ตอนที่ 635 คารวะอาจารย์จาง
“ผม…”
เย่เหวินเถียนถึงกับอึ้ง เหงื่อเย็นๆ ไหลท่วมตัว
เขาอาจเป็นถึงฮ่องเต้ของจักรวรรดิฮ่วนหยู แต่ต่อหน้าองค์หญิงที่ 6 ก็ไม่กล้าทำอะไร
เพราะจักรวรรดิฮ่วนหยูเป็นเพียงหนึ่งในจักรวรรดิขั้น 2 จำนวนมากมายที่อยู่ในสังกัดของจักรวรรดิขั้น 1-หงหย่วน หากอีกฝ่ายต้องการให้คนอื่นมาแทนที่เขา ต่อให้เว่ยเจียงก็ช่วยไม่ได้
“ต้องขออภัยด้วย ไม่ทราบว่าองค์หญิงโกรธกริ้วเรื่องอะไร ผมอาจไม่ฉลาดปราดเปรื่องนัก แต่ก็ตั้งใจทำงานเพื่อปกครองจักรวรรดินี้ หากองค์หญิงรู้สึกว่าผมทำผิดพลาดเรื่องไหน ผมจะพยายามแก้ไขข้อบกพร่องอย่างดีที่สุด เพื่อไม่ให้ทางจักรวรรดิหงหย่วนต้องสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจ…” เย่เหวินเถียนรีบตอบ
เมื่อเช้านี้องค์หญิงก็ยังดีๆ อยู่ ทำไมเกิดจะเฉดหัวเขาขึ้นมาเดี๋ยวนั้น?
“อือ! ก็คิดดูสิ มีนักเลงหัวไม้อยู่ในเมืองหลวงด้วย…”
นึกถึงชายหนุ่มหน้าไม่อายคนนั้น องค์หญิงเฟยเอ๋อได้แต่กัดฟันกรอด
องค์หญิงอย่างเธอต้องแพ้พนันและกลายเป็นคนใช้ของหมอนั่น นี่เป็นการหยามหน้ากันอย่างร้ายกาจที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ!
“นักเลงหัวไม้?” เย่เหวินเถียนชะงัก
เขานึกว่าอีกฝ่ายไม่พอใจกับการปกครองของเขา แต่นักเลงหัวไม้ที่ว่า…มันเรื่องอะไร?
นักเลงหัวไม้พรรค์ไหนจะทำให้องค์หญิงโมโหได้ขนาดนี้?
“ก็ใช่น่ะสิ ชายหนุ่มอายุราว 20 ปี…เท่าที่ดูจากความไร้ยางอายของหมอนั่น ต้องไม่ใช่คนดีแน่ ฉันเจอกับเขาในดงสมบัติลึกลับ!” องค์หญิงเฟยเอ๋อพูด
“ดงสมบัติลึกลับ? ได้สิ ผมจะส่งคนไปสืบเสาะเดี๋ยวนี้…”
เมื่อรู้แล้วว่าความโกรธกริ้วของอีกฝ่ายไม่ได้มาจากการปกครองของเขา เย่เหวินเถียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขารีบประสานมือและโค้งคำนับ “เจอตัวมันเมื่อไหร่ ผมจะจับมาให้องค์หญิงทันที คุณจะได้จัดการตามสบาย!”
“ใครบอกว่าอยากจัดการหมอนั่น?”
องค์หญิงเฟยเอ๋อกระทืบเท้าอย่างขัดใจ “ฉันบอกให้คุณจับตัวเขาหรือเปล่า?”
เย่เหวินเถียนมึนตึ้บขึ้นมาทันที จนปัญญาจะตอบ
เขารู้มานานแล้วว่าองค์หญิงมีบุคลิกแปรปรวนและแปลกประหลาด แต่นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับตัว
เขาเป็นฮ่องเต้แห่งจักรวรรดิฮ่วนหยูและนักรบเหนือมนุษย์ขั้น 8-สูงสุด แต่ต้องมาถูกตำหนิซึ่งๆ หน้าราวกับเด็ก แค่คิดก็หัวหมุนแล้ว
แต่ต่อให้มีใครทับถมว่าไม่เอาไหน เขาก็ไม่กล้าหือกับอีกฝ่ายอยู่ดี
เพราะนอกจากเธอจะเป็นองค์หญิงที่ 6 แห่งจักรวรรดิหงหย่วน ลำพังแค่ความจริงที่ว่าเธอได้เป็นศิษย์สายตรงของครูใหญ่แห่งสถาบันปรมาจารย์หงหย่วนก็เพียงพอจะทำให้ใครๆ เกรงใจแล้ว
“ผมอะไร? ฮ่องเต้อย่างคุณไม่รู้จักคนของตัวเอง?” องค์หญิงเฟยเอ๋อคำรามอย่างขัดใจ
“….” เย่เหวินเถียนทำหน้าราวกับกินมะระขมๆ
เมืองหลวงแห่งจักรวรรดิฮ่วนหยูมีอาณาเขตกว้างใหญ่หลายร้อยกิโลเมตร ประชากรก็ราวร้อยล้านคน…ต่อให้ผมเก่งกาจไร้เทียมทานแค่ไหน จะไปรู้จักพลเมืองทุกคนได้อย่างไร!
“เอาเถอะ!” เห็นสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อเต็มที หลัวฉีฉีก้าวเข้ามาและยิ้มให้ “ฮ่องเต้เย่เหวินเถียน เฟยเอ๋อก็พิลึกพิลั่นแบบนี้แหละ คุณอย่าถือสาเลย ไม่มีอะไรมากหรอก…ไม่ต้องกังวล!”
จากนั้นก็หันไปส่งโทรจิตหาเพื่อนสาว “เธอสั่งการให้เย่เฉียนไปสืบเสาะมาแล้วไม่ใช่หรือ? หาตัวหมอนั่นเจอเมื่อไหร่ ฉันจะช่วยเธอเอาคืนเอง…”
องค์หญิงเป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริง แต่ยังทำตัวเป็นเด็กอยู่บ่อยๆ บางครั้งพฤติกรรมของเธอก็ทำให้ใครสักคนแทบจะกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งได้ง่ายๆ
การแพ้พนันและต้องตกเป็นคนรับใช้ของคนอื่นนั้นไม่ใช่เรื่องมีเกียรติที่ควรจะเที่ยวบอกใครต่อใคร แถมมันยังเป็นเรื่องส่วนตัวเธอ มาระบายความแค้นกับฮ่องเต้เย่เหวินเถียนได้อย่างไรกัน?
“ก็ได้!”
เมื่อเพื่อนรักให้สัญญา ความโมโหขององค์หญิงก็เบาบางลง เธอเมินฮ่องเต้และเชิดหน้าขึ้น “ไปงานเลี้ยงกันเถอะ!”
“ได้สิ!”
หลัวฉีฉีกับชิงย่วนรีบตามไป เย่เหวินเถียนกับเว่ยเจียงได้แต่มองหน้ากันและส่ายหัว แล้วทั้งกลุ่มก็เดินเข้างานเลี้ยง
องค์หญิงที่ 6 เป็นที่ร่ำลือเรื่องบุคลิกแปรปรวนแปลกประหลาดของเธอ โชคดีที่บุตรชายของเขา, เย่เฉียนไม่คิดอยากได้เธอเป็นคู่ครอง ไม่อย่างนั้นคงต้องเดือดร้อนหนัก อีกอย่าง…ขนาดชิงย่วนที่เทียวไล้เทียวขื่อมาหลายปีก็ยังรับมือกับอารมณ์ปรวนแปรพลิกผันของเธอไม่ค่อยจะได้เลย
ทันทีที่พวกเขาเข้าสู่งานเลี้ยง องครักษ์หน้าประตูก็รีบไปรายงานเย่เฉียน
“ท่านพ่อกับปรมาจารย์เว่ย? องค์หญิงที่ 6 ด้วย? ทำไมถึงมาด้วยกัน?”
เย่เฉียนชะงัก แต่ก็รีบลุกขึ้นยืนและประกาศ “ทุกท่าน องค์หญิงที่ 6, ท่านพ่อของผม และปรมาจารย์เว่ยกำลังจะมาถึง กรุณาลุกขึ้นยืนต้อนรับพวกเขาด้วย!”
“องค์หญิงที่ 6 ก็มา?”
“ไม่น่าเชื่อว่าปรมาจารย์เว่ยกับฝ่าบาทก็มาเหมือนกัน”
เมื่อรู้ว่าองค์หญิงที่ 6 แห่งจักรวรรดิหงหย่วนกับคนอื่นๆ กำลังจะมาถึง บรรดาแขกเหรื่อต่างก็ลุกขึ้นยืน
จางเซวียนก็ลุกขึ้นยืนเหมือนคนอื่นๆ เขาหันไปจับตามองที่ประตู และในตอนนั้น คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามา
ผู้ที่เดินนำหน้าคือสุภาพสตรีในชุดสีม่วงอ่อน ซึ่งขับเน้นเรือนร่างงดงามของเธอให้ดูดีขึ้นอีก ขนาบข้างด้วยหญิงสาวผิวนวลเนียนขาวสะอาด ความสวยของเธอเรียกได้ว่าเกินจะพรรณนา
“เธอคือองค์หญิงที่ 6?”
“งดงามอะไรอย่างนี้!”
“ผมตกหลุมรักเธอเสียแล้ว ทำอย่างไรดี…”
“ตกหลุมรัก? ดูตัวเองเสียบ้าง…ไม่เจียมกะลาหัวเลย หน้าก็บวมฉึ่งอย่างกับหัวหมู ภาวนาให้เธอไม่ขยะแขยงคุณก็พอแล้ว!”
“ดูตัวเองเสียก่อนเถอะ! จมูกก็งองุ้มอย่างกับตะขอ ดีกว่าผมตรงไหน…”
เมื่อเห็นสาวสวย นัยน์ตาของเหล่าปรมาจารย์ทั้งห้องก็พลันเป็นประกาย
องค์หญิงที่ 6 ดูราวกับเทพธิดาที่เดินออกมาจากภาพวาด การปรากฏตัวของเธอทำให้เลือดในกายของชายหนุ่มหลายคนพลุ่งพล่าน
เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทกับอีกสองสามคน ชายหนุ่มที่เหลือล้วนแต่ถูกจางเซวียนอัดยับ สภาพทุเรศทุรังของผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่พากันจ้องเขม็งด้วยความตื่นเต้นจึงดูเหมือนฉากหนึ่งในหนังสยองขวัญเสียมากกว่า
“นายหญิงน้อยที่ 6? องค์หญิงที่ 6?”
จางเซวียนถึงกับผงะ
นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงที่ 6 จะเป็นคนเดียวกันกับนายหญิงน้อยที่ 6 ที่เขาเพิ่งพบที่ดงสมบัติลึกลับ
ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเธอถึงควักหินวิเศษขั้นกลางหลายร้อยก้อนออกมาได้ในรวดเดียว…
อีกฟากหนึ่ง ทันทีที่องค์หญิงที่ 6 กับพรรคพวกเดินเข้างานเลี้ยง สายตาของพวกเขาก็จ๊ะเข้ากับใบหน้าฟกช้ำและบวมฉึ่งมากมาย ทำให้ฉงนสงสัยยิ่งนัก
งานเลี้ยงของเหล่าปรมาจารย์ควรจะงามสง่าและหมดจดไม่ใช่หรือ?
ทำไมดูยับเยินราวกับเพิ่งหลุดมาจากโรงฆ่าสัตว์?
แต่ละคนหน้าตาบวมเป่งเสียจนลืมตาแทบไม่ขึ้น บางคนถึงกับต้องเข้าเฝือก…นี่มันอะไรกัน?
เอาจริงๆ ก็คือ…ทำไมเหล่าปรมาจารย์ระดับ 5 ดาวในห้องนี้ถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสกันไปหมด?
“องค์หญิงที่ 6 นั่นเขา…”
ขณะที่องค์องค์หญิงเฟยเอ๋อกำลังงงๆ กับภาพตรงหน้า เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู เธอขมวดคิ้วและมองตามนิ้วมือของอีกฝ่าย ภาพที่เห็นทำให้แทบลมจับ
คือเจ้าหนุ่มคนที่ทำให้เธอโมโหจนเกือบขาดใจตายที่ดงสมบัติลึกลับ เขาอยู่ที่นี่!
หมอนั่นถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ดูสบายอารมณ์เสียเหลือเกิน
“ฉีฉี หมอนั่น…”
องค์หญิงเฟยเอ๋อกัดฟันกรอด และหันมาชี้ศัตรูตัวฉกาจของเธอให้เพื่อนรักดู เพียงเพื่อจะต้องตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง
นัยน์ตาที่เคยเย็นชาและสุขุมอยู่เสมอของเพื่อนรักของเธอกำลังวาววับด้วยความตื่นเต้น ราวกับเจอสมบัติล้ำค่า
องค์หญิงถึงกับผงะ
หรือเพื่อนรักของเธอจะมีรสนิยมชื่นชอบชายหนุ่มที่มีสภาพทุเรศทุรังหลังจากถูกซ้อม
“เป็นเขา…”
ท่ามกลางความสับสนขององค์หญิง หลัวฉีฉีรีบชี้นิ้วของเธอไปยังชายหนุ่ม
“นั่น…ฉีฉี ฉันรู้แล้วว่าหมอนั่นคือศัตรู เธอไม่เห็นต้อง…ตื่นเต้นแบบนั้นนี่!”
ถึงจะรู้แล้วว่าเพื่อนรักไม่ได้มีรสนิยมแปลกประหลาด แต่องค์หญิงก็ยิ่งงงหนัก
ฉันถูกหมอนั่นบังคับให้เป็นคนรับใช้ คนที่ควรจะโมโหเดือดและร้อนรนควรเป็นฉัน มันเรื่องอะไรเธอถึงตื่นเต้น?
องค์หญิงกำลังจะอ้าปากซัก ก็พอดีกับที่เพื่อนรักของเธอรีบเข้าไปหาเจ้าคนน่าเกลียดน่าชังคนนั้น
“ฉีฉี งเธอจะอยากสั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่นแทนฉัน ก็น่าจะดูกาลเทศะหน่อย…”
องค์หญิงเฟยเอ๋อแทบลมจับ
หลัวฉีฉีเป็นเพื่อนรักที่มีเหตุผลและทำตัวน่าไว้วางใจมาตลอด ทำไมจู่ๆ ถึงร้อนรนและทำอะไรสะเพร่าแบบนี้?
มีปรมาจารย์อยู่ในห้องนี้ตั้งมากมาย ขืนเข้าไปสั่งสอนบทเรียนให้หมอนั่น เรื่องที่ฉันต้องกลายเป็นคนใช้ของเขาจะไม่แดงไปด้วยหรือ?
ขณะที่องค์หญิงเฟยเอ๋อกำลังจะเข้าไปห้าม เพื่อนรักของเธอก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าบ้านั่นแล้วจากนั้นก็ประสานมือและโค้งคำนับอย่างนอบน้อม “ศิษย์หลัวฉีฉีคารวะอาจารย์จาง!”
“ฮะ?”
ทุกคำที่องค์หญิงกำลังจะพูดออกมาจุกอยู่ในลำคอ เธอตาค้าง
นี่มันอะไร?
เธอกำลังจะสั่งสอนบทเรียนแทนฉันไม่ใช่หรือ?
ศิษย์…อาจารย์จาง?
หรือว่า…เจ้าสารเลวคนนี้คือชายหนุ่มผู้หมดจด มีน้ำใจ ฉลาดปราดเปรื่อง และน่าเกรงขามที่เธอพูดถึง?
แต่หมอนั่นเป็นนักเลงโตที่ไร้ยางอายนะ จะกลายเป็นคนน่าประทับใจขนาดนั้นในสายตาของเธอได้ไง? นี่มันอะไรกัน!
องค์หญิงอ้าปากค้าง ร่ำๆ จะปล่อยโฮ
เธอกำลังคิดจะให้เพื่อนรักสั่งสอนบทเรียนกับหมอนั่น ใครจะรู้ว่าเพื่อนจะทรยศทันทีที่เจอหน้าอีกฝ่าย…
ความรักเพื่อนหายไปไหน? อย่างน้อย…ก่อนจะทรยศหักหลัง เธอก็น่าจะลังเลสักนิด?
คนอื่นๆ ในงานเลี้ยงก็จังงัง
“สุภาพสตรีที่อยู่กับองค์หญิงที่ 6 จะต้องเป็น…ปรมาจารย์หลัวฉีฉี?”
“แม่เทพธิดาน้ำแข็งผู้โด่งดังของสถาบันปรมาจารย์…แท้ที่จริงเป็นศิษย์ของปรมาจารย์จางอย่างนั้นหรือ?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลัวจ้าวกับคนอื่นๆ ต่างก็รู้ฉายาของหลัวฉีฉี ถึงเธอจะงดงาม แต่ก็เป็นที่เลื่องลือถึงความเย็นชาและการรักษาระยะห่าง แต่ตอนนี้เธอกำลังโค้งคำนับอย่างตื่นเต้นต่อหน้าชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่า ถึงกับเรียกเขาว่าอาจารย์…
เรื่องจริงจะต้องเหลือเชื่อขนาดนี้ด้วยหรือ?
“….”
อู๋เจิงกับชิงย่วนก็อ้าปากค้าง
ในแง่ของความสนิทสนม ทั้งคู่สนิทสนมกับหลัวฉีฉีมากกว่าทุกคนในห้องและรู้จักเธอดีกว่าใคร
เป็นทั้งอัจฉริยะผู้ปราดเปรื่องที่สุดคนหนึ่งของสถาบันปรมาจารย์หงหย่วน เป็นนักรบที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้เหนือกว่าแม้กระทั่งพวกเขา เป็นหนึ่งในนักเรียนเกรด 2 อันดับต้นๆ …สำหรับในสถาบันปรมาจารย์ เธอมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าองค์หญิงที่ 6 มาก
แต่นกฟีนิกซ์ผู้เย่อหยิ่งอย่างเธอกลับยอมรับปรมาจารย์จางเป็นอาจารย์…
นี่เราตาฝาดหรือโดนทั้งคู่แกล้ง?
“อ้อ! ฉีน้อย คุณนี่เอง ทำไมถึงอยู่ที่นี่?” จางเซวียนก็ชะงักเมื่อเห็นฉีน้อย
นี่คือแม่สาวที่สมาคมนักปรุงยาไม่ใช่หรือ?
แต่หลังจากคิดดูดีๆ ก็ถึงบางอ้อ
สำหรับความจริงที่ว่าเธอมาจากสมาคมนักปรุงยาสำนักงานใหญ่ ก็หมายความว่าเธอมาจากจักรวรรดิขั้น 1-หงหย่วน แถมยังเป็นปรมาจารย์ด้วย จึงมีโอกาสสูงที่จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับองค์หญิงที่ 6 และอู๋เจิง และก็เพราะคนกลุ่มนี้ที่ทำให้พวกเขาต้องต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงโควต้าเข้าสู่ทะเลสาบหมดจดที่ควรจะเป็นของเขาตั้งแต่แรก
“ฉีน้อย?”
เพล้ง!
อู๋เจิงปล่อยแก้วไวน์ในมือร่วงลงพื้น
องค์หญิงที่ 6 กับชิงย่วนก็เข่าอ่อน แทบจะทรุดลงไปเดี๋ยวนั้น
หลัวฉีฉีพยักหน้าก่อนจะรีบแนะนำเพื่อนรักของเธอกับท่านอาจารย์
“ฉันมาที่นี่กับเพื่อน ท่านอาจารย์, นี่คือองค์หญิงที่ 6 แห่งจักรวรรดิหงหย่วน หยู่เฟยเอ๋อ!”
“อ๋อ ผมเคยพบเธอมาแล้ว!”
จางเซวียนพยักหน้า “รู้แล้วล่ะ ตกลงชื่อของคุณก็คือหยู่เฟยเอ๋อ…มัวรีรออะไรอยู่? ไปรินไวน์มาให้ผมแก้วหนึ่งเดี๋ยวนี้!”
“ปรมาจารย์จาง คุณรู้แล้วนี่ว่าเธอเป็นองค์หญิงที่ 6 แห่งจักรวรรดิหงหย่วน…” ได้ฟังคำพูดของปรมาจารย์จาง เย่เฉียนเกือบเป็นลม
เย่เหวินเถียนก็หน้ามืด
ขนาดตัวเขายังแทบไม่กล้าหายใจเสียงดังต่อหน้าแม่สาวคนนั้น แต่ปรมาจารย์ระดับ 4 ดาวอย่างคุณทำได้ถึงขนาดนี้…