Skip to content

Library Of Heaven’s Path 90

ตอนที่ 90 สนามสอบ

“นี่คุณ…”

ถ้าเหวินเซวี่ยไม่ได้ยินที่จางเซวียนพูดก็พอว่า แต่พอมาได้ยินเข้า เธอก็รู้สึกโกรธจนแทบบ้า

มาจีบฉันซึ่งๆ หน้าเรื่องนี้ฉันพอจะรับได้ เสแสร้งทำมาเป็นพูดเล่นกับฉันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ฉันก็รับได้… แต่จะทำให้ฉันรู้สึกดีด้วย อย่างน้อยก็ต้องแสดงความเก่งกาจออกมาหน่อยสิ รู้จักไหม โชว์เทพให้สาวเห็นน่ะ!

นี่มันอะไรกัน เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าอยากจะสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยา แล้วตอนนี้กลับมาถามฉันว่าสอบอะไรบ้าง แล้วยังถามอีกว่าต้องอ่านหนังสืออะไรเพิ่มอีก… ไม่ถามคำตอบด้วยเลยล่ะ?

“เอ่อ หรือว่าคุณเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นผมไปถามคนอื่นก็ได้”

จางเซวียนเห็นเหวินเซวี่ยท่าทางเหมือนหายใจไม่ค่อยออก เขารู้สึกประหลาดใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ผู้หญิงคนนี้ต้องบ้าแน่ รู้อะไรก็ไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ชอบทำเป็นอมพะนำ ทำตัวเหมือนคนมีปัญหา

เหวินเซวี่ยเห็นท่าทางที่สุดแสนจะซื่อบื้อของจางเซวียนก็ยิ่งคลุ้มคลั่ง

ดี แกล้งบื้อต่อไป เดี๋ยวฉันจะทำให้นายหน้าแตกเอง

“การสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยา ผู้สอบจะต้องรู้จักสรรพคุณของสมุนไพรอย่างน้อยหนึ่งแสนชนิด รวมถึงประวัติของนักปรุงยาต่างๆ…” เหวินเซวี่ยเก็บความโกรธเอาไว้แล้วอธิบายอย่างช้าๆ

อาชีพนักปรุงยาเป็นอาชีพที่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรเป็นอย่างดี ถ้าไม่รู้จักวัตถุดิบแล้วจะปรุงยาได้อย่างไร บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ มีสมุนไพรอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรตั้งหนึ่งแสนชนิด ฟังดูแล้วอาจจะเยอะ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงเกร็ดความรู้ขั้นพื้นฐานของนักปรุงยาเท่านั้น

นักปรุงยาบางคน ทั้งชีวิตคลุกคลีอยู่กับสมุนไพรอย่างเดียวจนแก่ตาย ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสมุนไพรจำนวนมากที่เขาไม่รู้จัก แล้วพวกศิษย์ของนักปรุงยาจะไปรู้อะไรได้มาก

“สอบพวกนี้เองหรือ ฟังดูง่ายมากเลยนะ แล้วตรงไหนมีหนังสือเตรียมสอบพวกนี้ขายบ้างล่ะ ผมจะไปหาอ่านก่อน” ขอเพียงแค่มีหนังสือ หอสมุดเทียบฟ้าก็สามารถสร้างเป็นตำราเล่มใหม่ที่มีแต่เนื้อหาความรู้ที่ถูกต้องได้ ถ้าสอบเฉพาะสิ่งเหล่านี้ สำหรับจางเซวียน การสอบแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

ความสามารถพิเศษของจางเซวียนทำให้เขาได้เปรียบกว่าคนที่ท่องจำหนังสือเพื่อเข้าสอบ

“ง่ายหรือ” เหวินเซวี่ยริมฝีปากกระตุก ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกค้าแล้วเธอเป็นพนักงานล่ะก็ เธอคงเล่นงานจางเซวียนไปแล้ว

สรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ถ้านำไปรวมกับสมุนไพรตัวอื่นก็จะเกิดเป็นสรรพคุณยาตัวใหม่ขึ้น แค่จำสรรพคุณของสมุนไพรทั้งหนึ่งแสนชนิดก็เป็นเรื่องที่ยากพอตัวแล้ว ไหนยังต้องจำลักษณะเฉพาะของสมุนไพรเหล่านั้นอีก ขนาดเหวินเซวี่ยซึ่งเป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศ ใช้เวลาท่องจำหลายปี ยังจำได้ไม่หมดเลย แล้วจางเซวียนมาบอกว่าข้อสอบง่ายมาก แบบนี้มันหาเรื่องถูกกระทืบชัดๆ

เจ้าคนปัญญาอ่อน รู้จักแต่วิธีจีบสาว แต่ดันกล้ามาบอกว่าการสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาเป็นเรื่องที่ทำได้โดยง่าย

เสแสร้งต่อไปก็แล้วกัน เดี๋ยวจะดูซิว่านายจะทำอย่างไร “ข้างๆ สถานที่สอบมีหนังสือเตรียมสอบขาย ตามฉันมาสิ ฉันจะพาไป”

เหวินเซวี่ยมั่นใจว่าจางเซวียนจงใจคุยโวโอ้อวดเพื่อเรียกความสนใจจากเธอ ในใจเธอรู้สึกโมโหแต่ก็ยังยิ้มให้เขาตลอดเวลา เธอเดินนำหน้าเขาไปทันที

ไม่นาน ทั้งสองก็เดินมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง ด้านบนมีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้ว่า ‘สนามสอบ’ หน้าประตูมีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่

สนามสอบเป็นสถานที่ที่ใช้ทำการสอบรับศิษย์ของนักปรุงยา คนนอกห้ามเข้าเด็ดขาด

ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็อยากจะสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาเช่นกัน เขาพยายามสอบมากว่ายี่สิบปีแล้ว แต่ก็ยังสอบไม่ผ่านสักที เช่นเดียวกับเหวินเซวี่ย เขาก็เลยนั่งทำงานไปนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบไปด้วยเช่นกัน

สอบมาตั้งยี่สิบปียังสอบไม่ผ่านสักที ข้อสอบนี้ยากแค่ไหน แค่คิดก็รู้แล้ว

“ลุงหลี่” เหวินเซวี่ยหยุดก้าวเท้า

“อ้าว มาแล้วหรือ คราวนี้จะมาซื้อหนังสือหรือว่าจะมาสอบล่ะ” ชายวัยกลางคนที่เหวินเซวี่ยเรียกว่าลุงหลี่เงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้เธอ

“คราวนี้ไม่ใช่ฉันค่ะ แต่เป็นเขาคนนี้ เขาต้องการจะสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาดูน่ะค่ะ” เหวินเซวี่ยชี้ไปที่จางเซวียนพร้อมกับแอบหัวเราะอยู่ในใจ

นายไม่ได้บอกว่าจะมาสอบหรือ ฉันจะช่วยยื่นใบสมัครให้นายเดี๋ยวนี้แหละ ถ้านายทำข้อสอบไม่ได้ ถึงตอนนั้น ฉันจะดูซิว่านายจะทำอย่างไร การสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยา นักปรุงยาจะเป็นคนออกข้อสอบทั้งหมด แล้วนายเป็นใครกัน อะไรก็ไม่รู้สักอย่างแล้วดันจะมาสอบแข่งกับคนอื่นเขาอีก ถ้านายทำข้อสอบไม่ได้เลย นักปรุงยาก็จะโกรธ สุดท้ายนายคงต้องเจ็บตัวกลับไปแน่ๆ

“คุณจะสอบหรือ” ชายวัยกลางคนมองหน้าจางเซวียนแล้วขมวดคิ้ว

ตัวเขาเองศึกษาเรียนรู้วิชามากว่ายี่สิบปียังสอบไม่ผ่านเลย แล้วเด็กอายุสิบแปดสิบเก้าปีจะมาสอบอะไร

“ครับ” จางเซวียนพยักหน้า

มีเพียงการสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยาให้ผ่านเท่านั้น เขาถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปอ่านหนังสือระดับต่ำในหอสมุดของสมาพันธ์นักปรุงยาได้

ถ้าให้สองคนนี้รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของจางเซวียน ทั้งคู่คงมีหวังต้องกระอักเลือดตายแน่

พวกเรานั่งอ่านหนังสือทุกวัน ท่องหนังสือทุกวัน ใช้เวลาหลายสิบปีก็ยังสอบไม่ผ่าน ส่วนนายไม่เคยอ่านหนังสือสักเล่ม แล้วคิดจะมาสอบบ้าง มาทำเป็นอวดเก่งแบบนี้… มันสนุกมากเลยหรือ

“ค่าสมัครสอบสองพันเหรียญ ถ้าสอบผ่านจะคืนให้คุณ ถ้าสอบไม่ผ่านจะไม่คืนให้ นี่คือการป้องกันไม่ให้คนที่ไม่มีความรู้อะไรเลยมาก่อความวุ่นวาย ทำเป็นมาสอบเล่นๆ” ชายวัยกลางคนเห็นว่าจางเซวียนเอาจริงก็แจ้งกฎเกณฑ์การสมัครสอบให้เขารู้ทันที

“ได้ครับ” จางเซวียนหยิบตั๋วเงินใบละหนึ่งพันเหรียญสองใบออกมาแล้วส่งให้กับลุงหลี่

จากการเดิมพันก้อนอัญมณีแล้วขูดรีดทรัพย์สินของเจ้าโม่หยาง ตอนนี้

จางเซวียนมีเงินมากพอตัว แค่ค่าสอบสองพันเหรียญ เขาจ่ายได้สบายอยู่แล้ว

“เป็นพวกคนรวยที่ชอบอวดดีจริงๆ เสียด้วย” เมื่อเหวินเซวี่ยเห็นจางเซวียนหยิบเงินขึ้นมาแล้วจ่ายไปโดยไม่ลังเล เธอจึงเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากยิ่งขึ้น

เงินจำนวนสองพันเหรียญ ถ้าเป็นพวกเขาก็คงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะสามารถเก็บเงินได้มากเท่านี้ แต่เจ้าคนนี้กลับยอมจ่ายเงินจำนวนมากขนาดนี้ไปง่ายๆ เพียงเพราะแค่ต้องการจะจีบเธอ

การกระทำแบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าอวดดีแล้วจะเรียกว่าอะไร

น่าเสียดาย มีเงินแต่ดันใช้ไม่ถูกที่ ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้ ยังทำให้ถูกคนอื่นมองเป็นตัวตลกอีกด้วย

“ได้” ลุงหลี่รับตั๋วเงินจากจางเซวียนมาแล้วพยักหน้า เมื่อจางเซวียนเขียนรายละเอียดของผู้สมัครสอบเสร็จ ลุงหลี่จึงพูดต่อ “พอดีวันนี้เป็นวันตรวจอนุมัติผู้สมัครสอบ อีกสี่ชั่วโมง คุณมาที่นี่อีกครั้งก็แล้วกัน”

“อีกสี่ชั่วโมงเลยรึ” จางเซวียนใช้เวลาสองชั่วโมงในการเดินทางจากโรงเรียนหงเทียนมาถึงที่นี่ แน่นอน เขาไม่มีเวลามากพอที่จะเดินกลับไปเตรียมตัวที่โรงเรียนอีกแล้ว จางเซวียนมองไปที่ลุงหลี่อีกครั้ง “คุณมีหนังสือที่ใช้สำหรับเตรียมสอบบ้างไหมครับ ให้ผมยืมอ่านตรงนี้สักแป๊บหนึ่งได้ไหม”

“จะเตรียมอ่านหนังสือก่อนสอบงั้นหรือ ได้สิ ในห้องนั้นมีหนังสืออยู่เต็มไปหมด อยากจะอ่านหรืออยากจะซื้อก็ตามใจ แต่เหลือเวลาอีกแค่สี่ชั่วโมง เพิ่งคิดจะมาอ่านหนังสือ ไม่มีทางอ่านทันหรอก” ลุงหลี่ชี้ไปที่ด้านหลัง

จางเซวียนมองไปตามที่ลุงหลี่ชี้ก็เห็นว่าในห้องเตรียมสอบมีหนังสือกองใหญ่วางอยู่เต็มไปหมด ดูแล้วมีนับหมื่นเล่มเลยทีเดียว “เยอะขนาดนี้เลยหรือ”

มิน่าเล่า คนจำนวนมากสอบเท่าไรก็สอบไม่ผ่านสักที อย่าว่าแต่ให้จำเนื้อหาทั้งหมดเลย แค่อ่านให้หมดก็เหนื่อยตายไปก่อนแล้ว

“งั้นผมขอดูแบบผ่านๆ ก็แล้วกัน คงไม่ซื้อหรอกครับ” จางเซวียนเดินเข้าไปในห้องทันที

สำหรับจางเซวียน การอ่านหนังสือไม่ต้องเสียเงินเลย แค่พลิกหน้าหนังสือ ความรู้ทั้งหมดในหนังสือก็ถูกจัดเก็บไว้ในหัวเขาแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเขาจะต้องซื้ออีกทำไม

“มีความพยายามดีเหมือนกันนี่ วันนี้ฉันจะยอมเสียเวลากับนาย ดูซิว่านายจะอวดดีได้ถึงไหนกัน”

เหวินเซวี่ยเห็นจางเซวียนเสแสร้งทำเป็นเดินเข้าไปอ่านหนังสือ แล้วยังอุตส่าห์พลิกหน้าหนังสือไปมาอีก เธอเองก็ไม่ยอมไปไหน ยืนรอจนกว่าจางเซวียนจะทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เธอไม่เคยเจอคนที่หน้าด้านขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

ทั้งๆ ที่ไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ยังมาสมัครสอบเป็นศิษย์ของนักปรุงยา เรื่องนี้ก็ยังพอทน แต่นี่ยังมาทำเป็นอ่านหนังสืออวดสาวอีก ไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นหนังสือจำนวนมากขนาดนี้ ก็ต้องรู้ว่าการจะอ่านหนังสือทั้งหมดในเวลาอันสั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หนังสือหลายหมื่นเล่ม… แค่ขนย้ายยังต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แล้วถ้าจะอ่าน…

ในเมื่อนายเป็นคนที่หน้าด้านขนาดนี้ งั้นฉันก็จะยืนดูนายเล่นละครต่อไปเรื่อยๆ อย่างมากก็แค่ถูกหักเงินเดือนของวันนี้ แต่อย่างไรเสีย ฉันก็จะดูตอนที่นายหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ

สี่ชั่วโมงต่อจากนี้ ฉันจะดูซิว่านายจะทำอย่างไร

เหวินเซวี่ยโกรธแกมรำคาญ เธอตัดสินใจที่จะเล่นเกมไปพร้อมกับจางเซวียนให้ถึงที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version