งความตายคำรามร้อง ร่างกายของเขาถูกเผาจากเพลิงอัสนีสีม่วงทอง พลังอัสนีเทวะนับไม่ถ้วนแผ่กระจายออก

ในขณะเดียวกัน วิญญาณที่เต็มไปด้วยอักขระคำสาปลึกลับของจักรพรรดิแห่งความตายก็โดนเพลิงอัสนีวิญญาณฟาดฟันไม่ยั้ง

จ้าวเฟิงโดนเสวียนอ้าวมรณะของจักรพรรดิแห่งความตายช่วงชิงพลังชีวิตและอายุขัยวิญญาณเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน พลังอัสนีเทวะของจ้าวเฟิงทำให้วิญญาณของจักรพรรดิแห่งความตายบาดเจ็บอย่างที่ไม่อาจฟื้นคืนได้

ฟู่ ฟู่! ร่างกายของจักรพรรดิแห่งความตายโดนทำลายจากพลังเพลิงอัสนี ชุดดำและร่างกายที่แหลกสลายค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ จ้าวเฟิงสังเกตได้ว่าบนชุดดำของจักรพรรดิแห่งความตายมีรอยไหม้เป็นรูอยู่บ้าง

แววตาของจ้าวเฟิงเป็นประกาย “จริงๆ ด้วย พลังอัสนีเทวะยังคงมีผลต่อเจ้าอยู่”

“จ้าวเฟิง เจ้าอย่าได้ใจจนเหลิงไป ข้าจะทำให้เจ้าเห็น เสวียนอ้าวแห่งความตายรูปแบบใหม่ เนตรมรณะที่สมบูรณ์แบบ!”

แสงดำในแววตาของจักรพรรดิแห่งความตายวาวโรจน์ โกรธแค้นสุดกำลัง

แต่เวลาเดียวกัน เขาเห็นท่าทางการตายของจ้าวเฟิงภายใต้เนตรมรณะสมบูรณ์แบบของเขาแล้ว

ไกลจากจุดที่จ้าวเฟิงและจักรพรรดิแห่งความตายปะทะกัน เงาของตาเฒ่าอิงและสืออวี่เหลยก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของตาเฒ่าอิงตระหนกตกใจ เห็นบางส่วนของร่างกายของคนชุดดำที่โดนจ้าวเฟิงทำลายค่อยๆ รวมตัวกันอีกครั้ง สีหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ก่อนจะตะโกนเสียงดัง

“จ้าวเฟิง ระวัง จักรพรรดิแห่งความตายในตอนนี้กลายเป็น ‘กายวัฏสงสาร’ ไปแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version