ตอนที่ 171 ปรมาจารย์กลับมาแล้ว
โว้ะ!
ทั้งคู่มองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง ทันใดนั้นผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ก้าวยาวๆตรงเข้ามา
เมื่อเห็นคนผู้นั้น ใบหน้าของทุกคนฉายประกายแห่งความเคารพขึ้นทันใด รีบเปิดทางให้เขา
“นี่มัน… ผู้ทรงคุณธรรมแห่งสวรรค์ชั้น 9, ผู้อาวุโสจ่างมิใช่หรือ?” จางเหลียวข่มความตะลึงไว้และถึงกับกลืนน้ำลาย
“ว่ากันว่าผู้อาวุโสจ่างอายุกว่าเก้าสิบปีแล้ว เมื่อสามสิบปีที่แล้วเขาสำเร็จ
วรยุทธทงฉวนขั้นสูงสุด แต่ที่เขาได้รับความเคารพนั้นมิใช่เพราะอายุหรือพละกำลัง เขาเคยเป็นอาจารย์ดาวเด่นของโรงเรียนหงเทียนที่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนขอเข้าพบ และกว่าครึ่งของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงนี้ ก็เคยเป็นศิษย์เขา…ว่าแต่เขามาที่นี่ด้วยเหตุใดกัน?”
จางโม่อ้าปากหวอขนาดที่หย่อนไข่ไก่ลงไปได้
ผู้อาวุโสจ่างท่านนี้ปลีกวิเวกในบ้านพักของตัวเองตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว และไม่เคยออกมานับแต่บัดนั้น แม้แต่ฮ่องเต้เซินจุยยังต้องเสด็จไปเยี่ยมเยียนด้วยพระองค์เอง และทรงเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’… เต็มปากเต็มคำ
แล้วคนระดับนั้นมาทำอะไรที่นี่?
หรือว่าบ้านของตู้เฉียวตกเป็นของผู้อาวุโสจ่างแล้ว และผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้มาขอพบท่าน?
รอเดี๋ยว…
เมื่อความคิดนั้นผุดขึ้นมา ทั้งคู่ก็รู้ทันทีว่าเดาผิด นั่นก็เพราะผู้อาวุโสจ่างหยุดยืนที่หน้าประตูคฤหาสน์อย่างสงบเสงี่ยม ไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้าไป
“ขนาดผู้อาวุโสจ่างยังรออยู่ข้างนอก?” จางเหลียงกับจางโม่สบตากัน เริ่มจะปากสั่น
แม้ผู้อาวุโสจ่างจะเกษียณอายุไปหลายปีแล้ว ก็ยังไม่มีใครในอาณาจักรเทียนเซวียนที่กล้าแสดงความกระด้างกระเดื่องต่อเขา แม้ฮ่องเต้ยังทรงเสด็จออกมาเชื้อเชิญเขาให้เข้าวังเป็นการส่วนพระองค์ แต่คนระดับนั้นก็ยังมายืนรออยู่ข้างนอกอย่างอดทน…
“พี่ชาย เราจะเข้าไป…ปล้นคฤหาสน์นี้ไหม?” หลังจากเงียบกันไปนาน
จางเหลียวหันมองพี่ชาย
“ปล้นรึ? ปล้นแม่แกสิ…จะเข้าไปข้างในก็ยังไม่ได้ มีแต่ผู้เชี่ยวชาญมากมายเฝ้าประตูอยู่ ฉันว่า…เราคงจะถูกตีตายก่อนที่จะทันได้แตะต้องอะไร…” จางโม่ตัวสั่นด้วยความกลัว แค่คิดตามก็แทบจะปล่อยโฮออกมา
บ้าจริง แล้วจะปล้นบ้านนี้ไม่ให้เอิกเกริกยังไงดี?
แค่บริวารของนักรบขั้นทงฉวนเหล่านี้ก็สับพวกเขาเละเป็นโจ๊กได้แล้ว…
คฤหาสน์หลังนี้มีอะไรซ่อนอยู่เหรอ?
เหตุใดผู้เชี่ยวชาญมากมายจึงต้องมาขอพบ?
“จะเป็นใครก็ช่างเถอะ…ว่าแต่เก่งกาจน่าทึ่งขนาดนี้ บรรดาเชื้อพระวงศ์ไม่รู้เรื่องเลยหรืออย่างไรกัน?”
จางเหลียวนึกขึ้น อดไม่ได้ที่จะแสดงความเห็นออกมา
จางโม่ก็ชะงัก
คนใหญ่คนโตของเมืองนี้ กล้าปล่อยให้คนอื่นได้รับเกียรติมากกว่าตัวเองได้อย่างไร?
ฝ่ายนั้นจะเป็นใครก็แล้วแต่ แต่การที่ความเก่งกาจของเขาเรียกผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากให้มารวมตัวกันได้นั้นก็ถือเป็นการกระด้างกระเดื่องต่อราชวงศ์แล้ว
แถมแต่ละคนที่มาก็ยังน่าทึ่งขึ้นเรื่อยๆ ความจริงที่ชวนให้ตะลึงมากที่สุดก็คือคนเหล่านี้เต็มใจยืนรออยู่หน้าประตู รอให้ปรมาจารย์เชิญเข้าไปข้างในอย่างอดทน ไม่กล้าแม้แต่จะเคาะประตูเสียด้วยซ้ำ ใครสักคนที่มีเกียรติเช่นนี้ ฮ่องเต้เซินจุยน่าจะระแคะระคายเรื่องการปรากฏตัวของเขาบ้าง
ยังไม่ทันขาดคำ เกี้ยวทองหลังหนึ่งก็ปรากฏแก่สายตา
“นั่นฮ่องเต้เซินจุยนี่… ฮ่องเต้เสด็จแล้ว เดี๋ยวมีอะไรดีๆให้ดูแน่…” เมื่อเห็นเกี้ยวและบุคคลที่ลงมาจากเกี้ยว จางเหลียวกับจางโม่ก็ตัวสั่น
พูดถึงไก่ ไก่ก็มา ฮ่องเต้เซินจุยทรงเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์ พระองค์คงตัดสินใจเดินทางมาเพราะรับรู้กิตติศัพท์ที่เว่อวังอลังการของอีกฝ่ายเป็นแน่
ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่ตรงนี้มากมายเพียงใด ก็ยังห่างไกลนักกับการโค่นอำนาจของอาณาจักร
นอกจากนั้น ยังมีข่าวลือว่าเชื้อพระวงศ์อาวุโสผู้หนึ่งของอาณาจักรเทียนเซวียน ได้สำเร็จวรยุทธขั้นกึ่งจงซรือแล้ว ทำให้อาณาจักรโดยรอบไม่กล้าแสดงอาการกระด้างกระเดื่อง แม้ผู้คนที่ออกันอยู่ตรงนี้จะล้วนแต่น่าทึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะประมือกับวรยุทธระดับสูงนั้นได้
“ฝ่าบาทเสด็จมา!”
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ตอนที่สองพี่น้องคิดว่าจะมีการเปิดศึก พวกเขาก็เห็นบรรดาผู้เชี่ยวชาญที่หน้าประตูคฤหาสน์ต่างทักทายฮ่องเต้ด้วยรอยยิ้มนอบน้อม
ไม่นาน ฮ่องเต้เซินจุยก็ทรงหาที่ยืนท่ามกลางฝูงชนได้ และเหมือนกับคนอื่นๆ ทรงรอหน้าประตูด้วยสีหน้าสงบเสงี่ยม
“เฮ้ย… อะไรกันนี่?” หัวขโมยสองพี่น้องงุนงง
ใครบอกได้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น?
ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเทียนเซวียนทรงยืนเข้าคิวรออย่างอดทน…
บอกทีเถอะว่าใครกันที่…อาศัยอยู่ในคฤหาสน์?
ตึ้ง!
ยังไม่ทันจะหายประหลาดใจ เกี้ยวอีกหลังหนึ่งก็มาจอดข้างถนน มีผู้อาวุโสสามคนเดินออกมา ทั้งหมดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบเดียวกัน ดาวดวงหนึ่งส่งประกายวาววับอยู่บริเวณหน้าอกของเสื้อคลุม
“นี่มันเครื่องแบบของปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวนี่? ปรมาจารย์ระดับ 1 ดาวถึงสามคนเลยหรือ?” จางโม่รู้จักเสื้อผ้าที่ผู้อาวุโสทั้งสามสวมใส่ เขากำหมัดแน่น
“รู้แล้ว ทั้งสามปรมาจารย์คงจะเดินทางมาเปิดบรรยายที่นี่ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่รู้เรื่องก็เลยมารอฟัง…” จางเหลียวเข้าใจทันที
ต้องใช่แน่นอน! มีแต่ปรมาจารย์เท่านั้นที่มีอำนาจในการดึงดูดผู้คนเช่นนี้ ไม่ต้องพูดสักคำทุกคนก็มา แม้แต่ฮ่องเต้เซินจุยยังเสด็จมาเป็นการส่วนพระองค์เพื่อฟังการบรรยาย
“คารวะปรมาจารย์หลิว!”
“ปรมาจารย์จ่าง ไม่ได้พบกันเสียนาน คุณยังดูสง่างามและทรงภูมิเช่นเดิม”
“ปรมาจารย์เจิง ครั้งสุดท้ายที่พบกันก็ 7 ปีมาแล้ว ไม่นึกเลยว่าคุณจะมาเยี่ยมยังแคว้นเทียนเซวียน…”
เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อยเมื่อทั้งสามปรมาจารย์มาถึง กลุ่มผู้ทรงภูมิที่ยืนอยู่ก่อนหน้าต่างเปิดทางให้ทันที
“ปรมาจารย์ทั้งสาม ขอเชิญแซงคิวด้านหน้าเราได้เลย…”
ตอนแรก สองพี่น้องคิดว่าทั้งสามปรมาจารย์คงจะเปิดประตูและเชื้อเชิญฝูงชนให้เข้าไปข้างใน แต่เรื่องกลับพลิกความคาดหมายของเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นฮ่องเต้เซินจุยขยับที่ให้ปรมาจารย์ทั้งสามยืน แล้วทั้งสามก็หยุดยืนนิ่งหน้าประตูและรอคอยอย่างอดทนเช่นเดียวกับฝูงชนที่เหลือ
“เชี่ย!…” จางเหลียวกับจางโม่มึนตึ้บ
นักรบขั้นทงฉวน ผู้อาวุโสที่เป็นที่เคารพอย่างสูง ฮ่องเต้ และแม้แต่ปรมาจารย์ ทุกคนยืนรออยู่หน้าประตูคฤหาสน์อย่างอดทน
คนชนิดไหนกันที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้น?
ช่างน่าขันนักที่พวกเขาเพิ่งปรึกษากันว่าจะปล้นคฤหาสน์หลังนั้นอย่างไร…
เฮ่อ!
โชคดีที่ยังไม่ทันเริ่ม ไม่อย่างนั้นป่านนี้คงตายไปแล้ว
ทั้งตกใจและโล่งอกที่รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ และทันใดนั้น ประตูก็ค่อยๆเปิดออก ชายร่างตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งเดินออกมา
“เขา…นั่นเจ้าของสำนักงานนายหน้าในห้างสรรพสินค้าเทียนหวี่นี่ ซุนฉางใช่ไหมนั่น?” จางเหลียวจำได้
หลังจากลงมือปล้นในเมืองเทียนเซวียนมาหลายต่อหลายปี เขาก็คุ้นเคยกับผู้คนทุกระดับ
ชายร่างตุ้ยนุ้ยตรงหน้าจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในชนชั้นล่างสุด
ว่าแต่เขาเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ได้อย่างไร? เป็นตัวการที่ทำให้บุคคลสำคัญเหล่านี้ต้องมายืนรอหรือ?
“พ่อบ้านซุน ผมขอทราบได้ไหมว่าท่านปรมาจารย์หยางกลับมาหรือยัง?” ผู้อาวุโสจ่างก้าวออกมา ประสานมือคารวะและเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ผมเสียใจด้วย แต่ท่านปรมาจารย์ยังไม่กลับ คุณกลับไปก่อนเถอะ ท่านปรมาจารย์กลับมาเมื่อไร ผมจะให้คนไปส่งข่าว…” เห็นผู้เชี่ยวชาญกลุ่มใหญ่ยืนตรงหน้า ซุนฉางเบ้ปากก่อนจะเริ่มพูด
ยิ่งข่าวแพร่สะพัดออกไป ผู้คนก็ยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น ใหม่ๆเขาก็ตื่นเต้นอยู่ แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว
ที่แย่คือ… เจ้านายของเขายังคงล่องหน
เหมือนกับหายสาบสูญไปจากโลก ต่อให้ควานหาเท่าไรก็ไม่พบ
ถ้าไม่เจอตัวเจ้านายเร็วๆนี้ ฝูงชนที่มาออกันจะต้องโมโหเดือดแน่ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คือคนแรกที่จะต้องรับหน้า
เห็นยอดฝีมือจำนวนมากมายเช่นนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีจิตใจเข้มแข็งอย่างน่าทึ่งแล้วล่ะก็ คงทรุดลงกับพื้นไปแล้ว “ตกลงท่านยังไม่กลับมาหรือ ไม่เป็นไร พวกเรารอได้…”
ได้ยินว่าปรมาจารย์ยังไม่กลับ ฝูงชนต่างผิดหวัง
“ผมคิดว่าจะดีที่สุดถ้าพวกคุณทุกคนกลับไปก่อน…” กลัวว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้น ซุนฉางพยายามโน้มน้าวใจให้ทุกคนกลับ แต่แล้วก็เห็นร่างหนึ่งที่ทำให้ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาร้อนๆของเขาไหลพรากอาบหน้าเป็นทาง เขารีบเดินตรงไปหาร่างนั้น “ท่านปรมาจารย์…”
“นี่… เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อมาถึงหน้าประตู จางเซวียนถึงกับจังงังกับแถวยาวเหยียดที่อยู่หน้าคฤหาสน์ตน