Skip to content

Library Of Heaven’s Path 99

ตอนที่ 99 มันก็จะงงๆหน่อย

ณ ตอนนี้ โอวหยางเฉิงกับคนอื่นๆ ต่างตกตะลึงจนวางตัวไม่ถูก

หอสมุดชั้นล่างอยู่ตรงไหนมันยังไม่รู้ แล้วยังกล้าเลือกที่จะประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาอีก พวกเขาต่างเริ่มสงสัยแล้วว่าจางเซวียนสติครบสามสิบสองหรือไม่

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายก็ได้ตัดสินใจแล้ว พวกเขาเตือนอย่างไรก็คงไม่เกิดประโยชน์

ตู้หม่านบอกตำแหน่งของหอสมุดให้จางเซวียนรู้ หลังจากที่จางเซวียนเดินจากไป ตู้หม่านจึงมองไปที่โอวหยางเฉิง “เขา… หุนหันพลันแล่นเกินไปรึเปล่า”

“ไม่เกินไปหรอก… มากเลยแหละ แต่คุณเห็นรึเปล่า เขามีความมั่นใจในตัวเองสูงนะ” โอวหยางเฉิงท่าทางตกตะลึง “ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงได้มีความมั่นใจมากขนาดนี้”

“เขาอาจจะไม่รู้ว่าการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยามันยากและน่ากลัว”

ตู้หม่านพูดเรื่องการประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยาขึ้นมาทันที “แม้ในตอนนี้ ผมจะเป็นนักปรุงยาระดับหนึ่งดาว แต่ถ้าให้ผมไปประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา ผมเองก็คงสอบไม่ผ่าน”

การประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยามีความยากและน่ากลัวอย่างมาก เหมือนกับเอาความรู้เรื่องการปรุงยาของตัวเองไปสู้กับความรู้ด้านการปรุงยาของนักปรุงยาอีกสิบคน ต่อให้ความรู้ด้านการปรุงยาของคุณจะดีเลิศสักแค่ไหน แต่หัวเดียวก็ไม่มีทางจะสู้กับสิบหัวได้หรอก

ที่สำคัญที่สุดคือ… เจ้านั่นยังไม่เคยปรุงยามาก่อน

ก็เหมือนกับนักศึกษาชีววิทยาไปประลองความรู้ด้านการฆ่าหมูกับคนขายหมูนั่นแหละ มีเพียงความรู้ทางด้านวิชาการ แต่ขาดประสบการณ์ด้านการลงมือ แบบนี้ท่าทางจะประสบความสำเร็จยาก

“พวกเราได้อธิบายทุกอย่างจนละเอียดแล้วนี่นา เขาต้องรู้แล้วสิ” โอวหยางเฉิงส่ายหัว “คนคนนี้ลึกลับจริงๆ”

“ถูกต้อง สอบส่วนที่หนึ่งทำถูกทุกข้อ สอบส่วนที่สองเขาไม่เพียงแต่จะไม่ได้ตอบผิด ซ้ำยังช่วยชี้แนะให้พวกเราอีกด้วย… ที่สำคัญคือเขายังอายุน้อยอยู่ ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงได้มีความจำเป็นเลิศขนาดนี้ได้”

ตู้หม่านนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็รู้สึกตกตะลึงขึ้นมาอีกครั้ง

พฤติกรรมของจางเซวียนสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างมาก เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าจางเซวียนมีความรู้ด้านสมุนไพร และความรู้ด้านหลักการวิเคราะห์สมุนไพรมากกว่าโอวหยางเฉิงและตู้หม่านเสียอีก

ศิษย์ของนักปรุงยาที่เก่งกว่านักปรุงยาตัวจริงคนนี้… ถ้าไม่เห็นกับตา ต้องไม่มีใครเชื่อแน่ๆ

“อันที่จริงแล้ว ถ้าอยากจะรู้ว่าความมั่นใจของเขามาจากไหนนั้นง่ายมาก เขาไม่ใช่จะไปอ่านหนังสือที่หอสมุดหรอกหรือ เราสามารถส่งคนแอบสะกดรอยตามเขาได้นี่ ขอเพียงแค่ตามไปดูพฤติกรรมของเขาอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็จะต้องเห็นสิ่งผิดปกติ” โอวหยางเฉิงพูดขึ้น

กล้าถึงขนาดประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา เขาจะต้องมีความรู้ด้านยาพอสมควร แค่ส่งคนแอบสะกดรอยตามเขาอยู่ห่างๆ ก็จะต้องพบอะไรที่ไม่ชอบมาพากลแน่

“ก็จริง” ตู้หม่านพยักหน้าและกวักมือ “จูหวาหัว ผมให้คุณไปที่หอสมุดชั้นล่าง ไปสอดแนมดูซิว่าจางเซวียนทำอะไรอยู่ แต่อย่าให้เขารู้ตัวล่ะว่ากำลังถูกคุณจับตามอง”

“ครับ” จูหวาหัวเดินออกไปทันที

ไม่นาน จูหวาหัวก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด

“เป็นอะไรหรือ เขากำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังอ่านตำราหายากอยู่ใช่ไหม” โอวหยางเฉิงมองไปที่จูหวาหัว

นักปรุงยาที่จะเข้าร่วมประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา จะต้องถามคำถามที่แปลกประหลาดออกมาอย่างแน่นอน ถ้าอยากจะสอบให้ผ่านจริงๆ เพียงความรู้ด้านการปรุงยาแบบทั่วไปก็อาจจะไม่พอ ต้องเรียนรู้วิธีการปรุงยาแบบแปลกๆ บ้าง

“เปล่าครับ” จูหวาหัวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนพึ่งเห็น “เขา…กำลังพลิกหน้าหนังสืออยู่ครับ”

“พลิกหน้าหนังสือหรือ เขาน่าจะกำลังหาหนังสือที่ต้องการจะอ่านอยู่ล่ะมั้ง คุณบอกมาซิ เขาพลิกหนังสืออะไรบาง” โอวหยางเฉิงถามต่อ

“ตอนผมไปถึง เขากำลังยืนอยู่ที่ชั้นวางหนังสือพื้นฐานการปรุงยา ผมแอบมองว่าเขากำลังพลิกหน้าหนังสืออะไร ก็เห็นว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับ ‘วิธีการปรุงยาขั้นพื้นฐาน’ ‘การเก็บสกัดสมุนไพร’ ‘วิธีการเก็บรักษาต้นสมุนไพร’ และ ‘การเคลื่อนย้ายเตาปรุงยา’ เนื่องจากไม่อยากให้เขาเห็น ผมจึงไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก”

จูหวาหัวนึกสักพักแล้วก็ตอบ

“วิธีการปรุงยาขั้นพื้นฐาน… การสกัดสมุนไพร”

“วิธีการเก็บรักษาต้นสมุนไพร การเคลื่อนย้ายเตาปรุงยา”

“นี่มัน…”

ตู้หม่านกับโอวหยางเฉิงต่างมองหน้ากันอย่างงุนงง

หนังสือเหล่านี้ล้วนเป็นหนังสือขั้นพื้นฐานสำหรับศิษย์ของนักปรุงยา… ก็เหมือนกับการสอนการเดินและการกินข้าว เป็นหนังสือเกี่ยวกับความรู้ขั้นพื้นฐานของพื้นฐานจริงๆ เจ้านั่นจะไปประลองวิวาทะกับเหล่านักปรุงยา แต่กลับเพิ่งมาเริ่มอ่านหนังสือพวกนี้

เป็นไปได้อย่างไร

นี่ก็เหมือนกับกำลังจะไปประลองเพลงดาบกับยอดฝีมือในยุทธภพแล้วพึ่งจะหาซื้อดาบพร้อมกับเริ่มฝึกหัดการใช้ดาบนั่นเอง…

จริงรึเปล่าเนี่ย

“คุณแน่ใจหรือว่าเขากำลังอ่านหนังสือเหล่านี้” โอวหยางเฉิงอดไม่ได้ที่จะถาม

“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เขาไม่ได้อ่าน แต่แค่พลิกหน้าหนังสือ… พลิกไปพลิกมาไม่หยุด ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขากำลังทำอะไรอยู่” จูหวาหัวตอบแบบงงๆ

เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจางเซวียนกำลังทำอะไรอยู่ ในสายตาเขา จางเซวียนก็เหมือนกับคนสติแตก เอาแต่พลิกหน้าหนังสือไปมา จากชั้นหนังสือตู้หนึ่งไปยังอีกตู้ จะว่าอ่านก็ไม่เหมือนคนกำลังอ่าน จะว่ากำลังหาหนังสือก็ไม่เหมือนคนหาหนังสือ ไม่รู้จริงๆ ว่าจางเซวียนกำลังทำอะไรอยู่

“พลิกหน้าหนังสือไม่หยุด” โอวหยางเฉิงกับตู้หม่านมองหน้ากันอีกครั้ง เหมือนกับเพิ่งจะได้ยินคนพูดจาไม่รู้เรื่อง

“พลิกอย่างไร คุณสาธิตให้พวกผมดูหน่อย” ตู้หม่านพูด

“ครับ”

พอดีในห้องพอมีหนังสืออยู่บาง จูหวาหัวเดินไปหยิบหนังสือเหล่านั้นขึ้นมาหลายสิบเล่มแล้วเริ่มพลิกหน้าหนังสือทันที

“แค่นี้เองหรือ” โอวหยางเฉิงกับตู้หม่านเห็นการกระทำของ

จูหวาหัว ทั้งสองรู้สึกตกตะลึงอย่างมาก

“ครับ” จูหวาหัวพยักหน้า “เขาทำแบบนี้แหละ พอพลิกเสร็จก็ไปพลิกที่ชั้นหนังสืออื่นต่อ…”

“…”

ทั้งโอวหยางเฉิงและตู้หม่านคิดว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังจะเป็นโรคประสาท

เดิมทีคิดว่าจางเซวียนจะไปหอสมุดเพื่ออ่านหนังสือ แต่สุดท้ายก็ไปเพียงแค่พลิกหน้าหนังสือ… คนอื่นเวลาพลิกหน้าหนังสือ อย่างน้อยพวกเขาจะลองอ่านผ่านๆ ดูก่อน แต่จางเซวียนไม่ได้อ่านอะไรเลย

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเนื้อหา ชื่อหนังสือเขาก็ไม่น่าจะรู้ด้วยซ้ำ…

“หรือว่าเขาแค่จะ… ตรวจดูว่าเนื้อหาในหนังสือมีอะไรบ้าง แล้วคิดจะข้ามไปโดยที่ไม่อ่าน” ผ่านไปสักพักตู้หม่านก็พูดขึ้น

นอกจากจะคิดว่าจางเซวียนต้องการจะอ่านแบบข้ามๆ แล้ว ตู้หม่านนึกถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ออกจริงๆ เขาไม่รู้ว่าการพลิกหน้าหนังสือมันมีประโยชน์อะไร

“ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้ว่าหนังสือในหอสมุดชั้นล่างจะไม่มีหนังสือที่เป็นความลับของสมาพันธ์เรา แต่ก็ไม่ใช่หนังสือที่จะอ่านข้ามๆ ไปได้ เขาเป็นศิษย์ของนักปรุงยาก็ไม่น่าจะทำเรื่องอะไรไร้สาระเช่นนี้” โอวหยางเฉิงส่ายหัว

แม้ว่าคำพูดของตู้หม่านจะฟังดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ แต่ตัวโอวหยางเฉิงก็นึกถึงเหตุผลอื่นไม่ออกเช่นกัน เขาได้แต่ขมวดคิ้ว

“งั้นคุณว่าเขากำลังทำอะไรกันแน่ล่ะ” ตู้หม่านถามทันที

“ผม…” โอวหยางเฉิงรู้สึกงวยงงกับเจ้าคนประหลาดคนนี้ ตั้งแต่เขาเกิดมายังไม่เคยเจอใครเป็นแบบนี้มาก่อนเลย

“เป็นไปได้ไหมว่า… เขากำลังหาหนังสือบางเล่มอยู่ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ทำมาจากวัสดุชนิดพิเศษ มีเพียงการสัมผัสด้วยมือถึงจะแยกแยะออก”

ผ่านไปสักพักโอวหยางเฉิงก็นึกเหตุผลอันใหม่ขึ้นมาได้

“ก็น่าจะเป็นไปได้…มั้ง”

โอวหยางเฉิงและตู้หม่านนั่งมองหน้ากัน พวกเขาต่างขมวดคิ้วอย่างหนัก อย่างไรก็คิดไม่ออกว่าจางเซวียนกำลังทำอะไรอยู่

เวลาผ่านไปครึ่งวัน สุดท้าย…ก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดี

แต่จู่ๆ ตอนนี้พวกเขาเพิ่งสันนิษฐานบางอย่างได้

รึว่า… จางเซวียนอาจจะ…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version