Skip to content

Library Of Heaven’s Path 83

ตอนที่ 83 จัดไป

“อาจารย์จางเซวียนจะเป็นอะไรรึเปล่านะ” ในห้องเรียนของจางเซวียน จ้าวหย่า หวังหยิ่ง และคนอื่นๆ ต่างรู้สึกเป็นห่วงจางเซวียน

เฉาฉงจงใจจะเล่นงานจางเซวียนโดยการยื่นขอทำการทดสอบความประสงค์ของศิษย์ เรื่องนี้แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ศิษย์ทุกคนของจางเซวียนก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ดี

“วางใจเถอะ พวกเราเคยศึกษาความรู้จากอาจารย์จางเซวียนมา แล้วก็นับถือในตัวเขาเป็นอย่างมาก ส่วนหลิวหยางเองก็เลื่อมใสในตัวอาจารย์จางแบบสุดๆ เช่นกัน แบบนี้อาจารย์จางต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน” เจิ้งหยางตอบ

จริงๆ แล้ว ในบรรดาศิษย์ทั้งห้าคนของจางเซวียน เจิ้งหยางเป็นคนที่ไม่ยอมรับจางเซวียนมากที่สุด แต่พอได้มานั่งฟังการบรรยายของจางเซวียนสองครั้ง เขาเองก็ยังรู้สึกนับถือในตัวจางเซวียนอย่างมาก ตอนนี้ หากอาจารย์หว่างเชาจะรับเขาไปเป็นศิษย์ตามเดิม เขาคงไม่ยอมไป

ก็ในเมื่อเจิ้งหยางยังรู้สึกแบบนี้ หลิวหยางก็ต้องมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเขานั่นแหละ

ศิษย์ของจางเซวียนมีความเชื่อมั่นในตัวเขามากขนาดนี้ แล้วจางเซวียนจะแพ้การประลองได้อย่างไร

ขณะที่ศิษย์ของจางเซวียนกำลังพูดคุยกัน ประตูห้องเรียนก็ถูกผลักออกอย่างแรง มีหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามา “อาจารย์จางเซวียนที่พวกแกเคารพมากน่ะอยู่ที่ไหน เรียกเขาออกมาหน่อย”

หนุ่มวัยรุ่นไขว้แขนทั้งสองข้างไว้ด้านหลังแล้วเงยหน้าขึ้น พอเอ่ยชื่อจางเซวียน เขาก็จงใจขึ้นเสียง ท่าทางบ่งบอกว่าไม่รู้สึกเคารพในตัวจางเซวียนเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับจะหัวเราะเยาะจางเซวียนในใจอีกด้วย

“แกเป็นใคร ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับคนอย่างแก รีบไสหัวออกไปซะ” เจิ้งหยางเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่ไม่ให้เกียรติอาจารย์ของตน จึงรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา

“เจิ้งหยาง นายอย่าเพิ่งวู่วาม เขาคือ…จูหง ศิษย์ที่สอบเข้ามาที่โรงเรียนของเราได้เป็นอันดับสี่” หยวนเทารู้จักจูหงดี เขาจึงรีบไปกระซิบที่ข้างหูของเจิ้งหยางเบาๆ

“จูหงหรือ” ไม่เพียงแค่เจิ้งหยาง ทั้งจ้าวหย่าและศิษย์คนอื่นๆ ในห้องก็ถึงกับตะลึง

ชื่อของจูหงนั้น พวกเขาต่างเคยได้ยินมาก่อน จูหงเป็นนักรบขั้นสามระดับสูงสุด และกำลังจะบรรลุเป็นนักรบขั้นสี่ในอีกไม่ช้า จูหงสามารถสอบเข้ามาได้อันดับที่สี่ของโรงเรียนหงเทียน ก็แสดงว่าเขาเป็นคนที่มีทั้งความสามารถและพรสวรรค์เพียบพร้อมทุกประการ ความสามารถของจูหงอยู่เหนือพวกเขาอย่างมาก

“รู้จักฉัน… ก็ถือว่าพวกแกยังพอมีความรู้อยู่บ้าง นี่คือสารท้าประลองของอาจารย์ลู่ฉวิน ในการประลองฝีมือของศิษย์ใหม่ที่จะจัดขึ้นในอีกครึ่งเดือน อาจารย์

ลู่ฉวินจะประลอง ‘การประเมินผลอาจารย์’ กับจางเซวียน พวกแกมารับสารนี่ไปหน่อยสิ” เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างรู้จักตนดี จูหงจึงเอ่ยปากพูดต่อทันทีพร้อมกับทำท่าเหมือนกับว่าตนอยู่เหนืออีกฝ่ายอย่างมาก

เรื่องราวของจางเซวียน จูหงเองก็เคยได้ยินมาบ้าง จางเซวียนเป็นอาจารย์ที่สอบได้ศูนย์คะแนน ส่วนตัวเขาเป็นศิษย์ของอาจารย์อันดับหนึ่งของโรงเรียน ด้วยเหตุนี้ จูหงจึงไม่ค่อยจะรู้สึกเคารพในตัวจางเซวียนสักเท่าไร

“แข่งประเมินผลอาจารย์… กับ…อาจารย์ลู่ฉวิน…” ทุกคนในห้องที่ได้ยินคำพูดของจูหงนั้นหน้าเปลี่ยนสี

การแข่งประเมินผลอาจารย์ ถึงจะเป็นการทดสอบในตัวศิษย์ แต่ก็เป็นการวัดระดับขีดความสามารถของตัวอาจารย์เช่นกัน การประเมินผลแบบนี้มีความเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของอาจารย์เป็นอย่างมาก มีน้อยคนนักที่จะกล้ามาประลองในลักษณะนี้

ลู่ฉวิน…เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโรงเรียน เขามีศิษย์ที่เก่งกาจอยู่เป็นจำนวนมาก คนระดับเขามาท้าประลองกับจางเซวียนทำไม

“ถูกต้อง ก็จางเซวียนดันไปเล่นสกปรกก่อนนี่นา ทำให้อาจารย์ลู่ฉวินเกิดความไม่พอใจอย่างมาก เลยจะสั่งสอนเจ้าจางเซวียนสักหน่อย ฉันวางสารท้าประลองไว้ตรงนี้ก็แล้วกัน เดี๋ยวพวกแกเอาไปให้จางเซวียนด้วยล่ะ ถ้าจางเซวียนไม่กล้ารับคำท้าก็รีบๆ ยอมแพ้แล้วไปขอโทษอาจารย์ลู่ฉวินซะ ไม่งั้นอาจารย์ลู่ฉวินของฉันก็จะเล่นงานมันจนหมดรูปไปเลย”

จูหงวางสารท้าประลองลงบนโต๊ะพร้อมหันหลังแล้วเดินจากไป

“ช้าก่อน”

จูหงกำลังจะเดินออกจากห้องก็ถูกเจิ้งหยางมายืนขวางทาง “แกมาพังประตูห้องเรียนพวกเรา แล้วมาเรียกชื่อของอาจารย์พวกเราแบบเสียๆ หายๆ ก่อนแกจะไป แกต้องขอโทษก่อนถึงจะไปได้ ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”

ในฐานะศิษย์ เจิ้งหยางจะต้องช่วยรักษาชื่อเสียงให้กับอาจารย์ จูหงมาลบหลู่อาจารย์ของเขา มาส่งสารท้าประลองด้วยถ้อยคำหยาบคายแล้วจากไป ทำแบบนี้มันจะมากเกินไปไหม

“จะให้ฉันขอโทษก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าแกมีปัญญาสักแค่ไหน” จูหงยิ้มแล้วมองไปที่เจิ้งหยางพร้อมกับถีบไปเต็มแรง

เจิ้งหยางมีความชำนาญด้านการใช้หอกก็จริง แต่ไม่ถนัดด้านการใช้เพลงหมัด บวกกับระดับความสามารถที่ด้อยกว่าอีกฝ่ายอย่างมาก ทำให้เขายังไม่ทันจะตั้งตัวก็ถูกจูหงถีบจนกระเด็นไปกระแทกผนัง แล้วร่วงหล่นลงมากองกับพื้น

“บังอาจ” จ้าวหย่าเองก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน เธอกระโจนเข้าไปโจมตีจูหงบ้าง

แม้ว่าจ้าวหย่าจะเป็นนักรบขั้นสามระดับสูงสุดเช่นเดียวกับจูหง แต่เพลงหมัดของเธอยังอ่อนหัดกว่าจูหงอยู่มาก ประมือกันไม่กี่กระบวนท่า เธอก็รีบถอยออกมาตั้งรับ

หวังหยิ่งและหยวนเทาเห็นจ้าวหย่าถอยออกมาจึงรีบพุ่งเข้าไปโจมตีจูหงอย่างไม่รอช้า แต่ขนาดจ้าวหย่าที่มีวรยุทธสูงที่สุดในห้องยังสู้จูหงไม่ได้ แล้วสองคนนี้จะไปทำอะไรจูหงได้ล่ะ

ภายในพริบตาเดียว ทั้งสี่คนก็ถูกจูหงเล่นงานจนบาดเจ็บไปตามๆ กัน ถึงจะรู้สึกโกรธแค้น แต่ก็ทำอะไรจูหงไม่ได้เลย

“เศษสวะสิ้นดี”

จูหงเล่นงานทั้งสี่จนกองลงไปกับพื้นแล้วจึงสะบัดชายเสื้อ “นี่เป็นแค่คำเตือนเท่านั้นนะ กล้ามาท้าทายอาจารย์ลู่ฉวิน ผลลัพธ์ก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ… ไปบอกอาจารย์จางเซวียนของพวกแกด้วยล่ะ ถ้าไม่กล้ารับคำท้าก็รีบๆ ยอมแพ้ซะ ไม่งั้น…”

“ไม่งั้นอะไร” ขณะที่จูหงกำลังจะพูดจนจบประโยค ก็มีเสียงจากข้างนอกดังขึ้น

จางเซวียนกับหลิวหยางเดินเข้ามาในห้อง

“ไม่งั้น…”

ไม่ว่าจางเซวียนจะเป็นเศษสวะจริงหรือไม่ก็ตาม แต่เขาก็เป็นอาจารย์คนหนึ่ง เมื่อจูหงเห็นว่าจางเซวียนมองมาที่ตน แม้ว่าจะไม่มีอาการโกรธแค้นหรือโมโหใดๆ แต่จูหงเองก็รู้สึกหวาดกลัวนิดๆ ทว่าก็กัดฟันพูดต่อไป “ไม่งั้น… ก็รอรับความพ่ายแพ้ในการประลอง ‘การประเมินผลอาจารย์’ ก็แล้วกัน”

“จะแพ้หรือชนะ ไม่ต้องรอให้ไส้เดือนอย่างคุณตัดสิน กลับไปบอกลู่ฉวินว่าผมยินดีรับคำท้า” จางเซวียนสะบัดชายเสื้อ

จริงๆ แล้วจางเซวียนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก กว่าเขาจะกล่อมจน

หวงหวี่และไป๋ซวินยอมกลับไปก็ยากเย็น พอจะกลับมาสอนหนังสือต่อ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพอกลับมาถึงที่ห้องจะเจอกับจูหงอีก

แล้วลู่ฉวินจะมาประลองกับเขาเนี่ยนะ

ศิษย์ในโอวาทของแกมีตั้งเยอะแยะ แค่หวังเหยียนมานั่งฟังในห้องฉัน เรื่องแค่นี้ทำไมถึงกับต้องมาท้าประลองกันด้วยล่ะ

อีกอย่าง จะให้ศิษย์มาส่งสารท้าประลองให้ทั้งที ทำไมไม่ใช้ให้ศิษย์ที่นิสัยดีๆ มาส่งล่ะ ใช้คนแบบนี้มาทำไม… ถ้าไม่ใช่เพราะตนเป็นอาจารย์ล่ะก็ คงจะกระทืบเจ้าเด็กส่งสารคนนี้ให้ตายคาเท้าไปแล้ว จะยอมให้จูหงมาเบ่งต่อหน้าแบบนี้ได้หรือ

“แบบนี้ก็ดี งั้นผมขอตัวก่อน” จูหงจะเดินออกไปทันที

“ช้าก่อน” เจิ้งหยางพยายามลุกขึ้นแล้วมองมาที่จางเซวียน “อาจารย์จาง มันพูดจาสามหาวแล้วยังมาพังประตูห้องเรียนของเราอีก ซ้ำยังมาเล่นงานพวกเราจนบาดเจ็บ ถ้าปล่อยให้มันไปแบบนี้ ก็เท่ากับว่ายอมให้คนอื่นมารังแกพวกเราถึงบ้านเลยสิครับ…”

“ทำไม เมื่อครู่ฉันยังเล่นงานแกไม่พอหรือไง ความสามารถแค่นี้ยังจะมาอวดเก่ง อยากตายนักใช่ไหม” จูหงมองหน้าเจิ้งหยาง จ้าวหย่า และคนอื่นๆ พลางหัวเราะเยาะ “ห้องเรียนห่วยแตกที่มีคนแค่ไม่กี่คนจะไปสำคัญอะไร เรื่องประตูน่ะ จะมีหรือไม่มีมันก็มีค่าเท่ากันนั่นแหละ พวกแกนึกว่าจะมีใครมาแอบฟังคำสอนของอาจารย์แกอย่างนั้นหรือ หึ… คิดมากไปแล้วมั้ง… ถ้าพวกแกอยากจะให้ฉันขอโทษล่ะก็ ต้องแสดงฝีมือออกมาให้ฉันดูสักหน่อยว่าคู่ควรไหม ฉันจะยืนรอให้พวกแกมากระทืบอยู่ตรงนี้แหละ ใครเก่งจริงก็มากระทืบฉันได้เลย”

จูหงพูดจบก็กุมมือขึ้นแล้วคารวะไปยังจางเซวียน “อาจารย์จาง คุณเป็นอาจารย์ คงจะไม่มาลงมือกับศิษย์อย่างผมหรอกนะ”

คนที่เป็นอาจารย์ก็ต้องมีจรรยาบรรณของความเป็นอาจารย์อยู่แล้ว ถ้าลงมือเล่นงานศิษย์ ก็ต้องถูกสังคมรุมประณามอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับการสู้รบ แม่ทัพคนหนึ่งสามารถเอาชนะทหารปลายแถวคนหนึ่งได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมาภูมิใจอะไร

จูหงรู้ดีว่าจางเซวียนจะไม่ลงมือกับเขา แล้วศิษย์ของจางเซวียนทุกคนก็ไม่มีคนไหนที่สู้เขาได้เลย จูหงจึงไม่รู้สึกเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น

“อาจารย์จาง…”

เจิ้งหยาง จ้าวหย่า และคนอื่นๆ ที่เห็นท่าทางอันอวดดีของจูหงก็รู้สึกโกรธจนหน้าแดงก่ำ พวกเขาต่างกำหมัดไว้แน่น ทุกคนต่างอยากจะกระโจนเข้าไปโจมตีจูหงอย่างเหลืออด แต่พวกเขาเองก็รู้ว่าตนสู้จูหงไม่ได้ เมื่อครู่ก็เพิ่งถูกจูหงเล่นงานจนมากองอยู่กับพื้นแบบนี้ ถ้าจะไปสู้กับอีกฝ่าย ก็มีแต่จะตายกับตายเท่านั้น

“พวกคุณอยากจะออกกำลังกันรึเปล่าล่ะ ไหนๆ เขาก็บอกแล้วว่าจะยืนรอให้กระทืบอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน” จางเซวียนหันไปมองเหล่าศิษย์ของเขาโดยไม่สนใจจูหงแม้แต่น้อย

“อยาก” ศิษย์ทุกคนต่างพยักหน้า

อาจารย์เลยได้แต่ส่ายหัวอย่างเอ็นดู “ได้… จัดไป”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version