ตอนที่ 72 เก่งจริงก็ไล่ออกสิ
ช่วยเขางั้นหรือ ควบคุมพลังปราณไว้ไม่อยู่งั้นหรือ?
ฟังจากคำโอ้อวดของไป๋ซวิน วรยุทธของจางเซวียนสูงส่งกว่าผู้เฒ่าซั่งเฉินจริงๆ หรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงรู้ซึ้งถึงความสามารถที่แท้จริงของจางเซวียนทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซั่งปิงและเฉาฉงที่เมื่อครู่พูดจาดูถูกดูแคลน
จางเซวียนไว้มาก ตอนนี้พวกเขาทั้งสองหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว
ครั้งล่าสุดที่จางเซวียนทดสอบวรยุทธ เขาเป็นเพียงแค่นักรบขั้นสามเองนี่
เรื่องนี้อาจารย์และศิษย์ทั่วทั้งโรงเรียนต่างรู้กันดีทุกคน ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนว่าจางเซวียนนั้นพัฒนาฝีมือขึ้น แล้วทำไมไป๋ซวินถึงได้พูดว่าวรยุทธของ
จางเซวียนสูงส่งขนาดนี้ได้ล่ะ แถมยังพูดว่าแม้แต่ผู้เฒ่าซั่งเฉินยังสู้จางเซวียนไม่ได้
ถึงแม้ทุกคนจะสงสัยคำพูดของไป๋ซวิน แต่ก็เชื่อว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดนั้นเป็นความจริง
เป็นที่รู้กันดีว่าไป๋ซวินเป็นคนที่ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังชอบการใช้กำลัง เขาชอบการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ หากวันไหนไม่ได้ต่อยตีกับคนอื่นก็จะนอนไม่หลับ รู้สึกคันไม้คันมือ แล้วคนอย่างไป๋ซวินมาให้ความนับถือจางเซวียนขนาดนี้ เห็นทีว่าจางเซวียนน่าจะมีวรยุทธที่สูงส่งมากจริงๆ
เมื่อคิดได้แบบนี้ ทุกคนต่างก็มองไปที่จางเซวียน คนที่พวกเขาเคยคิดว่าเป็นเพียงเศษสวะไร้ค่าคนหนึ่ง
ชายหนุ่มตรงหน้าผิวขาว หน้าตาอ่อนกว่าวัย ดูแล้วไม่มีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นเลยสักนิด เขาคนนี้จะเป็นสุดยอดฝีมือจริงรึ
จางเซวียนส่ายหัวไปมาทันทีที่เห็นว่าทุกคนในห้องกำลังมองมาที่เขา เกรงว่าความสามารถที่แท้จริงของตนคงจะเก็บเป็นความลับได้อีกไม่นานแล้ว
แต่เรื่องที่อาจารย์ปลายแถวของโรงเรียน ที่เป็นเพียงนักรบขั้นสามระดับสูงสุด ผ่านไปแค่ช่วงปิดเทอมเดียวก็กลายเป็นนักรบขั้นห้าที่ฝีมือไม่เป็นรองใคร เรื่องนี้… ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะเชื่อได้ว่าเป็นความจริง
“แหม… ไม่อยากจะแสดงฝีมือเลย อยากจะอยู่เฉยๆ ทำไมมันถึงทำได้ยากเย็นขนาดนี้หนอ” จางเซวียนคิดจะปิดบังความสามารถของตน แล้วแสดงความเก่งกาจออกมาเพียงบางครั้ง แรกๆ ก็ไม่นึกว่าไป๋ซวินจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนหงเทียนด้วย คิดเพียงว่า ไม่ว่าตนจะแสดงความสามารถอะไรออกไป เรื่องต่างๆ ก็คงจะมาไม่ถึงโรงเรียนหงเทียนอย่างแน่นอน แต่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าเพียงข้ามคืนเดียว ผู้คนมากมายต่างแห่กันมาหาที่โรงเรียนแบบนี้…
เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว ต่อให้จางเซวียนคิดจะปกปิดต่อไปก็คงทำไม่ได้อีก นี่มันเวรกรรมจริงๆ
ขณะที่จางเซวียนกำลังรู้สึกสับสนอยู่นั้น ไป๋ซวินก็รีบวิ่งมาตรงหน้าของเขา ท่าทางเหมือนกับจะมาขอคำชม “ท่านปรมาจารย์จาง เรื่องนี้ผมจัดการได้ดีไหมครับ”
ก็ไม่แปลกที่ไป๋ซวินทำแบบนี้ ก็ขนาดปรมาจารย์ลู่เฉินยังพูดเลยว่า เขาจะสามารถผ่านการฝึกวิชาได้หรือไม่นั้น ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับจางเซวียนคนเดียว แบบนี้มีหรือที่ไป๋ซวินจะไม่มาประจบประแจงจางเซวียน
ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาที่นี่ ไป๋ซวินถึงกับใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการเสาะหาเบาะแสของโรงเรียนที่จางเซวียนเป็นอาจารย์อยู่ สุดท้ายถึงได้ข้อมูลมา
“เออ… ก็ดี” ในเมื่อเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้แล้ว ก็คงได้แต่พยักหน้าล่ะนะ
“อาจารย์จาง ได้โปรดรับผมเป็นศิษย์ด้วยเถิด…” ตอนนี้ เจ้าบ้านหวังหงรู้แล้วว่าจางเซวียนไม่ได้เป็นเพียงนักรบขั้นสามแน่นอน เขาจึงส่งสัญญาณให้กับบุตรชาย เมื่อได้รับสัญญาณ
หวังเทาจึงเดินไปตรงหน้าจางเซวียนแล้วคุกเข่าลงอย่างนอบน้อม
“จะมาขอเป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์จางอย่างนั้นหรือ แกเป็นใคร ฉันกำลังจะมาขอเป็นศิษย์ของท่านอยู่พอดี นี่แกคิดจะมาแย่งฉันหรือ มาประลองกันก่อนเอาไหม”
จางเซวียนยังไม่ทันจะพูดอะไร ไป๋ซวินก็พูดแทรกไปเสียก่อนแล้ว
“ไม่บังอาจขอรับ…” หวังเทาตกใจอย่างมาก
แม้ว่าไป๋ซวินจะอายุใกล้เคียงกับหวังเทา แต่ไป๋ซวินเป็นถึงนักรบขั้นห้าระดับสูงสุด วรยุทธของไป๋ซวินแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า คิดจะประลองกับไป๋ซวิน… แบบนี้ก็มีแต่ตายสถานเดียว
“เอาล่ะ หวังเทา… พรุ่งนี้คุณมานั่งในห้องเรียนของผมได้ ถ้าความประพฤติดี ผมจะพิจารณารับเป็นศิษย์นะ” จางเซวียนกลัวไป๋ซวินจะก่อเรื่องแล้วไปลงมือกับหวังเทา เขาจึงรีบโบกมือแล้วพูดกับหวังเทาก่อน
“ขอบคุณอาจารย์จางมากครับ” เจ้าบ้านหวังหงรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ไม่ลืมกล่าวขอบคุณจางเซวียน
การได้นั่งในห้องเรียนยังไม่ได้หมายความว่าได้เป็นศิษย์ของจางเซวียนเต็มตัว แต่สำหรับตอนนี้ มันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่ดีที่สุด ก็หวังเทาดันเคยไปหาเรื่องจางเซวียนก่อน แถมยังลงไม้ลงมือกับอีกฝ่ายอย่างรุนแรง แบบนี้เป็นอาจารย์คนไหนก็คงไม่ยอมรับหวังเทาเป็นศิษย์หรอก
ถึงแม้จะมีสิทธิ์แค่ได้นั่งในห้องเรียน แต่ถ้าความประพฤติดี เชื่อฟังอาจารย์ สักวันต้องได้รับพิจารณาเป็นศิษย์ของจางเซวียนแน่
“นั่งในห้องเรียนหรือ…” ผู้เฒ่าซั่งเฉินได้ยินคำพูดของจางเซวียนก็ถึงกับจะร้องไห้ออกมา เขาเป็นถึงผู้เฒ่าประจำโรงเรียน เป็นหัวหน้าสำนักงานฝ่ายการศึกษา ที่ผ่านมามีแต่เด็กจำนวนมากมาขอเป็นศิษย์ของเขา แต่ครั้งนี้ ศิษย์ของเขามาขอลาออก ถ้าศิษย์คนนั้นลาออกแล้วไปเรียนกับอาจารย์ที่เก่งกาจกว่าก็แล้วไป
แต่ที่ไหนได้ กลับมาลาออกแล้วไปนั่งเฉยๆ ในห้องเรียนของอาจารย์คนอื่น ที่สำคัญ ยังเป็นห้องของอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนด้วย
ผู้เฒ่าซั่งเฉินรู้สึกว่าตนเองถูกดูหมิ่นหลายครั้ง ทำให้เขาไม่เหลือความภาคภูมิใจในตัวเองอีกต่อไปแล้ว เขารู้สึกขายหน้าแบบสุดๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ ตอนนี้ยิ่งอับอายจนแทบจะมุดหัวลงดินแล้วไปโผล่ที่ดินแดนอันไกลแสนไกล
“ท่านปรมาจารย์จาง ท่านมีอะไรที่ยังไม่ได้สะสางอีกไหม ถ้ามีผมจะจัดการให้เอง เมื่อจัดการเสร็จ ท่านจะได้ไปสอนวิชาศิลปะให้กับผมเสียที…” ไป๋ซวินโบกมือพร้อมกับมองมาที่จางเซวียน
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” จางเซวียนมองไปที่ผู้เฒ่าซั่งเฉิน “ผู้เฒ่าซั่ง การทดสอบความประสงค์ก็ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เช่นนั้นคงจะทำตามสัญญาที่เราตกลงกันไว้ได้แล้วสินะ”
จางเซวียนเดินทางมาที่นี่ จุดประสงค์หลักก็คือมาทดสอบความประสงค์ การทดสอบเสร็จสิ้นแล้ว แต่ดันมีเรื่องวุ่นวายต่างๆ มาแทรก ตอนนี้เรื่องทุกอย่างยุติลงแล้ว ก็น่าจะได้เวลาทำตามสิ่งที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้
“จางเซวียน แกอย่าได้ใจไปเลย ถึงแม้ฉันจะแพ้การทดสอบความประสงค์ โทษหนักสุดก็แค่ถูกโบยด้วยกระบองสยบเทพร้อยที แต่จะมาเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของฉันนั้น แกทำไม่ได้หรอก” เฉาฉงรู้ดีว่าตนคงจะหลบหนีความจริงไม่ได้อีกแล้ว เขาจึงพูดเพื่อแก้ไขสถานการณ์แบบหน้าด้านๆ
“อ้าว ทำไมถึงทำไม่ได้ล่ะ” จางเซวียนขมวดคิ้ว
“ที่ผ่านมา การเรียนการสอนของฉันไม่เคยมีความผิดพลาด ไม่เคยมีลูกศิษย์คนไหนธาตุไฟเข้าแทรก คะแนนการประเมินผลอาจารย์แม้จะไม่ถือว่าดีเลิศ แต่ก็ผ่านเกณฑ์การประเมิน
แล้วแกจะมาเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของฉันเพราะการเดิมพันเพียงครั้งเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นสมาพันธ์คณาจารย์ก็ทำไม่ได้” เฉาฉงตวาดจางเซวียนทันที
“จริงหรือครับ” จางเซวียนมองไปที่ผู้เฒ่าโม่เสียงบ้าง เพราะตัวเขาเองก็ไม่ค่อยจะมีความรู้ในด้านนี้สักเท่าไร แต่ผู้เฒ่าโม่เสียงเป็นผู้เฒ่าประจำสมาพันธ์คณาจารย์ เรื่องนี้ท่านผู้เฒ่าต้องรู้แน่
“จริง” ผู้เฒ่าโม่เสียงพยักหน้า “สิทธิ์การเป็นอาจารย์ เป็นสิทธิ์ที่ผ่านการอนุมัติจากสมาพันธ์คณาจารย์ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์คนนั้นทำผิดวินัยร้ายแรง ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเพิกถอน…”
“เป็นแบบนี้นี่เอง…” จางเซวียนขมวดคิ้ว นึกถึงโลกในอดีตของเขา อาชีพอาจารย์ถือว่าเป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย แม้ว่าอาจารย์จะสอนแย่แค่ไหน ทางโรงเรียนก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของอาจารย์คนนั้นได้ ต่อให้เป็นกระทรวงศึกษาธิการก็ไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนี้ นอกเสียจากอาจารย์คนนั้นจะทำผิดกฎเกณฑ์ของโรงเรียนหรือผิดจารีตประเพณี คิดไปคิดมา โลกนี้กับโลกในอดีตของเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“แต่ตอนที่เดิมพันกัน ท่านไม่ได้พูดแบบนี้นี่…” จางเซวียนอดไม่ได้จึงถามขึ้น ตอนเดิมพันกัน จางเซวียนนึกว่าการเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์จะทำได้ง่ายๆ เขาจึงเอาสิทธิ์นั้นมาเดิมพัน ถ้ารู้ว่าการเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์จะยากขนาดนี้ น่าจะเดิมพันด้วยการไล่ออกจากโรงเรียนดีกว่า
“คือ… ผมนึกว่าคุณจะเป็นฝ่ายแพ้น่ะสิ” ผู้เฒ่าโม่เสียงกล่าวแบบอายๆ
จางเซวียนสอบได้ศูนย์คะแนน แถมยังเคยสอนจนศิษย์ธาตุไฟเข้าแทรก ถ้าจะเอาเรื่องจริงๆ ทางสมาพันธ์ก็สามารถเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของจางเซวียนได้
แรกๆ ผู้เฒ่าโม่เสียงเองก็นึกว่าจางเซวียนจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เขาจึงไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไรให้กับจางเซวียนมากนัก
“แต่ถ้าต้องการทำตามผลการเดิมพันจริงๆ ก็สามารถทำได้นะ แต่จะต้อง…” ผู้เฒ่าโม่เสียงหยุดคิดสักพักก็พูดต่อ
“จะต้องอะไรครับ”
“จะต้อง… จะต้องมีปรมาจารย์หรือว่าศิษย์ของปรมาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งมายืนยันว่าอาจารย์คนนั้นไม่เหมาะจะเป็นอาจารย์ต่อไปจริงๆ แล้วยื่นคำร้องต่อสมาพันธ์คณาจารย์…” ผู้เฒ่าโม่เสียงพูดต่อ
“ปรมาจารย์หรือศิษย์ของคนระดับปรมาจารย์เลยหรือ แล้วผมจะไปหาที่ไหนได้…”
จางเซวียนส่ายหัว ไม่ว่าปรมาจารย์หรือศิษย์ของคนระดับปรมาจารย์ ต่างก็เป็นบุคคลที่มีฐานะสูงส่งในแวดวงการศึกษา แล้วตนจะไปรู้จักบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไร อีกอย่าง พวกเขาก็คงไม่สนใจกับการเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ อะไรแบบนี้แน่
ขณะที่จางเซวียนกำลังขมวดคิ้วอยู่นั้น อาจารย์โจวก็เดินเข้ามาในห้องโถงอีกครั้งแล้วพูดขึ้น
“ท่านผู้เฒ่าซั่งเฉิน ข้างนอกมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อหวงหวี่ เธอบอกว่าจะมาหาอาจารย์จางเซวียนน่ะครับ”