ตอนที่ 100 มันแพงขนาดนี้เชียวหรือ?
ขณะที่จางเซวียนเดินทางไปที่สมาพันธ์นักปรุงยา จ้าวหย่าก็ได้กลับมาถึงที่พักแล้ว
“ในที่สุดก็จบสักที” เธอมองไปยังต้นสมุนไพรที่จางเซวียนให้มา ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นว่ากำลังยินดีอย่างเห็นได้ชัด
ความเจ็บปวดประเภทนี้ เป็นสิ่งที่ทรมานเธอมาตั้งแต่เล็กจนโต เธอรู้สึกทนไม่ไหวกับความเจ็บปวดแบบนี้มานานแล้ว เมื่อได้ยินว่าจะสามารถรักษาอาการนี้ได้ เธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“เอาต้นสมุนไพรมาบดเป็นผงแล้วชงกิน…”
ขณะที่เธอกำลังจะหาอุปกรณ์มาบดต้นสมุนไพรอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงก้าวเท้าดังขึ้น พ่อบ้านเหยาฮั่นแอบเดินย่องมาหาเธอ
“นายหญิงน้อย ผม… เอ่อ… ขอตัวก่อน คือว่า… ไม่มีใครมาหาเรื่องนายหญิงน้อยใช่ไหมครับ”
เขามีปัญหากับหลานชายของผู้เฒ่าซั่งเฉิน แถมยังต่อยตีกับอาจารย์คนอื่นๆ ในโรงเรียน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง เขาจึงย้ายไปพักอยู่ที่อื่น พอจ้าวหย่าเลิกเรียน เขาถึงจะกลับมาที่บ้านพักเพื่อพบหน้าจ้าวหย่า
“หาเรื่องฉันหรือ ใครจะมาหาเรื่องฉันล่ะ” จ้าวหย่ามองไปที่เหยาฮั่น “ลุงเหยา คุณไม่ต้องสงสัยในตัวอาจารย์จางเซวียนแล้ว เขาปฏิบัติกับฉันดีมาก แถมยังเป็นอาจารย์ที่เก่งกาจมากอีกด้วย ขอร้องล่ะ อย่าไปหาเรื่องเขาเลยจะได้ไหม” จ้าวหย่ารู้ดีว่าพ่อบ้านประจำตัวของบิดาเธอไม่เชื่อใจจางเซวียน เธอจึงเอ่ยปากขอร้อง
“ดีกับนายหญิงน้อยรึ นายหญิงน้อยโตมาในที่ที่ดี จึงไม่รู้ว่าธาตุแท้ของคนเป็นอย่างไร…” เหยาฮั่นพูด ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากต่อ เขาก็เห็นสมุนไพรในมือของจ้าวหย่า เมื่อเห็น เขาก็ถึงกับตัวสั่นทันที
“นายหญิงน้อย… สมุนไพรต้นนี้… ได้มาจากไหนหรือครับ”
“สมุนไพรต้นนี้หรือ” จ้าวหย่ามองไปที่ต้นสมุนไพรในมือแล้วชูมันขึ้น “อาจารย์จางเซวียนให้ฉันมา ฉันมีอาการป่วยเล็กน้อย เขาเลยมอบสิ่งนี้ให้กับฉัน ให้เอามาบดเป็นผงแล้วกินกับน้ำ”
“อาจารย์จางเซวียนให้นายหญิงน้อยหรือ เป็นไปได้อย่างไร เขาเป็นแค่อาจารย์จนๆ คนหนึ่ง แล้วทำไมถึง…” เหยาฮั่นรู้สึกตะลึงอย่างมาก
“เป็นอะไรไปหรือลุงเหยา สมุนไพรต้นนี้มีปัญหาหรือไง” จ้าวหย่ารู้ดีว่าเหยาฮั่นเป็นคนรอบคอบ เขาแสดงท่าทีแบบนี้จะต้องมีสาเหตุแน่ๆ
“ไม่ใช่มีปัญหา แต่… สมุนไพรต้นนี้มีค่ามากจนไม่อาจประเมินได้ ถ้าผมดูไม่ผิด มันคือ…หญ้าพญาตะวันหิมะ” เหยาฮั่นพูด
“หญ้าพญาตะวันหิมะ?” จ้าวหย่าไม่เข้าใจ
“มันเป็นรากแก้วของต้นหญ้าตะวันหิมะ สรรพคุณยาจะออกฤทธิ์เป็นสิบเท่าของหญ้าตะวันหิมะทั่วไป แม้ว่าหญ้าตะวันหิมะจะไม่ได้มีค่าอะไร แต่เจ้าสิ่งนี้มีค่ามหาศาล ในอดีตผมเคยไปท่องเที่ยวต่างแดนกับท่านเจ้าเมือง แล้วเคยพบเจอกับหญ้าชนิดนี้เข้า ถ้าจำไม่ผิด ราคาน่าจะอยู่ที่ต้นละหนึ่งแสนเหรียญ”
เมื่อจ้าวหย่าได้ยินราคาที่เหยาฮั่นพูดก็ตกใจอย่างมาก เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที “ลุงเหยา คุณดูอะไร… ผิดรึเปล่า”
“ผมดูไม่ผิดแน่ครับ มันเป็นหญ้าพญาตะวันหิมะแน่นอน เป็นสมุนไพรที่แพงที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา เลยจำได้แม่นมาก ผมมองไม่ผิดแน่” เหยาฮั่นมองอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็ยืนยันคำพูดของตัวเอง
“หญ้าพญาตะวันหิมะราคาหนึ่งแสนเหรียญเลยหรือ” จ้าวหย่าเกิดอาการตัวสั่น
“นายหญิงน้อยบอกว่า… เจ้าจางเซวียน… อาจารย์จางเซวียนให้นายหญิงน้อยมาหรือครับ” ท่าทางของเหยาฮั่นเหมือนกับไม่เชื่อคำพูดของจ้าวหย่า แต่ก็เปลี่ยนมาเรียกจางเซวียนอย่างสุภาพทันที
มันไม่ได้เป็นอาจารย์ที่ห่วยแตกที่สุดในโรงเรียนซึ่งมีเงินเดือนต่ำสุดหรอกหรือ
สมุนไพรที่มีราคาแพงขนาดนี้ มันยังกล้าให้คนอื่น…
“ใช่” จ้าวหย่าพยักหน้า
ตอนที่จางเซวียนให้สมุนไพรต้นนี้กับเธอ เขาโยนให้เธอเหมือนกับมันไม่มีราคาค่างวดอะไร ไม่มีแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ ตัวจ้าวหย่าเองก็คิดว่ามันไม่มีค่าอะไรมากมายนัก… แต่นี่มันหนึ่งแสนเหรียญเชียวนะ มากพอที่จะซื้อบ้านในเมืองเทียนเซวียนได้เลย
ไม่ใช่บ้านสิ คฤหาสน์ก็ยังได้!
ของที่ให้ผู้อื่น คนให้มักจะโอ้อวดสรรพคุณว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก อยากจะให้คนที่ได้รับรู้ถึงราคาสิ่งของที่ผู้ให้มอบให้ แต่จางเซวียนนั้นต่างกัน เขาช่วยเธอคิดค้นเคล็ดวิชาเฉพาะทาง แล้วยังมอบสมุนไพรที่มีราคาแพงขนาดนี้ให้กับเธออีก แต่เขากลับไม่ได้คิดจะเอาอะไรจากเธอเลย ไม่แม้กระทั่งสนใจกับราคาของ ‘สิ่งของที่มอบให้กับเธอ’ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเหยาฮั่นรู้จักสมุนไพรต้นนี้ เธอเองก็คงจะกินมันเข้าไปเหมือนกับกินสมุนไพรถูกๆ ชนิดอื่น
เมื่อคิดได้แบบนี้ ขอบตาของจ้าวหย่าก็เริ่มกลายเป็นสีแดง
“ของสิ่งนี้รับเอาไว้ไม่ได้ มันมีราคาแพงเกินไป” จ้าวหย่ายืนตัวตรงพร้อมกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่ แม้เธออยากจะรักษาอาการป่วยของตัวเองอย่างมาก แต่เธอก็เป็นเพียงแค่ศิษย์คนหนึ่ง ไม่สามารถตอบแทนอะไรเขาได้ ถ้าจะให้เธอยื่นมือไปขอของจากเขาแบบฟรีๆ เธอทำไม่ลงจริงๆ
ที่อื่นๆ มีแต่ศิษย์เอาของไปให้อาจารย์ แต่จางเซวียนกลับให้อะไรต่อมิอะไรกับศิษย์ทั้งห้าของเขามากมาย ถ้าไม่รู้ก็แล้วไป แต่ตอนนี้รู้แล้ว ถ้ายังหน้าด้านไปรับของของเขาแบบนี้ก็ไม่ใช่คนแล้ว
“ลุงเหยา ในตัวคุณมีตั๋วเงินอยู่เท่าไหร่” จ้าวหย่าหันไปมองที่เหยาฮั่น
“มีแค่สองหมื่นเหรียญครับ” เหยาฮั่นควักตั๋วเงินออกจากกระเป๋า
แม้เขาจะเป็นพ่อบ้านประจำบ้านเจ้าเมืองไป๋หยู แต่ตอนนี้เขารับหน้าที่ส่งนายหญิงน้อยไปโรงเรียน ในตัวจึงไม่ได้พกเงินออกมามากมาย
“เอามาให้ฉันให้หมด” จ้าวหย่าหยิบตั๋วเงินทั้งหมดมาจากมือของเหยาฮั่นแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก เหยาฮั่นรู้สึกไม่วางใจจึงรีบวิ่งตามไป
ไม่นาน จ้าวหย่าก็มาถึงห้องเรียนของจางเซวียน ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่แล้ว
หอพักของจางเซวียนก็ไม่มีใครอยู่
เหยาฮั่นเห็นจ้าวหย่ากระวนกระวายใจแบบนี้ เขาก็ได้แต่ใช้เส้นสายส่วนตัวเพื่อถามถึงที่อยู่ของจางเซวียน ไม่นานก็ได้รู้ว่าจางเซวียนไปที่สมาพันธ์นักปรุงยา
ตอนจางเซวียนเดินทางไปที่นั่น เขาไม่ได้แอบใครไป เหยาฮั่นเป็นถึงพ่อบ้านประจำบ้านเจ้าเมืองไป๋หยู เขาจึงพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง พอจะถามหาเบาะแสของจางเซวียนได้
“สมาพันธ์นักปรุงยาหรือ หรือว่าสมุนไพรต้นนี้… อาจารย์จางเซวียนจะไปซื้อมาจากที่นั่น”
จ้าวหย่ากำหมัดไว้แน่นพร้อมกับกัดฟันพูด “ลุงเหยา พวกเราไปตามหาอาจารย์จางเซวียนกัน”
ถ้าไม่เอาเงินให้กับจางเซวียนแล้วรับสมุนไพรต้นนี้มา เธอจะรู้สึกผิดอย่างมาก
คนอื่นดีกับเธอ เธอก็ต้องทำดีตอบ
สมุนไพรที่ล้ำค่าเช่นนี้ เมื่อรู้ราคาแล้วจะให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วกินเข้าไป เรื่องแบบนี้จ้าวหย่าทำไม่ลงจริงๆ
ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงสมาพันธ์นักปรุงยา
เมื่อมาถึงแล้ว การจะถามหาใครสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่นาน ทั้งสองก็พบกับเหวินเซวี่ยที่กำลังอารมณ์บูด
“คุณหมายถึง… อาจารย์จางคือคนที่ตอนนี้กำลังสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาอยู่หรือคะ”
“อาจารย์จางหรือ คุณหมายถึงเจ้าคนสุดจองหองนั่นน่ะนะ เขาคือ… อาจารย์จางเซวียนหรือ” เหวินเซวี่ยรู้สึกงวยงงอย่างที่สุดพร้อมกับพยักหน้า “ค่ะ เขาไปสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาแล้ว”
“ศิษย์ของนักปรุงยาหรือ” จ้าวหย่ากับเหยาฮั่นมองตากัน
โดยเฉพาะเหยาฮั่น เขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ “ศิษย์ของนักปรุงยาจะต้องท่องชื่อ สรรพคุณและลักษณะต่างๆ ของสมุนไพรนับแสนชนิด ถ้าไม่ใช้เวลาศึกษาเป็นปีๆ ก็จะไม่มีทางสอบผ่านได้อย่างแน่นอน…”
จ้าวหย่าไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับอาชีพนักปรุงยา แต่เหยาฮั่นเป็นถึงพ่อบ้านของเจ้าเมือง เขารู้เรื่องนี้ดี แล้วยังรู้อีกว่าข้อสอบมีความยากระดับไหน
อาจารย์ระดับหางแถวอย่างจางเซวียนไปสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาเนี่ยนะ “น่าจะสอบไม่ผ่านใช่ไหมครับ… การสอบนี้ผมรู้ดีว่ามันยากมาก…” เหยาฮั่นถามขึ้น
“สอบไม่ผ่านอย่างนั้นหรือ เมื่อครู่ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” พอพูดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ เหวินเซวี่ยเองก็รู้สึกตะลึงไป เธอกัดฟันตอบคำถามของเหยาฮั่น “การสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาแบ่งเป็นสามส่วน การสอบส่วนที่หนึ่งเขาไม่เพียงแต่จะสอบผ่าน ทว่ายังได้คะแนนเต็มอีกด้วย ตอนนี้กำลังสอบในส่วนที่สองอยู่”
“คะแนนเต็มเลยหรือ” เหยาฮั่นถึงกับตัวสั่น
การสอบส่วนที่หนึ่งคือการบอกชื่อ สรรพคุณ และลักษณะของสมุนไพรต่างๆ มีผู้เข้าสอบจำนวนมากต้องมาสอบตกในส่วนนี้ ตัวเหยาฮั่นเองคิดว่าจางเซวียนเป็นอาจารย์กระจอกเสมอมา แต่จางเซวียนกลับสอบผ่าน แถมยังสอบได้คะแนนเต็มอีกต่างหาก
จางเซวียนเอาของราคาหนึ่งแสนเหรียญให้กับคนอื่นอย่างง่ายดาย สามารถทำให้จ้าวหย่ายอมเป็นศิษย์ได้โดยง่าย ทำข้อสอบเพื่อเป็นศิษย์ของนักปรุงยาในส่วนแรกก็ได้คะแนนเต็ม…
จางเซวียนเป็นอาจารย์เศษสวะอย่างที่คนอื่นว่าจริงๆ หรือ
เป็นครั้งแรกที่เหยาฮั่นเริ่มสงสัยในคำพูดของคนอื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องของจางเซวียน