Skip to content
Home » Blog » Lord of the Mysteries 104

Lord of the Mysteries 104

ตอนที่ 104 : มิสเตอร์ Z

กระเป๋าเสื้อช่องที่หนึ่ง สอง สาม

ไคลน์ค้นตัวซีริสอย่างละเอียดจนพบกระเป๋าสตางค์เปื้อนเลือด บัตรสมาชิกหอสมุดเดอไวล์ กุญแจทองเหลืองสองคู่ ไปป์เปล่า มีดสั้นพร้อมปลอก และจดหมายสองสามฉบับที่ถูกพับเก็บอย่างเป็นระเบียบ

สิ่งของถูกวางกระจัดกระจายบนพื้นยกเว้นกระดาษจดหมาย ไคลน์ยืนนับเงินในกระเป๋าสตางค์ และพบว่ามีมูลค่ารวมน้อยนิดเพียงสิบกว่าซูล

กระเป๋าสตางค์ถูกเย็บอย่างประณีตหรูหรา

‘น่าเสียดาย…’

ไคลน์ถอนหายใจด้วยสีหน้าลังเล

หากไม่เพราะตนหมดเงินไปกับวัตถุดิบพิธีกรรมเวทมนตร์จำนวนมาก กระเป๋าสตางค์คืออีกหนึ่งสิ่งที่จะถูกซื้อในวันนี้

มันครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนส่ายศีรษะ ไคลน์วางกระเป๋าลงและคลี่กระดาษจดหมายอ่านอย่างละเอียด

“ถึงมิสเตอร์ Z ผมขอโอกาสแก้ต่างให้ตัวเอง ในตอนที่เฮเนสและผมตัดสินใจขายสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสไป นั่นมิใช่ความโง่เขลาหรือไม่ภักดี แต่เพราะสมุดเล่มดังกล่าวไม่สำแดงพลังพิเศษเมื่ออยู่ในมือพวกเรา ไม่เพียงเท่านั้น ผมยังสัมผัสได้ว่าสมุดบันทึกเล่มดังกล่าวอัดแน่นด้วยพลังชีวิตและจิตใจที่ชั่วร้าย มันปรารถนาอิสระแรงกล้า เป็นของวิเศษที่สมควรถูกผนึกตลอดกาล ภายใต้สภาพแวดล้อมและผู้เปิดอ่านที่แตกต่าง สมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสจะแสดงเนื้อหาบนกระดาษไม่เหมือนกัน ความจริงข้อนี้ผมได้พิสูจน์จนแน่ชัดจากความช่วยเหลือของลูกแกะในสถานีตำรวจ แม้สิ่งที่ถูกเขียนในสมุดจะเป็นความจริงเนื่องจากมีหลักฐานหลายชิ้นรองรับ แต่ผมเชื่อว่าเนื้อหาที่แท้จริงของสมุดจะถูกเผยให้เห็น ก็ต่อเมื่อผู้เปิดอ่านเป็นทายาทตระกูลอันทีโกนัสตัวจริงเท่านั้น ในช่วงที่พวกเราครอบครอง เนื้อหาด้านในเขียนไว้เพียงเรื่องราวกิจวัตรของตระกูลอันทีโกนัสแสนจืดชืด หรือไม่ก็ข้อมูลแคว้นรัตติกาลที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดของเทือกเขาโฮนาซิส รวมถึงสูตรผลิตโอสถสามชนิดที่พวกเราเคยมอบให้คุณไปแล้ว อย่างที่คุณทราบ ลัทธิเร้นลับถือครองเส้นทางนักทำนายและมีพลังแกะรอยในระดับสูง หากสมุดยังอยู่กับพวกเราต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานคงถูกพบตัวเข้า ชีวิตของผมและเฮเนสมีค่าเกินกว่าจะมัวยึดติดกับสมุดที่มิได้มอบพลังพิเศษให้ พวกเราจึงไม่รอคำอนุญาตจากคุณ รีบขายสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสให้กับเด็กหนุ่มที่ชื่อเวิร์ช·แมคโกเวินซึ่งอยู่บนถนนเดียวกับผม เขาชอบสะสมของเก่าและมีเงินมากพอสำหรับซื้อหนังสือลึกลับในราคาสูง เหตุการณ์หลังจากนั้นก็เป็นไปตามที่คุณทราบ ข้อความข้างต้นคือสิ่งที่พวกเราต้องการรายงานกับคุณในตอนแรก แต่ปัจจุบันเฮเนสเสียชีวิตแล้วด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว นั่นต้องเป็นพรจากพระองค์แน่ พรที่ช่วยปกป้องมิให้คนนอกรีตล่วงรู้ความลับของเรา ผมไม่มีทางเลือกนอกจากหลบซ่อนตัวในที่ปลอดภัย ไม่สามารถออกไปไหนได้เลย จนกระทั่งลูกแกะจากสถานีตำรวจระบุว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของเฮเนสมิได้เกิดจากสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัส และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตัวตนพวกเราถูกเปิดเผย เฮเนสตายเพราะเด็กผู้หญิงเซ่อซ่าที่หมอนั่นพยายามปลุกปั้นให้เป็นหนึ่งในพวกเรา หล่อนแอบฟังตอนที่เฮเนสท่องคาถาลับเพื่อสรรเสริญพระองค์ จากนั้นก็นำคาถาบทดังกล่าวไปประกอบพิธีกรรมกระจกวิเศษที่บ้านของตนเอง โชคไม่ดีนัก หล่อนถูกพวกเหยี่ยวราตรีนอกรีตบังเอิญพบเข้า เรื่องราวหลังจากนี้คุณคงเดาได้ไม่ยาก ผมไม่ขอลงรายละเอียด น่าเสียดายที่ลูกแกะในสถานีตำรวจของพวกเรามีตำแหน่งไม่สูง จึงมิอาจเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้มากนัก จากผลการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน เหยี่ยวราตรีนอกรีตยังไม่สงสัยในตัวผม ได้ยินว่าการสืบสวนทั้งหมดถึงทางตันหลังจากเฮเนสเสียชีวิต ฉะนั้น ผมมีแผนจะกลับไปทำตัวตามปรกติ และหมั่นยืมหนังสือที่หอสมุดเพิ่มเติมสักสองสามเล่มเพื่อไขปริศนาเทือกเขาโฮนาซิสให้กระจ่าง ในฐานะตระกูลใหญ่ที่ถือครองเส้นทางนักทำนายไว้เหมือนกัน คนของอันทีโกนัสย่อมทราบชะตากรรมว่าตระกูลจะถูกกวาดล้างในอนาคต พวกมันต้องเหลือทิ้งของวิเศษสำหรับชุบชีวิตตระกูลให้กลับมายิ่งใหญ่ดังเดิมไว้แน่นอน ผมเชื่อว่าต้องมีสมบัติลับที่สำคัญมากซ่อนบนยอดเขาสูงสุดของเทือกเขาโฮนาซิส โดยแฝงไว้ในนามสมบัติของแคว้นรัตติกาลเพื่อไม่ให้คนนอกรับรู้”

เมื่ออ่านถึงจุดนี้ นัยน์ตาไคลน์พลันหดลีบ ฝ่ามือสั่นระริกจนแผ่นกระดาษเกือบหลุดร่วง

ตระกูลอันทีโกนัสถือครองเส้นทางนักทำนาย?

ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้

หัวสมองไคลน์ว่างเปล่าปั่นป่วนคล้ายกับถูกพายุสายฟ้าโหมกระหน่ำเป็นเวลานาน

เรื่องราวที่เกิดขึ้นช่างน่าตกตะลึงประหนึ่งชะตากรรมทั้งหมดถูกกำหนดตั้งแต่ต้น

สมุดบันทึกที่คร่าชีวิตไคลน์คนก่อนและทำให้ตนถูกส่งข้ามมิติมายังโลกใบนี้ คือสมบัติประจำตระกูลอันทีโกนัสที่ถือครองเส้นทางนักทำนาย

ตนเลือกเส้นทางนักทำนายเพราะมีโอกาสอ่านไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ ในช่วงที่มันกำลังนึกเสียดายว่าควรเลือกเส้นทางนักทำนายมากกว่านักปราชญ์ โดยแรงบันดาลใจของจักรพรรดิโรซายล์มาจากมิสเตอร์ซาราธ ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นผู้นำลัทธิเร้นลับ ที่ถือครองเส้นทางนักทำนายไว้เช่นกัน

ประหนึ่งตนถูกตาข่ายแห่งโชคชะตาล้อมกรอบ ให้มีชะตาต้องลงเอยบนเส้นทางนักทำนายมาตั้งแต่แรก

แล้วใครกันที่อยู่เบื้องหลัง?

ไคลน์พยายามสำรวจแผ่นกระดาษทั้งหมดอย่างละเอียดทั้งด้านหน้าและหลัง เพื่อให้มั่นใจว่ามิได้ทำข้อมูลสำคัญตกหล่น

ไม่ผิดแน่ สาเหตุหลักที่ตระกูลซาราธซึ่งปกครองลัทธิเร้นลับ พยายามช่วงชิงสมบัติของตระกูลอันทีโกนัส เพราะทั้งสองตระกูลใหญ่ต่างครอบครองเส้นทางนักทำนายไว้เหมือนกัน

แรงจูงใจอาจมีได้หลายข้อ เช่นการรวบรวมสูตรโอสถที่ฝ่ายตัวเองยังบกพร่อง หรือไม่ก็เพื่อล่าวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถลำดับสูง หรืออาจหวังขโมยองค์ความรู้ที่ตระกูลอันทีโกนัสสั่งสมมานาน เพื่อลดความเสี่ยงในการคลุ้มคลั่งของสมาชิกลัทธิเร้นลับ

เมื่อสรุปมาถึงจุดนี้ ไคลน์มั่นใจว่าตระกูลอันทีโกนัสต้องมีสูตรผลิตโอสถผู้วิเศษเส้นทางนักทำนายในครอบครอง อย่างน้อยก็ในช่วงลำดับต่ำ

ใช่แล้ว เมื่อครั้งที่ตนทำนายหาเบาะแสโอสถตัวตลกบนมิติสายหมอก ฉากเหตุการณ์เกือบทั้งหมดบ่งชี้ถึงสิ่งที่เกี่ยวพันกับตระกูลอันทีโกนัส ยกเว้นฉากตัวตลกสวมสูทเท่านั้นที่มาจากลัทธิเร้นลับ

เมื่อคำนึงว่าทั้งลัทธิเร้นลับและตระกูลอันทีโกนัสต่างก็มีสูตรผลิตโอสถตัวตลกทั้งคู่ เบาะแสที่ปรากฏในนิมิตจึงนับว่าถูกต้องแล้ว

เพียงแต่ตนมีข้อมูลไม่มากพอที่จะสรุปไปในทิศทางดังกล่าวในตอนนั้น

จากหลักฐานทั้งหมดที่ประกอบกัน ไคลน์เชื่อว่าเนื้อความในจดหมายของซีริสเป็นเรื่องจริงทุกประการ และเป็นคำตอบของคำถามที่มันสงสัยมาตลอดว่า เสียงกระซิบ ‘โฮนาซิส’ ซึ่งตนได้ยินบ่อยครั้งหมายถึงสิ่งใด

มันเริ่มได้ยินประโยคโฮนาซิส·เฟรเกียเป็นครั้งแรก…

ในตอนที่ดื่มโอสถนักทำนายเข้าไป!

ไคลน์สวมสีหน้าครุ่นคิดเป็นเวลานาน

มันวิเคราะห์ว่าเงื่อนไขที่จะได้ยินเสียงกระซิบโฮนาซิส·เฟรเกีย ต้องมีสองปัจจัยประกอบเข้าด้วยกัน หนึ่งคือเคยสัมผัสกับสมุดบันทึกตระกูลอันทีโกนัสโดยตรง และสองต้องเป็นผู้วิเศษเส้นทางนักทำนาย

แปลว่าข้อสันนิษฐานของซีริส·อลูพิสมีโอกาสเป็นจริงงั้นหรือ? สมมติฐานที่ว่าบนยอดสูงสุดของเทือกเขาโฮนาซิสมีสมบัติลับตระกูลอันทีโกนัสซ่อนอยู่

ไม่ได้! ห้ามฟุ้งซ่านเด็ดขาด!

ลำพังสมุดบันทึกก็สร้างหายนะแก่ผู้คนมากพอแล้ว นับประสาอะไรกับสมบัติลับเก่าแก่ประจำตระกูล ความฉิบหายที่มันสามารถนำพามาสู่ ไคลน์ไม่อยากจินตนาการให้หดหู่

มันส่ายศีรษะพลางยืนอ่านแผ่นกระดาษจดหมายที่ยังเหลือ

“มิสเตอร์ Z ผู้ยิ่งใหญ่ขอรับ ผมหวังว่าคุณจะคอยให้การสนับสนุนต่อไป ผมเชื่อว่าสมมติฐานเกี่ยวกับสมบัติลับบนยอดเขาโฮนาซิสต้องเป็นที่พึงพอใจของคุณไม่มากก็น้อย จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมจะไม่ทำตัวให้เป็นที่เตะตาผู้คน สวมหน้ากากเป็นเพียงบุรุษคนหนึ่งที่หลงใหลในประวัติศาสตร์ของโลก เมื่อวันพิพากษามาถึง ผมจะสังเวยลูกแกะทุกตัวในทิงเก็นเพื่อบูชายัญแด่องค์เทพ ด้วยความเคารพ ซีริส·อลูพิสผู้ต่ำต้อย”

เมื่ออ่านจบ ไคลน์แทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

นี่ตนเพิ่งช่วยทิงเก็นไว้งั้นหรือ?

หมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่?

พวกนอกรีตนี่ช่างสุดโต่งเสียจริง

แล้วมิสเตอร์ Z คือใครกัน? แต่จากเนื้อความในจดหมาย คงเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่และมีพลังไม่ด้อยไปกว่าหัวหน้าดันน์·สมิทแน่

ซีริสคิดจะส่งจดหมายไปที่ไหน? เพราะไม่มีกระดาษแผ่นใดเลยระบุที่อยู่ปลายทางไว้

ขี้ระแวงสมกับเป็นพวกนอกรีต คงไม่เขียนที่อยู่จนกว่าจะถึงเวลาปิดผนึกซองสินะ

เดี๋ยวก่อน!

ในเมื่อตระกูลอันทีโกนัสถือครองเส้นทางนักทำนาย ถ้าอย่างนั้น หนึ่งในสามสูตรผลิตที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกอันทีโกนัส อาจมีโอสถตัวตลกรวมอยู่ด้วยใช่ไหม?

มีโอกาสเป็นไปได้มาก

ทันใดนั้น ไคลน์พลันฉุกคิดถึงวิธีอื่นสำหรับค้นหาเบาะแสของโอสถตัวตลก

ถึงซีริสจะไม่ได้พกสูตรผลิตโอสถติดตัว แต่ถ้าเป็นที่บ้านพักต้องมีบันทึกไว้แน่ ด้วยหน้าที่การงานปัจจุบัน ตนสามารถรื้อค้นบ้านผู้ต้องหาได้ตามใจชอบ

ทว่าตอนนี้ลืมเรื่องค้นบ้านไปก่อน สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ สูตรผลิตโอสถต้องยังหลงเหลือในความทรงจำของซีริสแน่นอน!

ไคลน์ก้มศีรษะมองศพตรงหน้าพลางครุ่นคิดว่าตนควรเกรงใจดวงวิญญาณคนตายหรือไม่

เป็นเรื่องควรกระทำจริงหรือ กับการบีบบังคับให้ดวงวิญญาณบอกเล่าความทรงจำ?

สำหรับไคลน์ นี่เป็นคำถามที่ไม่ต้องลังเล

ช่างแม่มสิ!

ไคลน์ผุดวิธีรีดเร้นความทรงจำ

“สื่อวิญญาณ”

ผู้สื่อวิญญาณอย่างมาดามดาลี่ย์เชี่ยวชาญด้านการสนทนากับดวงวิญญาณที่ยังไม่สลายตัวโดยสมบูรณ์ ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางผู้ส่องความลับและเส้นทางนักทำนายก็สามารถกระทำได้อย่างคร่าวๆ เช่นกัน แต่จำเป็นต้องประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์ระดับสูง

ก่อนหน้านี้ ไคลน์เคยมีความคิดที่จะรีดความทรงจำจากดวงวิญญาณตัวตลกสวมสูทซึ่งตนยิงตายต่อหน้า แต่มีเหตุผลสามข้อทำให้มันล้มเลิกความตั้งใจ

ประการแรก ตนต้องรีบช่วยเหลือดันน์ อายร์ เลียวนาร์ด โรล็อต และบอร์เจียให้ปลอดภัย นั่นคือความสำคัญอันดับหนึ่ง

ประการที่สอง ตนไม่มีวัตถุดิบสำหรับประกอบพิธีกรรม

และประการสุดท้าย ตนไม่มีความมั่นใจว่าจะทำสำเร็จ

ด้วยเหตุนี้ ไคลน์จึงพลาดเบาะแสสำคัญไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อศพตัวตลกสวมสูทถูกลำเลียงไปถึงสำนักงานเหยี่ยวราตรี ดวงวิญญาณได้สลายไปจนแทบไม่หลงเหลือ แม้แต่ผู้สื่อวิญญาณก็มิอาจรีดข้อมูลได้มาก

แต่ปัจจุบันไคลน์มีวัตถุดิบพร้อมสรรพ และยังเคยมีประสบการณ์ติดต่อกับดวงวิญญาณผ่านเทคนิคทำนายความฝัน ในคดีรักษา ‘อาการทางจิต’ ให้เซอร์·เดอไวล์เมื่อไม่นานมานี้

สิ่งเดียวที่มันกังวลคือ อุบัติเหตุซึ่งเกิดจากการติดต่อกับเทพนอกรีตโดยตรง แบบเดียวกับที่ดันน์เผชิญขณะเข้าฝันเฮเนส·วินเซนต์

อย่างไรก็ตาม หัวหน้าดันน์แสดงท่าทีอ่อนเพลียเพียงสองวันเท่านั้น แถมไม่มีอาการข้างเคียงร้ายแรงปรากฏให้เห็น

หมายความว่าคุ้มค่ากับการลองเสี่ยง!

ไคลน์ลังเลไม่ถึงยี่สิบวินาทีก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ มันไม่ต้องการพลาดโอกาสแสนสำคัญเป็นหนที่สอง

ชายเงยหน้าขึ้นและมองไปทางบานกระจกหอสมุดเดอไวล์ที่แตกกระจัดกระจาย

ปัจจุบันเริ่มมีผู้คนจำนวนมากมุงดูความโกลาหล มันรีบหยิบตราตำรวจออกมาถือและวิ่งกลับไปยังหอสมุด

“ผมคือว่าที่สารวัตรจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมตำรวจแคว้นอาโฮว่า เมื่อครู่เพิ่งวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายเสียชีวิตไปหนึ่งราย ใครสักคนช่วยนำตรานี้ไปแจ้งกับสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดว่าผมต้องการกำลังเสริม ส่วนคนที่เหลือช่วยกีดกันไม่ให้ประชาชนเข้ามาวุ่นวายในที่เกิดเหตุ”

“รับทราบครับคุณตำรวจ!”

บรรณารักษ์คนหนึ่งหยิบตราตำรวจไปจากไคลน์และรีบมุ่งหน้าไปทางสถานี

เมื่อจุดเกิดเหตุกลายเป็นสถานที่ห้ามผ่าน ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับไปยืนข้างศพซีริส·อลูพิส

ไคลน์โล่งใจที่ซิริสตายในมุมอับซึ่งมองไม่เห็นจากภายนอก ไม่อย่างนั้นคงยากจะอธิบายถึงสาเหตุที่คนร้ายมีสภาพคล้ายสัตว์ประหลาดมากกว่ามนุษย์

มันวางไม้ค้ำและปืนลงข้างลำตัวพร้อมกับใช้มือล้วงหยิบวัตถุดิบจำเป็นออกจากกระเป๋าเสื้อกันลม

ไคลน์เตรียมประกอบพิธีกรรมเวทมนตร์ควบคู่กับเทคนิคทำนายฝัน เพื่อบีบบังคับให้ดวงวิญญาณคนตายปริปากพูด

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version