ตอนที่ 77 โรคชีพจรติดขัดแต่กำเนิด
“แสดงฝีมือ?” เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน ทุกคนต่างตะลึงอยู่กับที่
ทุกคนต่างสนใจเรื่องที่คุณสอนจนลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรก แต่คุณกลับบอกให้ลูกศิษย์แสดงฝีมือให้ดู นี่มันหมายความว่าอย่างไร
ผู้เฒ่าซั่งเฉินเองก็รู้สึกงุนงงเหมือนกัน… แสดงฝีมือหรือ?
ตอนนี้กำลังไต่สวนเรื่องที่แกสอนจนศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรก แกอย่ามาเอะอะเปลี่ยนเรื่องได้ไหม ฉันจะบ้าตาย
“คือว่า ท่านปรมาจารย์จาง ฉันว่าท่านอธิบายรายละเอียดของการทำให้ลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกก่อนดีกว่า บางที… ท่านอาจจะไม่ได้สอนอะไรผิด… แต่ที่ลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกอาจเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็เป็นได้” หวงหวี่อดไม่ได้ที่จะเตือนสติจางเซวียนด้วยความหวังดี
การถูกธาตุไฟเข้าแทรกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางทีเป็นเพราะอาจารย์สอนวิชาแบบผิดๆ บางทีก็อาจเป็นเพราะศิษย์ไม่เข้าใจในคำสอนของอาจารย์ จนทำให้ตนถูกธาตุไฟเข้าแทรก ถ้าเป็นเพราะศิษย์ตีความหมายของคำสอนของอาจารย์ไม่ถูกต้อง ถึงแม้อาจารย์คนนั้นจะยังคงมีความผิด แต่ก็ไม่ถึงขนาดจะต้องเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์
“เรียนอาจารย์หญิงท่านนี้ ครั้งก่อนผมได้ทำตามคำสอนของอาจารย์จางเซวียน ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย แต่สุดท้ายก็มาถูกธาตุไฟเข้าแทรก ช่วงหลังผมจึงไปถามอาจารย์ลู่ฉวิน ปรากฏว่าสิ่งที่อาจารย์จางเซวียนสอนมาล้วนเป็นความรู้ที่ผิดๆ ถ้ายังทำตามคำสอนของเขาต่อไป อย่างไรเสียก็ต้องถูกธาตุไฟเข้าแทรกอย่างแน่นอน”
จ้าวเหยียนฟงเข้าใจความหมายในคำพูดของหวงหวี่ เขาจึงรีบตอบกลับ จ้าวเหยียนฟงมีความแค้นส่วนตัวกับจางเซวียน เมื่อรู้ว่ามีโอกาสทำให้จางเซวียนถูกไล่ออก มีหรือว่าเขาจะยอมปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปได้
“ท่านปรมาจารย์จาง…” หวงหวี่ได้ยินผู้เสียหายพูดแบบนี้ เธอจึงมองไปที่
จางเซวียนแบบช่วยไม่ได้
“คุณแสดงฝีมือให้ผมดูหน่อย ผมอยากรู้ว่าคุณก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว”
จางเซวียนเอ่ยกับจ้าวเหยียนฟงโดยไม่สนใจคำพูดของคนอื่นๆ
“ได้ยินที่อาจารย์จางสั่งแล้วใช่ไหม รีบแสดงฝีมือให้เขาดูสิ”
หวงหวี่เห็นจางเซวียนยืนกรานเช่นนี้ เธอจึงออกคำสั่งสำทับไปยังจ้าวเหยียนฟง
“รับทราบครับ” แม้ว่าตัวจ้าวเหยียนฟงจะไม่รู้จักหวงหวี่ แต่เขาเห็นผู้เฒ่าซั่งเฉินให้ความเคารพยำเกรงเธออย่างมาก ตัวเขาเองจึงไม่กล้าปฏิเสธได้แต่พยักหน้า เขาเดินมาตรงกลางห้องโถงแล้วออกหมัดที่
เต็มไปด้วยพลังปราณอันแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าตัวเขาจะอายุไม่มาก แต่กลับสามารถควบคุมพลังปราณในร่างได้อย่างดีเยี่ยม วรยุทธของเขาก็มีลักษณะพิเศษแบบจำเพาะนับได้ว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถเหนือเด็กธรรมดาๆ ทั่วไป
“ดีมาก แบบนี้ก็แสดงว่าอาจารย์ลู่ฉวินช่วยรักษาอาการถูกธาตุไฟเข้าแทรกของเขาจนหายสนิทแล้ว”
“อายุแค่นี้แต่ฝีมือไม่เลวเลย เก่งมาก เก่งมาก”
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างก็เป็นยอดฝีมือ เมื่อพวกเขาเห็นกระบวนท่าของ
จ้าวเหยียนฟงก็พยักหน้าทันที
ผู้เฒ่าซั่งเฉินนั้นแอบมองไปที่จางเซวียน เขาคิดว่าจางเซวียนคงจะดูการออกกระบวนท่าของจ้าวเหยียนฟงอย่างจริงจัง แล้วมาหาข้ออ้างทีหลัง แต่จางเซวียนกลับหลับตา เหมือนกับกำลังตั้งสมาธิอยู่
“มันกำลังทำบ้าอะไรของมันอีกล่ะเนี่ย” ในหัวของผู้เฒ่าซั่งเฉินเต็มไปด้วยประโยคคำถาม
หรือว่าเจ้าจางเซวียนมันรู้ตัวว่าคราวนี้มันคงเสร็จแน่ ก็เลยเสียสติแกล้งบ้าไปแล้ว
“เสร็จหรือยัง”
ไม่นาน เพลงหมัดของจ้าวเหยียนฟงก็ถูกแสดงออกมาจนหมด เขามองเห็น
จางเซวียนเอาแต่หลับตา ไม่ยอมมองการแสดงฝีมือของเขาแม้แต่น้อย ทำเหมือนไม่ให้เกียรติเขา จ้าวเหยียนฟงรู้สึกโกรธจนแทบจะระเบิด
“ดีมาก” จางเซวียนลืมตาขึ้น
“เอาล่ะ ไม่ต้องเสียเวลาอีกแล้ว ในเมื่อแกก็ยอมรับแล้วว่าสอนจ้าวเหยียนฟงจนถูกธาตุไฟเข้าแทรก ส่วนตัวจ้าวเหยียนฟงเองก็ได้ให้การเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน ผิดก็ว่ากันไปตามผิด จะได้ไม่ต้องมาทำให้ทุกคนต้องเสียเวลาอีก…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินกลัวว่าถ้านานเข้า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น
“อย่ารีบร้อนนักสิ” จางเซวียนพูดแทรกพร้อมกับหันไปมองหน้าทุกคนรอบตัว “ในเมื่อทุกคนอยากจะฟังคำอธิบาย งั้นผมจะค่อยๆ อธิบายให้ฟัง”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางเซวียน ทุกคนต่างรู้สึกสนใจและอยากจะฟังคำอธิบายของเขาอย่างมาก แม้กระทั่งจ้าวเหยียนฟงเองก็หันมามองจางเซวียน
“อันที่จริงแล้ว… ผมจงใจทำให้เขาถูกธาตุไฟเข้าแทรกเองแหละ” จางเซวียนพูดขึ้น
“อะไรนะ”
“จงใจหรือ” ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของจางเซวียนต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
นี่ล้อเล่นใช่ไหม
พูดแบบนี้ก็เท่ากับปิดประตูฆ่าตัวเองตาย จางเซวียนจะต้องถูกไล่ออกแน่ๆ
“ฮ่าๆๆ” ผู้เฒ่าซั่งเฉินคิดไม่ถึงว่าจางเซวียนที่ทำเป็นลับๆ ล่อๆ ตั้งนาน สุดท้ายก็ออกมายอมรับสารภาพง่ายๆ แบบนี้ แถมยังบอกว่าจงใจทำให้จ้าวเหยียนฟงถูกธาตุไฟเข้าแทรกอีกด้วย จางเซวียนไม่รอดแน่ คิดได้แบบนี้ ผู้เฒ่าซั่งเฉินก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก “ยอมรับแล้วก็ดี เป็นอาจารย์แท้ๆ แต่กลับจงใจสอนศิษย์แบบผิดๆ ทำให้ศิษย์ตกอยู่ในอันตราย ความผิดนี้ร้ายแรงมาก ถ้าไม่เพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ เห็นทีว่าสังคมคงจะไม่หายโกรธแน่ ผู้ช่วยหวง ผู้เฒ่าโม่ คราวนี้การเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของจางเซวียน คงจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วใช่ไหม”
“…” หวงหวี่มองไปที่จางเซวียนด้วยความเสียใจ ในเมื่อตัวเขาเองยอมสารภาพความจริงออกมาแล้ว ถึงเธอคิดจะช่วยมันก็สายเกินไป
ขณะที่หวงหวี่กำลังจะพูดนั้น เธอก็เห็นจ้าวเหยียนฟงกำลังกำหมัดไว้แน่น เขาหันไปมองจางเซวียนแล้วกัดฟันพูดด้วยความแค้น “ไม่ทราบว่าผมไปทำอะไรล่วงเกินอาจารย์จาง จนทำให้อาจารย์คิดจะฆ่าผมแบบนี้”
ฉันเป็นศิษย์ของแก แต่แกกลับจงใจสอนแบบผิดๆ ทำให้ฉันถูกธาตุไฟเข้าแทรก นี่แกมีความแค้นอะไรกับฉันกัน
คนอื่นที่อยู่ในห้องต่างก็คิดเช่นนี้ พวกเขาทุกคนต่างมองไปที่จางเซวียนด้วยความสงสัย
เจ้าบ้านหวังหงก็เริ่มลังเลว่าจะส่งลูกชายและลูกสาวตัวเองไปเป็นศิษย์ของจางเซวียนดีไหม แม้ว่าจางเซวียนจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่มันจะมีประโยชน์อะไร ถ้าวันหนึ่งเกิดหน้ามืดขึ้นมา แกล้งสอนผิดๆ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ
นักรบขั้นหนึ่งหากถูกธาตุไฟเข้าแทรกยังพอมีทางแก้ แต่ถ้าเป็นนักรบขั้นที่สูงกว่าถูกธาตุไฟเข้าแทรกมีหวังแย่แน่ๆ
จางเซวียนไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เขาไขว้แขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังแล้วแสดงอาการเหมือนไม่มีใครในโลกนี้จะเข้าใจเขา เขาถอนใจออกมา
“เห็นที คุณจะยังไม่รู้ตัวนะ”
“รู้ตัว?” จ้าวเหยียนฟงจ้องไปที่จางเซวียน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าตนวรยุทธต่ำต้อย คงกระโดดไปชกหน้าจางเซวียนแล้ว “รู้ตัวอะไรของแก”
แกจงใจทำให้ฉันถูกธาตุไฟเข้าแทรก แล้วยังจะมีหน้ามาบอกให้ฉันรู้ตัวอะไรอีก รู้ตัวอะไร รู้ว่าตัวเองกำลังจะตายรึไง?
“พวกท่านเองก็ยังไม่เข้าใจอีกหรือ” จางเซวียนหันไปมองที่หวงหวี่และผู้เฒ่าโม่เสียง
“เข้าใจ?” ทั้งหวงหวี่และผู้เฒ่าโม่เสียงงงเป็นไก่ตาแตก คุณจงใจสอนแบบผิดๆ แล้วจะให้พวกเราเข้าใจอะไรอีก จะให้พวกเรา…เข้าใจว่าคุณอยากจะฆ่าศิษย์อะนะ?
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านไม่เข้าใจ งั้นผมจะอธิบายให้ฟัง” จางเซวียนส่ายหัวแล้วมองไปทั่วห้อง “ไม่รู้ว่าทุกท่านเคยได้ยินเรื่องของคนที่ ‘จุดชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิด’ กันบ้างไหม”
“ชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิด?” หวงหวี่ขมวดคิ้ว เหมือนคิดอะไรบางอย่างออกมาได้ เธอจึงรีบกล่าวทันที “ฉันเคยได้ยิน มันไม่ใช่ความพิเศษของร่างกายมนุษย์แต่เป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง คนที่เป็นโรคนี้จะมีเส้นชีพจรโยงใยไปทั่วร่างกายอย่างแน่นหนา ทำให้ลมปราณไม่สามารถไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างได้ ถึงจะสามารถฝึกวรยุทธแต่ก็ไม่สามารถบรรลุได้ถึงจุดสุดยอด ดีที่สุดก็เป็นได้แค่นักรบขั้นหนึ่ง ไม่มีทางเป็นนักรบขั้นสองได้อย่างเด็ดขาด”
ทุกคนที่ได้ยินคำอธิบายของหวงหวี่ต่างก็พากันพยักหน้า
แม้ว่าคนป่วยเป็นโรคจุดชีพจรติดขัดแบบนี้จะมีจำนวนน้อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย อาจารย์ก็มีหน้าที่สอนวรยุทธให้กับศิษย์ เรื่องโรคจำพวกนี้ พวกเขาต้องรู้จักแน่นอนไม่มากก็น้อย
“ที่อาจารย์จางพูดถึงโรคชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิด หรือว่า…” ผู้เฒ่าโม่เสียงคิดขึ้นมาได้จึงรีบหันไปมองจางเซวียนทันที
“ถูกต้อง จ้าวเหยียนฟงเป็นคนที่มีชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิด” จางเซวียนพยักหน้า
“ผม… ผมมีชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดหรือ” จ้าวเหยียนฟงไม่อยากจะเชื่อ
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ตอนฝึกวรยุทธ ผมเองยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกายเลย แล้วผมจะมีชีพจรติดขัดมาตั้งแต่เกิดได้อย่างไร”
“ไม่พบความผิดปกติในร่างกาย…จริงรึ” จางเซวียนมองไปที่จ้าวเหยียนฟงด้วยรอยยิ้ม “งั้นผมถามหน่อย ก่อนที่คุณจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ตอนฝึกวรยุทธ คุณรู้สึกไหมว่าชีพจรของตัวเองค่อนข้างจะสั้น ตอนคุณรวบรวมลมปราณทั้งหมดในร่าง เคยรู้สึกบ้างไหมว่าร่างกายของคุณเหมือนกำลังจะระเบิดออก”
“คุณ… คุณรู้ได้อย่างไร” เมื่อก่อนตัวจ้าวเหยียนฟงเองก็ไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนี้มากนัก ทีแรกก็นึกว่าจางเซวียนพูดจาส่งเดช แต่พอฟังจบ เขาถึงกับเกิดอาการตัวสั่น