ตอนที่ 73 เฉาฉงเอาคืน
“เสี่ยวหวี่ก็มาด้วยหรือ” ไป๋ซวินตกใจ เมื่อวานปรมาจารย์ลู่เฉินสั่งให้ทั้งไป๋ซวินและหวงหวี่มาฝึกวิชากับจางเซวียน วันนี้ไป๋ซวินจึงมาหาจางเซวียนแต่เช้า
ส่วนหวงหวี่ มีรึว่าเธอจะไม่มา
พอไป๋ซวินพูดจบ หญิงสาวร่างบางน่ารักในชุดสีเหลืองอ่อนก็เดินเข้ามาในห้องโถง ผิวที่ขาวนวลดูแล้วแสนสะอาดของเธอทำให้เธอดูมีเสน่ห์ไม่แพ้เสิ่นปี้หรูเลยสักนิด
“คารวะปรมาจารย์จาง” เมื่อเข้ามาถึงในห้องโถง เธอรีบเดินตรงมาที่จางเซวียนแล้วก้มคารวะทันที
“อ่า… ครับ” จางเซวียนเอามือลูบหัวตนเองทันที เขารู้อยู่แก่ใจว่าหวงหวี่มาที่นี่ทำไม อันที่จริงแล้ว ตัวของจางเซวียนเองไม่มีความรู้เรื่องศิลปะหรือการวาดเขียนเลย เขาเพียงแต่สามารถมองเห็นจุดบกพร่องของงานศิลปะได้เท่านั้น จะให้เขาสอนวิชาศิลปะ จางเซวียนไม่รู้ว่าจะสอนอย่างไรจริงๆ
“คารวะคุณหนู” ขณะที่จางเซวียนกำลังสับสน ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับหวงหวี่อยู่นั้น ผู้เฒ่าโม่เสียงก็เดินมาพร้อมกับก้มคารวะหวงหวี่อย่างนอบน้อม
“คุณหนูรึ” พอผู้เฒ่าซั่งเฉินได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าโม่เสียงก็เข่าอ่อนทันที สีหน้าของเขาซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “หรือว่า… เธอคือบุตรสาวของประธานหวงแห่งสมาพันธ์คณาจารย์ เธอคือ… หญิงสาวอัจฉริยะที่เป็นถึงผู้ช่วยปรมาจารย์ระดับล่างตั้งแต่อายุเพียงแค่สิบขวบคนนั้น”
เมื่อครู่เขาเพิ่งจะพูดกับผู้เฒ่าโม่เสียงถึงเรื่องของอัจฉริยะที่อยู่ในสมาพันธ์คณาจารย์ แล้วบอกว่าอัจฉริยะคนนั้นเก่งกาจกว่าตนหลายเท่านัก ผู้เฒ่าซั่งเฉินให้ตายก็คิดไม่ถึงว่าอัจฉริยะคนนั้นคือหวงหวี่ แถมเธอยังดูเหมือนจะสนิทกับจางเซวียนมากด้วย
นี่มัน… มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ฟะ
เมื่อครู่ผู้เฒ่าซั่งเฉินเพิ่งจะบอกว่าจางเซวียนไม่มีความสามารถพอที่จะอบรมสั่งสอนใครต่อใคร แต่เจ้าบ้านหวังถึงกับพาลูกชายมาขอลาออกจากห้องเรียนของตนเพื่อไปเป็นศิษย์ของจางเซวียน ต่อมาตนบอกว่าจางเซวียนด้อยความสามารถ อ๋องน้อยไป๋ซวินก็เจาะจงเดินทางมายืนยันถึงความสามารถอันเก่งกาจของจางเซวียนต่อหน้าทุกคน แล้วระบุอย่างชัดเจนว่าตัวซั่งเฉินไม่สามารถสู้จางเซวียนได้เลย ต่อมาตนบอกว่ามีเพียงคนระดับปรมาจารย์ถึงจะเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของเฉาฉงได้ ผู้ช่วยปรมาจารย์ก็มาปรากฏตัวขึ้น
ณ ตอนนี้ ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกทำอะไรไม่ถูกแล้ว…
จางเซวียน… สวรรค์ส่งแกมาปราบฉันโดยเฉพาะเลยใช่ไหมเนี่ย
ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางกระหม่อม เขาเริ่มรู้สึกอยากจะฆ่าตัวตายขึ้นทุกที
เฉาฉงที่เมื่อครู่ยังทำเป็นเก่งก็ไปต่อไม่เป็น ถึงกับผงะถอยไปหลายก้าวติดๆ กัน เมื่อครู่เขายังคิดว่าจางเซวียนคงจะไม่มีปัญญาไล่ตนออกอยู่เลย แต่ตอนนี้ เฉาฉงเริ่มรู้สึกเกรงกลัวจางเซวียนขึ้นมาบ้างแล้ว
“มันไม่ใช่อาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนหรอกหรือ แล้วทำไมมันถึงได้รู้จักกับคนมากมายขนาดนี้ ทำไมทุกคนถึงได้เคารพมันแบบนี้ ฉันไม่ยอม…” เฉาฉงรู้สึกโกรธ แต่ก็ทำได้เพียงโมโหในใจ
เมื่อก่อน ในสายตาของเฉาฉงจางเซวียนเป็นแค่เศษสวะคนหนึ่ง ไม่มีแม้กระทั่งสิทธิ์จะมาเดิมพันกับเขา แต่พอมาถึงตอนนี้… จางเซวียนกลับเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่เขาเองนั้นทำได้เพียงแค่มองจากด้านล่างขึ้นไป
“มัน… มัน…” ซั่งปิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สั่นจนพูดอะไรไม่ออก
ตอนนี้ เจ้าจางเซวียนที่แสนจะอ่อนแอ คนที่ซั่งปิงนึกจะจัดการเมื่อไรก็ได้นั้น ได้กลายมาเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครสามารถต้านทาน การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ทำให้ซั่งปิงรู้สึกไปไม่เป็นอีกคน
“อ้าว คุณเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์หรือ?” จางเซวียนมองไปที่หวงหวี่ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าซั่งเฉิน
หญิงสาวคนนี้อายุน้อยกว่าตนเองเสียอีก แต่กลับเป็นถึงผู้ช่วยปรมาจารย์ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
“ที่เป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ได้นั้นก็เพราะโชคช่วยน่ะค่ะ ท่านปรมาจารย์หลิวเขาเมตตารับเอาไว้ ฉันก็แค่ไปช่วยงานเขาเล็กน้อยเท่านั้นเอง” หวงหวี่ยิ้มแล้วตอบคำถามของจางเซวียนอย่างถ่อมตน น้ำเสียงของเธอฟังดูแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจอย่างมาก
การเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ สิ่งแรกที่ต้องมีคือพรสวรรค์ ต่อมาก็คือโชคและโอกาส ถึงจะมีฝีมือดีแค่ไหน จะสอนคนอื่นเก่งปานใด ถ้าไม่มีปรมาจารย์คนไหนมองเห็นคุณค่า ต่อให้เก่งหรือดีกว่านี้อีกร้อยเท่า ก็จะเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ไม่ได้
หวงหวี่เป็นบุตรสาวของประธานสมาพันธ์คณาจารย์แห่งอาณาจักรเทียนเซวียน ตั้งแต่เล็กจนโต เธอก็ได้รับการศึกษาอย่างดีมาโดยตลอด บวกกับฐานะของบิดา การที่เธอได้เป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ในเมื่อคุณเป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ งั้นพอดีเลย อาจารย์เฉาฉงคนนี้เพิ่งจะแพ้เดิมพันการทดสอบความประสงค์ของศิษย์กับผม แล้วเขาไม่ยอมทำตามข้อตกลง…”
เมื่อครู่ผู้เฒ่าโม่พูดไปแล้วว่าต้องให้คนระดับปรมาจารย์ หรือลูกศิษย์ของคนระดับปรมาจารย์มาตัดสิน แบบนี้ถึงจะเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของเฉาฉงได้ กับเฉาฉงที่จงใจเล่นงานตนแบบนี้ จางเซวียนไม่เอาไว้อยู่แล้ว
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ” หวงหวี่ขมวดคิ้วทันที “เป็นถึงอาจารย์ แต่กลับเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ขนาดยอมดำเนินการทดสอบความประสงค์ของศิษย์ เพื่อทำร้ายอาจารย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงาน คนแบบนี้ถ้ายังเป็นอาจารย์อยู่อีก สักวันจะต้องสร้างปัญหาใหญ่หลวงขึ้นแน่ๆ ท่านผู้เฒ่าโม่…”
ผู้เฒ่าโม่เสียงเดินมายืนตรงหน้าหวงหวี่ทันที
“ฉันเห็นว่าเขาไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์อีกต่อไป ท่านจงไปดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของเขาออกซะ” หวงหวี่สะบัดมือ
“รับทราบครับคุณหนู” ผู้เฒ่าโม่เสียงพยักหน้า แล้วหันไปมองที่เฉาฉงพร้อมกับส่ายหัว
หวงหวี่เป็นผู้ช่วยปรมาจารย์ มีฐานะสูงส่ง บวกกับการที่เธอเป็นบุตรสาวของประธานสมาพันธ์คณาจารย์ ดังนั้น คำพูดของเธอเพียงไม่กี่คำก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเฉาฉงได้เลย
หากยังมีความเป็นอาจารย์อยู่กับตัว ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็จะมีแต่คนให้ความเคารพ แต่เมื่อถูกเพิกถอนสิทธิ์นั้นออก ก็แสดงว่าจริยธรรมของคนคนนั้นมีปัญหา ข้อมูลของเขาจะถูกลงบันทึกไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือสมัครงานที่ใดก็คงไม่มีใครจะรับ
“ผม…” เฉาฉงที่ได้ยินคำตัดสินของหวงหวี่ก็เข่าอ่อนพร้อมกับล้มลงกับพื้น กว่าจะได้มาซึ่งสิทธิ์ของการเป็นอาจารย์ เฉาฉงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับมาถูกเพิกถอนออกไปอย่างง่ายๆ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่เขาอยากเล่นงานอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนนคนนี้อย่างนั้นหรือ
ไม่ยอม… ไม่ยอมเด็ดขาด
“ใช่…” เฉาฉงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาลุกขึ้นพร้อมกับมองไปที่จางเซวียนด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “จางเซวียน แกไม่ถือว่าชนะสักหน่อย คะแนนการประเมินผลอาจารย์ของแกเป็นศูนย์ แถมยังเคยสอนจนศิษย์คนหนึ่งถูกธาตุไฟเข้าแทรก ถ้าเรื่องนี้ถูกส่งไปถึงสมาพันธ์คณาจารย์แล้วมีการตรวจสอบบ้าง แกก็จะถูกเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์เหมือนกัน”
คะแนนการประเมินผลอาจารย์เป็นศูนย์นั้นไม่เป็นไรหรอก เพราะเป็นการประเมินผลของอาจารย์ภายในโรงเรียนหงเทียน ไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการไล่อาจารย์ออกได้
แต่โรงเรียนก็สามารถส่งเรื่องนี้ไปยังสมาพันธ์คณาจารย์ และหากเรื่องนี้ได้รับการบันทึกและมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผลของการตรวจสอบก็สามารถใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการลดขั้นจางเซวียน บวกกับการที่จางเซวียนเคยสอนจนศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรกอีก แบบนี้ต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็เป็นเรื่องที่มีโทษมหันต์
“ถูกต้อง จางเซวียน แกอย่าเพิ่งได้ใจไป ถึงแกจะเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของเฉาฉงได้ แต่สิทธิ์การเป็นอาจารย์ของตัวแกเองก็จะถูกเพิกถอนเหมือนกัน ฉันจะส่งเรื่องของแกไปที่สมาพันธ์คณาจารย์ทันที จะต้องให้พวกเขามาจัดการกับแกด้วย” ซั่งปิงได้ยินเฉาฉงพูดก็ลุกขึ้นมาทันที เขากล่าวโจมตีจางเซวียนอย่างบ้าคลั่งแบบไม่ลืมหูลืมตา
ซั่งปิงรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของตนกับจางเซวียนไม่มีเหลืออีกแล้ว และก็รู้ว่าจางเซวียนเป็นคนเอาเรื่องจริงจัง เห็นทีว่าตนคงจะต้องถูกเล่นงานอย่างยับเยินแน่นอน แบบนี้ก็ต้องสู้ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย
ที่สำคัญที่สุดคือ… สาวในดวงใจยังยืนอยู่ฝั่งจางเซวียน
ถ้าเขาถูกจางเซวียนเล่นงานอีก วันหลังคงไม่มีหน้าไปจีบเสิ่นปี้หรูแน่
ซั่งปิงพูดจบก็มองไปที่จางเซวียนด้วยสายตาเย็นชา
แกเก่งมากไม่ใช่หรือ
ค่าความเชื่อมั่นของหลิวหยางที่มีต่อแกก็สูงถึงหกสิบกว่าจุดเลยไม่ใช่หรือ คนตระกูลหวังถึงกับเดินทางมาขอร้องให้แกรับหวังเทาเป็นศิษย์ไม่ใช่หรือ
ตอนนี้ให้แกได้ใจไปก่อน พอถูกเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ ฉันจะรอดูว่าแกจะทำหน้าอย่างไร
แกยังจะมีสิทธิ์เป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนหงเทียนอีกไหม แล้วยังจะมีสิทธิ์มาสั่งสอนศิษย์คนอื่นๆ อีกไหม
ผู้เฒ่าซั่งเฉินกลับมาตั้งสติได้อีกครั้ง เขารีบยืนตรงแล้วพูดเสริมทันที
“ประวัติของอาจารย์จางเป็นที่น่าสงสัยจริงๆ ผู้ช่วยหวง ผู้เฒ่าโม่ ท่านทั้งสองโปรดพิจารณาด้วย อาจารย์จางเซวียนคนนี้เคยสอนจนลูกศิษย์ถูกธาตุไฟเข้าแทรก แถมยังสอบประเมินผลได้ศูนย์คะแนน เรื่องนี้หวังว่าทางสมาพันธ์คณาจารย์จะให้ความเป็นธรรม โปรดช่วยขจัดก้อนเนื้อร้ายของโรงเรียนหงเทียนออกไปด้วยเถิด”
เรื่องที่เฉาฉงจะต้องถูกไล่ออกก็คงช่วยไม่ได้ แต่ในเมื่อพวกเขาได้เริ่มลงมือแล้ว ก็ต้องลงมือให้ถึงที่สุด