ตอนที่ 81 อย่างนี้ต้องลาออก (1)
ณ ห้องเรียนของอาจารย์ลู่ฉวิน โรงเรียนหงเทียน
ในฐานะอาจารย์ดาวเด่นประจำโรงเรียน ห้องเรียนของอาจารย์ลู่ฉวินมีขนาดกว้างร้อยเมตรยาวร้อยเมตร ใหญ่พอๆ กับสนามฟุตบอล ในห้องเรียนมีโต๊ะและเก้าอี้วางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ
“สมกับเป็นอาจารย์ลู่ฉวินจริงๆ ผมเคยได้ยินจากปากของศิษย์จำนวนมากถึงชื่อเสียงและกิตติศัพท์ของคุณ” ชายชรามองไปยังห้องเรียนที่อัดแน่นไปด้วยศิษย์จำนวนมาก เขาพูดไปพลางลูบเคราตัวเองไปพลาง เมื่อพูดจบก็หันไปมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา
ชายหนุ่มคนนี้อายุราวยี่สิบหกถึงยี่สิบเจ็ดปี ใส่ชุดสีเขียวอ่อน ท่าทางหยิ่งทะนงและมั่นใจในตัวเองอย่างมาก
ส่วนชายชรานั้น หากซั่งปิงยังอยู่ก็คงจำหน้าของชายชราได้ เขาก็คือเจ้าของภัตตาคารหงเทียน ผู้เฒ่าหงหาว
“ท่านผู้เฒ่าชมเกินไปแล้ว ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้คือให้ความรู้แก่ศิษย์ ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเขาได้ดีในอนาคต” ชายหนุ่มยิ้มตอบ
แม้คำพูดของเขาจะฟังดูเหมือนกับเขากำลังถ่อมตน แต่น้ำเสียงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขามีความภูมิใจในตนเองแบบสุดๆ
“นี่ไม่ใช่การชม ดูจากความสามารถของศิษย์เหล่านี้ก็รู้ได้แล้วว่าอาจารย์ของพวกเขาเป็นอย่างไร ผมได้ยินมาว่า ในการสอบครั้งนี้ เด็กที่สอบเข้ามาได้ในร้อยอันดับแรก ทั้งหมดมาสมัครเป็นศิษย์ของคุณ แต่กลับมีเพียงเจ็ดสิบคนที่มีวาสนาได้มาเป็นศิษย์ของคุณจริงๆ… หึๆ ในบรรดาจำนวนศิษย์สองร้อยกว่าคนของคุณ คงไม่มีใครที่ไม่ได้อยู่ในห้าร้อยอันดับแรกเลยล่ะสิ”
ผู้เฒ่าหงหาวยิ้มไปลูบเคราไป
เมื่อวานเขาเพิ่งจะได้รับข้อมูลนี้มา ตอนได้รับข้อมูลแรกๆ เขาเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน
อาจารย์ลู่ฉวินคนนี้ แม้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นอาจารย์ที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในโรงเรียน เขารับเอาเด็กใหม่ที่ดูแล้วมีแววไปเป็นศิษย์จนเกือบหมด
มีเด็กจำนวนมากมายต้องการเป็นศิษย์ของเขา ในประวัติของโรงเรียนหงเทียน มีอาจารย์จำนวนเพียงแค่หยิบมือที่สามารถทำแบบนี้ได้
“เด็กจำนวนมากอยากสมัครมาเป็นศิษย์ของผม ก็นับว่าเป็นเกียรติของผมเหมือนกัน” ได้รับคำชมจากนักรบขั้นเจ็ด ลู่ฉวินรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก เขาหันไปมองหน้าผู้เฒ่าหงหาว “ท่านผู้เฒ่าหงหาวมีงานมากมาย แต่วันนี้กลับมาหาผมถึงที่นี่ มีอะไรจะให้ผมรับใช้หรือครับ ขอเพียงเป็นเรื่องที่ทำได้ ผมจะทำอย่างสุดกำลัง”
ลู่ฉวินรู้ดีว่าที่ผู้เฒ่าหงหาวมาที่นี่ จะต้องไม่ได้มาเพื่อพูดคุยเรื่องไร้สาระแน่นอน
“ถ้าจะว่ามีเรื่องมารบกวน ผมก็มีอยู่จริงๆ นั่นแหละ ผมกับบิดาของคุณเป็นเพื่อนสนิทกัน ผมเองก็เห็นคุณมาตั้งแต่ยังเล็ก รู้ดีว่าคุณเป็นคนตรง เลยตั้งใจจะมาให้คุณช่วยตรวจสอบอาจารย์คนหนึ่ง” ผู้เฒ่า
หงหาวพูด
“อย่าพูดถึงบิดาผมเลย เรื่องของเขากับคุณมันเป็นเรื่องในอดีตแล้ว” ลู่ฉวินได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าหงหาวที่พยายามจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ส่วนตัว เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นทันที “ว่ามาเลย เป็นอาจารย์คนไหนกัน”
“จางเซวียน” ผู้เฒ่าหงหาวตอบทันที
วันก่อน จางเซวียนไปก่อเรื่องที่ภัตตาคารของเขา ทำให้ตอนนี้ภัตตาคารแทบจะร้าง ไม่มีแขกเข้ามาใช้บริการสักคน ผู้เฒ่าหงหาวรู้สึกโกรธแค้นจางเซวียนเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเป็นผู้เฒ่าประจำโรงเรียน เขาคงไปจัดการกับจางเซวียนด้วยตัวเองนานแล้ว
“จางเซวียนหรือ คุณหมายถึงจางเซวียนที่สอบได้ศูนย์คะแนน แล้วยังทำให้จ้าวเหยียนฟงถูกธาตุไฟเข้าแทรกนั่นน่ะหรือ” ลู่ฉวินมองมายังผู้เฒ่าหงหาว
ผู้เฒ่าหงหาวเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์และวีรกรรมของจางเซวียนมาก่อน แล้วยังมีเรื่องที่จางเซวียนไปแย่งศิษย์ของอาจารย์คนอื่นมาเป็นศิษย์ของตนเองอีก เรื่องน่าอับอายแบบนี้ มีหรือว่าเขาจะไม่เคยได้ยิน
“ถูกต้อง” ผู้เฒ่าหงหาวพยักหน้า
“คนแบบนั้นเป็นแค่สวะกองหนึ่งเท่านั้น อีกไม่นานก็จะถูกไล่ออกแล้ว ท่านผู้เฒ่าไปมีปัญหาอะไรกับคนแบบนั้นได้เล่า” ลู่ฉวินรู้สึกประหลาดใจ
ฝ่ายหนึ่งเป็นคนที่มีศักดิ์และสิทธิ์พอที่จะเข้าชิงตำแหน่งอธิการบดีของโรงเรียน ส่วนอีกฝ่ายเป็นเพียงอาจารย์ระดับล่างที่กำลังจะถูกโรงเรียนไล่ออก ฐานะของคนทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน แล้วทั้งคู่ไปมีความเกี่ยวข้องอะไรกันที่ตรงไหน?
“มีปัญหาเล็กน้อย ผมได้ยินมาว่าทางสำนักงานฝ่ายการศึกษาได้ส่งหนังสือเตือนฉบับสุดท้ายให้กับเขาแล้ว หากเทอมนี้เขายังรับศิษย์ไม่ได้อีก ทางโรงเรียนก็จะเพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์ของเขาแล้วไล่ออก ดังนั้น ผมเลยอยากจะขอให้คุณช่วยออกปาก ‘รับ’ ศิษย์ของเขาให้กลายมาเป็นศิษย์ของคุณแทนน่ะสิ” ผู้เฒ่าหงหาวบอกจุดมุ่งหมายของเขาให้ลู่ฉวินได้รับรู้
ก่อนมาที่นี่ ผู้เฒ่าหงหาวได้สืบเรื่องของจางเซวียนมามากพอสมควร เขารู้แม้กระทั่งเรื่องที่จางเซวียนรับเด็กห้าคนเป็นศิษย์ในภาคการเรียนนี้
ตอนนี้ จางเซวียนมีฐานะเป็นอาจารย์ ได้รับการดูแลจากโรงเรียน แต่เมื่อใดที่หมดสภาพการเป็นอาจารย์ ผู้เฒ่าหงหาวก็สามารถลงมือกับเขาได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไรอีกต่อไป
“รับเข้ามาเป็นศิษย์ของผมหรือ” ลู่ฉวินคิดไม่ถึงว่าที่ผู้เฒ่าหงหาวมาหาเขาก็เพื่อให้ทำเรื่องแบบนี้
“ถูกต้อง คุณเป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน ไม่มีใครที่จะช่วยผมได้นอกจากคุณคนเดียว เพียงแค่คุณออกปาก ไม่ว่าเจ้าจางเซวียนจะมีศิษย์สักกี่คน ศิษย์ของมันทั้งหมดก็ต้องลาออกจากห้องเรียนของมัน แล้วมาสมัครเป็นศิษย์ของคุณอย่างแน่นอน” ผู้เฒ่าหงหาวพูดไปยิ้มไป “การสอนศิษย์เป็นเรื่องยาก ถ้าไม่มีศิษย์ให้สอน คนอย่างมันจะได้ทำงานได้สบายขึ้นไง เราถือว่าช่วยเหลือมันอยู่นะ ฮ่าๆ”
“คือ…” ลู่ฉวินเริ่มลังเล
“ไม่ต้องลังเลอีกแล้ว คุณลืมเรื่องจ้าวเหยียนฟงไปแล้วหรือ ถ้าเมื่อก่อน คุณยอมให้จางเซวียนสอนเขาต่อ เด็กคนนี้มีหวังได้ตายแล้วตายอีกแน่นอน การที่คุณจะรับศิษย์ของจางเซวียนมา ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือศิษย์เหล่านั้นอีกวิธีหนึ่ง เป็นการสร้างบุญสร้างกุศลนะ” ผู้เฒ่าหงหาวรีบพูดเสริม
“เอาล่ะ เรื่องนี้ผมรับปากท่านก็แล้วกัน วันนี้ผมจะประกาศรับสมัครศิษย์ และจะระบุอย่างชัดเจนว่าผมตั้งใจจะให้โอกาสศิษย์ของจางเซวียนก่อนใคร” ลู่ฉวินพยักหน้า
“งั้นก็ตกลงตามนี้…” ผู้เฒ่าหงหาวกล่าวด้วยความพอใจ
ลู่ฉวินตกลงจะช่วยเขา ทำให้เขานึกถึงสภาพในอนาคตของจางเซวียนได้ทันที มันจะกลายเป็นคนน่าสมเพชขนาดไหนนะ?
จางเซวียนทำลายภัตตาคารหงเทียนของเขา เขาก็จะทำลายอนาคตมันเหมือนกัน เขาจะทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวและตายไปช้าๆ อย่างทรมาน
ขณะที่ผู้เฒ่าหงหาวกำลังสนุกกับการวางแผนเล่นงานจางเซวียนอยู่นั้น เขาก็เห็นศิษย์คนหนึ่งเดินตรงมาที่เขากับลู่ฉวิน
“อาจารย์ลู่” พอเดินมาถึงตรงหน้าลู่ฉวิน ศิษย์คนนั้นก็คุกเข่าลงกับพื้น
“หวังเหยียน เกิดอะไรขึ้นหรือ” ลู่ฉวินเห็นว่าเป็นหวังเหยียน เขาจึงยิ้มแล้วพยักหน้า
หวังเหยียนเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่งในหมู่ศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษานี้ แล้วเขายังเป็นหลานชายของรองผู้เฒ่าแห่งตระกูลหวังอีกด้วย มีตำแหน่งทางสังคมที่ค่อนข้างสูงส่ง การรับเขามาเป็นศิษย์ ทำให้แม้แต่ลู่ฉวินเองก็อดรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองไม่ได้
“อาจารย์ลู่คือว่าผม… ผม…” หวังเหยียนก็คือหลานชายของรองผู้เฒ่าแห่งตระกูลหวังที่เมื่อครู่เดินทางไปที่เจดีย์แห่งความประสงค์นั้นเอง ณ ตอนนี้ เขาได้แต่คุกเข่า ใบหน้าบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขากำลังรู้สึกสับสนอย่างมาก
“มีปัญหากับการฝึกเคล็ดวิชาอะไรรึเปล่า ถ้ามีก็พูดมาได้เลย”
ลู่ฉวินเห็นหวังเหยียนท่าทางอึดอัด เขาจึงถามหวังเหยียนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“อาจารย์ลู่เป็นอาจารย์ที่มีความรู้กว้างขวาง เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน คุณมีปัญหาอะไร เขาจะต้องช่วยแก้ปัญหานั้นให้คุณได้แน่” ผู้เฒ่าหงหาวพูดไปพลางลูบเคราไปพลาง
“งั้นผมขอพูดก็แล้วกัน…”
หวังเหยียนกัดฟัน “คือผมอยากจะ…ลาออกจากห้องเรียนของอาจารย์น่ะครับ หวังว่าอาจารย์จะอนุญาตด้วย”
“จะลาออกจากห้องเรียนของผมรึ!” ลู่ฉวินตกใจมาก เขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งจะได้ยินกับหู
เรื่องนี้จริงรึเปล่า?
ลู่ฉวินเป็นอาจารย์ในโรงเรียนหงเทียนมานานหลายปี ไม่เคยมีศิษย์คนไหนขอลาออกจากห้องเรียนของเขามาก่อน
“ครับ” หวังเหยียนพยักหน้า เมื่อได้พูดความในใจออกมาแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมาก
“คุณมีปัญหาอะไรที่ไม่สามารถพูดออกมาได้รึเปล่า หรือถูกใครข่มขู่ให้ทำแบบนี้” ลู่ฉวินถามต่อทันที
“ไม่มีครับ เป็นความต้องการของตัวผมเอง” หวังเหยียนตอบ
“คุณรู้ไหม ถ้าลาออกจากห้องเรียนของผมไป ทั่วทั้งโรงเรียนจะไม่มีอาจารย์คนไหนกล้ารับคุณเป็นศิษย์แล้ว” ลู่ฉวินได้ยินคำตอบของหวังเหยียนก็รีบพูดต่อทันที
ลู่ฉวินเป็นอาจารย์ที่โด่งดังที่สุดในโรงเรียน ถ้าศิษย์คนหนึ่งลาออกจากห้องเรียนของเขา แล้วยังจะมีอาจารย์คนไหนกล้ารับศิษย์คนนี้ไว้เป็นศิษย์อีก
“เมื่อผมลาออกจากห้องเรียนของอาจารย์ ผมก็จะสามารถไปนั่งฟังในห้องเรียนของอาจารย์จางได้ โอกาสแบบนี้มีน้อย ขอให้อาจารย์ลู่ช่วยอนุเคราะห์ด้วย”
หวังเหยียนก้มหน้าลงอีกครั้ง
“ลาออกจากห้องเรียนของผมเพื่อไปนั่งเป็น ‘ตัวสำรอง’ ในห้องเรียนของ
จางเซวียนเนี่ยนะ!”
ลู่ฉวินถึงกับหน้าซีด เขาอ้าปากค้างเหมือนคนที่จิตหลุดออกไปจากร่างแล้ว